โรคตับ ไม่ได้เกิดกับผู้ที่มีพฤติกรรมชอบดื่มแอลกอฮอล์ เป็นประจำเท่านั้น ทุกคนมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคตับด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง
ตับสำคัญอย่างไร
ตับ เป็นอวัยวะที่สำคัญมาก คุณสามารถมีชีวิตรอดได้โดยไม่ต้องมีม้าม ไม่ต้องมีกระเพาะปัสสาวะ หรือกระเพาะอาหาร แต่คุณไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีตับ ตับมีหน้าที่สำคัญคือเป็นผู้เฝ้าประตู คอยกันแขกที่ไม่ได้รับเชิญออกจากกระแสเลือด อะไรก็ตามที่ดูดซึมเข้ามาจากทางเดินอาหารจะยังไม่ถูกลำเลียงไปทั่วร่างกายในทันที แต่เลือดจากลำไส้จะตรงไปที่ตับก่อน
โรคตับจากแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์มาเกินไปทำให้เกิดไขมันสะสมในตับ หรือที่เรียกกันว่า ไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบและเป็นแผลในตับ จนนำไปสู่ภาวะตับวายในที่สุด
การดื่มอย่างหนักอาจทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ แต่ก็มักจะสลายไปภายใน 4-6 สัปดาห์หลังจากหยุดดื่ม แต่ร้อยละ 5-15 ราย พบว่าภาวะนี้ยังลุกลามต่อจนตับเป็นแผล แม้ว่าจะหยุดดื่มแล้วก็ตาม
วิธีที่จะหลีกเลี่ยงได้ดีที่สุดคือ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปนั่นเอง
โรคตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์
สาเหตุที่พบมากที่สุดของภาวะไขมันพอกตับไม่ใช่แอลกอฮอล์ แต่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ ต่างหาก นักวิจัยในสวีเดน ได้ทำการวิจัยโดยนำชายและหญิงกลุ่มหนึ่ง ที่มีระดับเอนไซม์ตับปกติ มากินอาหารฟาสต์ฟู้ดวันละ 2 มื้อ ผ่านไปสัปดาห์เดียวเท่านั้น ร้อยละ 75 การทำงานของตับไม่เป็นปกติ อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพสามารถสร้างความเสียหายให้ตับได้ภายในเวลา 7 วัน และคนที่เป็นโรคอ้วนขั้นรุนแรงเกือบร้อยละ 100 ก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ด้วย
ไวรัสตับอักเสบ
สาเหตุของโรคตับอีกประการหนึ่งที่พบได้ทั่วไปคือ ไวรัสตับอักเสบ ซึ่งเกิดจากไว้รัสหนึ่งหรือมากกว่านั้นจำนวน 5 ชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอีกเสบ เอ บี ซี ดี หรืออี โดยจะมีการแพร่เชื้อและอาการของโรคแตกต่างกัน
ไวรัสตับอักเสบเอ แพร่ผ่านอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระที่ติดเชื้อเป็นหลัก แต่ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน หลีกเลี่ยงสัตว์น้ำเปลือกแข็งที่ยังดิบ ปรุงไม่สุก
ไวรัสตับอักเสบบี แพร่ผ่านทางเลือดและติดต่อการทางเพศสัมพันธ์ แต่ก็มีวัคซีนป้องกันเช่นเดียวกัน
สิ่งที่อันตรายที่สุดคือไวรัสตับอีกเสบซี เพราะไม่มีวัคซีนป้องกัน การพบกับไวรัสนี้จะทำให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรัง ซึ่งนำไปสู่โรคตับอักเสบและตับวายได้ในช่วงเวลาหลายสิบปีต่อมา ไวรัสชนิดนี้แพร่ทางเลือด เช่นการใช้เข็มร่วมกัน หรือการใช้อุปกรณ์ที่ปนเปื้อนเลือด เช่น แปรงสีฟัน มีดโกนหนวดก็อาจมีความเสี่ยงได้เช่นกัน
อาหารที่ช่วยปกป้องตับ
ข้าวโอ๊ต
ในงานวิจัยจำนวนมากบอกว่า การบริโภคธัญพืชไม่ผ่านการขัดสีมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของการเป็นโรคเรื้อรังหลากหลายชนิด มีหลักฐานที่ชัดเจนชี้ว่าคนที่กินข้าวโอ๊ตอาจมีอัตราการเป็นโรคต่ำกว่า และช่วยให้คนที่มีน้ำหนักมากเกินเกณฑ์ น้ำหนักลดลงด้วย เมื่อน้ำหนักลด ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไขมันพอกตับก็ลดลงเช่นเดียวกัน
แครนเบอร์รี่สด
สารประกอบจากพืชตระกูลหนึ่งที่เรียกว่าแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารสีม่วง แดง และน้ำเงิน ในพืชบางชนิด เช่น เบอร์รี่ องุ่น ลูกพลัม กะหล่ำปลีม่วง และหอมแขก แสดงให้เห็นว่าช่วยป้องกันการสะสมของไขมันในตับได้
นอกจากนี้แครนเบอร์รี่ยังช่วยหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ และมะเร็งชนิดอื่นๆ ด้วย ได่แก่ มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งช่องปาก มะเร็งรังไข่ และมะเร็งกระเพาะอาหาร
กาแฟ
เมื่อปี 1986 กลุ่มนักวิจัยชาวนอร์เวย์ได้พบการค้นพบที่ไม่คาดคิด นั่นคือการบริโภคกาแฟสัมพันธ์กับภาวะตับอักเสบที่ลดลง ผลลัพธ์นี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ในงานวิจัยต่อๆ มาที่ทำขึ้นทั่วโลก ในสหรัฐอเมริกา งานวิจัยทำขึ้นกับผู้มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคตับอย่างเช่น คนที่มีน้ำหนักมากเกินไป กลุ่มตัวอย่างที่ดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 2 ถ้วยดูเหมือนจะมีความเสี่ยงต่อปัญหาตับเรื้อรังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของคนที่ดื่มกาแฟน้อยกว่า 1 ถ้วย
ข้อมูลจากหนังสือ คัมภีร์ชนะทุกโรค
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่
บทความอื่นๆ
อาการและวิธีรักษา ต่อมลูกหมากโต โรคยอดฮิตของผู้ชายวัยทอง
6 สัญญาณอันตราย ที่บอกว่าคุณอาจจะเป็นโรคไต
พฤติกรรมทำร้ายไต เราเสี่ยงเป็นโรคไตกันอยู่หรือเปล่า
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ : กฎเหล็กเพื่อป้องกันโรคที่ทุกคนต้องรู้
โรคตับ ใครคิดว่าไม่สำคัญ คุณมีพฤติกรรมทำร้ายตับหรือไม่
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ดูแลตัวเองอย่างไร กินอะไรได้บ้าง
อาหารลดคอเลสเตอรอลและป้องกันโรคหัวใจ ควรกินอะไรและกินอย่างไร
รู้จักกับโรคไวรัสตับอักเสบ ชนิดต่างๆ: สาเหตุ ความแตกต่าง และอาการ
Pingback: อาการบ้านหมุน เวียนศีรษะ เกิดจากอะไร เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง