ความสำเร็จในการทำงาน มักต้องการเป้าหมายที่แน่ชัด บางคนเดินออกนอกเส้นทางเพราะมัวแต่สับสนและจดจ่อกับสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมาย วิธีที่จะพาสู่กลับเส้นทางหลักได้นั่นก็คือ “ความเรียบง่าย”
ความเรียบง่ายประกอบด้วย 3 สิ่งหลักๆ คือ “ทิ้งรายละเอียดที่ไม่สำคัญ ตั้งอัตลักษณ์อย่างแข็งแกร่ง และรักษาไว้ไม่ให้ร่วงหล่น” จึงจะก้าวสู่ความสำเร็จได้
มาดูกันว่าหากต้องการ ความสำเร็จในการทำงาน ต้องทำอย่างไร
ทิ้งคำว่า “มากขึ้นอีก”
ชีวิตเราสิ้นเปลืองไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องหลายอย่าง จงเรียบง่ายเข้าไว้ เพราะเราต่างจะมีมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา จนลืมเรียนรู้จะพอใจกับสิ่งเล็กน้อยอยู่เสมอ ถ้าทุกคนบนโลกใช้ชีวิตเดียวกับผู้คนในอเมริกาเหนือ ต้องมีโลกถึงสองใบจึงจะพอ และหากประชากรโลกเพิ่มเป็นสองเท่าจากปัจจุบัน ก็ต้องมีโลกสามใบถึงจะพอ
คนส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องมีของมากมายสักอย่าไร แต่ระบบเศรษฐกิจซึ่งหมกมุ่นอยู่กับการเติบโตได้ล้างสมองผู้คนและตอกย้ำเรื่องวัตถุนักหนาจนเกิด “การจงใจออกแบบให้ตกรุ่น” แผนการคือบริษัทบางแห่งจงใจที่จะออกแบบสินค้าให้ตกรุ่น คือการย่นระยะเวลาการใช้งานของสินค้าชนิดนั้น “เพราะคุณสมบัติยั่งยืนคงทนของสินค้าคืออวสานแห่งการผลิต”
ปัญหาของโลกเนื่องจากอุปทานส่วนเกินท่วมท้นไปด้วยสิ่งของและข้อมูล ถูกช่วงชิงเวลามากมายไปกับงานอันไร้ความหมาย จนเพิกเฉยการใส่ใจคุณภาพและความสมบูรณ์ที่แท้จริง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ยุคปัจจุบันต้องการความเรียบง่าย
ทิ้งความคิดฝังหัวและการเปรียบเทียบ
ตัวอย่างเช่น ไฟรทาก แบรนด์กระเป๋าชื่อดังที่นำผ้าใบเก่าจากรถบรรทุกมาผลิตเป็นกระเป๋า แค่การน้ำผ้าใบของเก่ามาใช้ใหม่ก็นับว่าแสดงให้เห็นการทิ้งที่แท้จริงแล้ว จุดสูงสุดของการทิ้งคือการเน่าเสีย แต่ไฟรทากนำของเสียกลับมาใช้ใหม่และผลิตเป็นสินค้า เท่ากับเป็นการร่วมเดินทางกับกระบวนการเน่าเสีย โดยสร้างมูลค่าใหม่จากกระบวนการนั้น
ไฟรทากทิ้งความคิดฝังหัวกับการเปรียบเทียบ พวกเขาสวนทางกฎเกณฑ์ของแบรนด์เนมอื่นด้วยการเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมที่ทำจากวัสดุเหลือทิ้ง ปกติแล้วภาพจำที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับ “แบรนด์เนม” ก็คือ “ความสกปรก” ทว่ากระเป๋าของไฟรทากที่มีทั้งรอยเปื้อนและกลิ่นแรงกลับได้รับความรักจากผู้บริโภค รอยตำหนิบนสินค้าอื่นๆ ทำให้มันถูกจัดเป็นสินค้า “เกรดต่ำ” แต่รอยตำหนิบนกระเป๋าไฟรทากกลับเป็นการส่งมอบเรื่องราวให้กับลูกค้า
ตั้งอัตลักษณ์ให้ชัดเจน
ประเด็นหลักของมูลค่าแบรนด์คือความหายาก เพราะทำให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการสินค้าที่มีจำกัด ต่อให้จ่ายมากขึ้นอีกกี่เท่าก็ขายให้ไม่ได้ เพราะสินค้าของไฟรทากไม่มีชิ้นไหนเหมือนกันเลย สินค้าของไฟรทากมีระดับความแตกต่างสูงมากๆ เพราะนอกจากจะแตกต่างจากสินค้าบริษัทคู่แข่งแน่ๆ อยู่แล้ว สินค้าที่บริษัทผลิตเองแต่ละชิ้นก็ยังต่างกันด้วย ซึ่งไฟรทากทำได้ด้วยการผลิตสินค้าที่แตกต่าง แถมมีเพียงชิ้นเดียวในโลก ผู้บริโภคจึงลดความอ่อนไหวต่อราคาที่สูงของไฟรทากลง
“มาตรฐาน” จำเป็นต่อการรักษา
สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาคือความตั้งใจที่จะรักษา แต่หลายครั้งความตั้งใจก็ยังไม่พอ แม้จะตั้งใจและพยายามมาแต่ไหน แต่หากไม่มีโครงสร้างที่ดี ธุรกิจก็มีโอกาสแฉลบออกนอกเส้นทางสูง และอาจลดผลการทำงานเพราะเสียเวลากับความพยายามผิดๆ และสร้างข้อผิดพลาดมากขึ้น
มูจิเป็นอีกตัวอย่างที่ดีในการเห็นความสำคัญของโครงสร้าง นั่นก็คือคู่มือการทำงานแบบมูจิหรือ MUJIGRAM คู่มือการทำงานหน้าร้านขนาด 2,000 หน้า บรรจุหลักการทำงานทั้งหมดนับตั้งแต่การพัฒนาสินค้า การจัดวางแสดงสินค้า ไปจนถึงลูกค้าสัมพันธ์ ใช้คำอธิบายง่ายๆ ที่พนักงานใหม่ก็อ่านเข้าใจ เช่น คู่มือจัดวางแสดงสินค้าที่เขียนไว้ในหน้าหนึ่ง เนื้อหาหลักมี 2 อย่างคือ “ให้จัดซีลูเอตต์ (ของหุ่นที่ใช้สวมโชว์เสื้อผ้า) เป็นทรงสามเหลี่ยม” “จำกัดสีเสื้อผ้าที่โชว์แค่ 3 สี” แค่นี้พนักงานใหม่ก็จะสามารถจัดเสื้อผ้าให้หุ่นโชว์ได้ถูกต้อง
สังเกตได้ว่าการจัดวางเสื้อผ้าและสินค้าของมูจิจะเหมือนกันทุกสาขา ลูกค้าจะได้รับบริการที่มีมาตรฐานเช่นเดียวกันไม่ว่าจะไปสาขาไหน และบริษัทเองก็นำเสนออัตลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย
เห็นไหมว่าหลักการ “ทิ้ง ตั้ง และรักษา” ไม่ได้ยากเกินไปนัก หากต้องการประสบความสำเร็จในการทำงานและการทำธุรกิจ ขอให้ยึดหลักความ “เรียบง่าย” นี้ไว้ แล้วความสำเร็จจะตามมาอย่างไม่ยากเย็น
ข้อมูลจากหนังสือ ทำทุกอย่างให้ง่ายเข้าไว้คือหัวใจของความสำเร็จ
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิก
บทความอื่นๆ
เคล็ดลับความสำเร็จในการทำงานแบบประธานบริษัท
เทคนิคบริหารเวลา แบบคนรวยที่ทำงานสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว
ความคิดที่ขวางทางก้าวหน้า ทำให้ยังไม่ประสบความสำเร็จ