你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม
焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด
— โปรย —
การแข่งขันฟอร์มูลาวันประจำฤดูกาลเดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย
ทว่ากลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับวินสตันเข้าจนได้
สิ่งที่อีกฝ่ายฝากฝังฮันท์เอาไว้คือให้พุ่งเข้าเส้นชัยแทนเขา
ท้ายที่สุดฮันท์ก็คว้าแชมป์แรกมาได้
แต่ข่าวร้ายกลับกลายเป็นว่าวินสตันไม่สามารถลงแข่งในสนามถัดไปได้
และใครจะรู้ว่าหลังจากเขาคว้าแชมป์สนามย่อยมาได้
วินสตันกลับจัดรางวัลชุดใหญ่ไฟกะพริบเป็นปาร์ตี้บันนี่บอยสุดสยิวให้เขา!
พระเจ้า ราชากระต่ายอย่างเขาต้องล้อมรอบไปด้วยบันนี่เกิร์ลสิโว้ย!
แถมเขายังได้รับของขวัญเยอะแยะมากมาย
แต่ของขวัญชิ้นที่เขาดีใจที่สุดกลับเป็นการที่เขาสามารถซื้อบ้านในวัยเด็กกลับคืนมาได้
บ้านหลังใหญ่ที่ไร้ผู้คนมานาน ในที่สุดก็มีสองชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
นี่มันรางวัลที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าการได้แชมป์เสียอีก
ไม่ว่าจะอีกกี่ปีข้างหน้า ความปรารถนาสูงสุดของเขาก็คือการไล่ล่าความเร็วไปพร้อมกับวินสตัน
ปกครองอาณาจักรแห่งความเร็วนี้ไปด้วยกันชั่วนิรันดร์
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 68 ฉันคือผู้ชายคนเดียวของเขา
“โอเว่นเป็นแค่เพื่อนของผม พวกเราเป็นนักขับ…มักจะระบายความในใจกันบ่อย ๆ ผมฟังเขาพูดเรื่องของนักขับคนอื่นบ้าง ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ถึงทำให้คุณเข้าใจผิดว่าผมกับโอเว่น…มีความสัมพันธ์กันแบบนั้น”
“โกหก! ทำไมแกต้องหลอกฉัน! ฉันเห็นพวกแกจูบกันแท้ ๆ!” เมอร์ลินคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง
เลือดจากขมับของจอห์นนี่ไหลเข้าตาพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงหล่น
“ผมจูบกับโอเว่น? ไม่มีทาง!” ฮันต์มึนไปหมด เมอร์ลินไปเห็นมาจากไหน
หมอนี่ไม่ได้เป็นโรคหลอนใช่ไหม
“ฉันถ่ายได้! ฉันถ่ายไว้หมดแล้ว!” เมอร์ลินหยิบโทรศัพท์ของตนออกมาโยนให้ฮันต์ “รหัสคือวันเกิดแก! แกดูเอาเอง!”
ฮันต์คิดไม่ถึงเลยว่าเมอร์ลินถึงกับรู้วันเกิดตนด้วย ทั้ง ๆ ที่วันเกิดเขาผ่านไปโดยไม่มีใครในทีมจำได้แท้ ๆ
ความรู้สึกที่มีแค่แฟนคลับโรคจิตจำวันเกิดของตนได้มันแปลกชะมัด
เมื่อเปิดโทรศัพท์อีกฝ่ายดู บนหน้าจอปรากฏภาพที่เขากำลังเปิดหน้าต่างตอนเพิ่งมาถึงสิงคโปร์
ที่แท้เมอร์ลินก็เริ่มตามเขาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงสิงคโปร์แล้ว!
“แกดูให้ดี รูปที่สิบเก้าในอัลบั้ม! แล้วแกบอกฉันทีซิว่าพวกแกทำอะไรกัน!” เมอร์ลินคำราม
ในอัลบั้มเป็นรูปของเขาทั้งหมด เขากินข้าวกับเสิ่นชวนในร้านอาหาร เขาคุยเรื่องระบบกันสะเทือนกับเสิ่นซี เขาคอนเฟิร์มช่วงเวลาการให้สัมภาษณ์ก่อนแข่งกับพีอาร์…มันเป็นรูปเขาหมดทุกรูป
และรูปที่สิบเก้าก็เป็นภาพที่ฮันต์ไปห้องของโอเว่นครั้งแรก หมอนั่นพันผ้าขนหนูมาเปิดประตูพอดี
เขายืนอยู่หน้าประตู กำลังโดนโอเว่นดึง ตัวจึงโน้มไปข้างหน้า ใบหน้าของโอเว่นโดนศีรษะของฮันต์บังไว้อย่างพอดิบพอดี เมื่อมองจากมุมนี้…ถ้าไม่เรียกว่าจูบแล้วจะให้เรียกว่าเล่นเกมจ้องตาเหรอ
ตัวฮันต์เองยังรู้สึกว่านี่มันคือการจูบชัดๆ!
“พวกเราไม่ได้จูบกันนะ ผมไม่มีทางจูบเขา โอเว่นชอบแกล้งคน นี่คือเขาแค่หยอกผมเล่นเท่านั้น”
“ถ้านี่ไม่ใช่จูบ งั้นแกบอกฉันมาซิว่ารูปต่อไปคืออะไร อย่าบอกฉันนะว่าพวกแกเล่นเกมเอากันอยู่!”
ฮันต์เลื่อนรูปต่อไป รูปนี้ทำเอาเขาขนลุกเกรียว
ภาพถูกถ่ายจากนอกหน้าต่างห้องโอเว่น
ฮันต์กำลังนั่งคร่อมอยู่บนเอวโอเว่น กดแขนและลำตัวเขาไว้บนเตียง ก้มหน้าลง เห็นได้ชัดว่ากดจูบลงไป
ส่วนรูปถัดไปเป็นรูปที่โอเว่นเอี้ยวตัวมายิ้มล้อฮันต์พลางพูดอะไรบางอย่าง ฮันต์ยังคงทับอยู่บนตัวเขา มันดูคลุมเครือจนทำให้คนหน้าแดง ความชิดเชื้อแบบนี้เหมือนกับว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันเป็นอย่างดีจริง ๆ
ภาพถัดไปอีกยังคงเป็นฮันต์ทับอยู่บนเอวของโอเว่น โอเว่นคว่ำอยู่บนเตียง สอนฮันต์ว่าจะดิ้นให้หลุดได้ยังไง แต่พวกเขาถูกหน้าต่างบังไว้ เมื่อมองจากมุมนี้ก็เหมือนทำเรื่องอย่างนั้นกันจริงๆ
และฮันต์จำได้ว่าคืนนั้นตนเรียนอยู่ในห้องโอเว่นชั่วโมงกว่า!
ลอว์เรนซ์ โอเว่น! ทำไมนายแม่งไม่รู้จักปิดผ้าม่านวะ!
ตอนนี้เขาจะอธิบายยังไง! จะอธิบายยังไงดี!
“คุณไม่เห็นเหรอว่าพวกผมสวมเสื้อผ้ากันอยู่ คุณเคยเห็นคนมีอะไรกันทั้งที่ยังสวมเสื้อผ้าเหรอ คุณพูดเองว่าเป็นแฟนคลับผม แล้วคุณคิดกับผมแบบนี้ได้ยังไง” ฮันต์ตัดสินใจจะแข็งกร้าวเล็กน้อยดีกว่าทำท่าหวาดกลัวต่อหน้าเมอร์ลิน แบบนี้ถึงจะดูเหมือนว่าระหว่างตนกับโอเว่นไม่มีอะไรกันจริง ๆ
เมอร์ลินอึ้งอยู่ตรงนั้น ลดมีดในมือลง เขานิ่งไปเพราะคำพูดของฮันต์จริง ๆ
ฮันต์ส่งสัญญาณมือให้จอห์นนี่ไม่หยุด หวังว่าเขาจะฉวยโอกาสตอนนี้รีบหนีไป แต่ใครจะรู้ว่าไอ้โง่คนนี้กลับไม่กล้าขยับแม้แต่นิด ยอมเป็นตัวประกันให้เมอร์ลินอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่าย
ในใจฮันต์ก่นด่ามาร์คัสลั่นฟ้า
ส่งใครไม่ส่ง เสือกส่งไอ้คนที่ไม่กล้าแม้แต่จะหนีมา ‘ปกป้อง’ เขา!
“แล้ว…แล้วพวกแกทำอะไรกันล่ะ” เมอร์ลินเหมือนจะเชื่อคำพูดของฮันต์ไปครึ่งหนึ่งแล้ว
“พวกเราช่วยกันยืดกล้ามเนื้อ ยืดข้อ คุณตามผมมานานขนาดนี้ ไม่รู้เหรอว่านักขับต้องรักษาความยืดหยุ่นของข้อน่ะ” ฮันต์เอ่ยพลางคิดในใจ ‘คำว่าเอากันในข้อความของโอเว่นก็หมายถึงเรื่องนี้ เพราะเขามีนิสัยเลวและชอบล้อเล่นแบบนี้’
ตอนนี้ฮันต์มั่นใจแล้ว ไอ้คนที่โยนซากแมลงสาบบนเตียงโอเว่น และส่งตีนไก่เปื้อนเลือดให้เขาก็คือเมอร์ลิน
ซึ่งพอคิดดูดี ๆ โอเว่นก็สมควรโดนจริงๆ นั่นแหละ
“ส่งมีดมาให้ผมดีไหม” ฮันต์เข้าใกล้เมอร์ลินแล้วยื่นมือไปทางเขา
“ไม่! แกหลอกฉัน!” เมอร์ลินมองฮันต์อย่างระแวง
“ผมเปล่า ผมไม่ได้ชอบลอว์เรนซ์ โอเว่น เลย…”
ในตอนนี้เองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เมอร์ลินสะดุ้งทีหนึ่ง พลันกำมีดแน่นขึ้นอีก
“ใจเย็น ใจเย็น ๆ ผมจะไปดูว่าใครมา”
ฮันต์กำลังจะเดินไปทางประตู แต่เมอร์ลินร้องขัด “ห้ามไป!”
เสียงเคาะประตูไม่มีทีท่าจะหยุดลง
เสียงของวินสตันดังมา “ฮันต์ นายอยู่ข้างในไหม”
ฮันต์อึ้งไป ที่แท้ก็เป็นวินสตัน
“ฮันต์ ฉันโทร.หานายไม่ติด นายอยู่ข้างในไหม” เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของวินสตันทำให้ฮันต์ใจเย็นลง
น่าจะเพราะเมื่อกี้มือถือตนถูกเมอร์ลินเขวี้ยงจนพัง วินสตันเลยโทร.หาเขาไม่ติด
เมอร์ลินจ้องฮันต์เขม็ง ส่ายศีรษะเป็นเชิงห้ามไม่ให้ฮันต์พูด
แต่ไม่ถึงสองวินาทีโทรศัพท์ของจอห์นนี่ก็ดังขึ้น
ไม่ต้องดูฮันต์ก็รู้ว่าวินสตันโทร.มา
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของจอห์นนี่คือเพลงของเลดี้กาก้า เสียงมันก้องจนไหล่ฮันต์กระตุก เขาไม่แน่ใจว่าวินสตันที่อยู่นอกประตูได้ยินไหม
“ให้ผมไปเปิดประตูเถอะ ถ้าตอนนี้ไม่ตอบ เขาต้องไปขอให้แผนกต้อนรับเปิดประตูให้แน่” ฮันต์ตอบ
“แก…แกคิดหนี?!”
“คิดหนี? ทำไมผมต้องหนี คุณพูดเองว่าคุณตามผมมาตลอด อยากปลอบผมมาตลอด สนับสนุนและเชียร์ผมมาตลอด…แต่กระทั่งคนที่ผมรักที่สุดคือใครคุณก็ยังไม่รู้งั้นเหรอ คุณสงสัยผู้ช่วยผม สงสัยนักขับที่ผมรู้จัก แต่กลับไม่รู้ว่าคนที่ผมชอบที่สุดคือใคร!” ฮันต์ร้องฮึเสียงเย็น
“คน…คนที่แกชอบคือใครกันแน่ ถ้าแกไม่พูด ฉันจะฆ่าเขา!” เมอร์ลินรัดคอจอห์นนี่แน่น จอห์นนี่อยากไอแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้
ฮันต์เงียบไม่พูดต่อ เขารู้ว่ายิ่งเมอร์ลินอยากรู้ว่าคนที่ตนชอบคือใครก็ยิ่งไม่มีทางฆ่าจอห์นนี่ เขาจะล่อให้เมอร์ลินมาทางตนทีละก้าว ๆ
“ผมไม่อยากให้เขารู้เรื่องนี้ เพราะเขาจะบอกคนทั้งทีม แล้วคุณก็จะไม่ได้พบผมอีก ผมจะบอกแค่คุณ”
ฮันต์กวักมือเรียกเมอร์ลิน
เมอร์ลินนิ่งอยู่ตรงนั้น เขากำลังคิดหาความนัยในคำพูดของฮันต์
ฮันต์รู้ว่าโอกาสของตนมีแค่ชั่วพริบตา ไม่อย่างนั้นพอเมอร์ลินรู้ว่าถูกตนหลอกก็อาจจะแก้แค้นโดยไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น
เมอร์ลินปล่อยจอห์นนี่ เค้นเสียงพูดกับเขาเสียงเหี้ยม “ถ้าแกกล้าขยับ ฉันจะปามีดนี่ไปเสียบสมองแก!”
จอห์นนี่ที่มึนหัวแทบตายตั้งแต่แรกกดศีรษะของตนแล้วนั่งพิงกับผนัง
ส่วนฮันต์กางสองแขนออก ท่าทางไร้การป้องกัน ราวกับจะโอบกอดเมอร์ลิน
การยั่วยวนแบบนี้ทำให้ในดวงตาของเมอร์ลินเผยแววยินดี
เขาเดินไปทางฮันต์ทีละก้าว ๆ จนมาถึงระยะที่ห่างจากฮันต์แค่ครึ่งแขน มองฮันต์ด้วยแววตาเฝ้าคอย “บอกฉัน…คนคนนั้นคือใคร…”
“คนคนนั้นก็คือ…” ฮันต์โน้มตัวเข้าหาเมอร์ลินราวกับจะพูดข้างหูเขา
ฉับพลันเขาก็คว้ามือที่จับมีดของเมอร์ลินพร้อมออกแรงบดขยี้นิ้วเขา
“อ๊าก” เมอร์ลินคำราม แต่ไม่รู้เพราะความดื้อรั้นหรืออะไรเขากลับไม่ยอมปล่อยมีด ถึงกับแทงมีดมาทางฮันต์อย่างแรง
ฮันต์ใช้แรงกดแขนเขาไว้ บิดแขนเขาเข้ามาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ยกขาเกี่ยวหลังเอวเขา จอห์นนี่มองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เห็นเพียงฮันต์กดเมอร์ลินลงกับพื้น และมีดของเขาก็กระเด็นไปไกล
“แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง! แกหลอกฉันได้ยังไง! แกกล้าหลอกฉัน! ทั้งที่ฉันรักแกขนาดนั้น! และทำทุกอย่างเพื่อแกได้!” ดวงตาของเมอร์ลินแดงก่ำ ดิ้นอย่างเกรี้ยวกราดอยู่กับพื้น
จอห์นนี่ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
“จอห์นนี่! ให้วินสตันเข้ามา! ตอนนี้! เดี๋ยวนี้!” ฮันต์คำรามใส่จอห์นนี่ เขาถึงได้สติในที่สุด
เขาโซเซลุกขึ้นไปถึงประตู คลำหาที่เปิดอยู่เนิ่นนานจนเปิดประตูออกได้ในที่สุด
วินสตันเห็นจอห์นนี่เลือดอาบศีรษะก็รีบก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไป
“วินสตัน!” ฮันต์เงยหน้ามองเขา
การมาถึงของวินสตันทำให้ฮันต์ผ่อนกำลังลงเล็กน้อย ฝ่ายนั้นพลันฉวยจังหวะพลิกตัวเตะฮันต์คว่ำ เมื่อคว้ามีดได้ก็หันกลับมาจะแทงฮันต์
ฮันต์เห็นปลายแหลมสว่างวาบนั่นเข้าใกล้ท้องน้อยของตนมากขึ้นทุกที แล้วก็ได้ยินเสียง ‘พลั่ก’ ดังขึ้น ไม่รู้ว่าวินสตันมาข้างตัวฮันต์ตั้งแต่เมื่อไร เขาคว้าข้อมือของเมอร์ลินไว้แล้วบิดจนหัก
ไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย เสี้ยวหน้าของเขาดูเย็นเยียบเหมือนกับภูผา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันต์เห็นแววสังหารอย่างไม่คิดปิดบังจากดวงตาของผู้ชายคนนี้
“อ๊าก อ๊าก” เมอร์ลินร้องอย่างบ้าคลั่ง ฮันต์สงสัยว่าวินสตันหักแขนเขาด้วยหรือเปล่า
“กูจะฆ่ามึง! ฆ่ามึง!” ฟันของเมอร์ลินกระทบกันกึก ๆ พยายามใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหยิบมีดที่ร่วงขึ้นมา แต่กลับถูกวินสตันชิงไปก่อนก้าวหนึ่ง
“จอห์นนี่ เรียกตำรวจ” เสียงเย็นของวินสตันกลายเป็นสิ่งที่มีสติที่สุดในห้องนี้
จอห์นนี่ตื่นจากภวังค์ ก่อนจะคลานไปยังมือถือตนแล้วกดโทร.ออก
“เขาคือคนที่ตามถ่ายรูปนาย?” วินสตันหลุบตาลงมองฮันต์
“อา…อืม” ฮันต์กลืนน้ำลายแล้วพยักหน้า
วินสตันยื่นมือมาฉุดฮันต์ให้ลุกขึ้นอย่างมั่นคง
เขานั่งยองลงตรงหน้าเมอร์ลิน “นายถ่ายรูปเขาเยอะขนาดนี้ เพราะนายหลงรักเขาเหรอ”
ผู้ชายคนนี้มีใบหน้าหล่อเหลา แต่ในความเย็นชาของเขากลับเปี่ยมพลังแข็งแกร่งที่ทำให้คนถึงตายได้
“ฉันรักเขา…แต่เขากลับรักคนอื่น…” น้ำตาของเมอร์ลินร่วงเผาะ
ฮันต์ไม่เข้าใจความบ้าคลั่งแบบนี้ แต่เขาก็เสียใจอย่างบอกไม่ถูก
“อ้อ เขารักใครล่ะ”
“ลอว์เรนซ์ โอเว่น! ไอ้สมองกลวงนั่น! เขาโดนหน้าตามันหลอกแล้ว! ต้องใช่แน่!” เมอร์ลินเริ่มคลั่งขึ้นมาอีกแล้ว
“นายมันบ้า…แต่ฉันบ้ากว่านาย ฉันไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนนอกจากฉันหลงอีวาน ฮันต์ หรอก แล้วฉันก็จะไม่ยอมให้เขาไปชอบคนอื่นด้วย”
เมอร์ลินอึ้งอยู่ตรงนั้น
หลายวินาทีต่อมาเขาก็กระจ่างในที่สุด “เป็นแก…ที่แท้เป็นแก…”
“ใช่แล้ว นายตามเขาขนาดนั้น ไม่สังเกตเลยเหรอว่าทุกคืนเขานอนอยู่ในอ้อมกอดใคร คนที่เขาจูบทุกครั้งคือใคร” น้ำเสียงของวินสตันเจือกลิ่นอายโหดเหี้ยม
เป็นครั้งแรกที่ฮันต์เห็นวินสตันเป็นแบบนี้ เขาทำลายจินตนาการและความคาดหวังที่ไม่เป็นจริงทั้งหมดลงอย่างสิ้นซาก
“วินสตัน…” ฮันต์เดินไปหาวินสตันอย่างกังวล
“จูบฉัน ฮันต์” วินสตันหันหน้ามามองฮันต์ เสียงของเขายังคงแผ่วเบา แต่กลับแฝงคำสั่งเอาไว้
ฮันต์ก้มหน้าลงจูบริมฝีปากของวินสตัน เขาเผยอปากออก แต่ฮันต์กลับไม่ได้สอดลิ้นเข้าไป ฮันต์อยากเงยหน้าขึ้น แต่วินสตันกลับกัดกลีบปากล่างของเขาไว้ ฮันต์จึงได้แต่สอดปลายลิ้นตนเข้าไป พอลิ้นสัมผัสกันอีกฝ่ายก็เริ่มดูดดึงอย่างต้องการครอบครอง
“อ๊ากกก” เสียงคำรามของเมอร์ลินดังก้องอยู่ในห้อง
วินสตันพลันเงื้อมีดขึ้นแทงลงระหว่างขาของเมอร์ลิน โหดเหี้ยมและเด็ดขาด
เมอร์ลินอึ้งอยู่กับที่ คมมีดบาดกางเกงเขาขาดพอดี อีกแค่นิดเดียวก็จะได้เลือดแล้ว
หัวใจของฮันต์กระเด้งกระดอนออกมา แต่มือของเขากลับถูกวินสตันกุมไว้แน่น
“นับจากนี้ไป ห้ามนายคิดถึงอีวาน ฮันต์ ห้ามคิดสืบเรื่องเขาอีก แล้วก็ห้ามโผล่หัวมาตรงหน้าเขาด้วยข้ออ้างอย่างการอยากไล่ตามความรักอีกเป็นอันขาด เพราะถ้านายทำไม่ได้ ฉันจะฆ่านาย”
น้ำเสียงของวินสตันนั้นช่างราบเรียบ อากาศคล้ายเต็มไปด้วยน้ำอันเย็นเฉียบ บีบอัดให้คนขวัญผวาในชั่วพริบตา
เมอร์ลินมองวินสตันอย่างหวาดกลัว
“ฉันคือผู้ชายคนเดียวของเขา” วินสตันลุกขึ้นแล้วก้มมองเมอร์ลิน
ราวกับว่าเขาเกิดมาแข็งแกร่ง ไม่มีสิ่งใดสามารถอยู่เหนือเขาได้
ทุกสิ่งของเมอร์ลินเมื่ออยู่ภายใต้ดวงตาเขาก็เหมือนละครชวนหัวฉากหนึ่ง ทั้งอ่อนแอและน่าขัน
เมอร์ลินนั่งอยู่กับที่แล้วร้องไห้ออกมา
ตำรวจและการ์ดของโรงแรมรีบมาลากเมอร์ลินจากพื้นไป
ฮันต์มองวินสตัน เขาบดขยี้ความหวังและศักดิ์ศรีของเมอร์ลินจนแหลกละเอียด
วินสตันหันกลับมาและกำลังจะคุยกับตำรวจ แต่ปลายเท้ากลับเตะถูกอะไรเข้า วินาทีที่เขาก้มตัวลง ฮันต์ก็นึกขึ้นได้ทันทีว่านั่นคือมือถือของเมอร์ลิน!
“วินสตัน!” ฮันต์พุ่งเข้ามา ทว่านิ้วยังไม่ทันแตะโดนโทรศัพท์มันก็ถูกวินสตันชูขึ้นสูง เขาใช้มือข้างหนึ่งกดฮันต์เอาไว้ ใช้มืออีกข้างเปิดอัลบั้มภาพ ภาพแรกเป็นภาพที่โอเว่นนอนคว่ำอยู่บนเตียงโดยที่ฮันต์ทับเอวของโอเว่นไว้
ฮันต์เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ารูม่านตาของวินสตันสั่นไหว
“นายฟังฉันก่อนนะ! นั่นมันภาพแอบถ่าย! พวกเราใส่เสื้อ! ไม่ได้เอากัน!” ฮันต์รีบอธิบาย
วินสตันกลับไม่พูดไม่จา แต่ถือโทรศัพท์ไว้สูงตลอด แล้วเลื่อนดูรูปภาพในนั้นต่อ
“นายอย่าดูสิ! ไม่ต้องดูแล้ว!” ฮันต์รู้สึกว่าคราวนี้ตนกระโดดลงไปในแม่น้ำเหลือง[1] ล้างยังไงก็ไม่สะอาดแล้ว
“ถ้างั้นนี่ล่ะ” วินสตันหมุนข้อมือ นั่นเป็นภาพที่โอเว่นพันผ้าขนหนูออกมาเปิดประตูให้ฮันต์ สองคน ‘จูบกัน’ ตามคาด
ฮันต์แทบจะร้องไห้แล้ว
“พวกเราไม่ได้จูบกัน!” ฮันต์รู้สึกว่ายิ่งอธิบายก็ยิ่งฟังไม่ขึ้น
“อย่างนั้นเหรอ ฉันยังไม่ได้พูดว่านายเอากับเขาหรือว่าจูบกับเขาเลยนะ” วินสตันมองฮันต์ สายตานั่นทำให้ฮันต์นึกถึงครั้งแรกที่หมอนี่อยากจะกดตน
เสื้อผ้าบนตัวเขาเหมือนถูกเผาจนหมดสิ้น กระดูกถูกบดขยี้ ทุกสิ่งของเขาถูกอีกฝ่ายกลืนกินจนหมด
“คุณครับ มือถือเครื่องนี้เป็นหลักฐาน พวกเราต้องเก็บไว้”
ตำรวจแสดงท่าทีให้วินสตันส่งมือถือให้พวกตน
วินสตันผงกศีรษะก่อนจะส่งมือถือไปให้
ฮันต์ถอนหายใจออกมาได้ในที่สุด
ในเวลานี้เอง มาร์คัสและเสิ่นชวนก็มาถึง มาร์คัสรวบฮันต์มากอดหมับ
“ไอ้เด็กเวร! ทำฉันตกใจเกือบตาย! โชคดีที่นายไม่เป็นไร! โชคยังดีที่นายไม่เป็นไร!”
มาร์คัสตบหลังฮันต์แรง ๆ นี่ทำให้ฮันต์ซาบซึ้งใจขึ้นมา
ความห่วงใยเอาใจใส่ของเขาเป็นของจริง ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ สำหรับเขาแล้ว ฮันต์ก็เหมือนลูกชายที่ตนเห็นจนเติบใหญ่ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ทำให้เขาปวดใจทั้งสิ้น
เสิ่นชวนเห็นคราบเลือดบนพื้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที แต่เมื่อเห็นว่าฮันต์ไม่ได้รับบาดเจ็บถึงค่อยผ่อนคลาย
รถพยาบาลมาถึงแล้ว จอห์นนี่ที่เลือดอาบศีรษะถูกพาออกไป
คาดว่าหลังจากนี้คงมีสื่อไม่น้อยที่ทราบข่าวว่านักขับชื่อดังเกือบจะถูกแฟนคลับคลั่งฆ่าตายเสียแล้ว
พรุ่งนี้สถานีตำรวจยังขอให้พวกเขาไปให้ปากคำเรื่องนี้ให้ชัดเจนด้วย
“ยังดีที่รอบซ้อมอิสระเป็นวันมะรืน หวังว่าจะจัดการเสร็จในคราวเดียวนะ” ฮันต์ถอนหายใจ
“พวกนักข่าวน่าจะได้ข่าวเร็ว ๆ นี้ มาร์คัส ถ้าคุณไม่ว่าอะไร คืนนี้ผมอยากให้ฮันต์อยู่กับผม” วินสตันเอ่ยปาก
“อืม แน่นอน…แบบนี้ก็ดี อีกเดี๋ยวนักข่าวพวกนั้นก็คงสืบหาห้องพักที่ทีมจองได้ แล้วก็จะมาออกันอยู่ตรงประตู ถึงเวลานั้นอยากนอนดี ๆ ก็ยากแล้ว”
“โอเคครับ พรุ่งนี้เช้าผมจะพาฮันต์ไปสถานีตำรวจเอง”
ฮันต์อ้าปากค้าง ทำไมถึงรู้สึกว่าตนถูกขายทิ้งอีกแล้วล่ะ
“เอ่อ…ผมไม่อยากรบกวนวินสตัน ไปจองห้องอีกโรงแรมดีกว่า!” ฮันต์รีบเอ่ยปาก
เขาเกิดลางสังหรณ์ว่าวินสตันจะไม่ปล่อยตนไปง่าย ๆ
ภาพพวกนั้นไม่แน่ว่าจะเอาชีวิตเขาได้จริง ๆ!
ฮันต์ยังจำทุกคำที่วินสตันพูดกับเมอร์ลินได้ ตอนนั้นรู้สึกหวั่นไหว ทว่าตอนนี้กลับหัวใจหวาดหวั่น
วินสตันต้องคิดบัญชีแน่!
“อืม แบบนั้นก็ดี ฉันจะไปโรงแรมอื่นเป็นเพื่อนนาย”
วินสตันเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าที่ฮันต์มักสวมบ่อย ๆ ออกมา
เขาปิดปากฮันต์ได้สำเร็จ เมื่อเป็นแบบนี้ฮันต์จึงต้องแยกกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นเสียแล้ว
“อันที่จริง เปลี่ยนโรงแรมหลบเรื่องผิดพลาดง่ายกว่า” กระทั่งเสิ่นชวนก็แสดงท่าทีเห็นด้วย
ฮันต์มองเสิ่นชวน ‘พี่ชาย…คุณอยากให้ผมตายเหรอ’
“ถ้าถึงโรงแรมแล้วพวกเราจะโทร.หาคุณ” วินสตันผงกศีรษะให้มาร์คัส
“ถ้างั้นก็คงต้องฝากฮันต์กับนายแล้ว เดิมทีควรให้คนในทีมพวกเราไปดูแลฮันต์…แต่สถานการณ์ของจอห์นนี่นายก็เห็นแล้ว บางทีอยู่กับนายอาจทำให้ฮันต์ปลอดภัยกว่าก็ได้” มาร์คัสถอนหายใจ ท่าทางเหมือนจะส่งแก้วตาดวงใจของตนให้เพื่อนที่เชื่อใจเต็มที่ปกป้องชั่วคราว
เฮ้ๆ! ฉันอยู่กับหมอนี่แล้วไม่รู้สึกปลอดภัยโว้ย!
ภายในใจกู่ร้อง แต่กลับไม่อาจพูดออกไปได้
ท่าทางน่าสงสารของฮันต์ทำให้มาร์คัสเข้าใจผิดว่าเขายังรู้สึกกลัวแฟนคลับโรคจิตอยู่
“เอาน่า ๆ ฮันต์…รอจบการแข่งสนามนี้ ฉันจะจ้างบอดี้การ์ดให้นาย!” มาร์คัสกอดฮันต์อีกรอบ
จบการแข่งสนามนี้? ฉันอาจจะซี้แหงแก๋แล้วก็ได้!
“พวกเราไปกันเถอะ” วินสตันรั้งข้อมือฮันต์ ดึงเขาเดินออกจากห้อง
เมื่อเข้าไปในลิฟต์ ฮันต์รีบก้มหน้าอธิบายเป็นพัลวัน “ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับลอว์เรนซ์ โอเว่น สักนิดเลยจริง ๆ นะ! ภาพจูบพวกนั้นที่นายเห็นมันเป็นมุมกล้อง!”
“งั้นเหรอ ปากเขานุ่มไหม” วินสตันถามเสียงเย็น
ฮันต์ชะงัก ไอ้ที่เขาอธิบายไปเมื่อครู่นี้วินสตันไม่ได้ฟังเลยเหรอ
หรือไม่ก็ฟังแล้ว แต่ยังอยากทำให้เขาลำบากใจ
เวลานี้ประตูลิฟต์เปิดออก วินสตันก้าวขายาวๆ ออกไป
ในวินาทีนั้นฮันต์อยากจะกดประตูลิฟต์ แล้วฉวยโอกาสไปชั้นอื่นตอนที่วินสตันออกไปให้รู้แล้วรู้รอด
แต่ใครจะรู้ว่าวินสตันกลับหันมากดปุ่มเปิดไว้ เชิดคางพูด “ไม่ออกมาเหรอ”
“ออกแล้ว…”
สองคนเดินออกจากโรงแรม
รถตำรวจจากไปแล้ว โลกเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในที่ที่ห่างจากโรงแรมนี้ไปไม่กี่ร้อยเมตร ยังมีโรงแรมที่พอใช้ได้อีกแห่งหนึ่ง
กระเป๋าเสื้อผ้าของฮันต์ก็อยู่บนไหล่วินสตัน ระหว่างทางมีคนเดินไปมาน้อยมาก อีกฝ่ายยื่นมือมาด้านหลังจับข้อมือฮันต์ไว้แน่น แล้วลากเขาเดินไปข้างหน้า
ความหมายของวินสตันชัดเจนมาก นั่นก็คือไม่เปิดโอกาสให้ฮันต์หนี
“นายยังไม่ตอบฉันเลย ปากของโอเว่นนุ่มมากไหม”
“ฉันไม่ได้จูบเขา ฉันจะรู้ได้ยังไงเล่า!”
“ถ้างั้นนายชอบเขาตรงไหน ตาของเขาเหมือนกันเหรอ”
รถสองสามคันขับผ่านข้างตัววินสตันไป แสงไฟจากรถคล้ายจะตัดเงาของเขาขาด
“ฉันไม่เคยชอบเขา” ฮันต์ปวดใจขึ้นมา
เมอร์ลินเห็นภาพพวกนั้นแล้วคลุ้มคลั่ง ส่วนวินสตันเห็นภาพพวกนั้น ต่อให้ไม่เหมือนเมอร์ลิน แต่ก็ต้องเสียใจมากแน่
“ถ้างั้นทำไมนายถึงอยู่กับเขา เป็นเพราะฉันอยากกดนายอยู่ตลอดเลยทำให้นายกลัว แต่โอเว่นกลับทำให้นายอยากทำอะไรก็ได้อย่างนั้นสินะ”
ฮันต์รู้ว่าวินสตันกำลังพูดถึงภาพที่ตนกดเอวของโอเว่นไว้รูปนั้น
“พวกเราแค่เล่นกันเอง! ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนสักหน่อย! ฉัน…ฉัน…” ฮันต์หยุดเท้า
วินสตันที่จูงมือเขาอยู่ก็หยุดตาม แต่ไม่ได้หันกลับมา
“นายทำไม”
“ฉันแค่รู้สึกว่าดวงตาของนายสวยมาก มีแค่นายเท่านั้นที่ฉันจะมองตาไม่กะพริบ…นายเคยเห็นฉันจ้องหน้าลอว์เรนซ์ โอเว่น เกินสามสิบวินาทีตอนไหน”
“ถ้างั้นพวกนายเล่นอะไรกัน” วินสตันถามกลับ
ฮันต์สะอึกไป จะบอกวินสตันว่าตนกับโอเว่นซ้อมการป้องกันการถูกกดก็คงไม่ได้ละมั้ง
วินสตันรู้ว่าฮันต์ไม่มีทางตอบคำถามพวกนี้ จึงหันไปแล้วลากเขาเดินต่อ
ฮันต์ก้มหน้าลง กุมมือของวินสตันแน่น
หลายนาทีต่อมาพวกเขามาถึงโรงแรม วินสตันเช็กอินเสร็จก็พาฮันต์เข้าลิฟต์
ทั้งสองคนเงียบมาก
ชั่วอึดใจที่ประตูลิฟต์กำลังจะเปิด วินสตันก็เตรียมก้าวขาออกไป แต่ฮันต์กลับดึงอีกฝ่ายกลับมา
เขาหันหน้าไปจูบวินสตัน ไม่มีเทคนิคอะไร ไม่มีความคิดใด ๆ เขาแค่อยากสัมผัสอุณหภูมิของผู้ชายคนนี้และความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากอีกฝ่าย
วินสตันนิ่งไป เขาไม่ได้ผลักฮันต์ แต่ก็ไม่ได้เผยอปาก
ฮันต์รู้ว่าเขายังโกรธ ปลายลิ้นจึงไล้เลียอยู่ระหว่างริมฝีปากของเขา ทั้งจูบและเลีย ตอนที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิด วินสตันพลันผลักฮันต์ออกแล้วยกมือขึ้นกดประตูที่กำลังปิด จากนั้นก็ดึงฮันต์เดินออกมา
วินาทีนั้นฮันต์ผิดหวังขึ้นมา
วินสตันโกรธแล้วจริง ๆ
เป็นครั้งแรกที่เขาทำให้อีกฝ่ายโกรธ
แต่…ถ้าเขาเห็นภาพแบบนั้นของวินสตันบ้าง เขาก็คงจะโกรธสุดขีดเหมือนกัน! ต่อให้วินสตันไม่ได้ทำอะไร เขาก็โกรธ
เมื่อคิดแบบนี้ ฮันต์ก็รู้สึกว่าความผิดของตนนั้นมหันต์นัก
เสียงสแกนคีย์การ์ดเปิดประตูดังขึ้น เมื่อประตูเปิดออก วินสตันก็โยนกระเป๋าฮันต์ไว้บนพื้นส่ง ๆ โดยไม่พูดไม่จา
ฮันต์ค้อมเอวหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของตนขึ้นมาอย่างยอมแพ้ สิ่งที่ในสมองคิดคือจะทำยังไงให้วินสตันหายโกรธ
แต่ปลายนิ้วยังไม่ทันแตะกระเป๋า เขาก็ถูกอีกฝ่ายฉุดเข้ามา
“วิน…”
ฝ่ามือของวินสตันกดหลังศีรษะของฮันต์ แรงที่ริมฝีปากเขาทาบทับลงมาทำให้คนตกใจ เขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามาในริมฝีปากฮันต์ราวกับจะบดขยี้ทุกสิ่งในปากเขา
“อืม…” ฮันต์อยากยกมือขึ้นกอดอีกฝ่ายไว้ แต่กลับถูกวินสตันเข้าใจผิดว่าเป็นสัญญาณการปฏิเสธ ฝ่ายนั้นจึงรวบสองแขนของเขาไปด้านหลังทันที
อีกฝ่ายจูบเขาไม่หยุด บังคับให้เขาถอยหลังทีละก้าว ๆ จนกระทั่งน่องสัมผัสขอบเตียง
แรงกดจากจูบของวินสตันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฮันต์เงยหน้าขึ้น เขาอยากจะตอบสนองอีกฝ่าย แต่กลับถูกลิ้นของอีกฝ่ายบดขยี้โดยสมบูรณ์
เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นคิ้วของวินสตันขมวดแน่น จูบของเขาไม่ได้หมายความว่าเขาไม่แคร์ ตรงกันข้าม เขาก็เสียใจมากเช่นกัน
ฮันต์นั่งลงบนเตียง วินสตันปล่อยสองมือที่จับไพล่หลังของฮันต์ออกในที่สุด และกดเขาลงไป
จูบของวินสตันตามมาติด ๆ ทั้งสับสนและข่มกลั้น กระทั่งวินาทีที่ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดก็ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไว้
[1] หรือแม่น้ำฮวงโห แม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับสองของประเทศจีน