[ทดลองอ่าน] นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม ตอนที่ 69

你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด

 

— โปรย —

การแข่งขันฟอร์มูลาวันประจำฤดูกาลเดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย
ทว่ากลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับวินสตันเข้าจนได้
สิ่งที่อีกฝ่ายฝากฝังฮันท์เอาไว้คือให้พุ่งเข้าเส้นชัยแทนเขา
ท้ายที่สุดฮันท์ก็คว้าแชมป์แรกมาได้
แต่ข่าวร้ายกลับกลายเป็นว่าวินสตันไม่สามารถลงแข่งในสนามถัดไปได้

และใครจะรู้ว่าหลังจากเขาคว้าแชมป์สนามย่อยมาได้
วินสตันกลับจัดรางวัลชุดใหญ่ไฟกะพริบเป็นปาร์ตี้บันนี่บอยสุดสยิวให้เขา!
พระเจ้า ราชากระต่ายอย่างเขาต้องล้อมรอบไปด้วยบันนี่เกิร์ลสิโว้ย!

แถมเขายังได้รับของขวัญเยอะแยะมากมาย
แต่ของขวัญชิ้นที่เขาดีใจที่สุดกลับเป็นการที่เขาสามารถซื้อบ้านในวัยเด็กกลับคืนมาได้
บ้านหลังใหญ่ที่ไร้ผู้คนมานาน ในที่สุดก็มีสองชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
นี่มันรางวัลที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าการได้แชมป์เสียอีก

ไม่ว่าจะอีกกี่ปีข้างหน้า ความปรารถนาสูงสุดของเขาก็คือการไล่ล่าความเร็วไปพร้อมกับวินสตัน
ปกครองอาณาจักรแห่งความเร็วนี้ไปด้วยกันชั่วนิรันดร์

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 69 ฉันจะสอนนายเอง

 

ฮันต์ยอมให้สองมือของอีกฝ่ายทำอะไรก็ได้กับร่างกายตน อุณหภูมิจากฝ่ามือของเขาแสดงถึงความต้องการที่เขามีต่อฮันต์ได้เป็นอย่างดี วินสตันที่เดิมทีแค่เอนตัวลงมายกขาข้างหนึ่ง แล้วทาบทับลงมาในที่สุด

แต่ในวินาทีที่นิ้วของวินสตันจะย้อนกลับไปรูดซิปกางเกงยีนของฮันต์ เขาก็ตัวเกร็งขึ้นมา  ชั่วพริบตานั้นเขาคิดจะตะแคงตัวหลบการกระทำของวินสตัน

ทุกสิ่งนี้เหมือนกับการตอบสนองตามสัญชาตญาณ หรือไม่ก็เป็นผลพวงจากการที่ตนซ้อมกับโอเว่นหลายครั้ง

แต่สุดท้ายฮันต์ก็ไม่ได้หลบเลี่ยง

วินสตันหยุดลงตรงนั้น สองมือของเขาค้ำอยู่ข้างศีรษะฮันต์ สายตาสงบราวกับมหาสมุทร

“นี่คือเหตุผลที่นายขลุกอยู่กับโอเว่นใช่ไหม”

ฮันต์ชะงักค้าง รู้ว่าตนถูกวินสตันจับได้แล้ว

“เมื่อก่อนเขาสอนนายว่าจะยั่วฉันยังไง แต่ตอนนี้เขาสอนนายว่า…จะปฏิเสธฉันยังไง”

“เปล่านะ! ฉันไม่เคยคิดจะปฏิเสธนาย! ฉันเปล่า!”

“ถ้างั้นฉันกอดนายได้ไหม” วินสตันถาม

เขายังคงพูดกับฮันต์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแผ่วเบา ซึ่งมันมักจะทำให้ฮันต์ใจสั่นและหวั่นไหวได้อย่างง่ายดายอยู่เสมอ

เทียบกับการโดนเอาจนตายพวกนั้น ฮันต์ทนให้เขาเสียใจไม่ได้ยิ่งกว่า

ถึงขั้นไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันหรือรอบควอลิฟาย สำหรับฮันต์แล้วนั่นไม่สำคัญเท่าวินสตัน

ฮันต์เงยหน้าขึ้น มองสบกับดวงตาของวินสตัน “…ได้”

วินาทีต่อมาเสื้อของเขาถูกถอดออก กางเกงยีนก็หลุดไป ทุกสิ่งพัดผ่านอย่างว่องไวราวกับฟ้าฝนคำราม

ฮันต์หลับตาลง ไม่กล้าหายใจแรง

เขากัดฟัน ความรู้สึกนั้นเหมือนกับการพุ่งออกจากสนามแข่งด้วยความเร็วสูง ชนเข้ากับเขตกันชนจนกลายเป็นฝุ่นผง

เมื่อวินสตันแนบชิด หัวใจของฮันต์ก็เกือบจะหลุดออกมาจากอก

แต่คิดไม่ถึงว่าวินสตันจะแค่จูบแก้มเขาอย่างอ่อนโยน

“ฉันไม่เคยคิดจะฆ่านาย…นายไม่ต้องทำเหมือนเตรียมใจตายแบบนี้”

ยังคงเป็นเสียงที่แผ่วเบาเช่นเดิม ทำให้ฮันต์พลันเข้าใจแล้วว่าทุกสิ่งที่วินสตันทำเมื่อครู่ล้วนเป็นการลองเชิง

เขาอยากรู้ว่าฮันต์จะรับเขาได้ไหม แต่สุดท้ายฮันต์ก็ทำให้อีกฝ่ายผิดหวังเสียแล้ว

“พวกเราค่อยเป็นค่อยไป” นิ้วของวินสตันคลึงโหนกคิ้วของฮันต์ “อันที่จริง สิ่งที่นายกลัวไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะทำให้นายบาดเจ็บ…นายแค่ไม่ชินที่จะมอบตัวเองให้ฉันเท่านั้นเอง การที่มอบตัวนายให้ฉันมันไม่ได้ทำให้นายเสียตัวตนและไม่มีทางที่จะเสียฉันไปหรอกนะ”

ดวงตาของฮันต์ร้อนผ่าว ลำคอแห้งผาก

ทั้ง ๆ ที่เรื่องที่เขาทำทำให้วินสตันไม่มีความสุข แต่อีกฝ่ายกลับเป็นฝ่ายปลอบประโลมเขาเสียอย่างนั้น

เขาที่สูญเสียพ่อแม่ชินชากับการแบกรับทุกอย่างด้วยตัวเองมานานแล้ว แต่ตอนนี้วินสตันกลับยอมแก้ไขทุกความวุ่นวายเพื่อเขา อ่อนข้อให้เขา ทะนุถนอมเขา ถ้าเขาโอบกอดความคาดหวังและความปรารถนาชั่วชีวิตมอบตัวเองให้กับผู้ชายคนนี้แล้ว แล้วยังต้องเสียเขาไปอีก…ฮันต์ก็ไม่รู้ว่าตนจะรับไหวหรือเปล่า

ฮันต์กอดวินสตันแน่น แนบตัวกับอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยอยู่เนิ่นนาน

“เด็กโง่ ต่อไปอย่าให้ลอว์เรนซ์ โอเว่น สอนนายว่าจะกดฉันยังไงอีก”

“…นายรู้ได้ยังไงว่าฉันให้โอเว่นสอนไอ้นี่!” ฮันต์อึ้งสนิท

หรือว่าไอ้ชั่วโอเว่นนั่นทรยศเขา

วินสตันถอนหายใจ “ในสมองนายก็คิดได้แต่เรื่องพวกนี้”

ฮันต์เกิดความรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกอีกฝ่ายดูถูก

“คราวหน้าถ้านายอยากกดฉัน ฉันจะสอนนายเอง”

เทียบกับความเย็นชาและการคาดเดาไม่ได้เมื่อครู่ ในดวงตาของวินสตันเวลานี้คือความอบอุ่นและความผ่อนปรนที่ไร้ขอบเขตที่ทำให้ฮันต์ชอบที่สุด

“นายจะสอนฉัน? นายยอมสอนว่าจะกดนายยังไงอะนะ ฉันไม่เชื่อหรอก!” ฮันต์เบิกตากว้าง

วินสตันจูบริมฝีปากเขาทีหนึ่ง

“ถ้านายคิดจะกดฉันด้วยแรงเต็มที่ นั่นก็โง่เง่าสิ้นดี”

“ทำไมล่ะ พวกเราต่างก็เป็นนักขับ การฝึกฝนร่างกายและการฝึกกำลังที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยต่างกัน ทำไมทุกครั้งต้องเป็นฉันที่ถูกนายกดด้วย”

เกี่ยวกับจุดนี้ ฮันต์คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ

“เพราะฉันเก่งเรื่องการใช้แขนขามากกว่านาย” วินสตันตอบ

“แขนขาทั้งหมดเลยเหรอ” ฮันต์เอียงศีรษะถามเสียงเบา

“อืม”

“ถ้างั้นก็จูบฉันให้ดี ๆ สิ อย่าทำเหมือนเมื่อกี้”

วินสตันนิ่งไปเล็กน้อย

“ฉันรู้ว่าเมื่อกี้นายโกรธ…แต่ตอนนี้นายหายโกรธแล้ว เพราะงั้น…ฉันอยาก…”

ฮันต์ยังพูดไม่ทันจบ วินสตันก็แลบปลายลิ้นออกมาแตะเบา ๆ บนริมฝีปากฮันต์ ความอ่อนโยนที่เปลี่ยนแปลงในพริบตาทำให้ฮันต์ดูดดึงมันเข้าไป

ทั้งที่เขาขอให้วินสตันจูบตน แต่กลับกลายเป็นว่าตนเข้าไปจูบอีกฝ่ายเสียเอง

ความหวาดหวั่นทั้งหมดเมื่อครู่ เวลานี้กลายเป็นการเรียกร้องตามความต้องการ วินสตันหลับตาลงตอบรับการดูดดุนของฮันต์

จนกระทั่งมีสายเข้าจากมาร์คัส วินสตันจึงยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์

“ฮัลโหล ตอนนี้พวกนายอยู่ในโรงแรมหรือยัง”

“ครับ คุณสบายใจได้” วินสตันยันตัวขึ้นด้วยมือข้างเดียว สบตาฮันต์พลางพูด

เวลานี้เส้นผมของวินสตันยุ่งเล็กน้อย คอเสื้อยืดก็หล่นไปฝั่งหนึ่ง เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าสวย

ฮันต์ยกมือไปแตะอย่างเผลอไผล

นิ้วที่ค้ำอยู่ข้างหูฮันต์ของวินสตันเปลี่ยนเป็นกำแน่น ฮันต์เอียงศีรษะ กำลังจะใช้นิ้วเกี่ยวคอเสื้อของวินสตัน อีกฝ่ายพลันเบี่ยงตัวมาจับมือของฮันต์ไว้

“ครับ ผมจะพาฮันต์ไปสถานีตำรวจเอง แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

วินสตันวางโทรศัพท์ลง แต่ยังคงขมวดคิ้วมองฮันต์ “นายอยากตายเหรอ”

ฮันต์ส่ายศีรษะ

“นอน! นอนกันเถอะ!”

เขาพลิกตัวและกำลังจะโอบเอววินสตัน แต่คิดไม่ถึงว่าวินสตันกลับลุกขึ้น

“นายนอนตรงนี้ ฉันจะไปนอนโซฟา”

“ทำไม” ฮันต์ลุกขึ้นนั่ง

“เพราะฉันจะทนไม่ไหว แล้วนายก็จะหิ้วกางเกงวิ่งออกไปอีก”

วินสตันเอียงหน้ามา สายตานั่นแทบทำให้ฮันต์ต้านทานไม่ไหว

“ฉัน…ฉันไม่ได้กลัวนายสักหน่อย…” ในใจของฮันต์ผิดหวังขึ้นมา

“ฉันพูดแล้วว่าฉันทนไม่ไหว”

ถ้าวินสตันจริงจังขึ้นมา ใครก็เกลี้ยกล่อมไม่ได้

ดังนั้นตลอดทั้งคืนฮันต์ก็หลับไม่ลง ได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง

ทั้งที่วินสตันก็นอนอยู่ห่างจากตนไม่กี่เมตรแท้ ๆ ขอแค่ยกคางขึ้นก็เห็นเงาหลังของวินสตันได้แล้ว

อีกฝ่ายนอนตะแคงอยู่บนโซฟา ขาก็ยาวอยู่แล้ว ข้อเท้าเลยเลยออกมานอกโซฟา บนตัวห่มผ้าห่ม แต่ยังคงเห็นเอวของเขาได้ราง ๆ

จู่ ๆ ฮันต์ก็เริ่มตระหนักว่านี่คงจะเป็นบทลงโทษที่แท้จริงที่วินสตันมอบให้ตน

ผู้ชายคนนี้รักเขามานานแล้ว ดังนั้นฮันต์จึงอดจะคิดถึงค่ำคืนนับไม่ถ้วนที่ตนไม่รู้เรื่องรู้ราวสมัยก่อนไม่ได้ วินสตันเองก็คงจะทรมานสุดขีด ต้องการแต่ก็ได้แค่อดทนเหมือนกับตนตอนนี้รึเปล่า

ฮันต์ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ

อุณหภูมิของเขา ลมหายใจของเขา วิธีที่เขาจูบ รวมถึงท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกกดดันของเขายามดึงกางเกงของตนลง ฮันต์พลันรู้สึกเหมือนจะตายเสียให้ได้

ไม่ดูแล้ว! นอน! นอน! นอน!

เช้าตรู่วันต่อมาฮันต์ถูกวินสตันปลุกให้ตื่น พวกเขากินอาหารเช้าในโรงแรมเสร็จก็ไปยังสถานีตำรวจ

ฮันต์และวินสตันแยกกันให้ปากคำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับตำรวจ

เมื่อพวกเขาเดินออกมาก็เจอเข้ากับโอเว่น

“เฮ้ โอเว่น…นายก็มาด้วยเหรอ…”

โอเว่นคลี่ยิ้มแล้วเดินไปตรงหน้าฮันต์ “เด็กเวร คราวนี้ฉันถูกนายทำร้ายจนอนาถแล้วนะ!”

“อะไร…” ฮันต์พอจะรู้แล้วว่าทำไมโอเว่นถึงต้องมาด้วย

“ที่แท้ไอ้แอนตี้แฟนที่ขู่ฉันมาตลอดคนนั้นคือแฟนคลับโรคจิตของนายนี่เอง! เขาเพิ่งยอมรับว่าเขาคิดมาตลอดว่าฉันกับนายเป็นคู่เกย์กัน ถึงได้แอนตี้ฉัน เขาจะบีบให้ฉันไปจากนาย…เขาหมายหัวผิดตัวแล้วมั้ง!” โอเว่นยักไหล่อย่างจนปัญญา จากนั้นก็มองไปทางวินสตันอย่างมีเลศนัย

สีหน้าของวินสตันราบเรียบ เพียงแต่ตอนที่แขนของโอเว่นกำลังจะพาดบนไหล่ฮันต์ก็ถูกมือของวินสตันกันเอาไว้

“นายกับฮันต์ทำอะไรตอนอยู่ด้วยกัน  ฉันรู้หมดแล้ว”

เมื่อวินสตันพูดออกมา ฮันต์ก็บังเกิดความรู้สึกไม่ดี หนังตาเริ่มกระตุก

“อืมมม แล้วนายคิดจะทำยังไงล่ะ ฮันต์น้อยอยากกดนายนะ” โอเว่นพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

“ต่อไปฉันจะสอนเขาเองว่าจะกดฉันอย่างมีความสุขได้ยังไง ลูกไม้ไร้ประโยชน์พวกนั้นนายเก็บไว้ใช้เองเถอะ”

โอเว่นรู้สึกจุกเพราะประโยคนี้

แต่ไม่นานความหงุดหงิดบนใบหน้าเขาก็หายไป เปลี่ยนเป็นสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มอีกครั้ง

“ถ้างั้นนายคิดว่าจะทำให้ฮันต์ยอมรับนายได้ยังไง ได้ยินว่าตรงนั้นของนายใหญ่อย่างกับขวดโค้กนี่” โอเว่นเลื่อนสายตาลง “ฉันก็ต้องกังวลว่าพวกนายจะไม่มีความสุขน่ะสิ”

วินสตันมองมาทางฮันต์ที่ก้มหน้าทำท่าจะวิ่งหนี เขาคว้าหลังคอเสื้ออีกฝ่ายไว้แล้วดึงกลับมาข้างตน

“นายไม่ต้องกังวลปัญหานี้หรอก ฉันจะแก้เอง”

ฮันต์ยอมรับว่าตกใจมาก

นายจะแก้?

นายจะแก้ยังไง

นี่มันแก้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอวะ! นอกจากนายจะให้ฉันกด!

“แล้วก็ถ้านายสอนสิ่งที่ไร้สาระให้ฮันต์อีก ถึงฉันจะเบียดนายออกจากสนามไม่ได้ทุกครั้ง แต่ฉันรับรองว่าจะทำให้นายทรมานในทุกสนาม”

สีหน้าของวินสตันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ฮันต์กลับนึกถึงเรื่องที่เขาเล่นงานแม็คเกรดีจนต้องออกจากสนามในอดีต

โอเว่นหัวเราะเบา ๆ ทีหนึ่ง มองฮันต์พลางพูด “ฉันจะบอกนายให้นะว่าหมอนี่มันเจ้าคิดเจ้าแค้น นายเชื่อไหมว่าตอนนี้ที่นายบอกให้เขาอดทน ต่อไปเขาจะเอาคืนนายบนเตียง”

เมื่อพูดจบโอเว่นก็ผิวปากเดินจากไป

ฮันต์มองวินสตันที่อยู่ข้าง ๆ อย่างเลิ่กลั่ก วินสตันจึงยกมือขึ้นลูบหลังศีรษะของฮันต์

“ฉันไม่มีทางทำแบบนั้น”

“ฟู่ววว…” ฮันต์ถอนหายใจออกมา

ถึงวินสตันจะเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่อย่างน้อยสัญญาที่ให้ไว้ก็ทำได้หมด

“แต่ฉันจะทำให้นายร้องขอให้ฉันกอดนายเอง”

เมื่อประโยคนี้จบ ฮันต์ก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า

ขณะที่พวกเขากำลังจะจากไป ฮันต์ก็ได้ยินเสียงเมอร์ลินร้องตะโกน

“ฉันรักเขา! ฉันรักเขา! ทำไมฉันจะให้ดอกกุหลาบเขาไม่ได้! ทำไมฉันจะทำอาหารให้เขากินไม่ได้! แล้วทำไมฉันถึงไปหาเขาไม่ได้! ทำไม!”

ฮันต์หยุดฝีเท้าลง หันกลับไปมองอย่างไม่รู้ตัว

แต่ฝ่ามือของวินสตันกลับยื่นมาบังดวงตาของฮันต์ไว้

ฝ่ามือของเขาอุ่นมาก มันยึดครองความคิดของฮันต์เอาไว้

“นายดูสิ เพราะนายเป็นแบบนี้ถึงได้ดึงดูดแฟนคลับโรคจิต”

“หา?” ฮันต์หันกลับมา “ทำไมฉันถึงดึงดูดแฟนคลับโรคจิตล่ะ”

“นายเป็นคนง่าย ๆ มากเกินไป ไม่มีระยะห่างกับใคร ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าสามารถคว้านายมาได้ นายให้ความหวังเมอร์ลิน ตอบรับความคาดหวังของเมอร์ลิน ทำให้เขาเกิดจินตนาการที่สวยงาม ในใจของเขา นายก็เป็นของเขา ตอนนี้เมื่อเขาร้องตะโกนว่ารักนาย นายก็จะใจอ่อน แล้วก็รู้สึกว่านายควรจะตอบรับมันหรือไม่”

ฮันต์รู้ ที่วินสตันพูดถูกต้อง

“ตอนอยู่ในทะเลทรายที่ดูไบ นายก็รู้สึกว่าเมอร์ลินไม่ปกติแล้วใช่ไหม”

แม้วินสตันจะเย็นชาแบบนั้น แต่สายตาเขาแม่นยำกว่าตนมาก

“ฉันไม่รู้ว่าเขาปกติหรือเปล่า แต่ฉันรู้ว่าความรู้สึกที่เขามีให้นายเกินกว่าคำว่าแฟนคลับ ฉันเลยอิจฉามาก”

คำตอบของวินสตันราบเรียบ

“นายอิจฉา? นายคือวอห์น วินสตัน นะ…นายอิจฉาเป็นด้วยเหรอ”

ฮันต์รู้สึกเซอร์ไพรส์ แฟนคลับของหมอนี่ไม่น้อยไปกว่าแฟนคลับของโอเว่นและเชียร์ที่ครองฟอร์มูลาวันมาสิบกว่าปี แต่เขากลับอิจฉาตนที่ตอนนี้มีแฟนคลับคลั่งอยู่คนเดียวเนี่ยนะ

“ฉันอิจฉาที่นายใจเย็นกับเขา อิจฉาที่นายรู้สึกดี ๆ กับเขา ในขณะที่ฉันตกหลุมรักนายมาหลายปีขนาดนั้น แต่ฉันไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อนเลย”

“นาย…นายรักฉันมาหลายปีเหรอ ไม่มีทางอะ นี่เป็นปีแรกที่ฉันเข้าสู่ฟอร์มูลาวัน! หรือว่านาย…เมื่อก่อนนายสนใจรถโกคาร์ต? แต่ฉันจำได้ว่านายมาจากเอฟทรี[1] นี่!”

วินสตันไม่ได้ตอบคำถามนี้ เพียงแค่ยกมือขึ้นจัดปลายผมที่ชี้ตั้งขึ้นมาให้ฮันต์

“วันนี้ฉันถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ฉันอิจฉาเมอร์ลินจริง ๆ คืออะไร”

“อะไร”

“ฉันอิจฉาที่เขาสามารถบ้าได้อย่างไร้กังวล เรื่องที่เขาอยากทำ ฉันก็อยากทำ…เฝ้ามองนายอยู่ทุกเวลา จัดการคนที่เข้าใกล้นาย แอบเข้าไปในห้องนาย…ฉันอยากทำทั้งหมด”

ฮันต์พลันนึกถึงบทพูดตลกๆ ที่พวกเขามักพูดเล่นกันใน แผนฆ่าท้าความเร็ว

บางทีทุกประโยคอาจเป็นคำตอบจริง ๆ ของวินสตัน

“ฉันอยากป่าเถื่อนใส่นาย อยากแก้แค้นที่นายทำให้ฉันสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองทั้งหมด…อยากให้นายร้องไห้เพราะฉัน อยากให้นายร้องขอชีวิตกับฉัน อยากให้นายพูดกับฉันว่า… ‘ขอโทษนะ วินสตัน ขอโทษที่ไม่ว่าทำยังไงฉันก็รักนายไม่มากพอ’ แต่ฉันทำไม่ได้ เพราะการถูกนายเกลียด สำหรับฉันแล้วมันทำให้ตายได้”

วินสตันไม่ได้พูดต่ออีก

นี่เป็นประโยคยาวที่สุดที่น้อยครั้งเขาจะพูดกับฮันต์

เมื่อผู้ชายคนนี้ยืนรอตนอยู่ใต้ท้องฟ้าสีครามของสิงคโปร์ เส้นผมถูกสายลมที่พาดผ่านพัดปลิวไสว ฮันต์จึงพลันเข้าใจว่าระยะห่างที่ใหญ่ที่สุดของความรู้สึกระหว่างตนกับวินสตันคืออะไร

…วินสตันรักเขาอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่า ทุกสิ่งที่วินสตันจ่ายและทุ่มเท เขาอยากได้เรื่อยๆ ไม่เคยพอ

ฮันต์เดินออกมา เคียงไหล่ไปกับวินสตันอย่างไม่เร่งรีบ

อันที่จริงนะวินสตัน ฉันพบว่าทุกวินาทีที่ผ่านไป ฉันรักนายมากขึ้นกว่าวินาทีที่ผ่านมาเสียอีก

ฮันต์ยื่นมือมากุมนิ้วของวินสตันไว้ อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร แค่งอนิ้วกระชับมือกับเขา

วันต่อมา รอบซ้อมอิสระที่สนามมารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิตก็เปิดฉากขึ้น

ไอร้อนของเมืองขณะนี้อยู่ที่ประมาณสามสิบองศา ส่วนอุณหภูมิสนามอยู่ที่ประมาณสามสิบสามองศา เสิ่นชวนนำทีมปรับสมรรถนะของรถแข่งตามผลกระทบที่เกิดจากอุณหภูมิบนพื้นผิวถนนและระดับความหนาแน่นของอากาศ รถแข่งสนามนี้ต้องบรรทุกน้ำมันค่อนข้างมาก เพิ่มภาระให้ล้อ นี่หมายถึงฮันต์ต้องเข้าพิตอย่างน้อยสองรอบ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็อาจเข้าพิตสี่รอบ

“ทุกปีสนามนี้จะต้องมีสถิติการถอนตัวออกจากการแข่งขันเกือบหนี่งในสี่ มันท้าทายมาก” เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคเตือนฮันต์ “ฉันรู้ว่านายคือไอ้บ้า…แต่คราวนี้จริงจังหน่อย ความคาดหวังสูงสุดของพวกเราไม่ใช่การที่นายสามารถแซงนักขับชั้นหนึ่งแบบเชียร์ได้อีกครั้ง แต่เป็นการแข่งได้จบอย่างปลอดภัย รักษาคะแนนในตอนนี้ไว้”

“ครับ ผมรู้แล้ว” ฮันต์พยักหน้า

เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคประหลาดใจเล็กน้อย ถ้าเป็นหลายสนามก่อนหน้านี้ หว่างคิ้วของฮันต์จะต้องแฝงความไม่พอใจและรู้สึกว่าทีมเชื่อใจตนไม่พออะไรเทือกนั้น

แต่คราวนี้เขามองเห็นความเป็นผู้ใหญ่และความมีเหตุผลที่ตกตะกอนอยู่ในดวงตาของฮันต์

“ดูท่าการอยู่กับวินสตันทุกวันก็เป็นเรื่องดี” เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคพูดยิ้ม ๆ

“ครับ? อะไรดีเหรอ”

“ตอนนายครุ่นคิดอะไรเงียบ ๆ ดูเหมือนเขาขึ้นทุกที”

“ประโยคนี้คุณอย่าพูดต่อหน้ามาร์คัสนะ หัวใจที่อ่อนไหวของเขาจะรู้สึกว่าผมจะไปอยู่ทีมเฟอร์รารี่” ฮันต์ป้องปากกระซิบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค

เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคนิ่งไปสองวินาทีก็หัวเราะออกมา

เมื่อการซ้อมรอบที่สามจบลง ฮันต์ก็คุ้นเคยกับสนามนี้เต็มที่แล้ว

ก่อนรอบควอลิฟายจะเริ่ม ฮันต์ไปหาที่สูบบุหรี่เช่นเคย

แต่ครั้งนี้เขาลืมเอาไฟแช็กมา

เขาถอนหายใจ คลำหามือถือกำลังจะส่งข้อความไปถามวินสตัน ทว่าอีกฝ่ายกลับนั่งลงข้างๆ เขาแล้ว กำลังช่วยเขาจุดบุหรี่

เมื่อก่อนรู้สึกว่านี่คือใจที่สื่อถึงกัน แต่ตอนนี้ฮันต์กลับรู้ว่าวินสตันทำเพื่อเอาใจตน

ฮันต์ยกบุหรี่ขึ้นงับเบา ๆ “ฉันรู้สึกว่านี่ควรจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะสูบบุหรี่กับนายก่อนแข่ง”

“เดิมทีนายก็ไม่ค่อยสูบ จะเลิกเลยเหรอ” วินสตันถามเรียบ ๆ

ฮันต์หันหน้ามาพ่นควันบุหรี่ใส่อีกฝ่าย แต่วินสตันกลับไม่กะพริบตาสักนิด

“นายคิดว่าเปลี่ยนเป็นจูบกันเป็นไง” ฮันต์ถาม

“นายกำลังปลอบใจฉันเหรอ นายรู้สึกว่าฉันไม่มีความสุขเพราะเรื่องของเมอร์ลินใช่ไหม” วินสตันเอ่ย

“เปล่า” ฮันต์ส่ายหน้า “เวลาที่ฉันคบกับนายก็เหมือนการสูบบุหรี่ ยิ่งเผาไหม้ก็ยิ่งสั้นลง ในเมื่อเป็นแบบนี้ สู้เอาเวลาที่มีประโยชน์มาจูบกันไม่ดีกว่าเหรอ”

วินสตันหยิบบุหรี่ของฮันต์มาสูบทีหนึ่ง

“นายแน่ใจเหรอ”

“อะไร”

“ฉันนึกว่านายชอบดูตอนฉันสูบบุหรี่มากกว่าซะอีก” วินสตันตอบเสียงเบา

“…” ฮันต์นิ่งไป

หรือจะพูดว่าทุกครั้งที่ตนมองวินสตันสูบบุหรี่ ที่จริงหมอนี่ก็รู้อยู่แล้ว? ไม่แน่ว่ายังชอบอีกด้วย?

อันที่จริงท่าทางตอนที่หมอนี่หลุบตาลงสูบบุหรี่ หรือตอนที่เขาวางนิ้วบนริมฝีปากเบา ๆ ดูเซ็กซี่มาก

วินสตันเอี้ยวตัวส่งบุหรี่ที่เหลือครึ่งหนึ่งกลับไปตรงริมฝีปากฮันต์ ฮันต์เผยอปากออก ทว่าวินสตันกลับเบี่ยงบุหรี่หลบ แล้วกดจูบลงมาแทน

ริมฝีปากของเขาอุ่น สัมผัสแบบนี้ไม่ว่าจะผ่านมากี่ครั้งฮันต์ก็ยังคงเฝ้าคอยอย่างเต็มเปี่ยม

“เจอกันบนสนามแข่ง”

วินสตันโบกบุหรี่ไปมาตรงริมฝีปากฮันต์ ฮันต์งับก้นกรองบุหรี่ไว้แล้วพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ครั้งนี้ระวังโดนฉันเบียดลงมาล่ะ”

“อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นฉันก็จะแทรกเข้าไป”

‘แทรกเข้าไป’ คำนี้พูดได้อารมณ์ชัดเจน ฮันต์ยกยิ้มมุมปาก

วินสตันรู้อยู่แล้วว่าเขากลัว ‘ความแข็งแกร่ง’ ของตน ก่อนจะเกิดเรื่องเมอร์ลินขึ้น ฝ่ายนั้นยังกังวลอยู่บ้าง แต่ตอนนี้วินสตันแสดงให้ฮันต์เห็นอย่างเปิดเผยว่าอยากกดเขา และหมอนี่ยังติดใจเรื่อง ‘แผน’ พวกนั้นของตัวเองกับโอเว่นอยู่

ฮันต์รู้สึกว่าตนก้าวลงไปในหลุมนั้นแล้ว กว่าครึ่งคงออกมาไม่ได้

คืนวันนั้น รอบควอลิฟายก็เปิดฉาก

ในเอเชีย ฟอร์มูลาวันไม่ใช่การแข่งขันที่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร แต่ก็มีแฟนคลับไม่น้อยที่เดินทางมาจากทั่วโลก ตั๋วขายได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ อัฒจันทร์ที่ขึ้นชื่อสามแห่งขายหมดแล้ว

ฮันต์สูดหายใจ พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นป้ายชื่อตนในกลุ่มผู้ชมที่คลาคล่ำ

“แฟนคลับของนายเยอะขึ้นทุกทีจริง ๆ” นายช่างมาร์คพูดด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่า ๆ…” ฮันต์หัวเราะอย่างจนใจ

แฟนคลับยิ่งเยอะ นั่นก็แปลว่าแฟนคลับที่บ้าและสุดโต่งอย่างเมอร์ลินอาจจะยิ่งเยอะขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่เหรอ

…แถมวินสตันยังเคยพูดไว้ว่า ถ้าเป็นเรื่องความคลุ้มคลั่ง เทียบกับเมอร์ลินแล้ว เขามีแต่คลั่งเท่ากันหรือไม่ก็คลั่งมากกว่า

ฮันต์มองท้องฟ้าของสิงคโปร์ หลับตาขอพรเงียบ ๆ ‘ขอให้คราวนี้ผมสามารถขับเทียบวินสตันได้ด้วยเถอะ’

รอบแรก สนามมารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิตก็ให้แต่ละทีมได้โชว์พลัง โคลท์จากทีมวิลเลี่ยมส์ทำพลาดตอนออกโค้งที่เจ็ดจนเกือบจะทำให้มัทดอนจากทีมฟอร์ซอินเดียลำบาก วินสตันรักษาตำแหน่งผู้นำ โอเว่นตามอยู่ด้านหลัง ถัดจากนั้นก็คือการชิงอันดับสามและสี่ของฮันต์และเชียร์ สามนาทีสุดท้าย ฮันต์กัดเชียร์ไว้แน่น รักษาอันดับที่สามไว้ได้

การแข่งรอบสองเริ่มขึ้น การชิงตำแหน่งของโอเว่นและฮันต์ร้อนแรงมากขึ้น หลังเปลี่ยนยางเขาก็รีดผลงานที่ทำให้คนประหลาดใจโดยการแซงฮันต์ ถึงขั้นเร่งแซงวินสตันในท้ายการแข่งรอบสองด้วย

ศึกควอลิฟายรอบสุดท้ายร้อนแรงมากขึ้น วินสตันวางแผนแซงโอเว่น ขณะเดียวกันฮันต์ก็ออกแรงเต็มที่เพื่อไล่ตามความเร็วรอบของวินสตัน

รอบควอลิฟายทำให้ผู้ชมตื่นเต้น นาทีสุดท้าย ดูคอฟนีจากแมคลาเรนแซงโค้งขวาแห่งหนึ่ง แล้วสูญเสียการปรับทิศทาง พุ่งเข้าเขตกันชน

ผู้ชมร้องตกใจไปตาม ๆ กัน

แต่สติของฮันต์มุ่งมั่นมาก ตั้งแต่ต้นจนจบก็ล็อกเป้าหมายของตนไว้ที่…วอห์น วินสตัน

บนโลกนี้คนที่ฉันอยากแซงที่สุดก็คือนาย

ถ้าฉันถูกลิขิตมาให้นายครอบครอง อย่างน้อยในอีกสนามหนึ่งที่พวกเราก็ใส่ใจเหมือนกัน ฉันจะครอบครองสายตาและทิศทางของนาย

เหมือนวินสตันจะรู้สึกได้ถึงการตัดสินใจของฮันต์ แม้แต่สามสิบวินาทีสุดท้ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลาย ยังคงรักษาสถานการณ์ที่เหนือกว่าจนถึงที่สุด

ลำดับการออกตัวของรอบแข่งจริงก็กำหนดได้ดังนี้ ผู้ที่อยู่ตำแหน่งโพลคือเชียร์จากทีมเมอร์เซเดส ตำแหน่งที่สองคือโอเว่น ต่อจากนั้นคือวินสตันและฮันต์

เมื่อขับรถกลับมา ฮันต์ก็เงยหน้า ถอดชุดแข่งท่อนบนห้อยไว้ตรงเอว บิดเปิดขวดน้ำแร่ดื่มอึกใหญ่

เวลานี้เสียงปรบมือก็ดังขึ้น ฮันต์วางขวดน้ำลงถึงพบว่าเป็นนิค

“นายมาส่งดอกไม้เหรอ” ฮันต์ถามยิ้มๆ

“ฮ่า ๆ ถ้าเป็นแฟนคลับทั่วไปส่งดอกไม้ให้นายก็คงได้ แต่ถ้าฉันถูกจับได้ว่าส่งดอกไม้ให้นาย วอห์น วินสตัน จะฆ่าฉันเอาน่ะสิ” นิคลากเก้าอี้มาแล้วแหงนหน้ามองฮันต์

หมอนี่คือหุ้นส่วนใหญ่ของทีม คงมาเช็กว่าที่ลงทุนไปคุ้มค่าหรือไม่

“นายแค่ส่งดอกไม้ให้ฉัน วินสตันจะฆ่านายเลยเหรอ” ฮันต์ลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้านิคอย่างขบขัน ขาหนึ่งพาดอยู่บนที่วางแขนเก้าอี้ โยกตัวน้อย ๆ

“นี่คือจุดที่เขาเก่ง เขาสามารถทำให้คนที่ไม่เข้าใจเขารู้สึกว่าเขาเย็นชา จริงจัง และนิ่งเฉย ทำให้คนที่เข้าใจเขารู้สึกว่าเขาบ้าแบบไม่มีขอบเขต และทำให้นายรู้สึกว่าอยู่ข้างกายเขาแล้วตัวเองจะปลอดภัย”

นิคก้มหน้าลงหัวเราะ

“แล้วฉันอยู่ข้างเขามันไม่ปลอดภัยเหรอ” ฮันต์ถามกลับ

“นายเข้าใจระดับความอยากครอบครองของหมอนั่นแล้วจริง ๆ เหรอ นายรู้ไหมว่าเขาลงหุ้นในบาร์ คลับ และสโมสรชั้นสูงทั่วโลก แน่นอนว่าบางที่ฉันก็มีหุ้นด้วย บางที่ลอว์เรนซ์ โอเว่น ก็มีหุ้น…”

ฮันต์หรี่ตา “บาร์ คลับอะไร”

นิคหัวเราะออกมา “ก็อย่างเช่นคลับที่ฉันเจอกับนายนั่นไง ตอนหลังพนักงานบอกฉันว่า ตอนฉันอยู่กับนาย วินสตันก็เฝ้ามองพวกเราอยู่หน้าจอกล้องวงจรปิด”

“อะไรนะ” หัวคิ้วของฮันต์ขมวดมุ่น “ฉันนึกว่าเขารอฉันอยู่ที่ประตูทางเข้าตลอดซะอีก!”

“ไม่นะ นายควรดีใจที่ตอนนั้นตัวเองไม่ถูกฉันทำให้หลง ไม่โดนฉันกด ไม่อย่างนั้นวินสตันต้องพุ่งเข้ามาเอานายจนตายคาห้องนั้นแน่”

“อะไรนะ…” สีหน้าของฮันต์มีแววโกรธ “คนสารเลวนั่น!”

ถ้าอย่างนั้นคำพูดที่เขาพูดตอนนั้น อีกฝ่ายก็ได้ยินหมดแล้วงั้นสิ!

ในตอนนั้น คำพูดพวกนั้นเป็นคำที่เขาเก็บซ่อนไว้ในใจเลยนะเว้ย!

แต่วินสตันกลับได้ยินหมดซะอย่างนั้น!

“เขาลงหุ้นพวกนี้…คงไม่ใช่เพื่อจะมองดูฉันจากในห้องวงจรปิดหรอกใช่ไหม”

“น่าจะเพราะนายมักมีหัวใจที่คึกคะนอง อยากรู้อยากลอง วินสตันเลยวางนายไว้ในอาณาเขตปกครองของตัวเอง ปล่อยให้ใจของนายโลดแล่นได้ตามสบาย ไม่มีใครกล้าหาเรื่องนาย แล้วเขาก็จะได้ยืมที่ที่นายชอบเหล่านี้เข้าหานาย แถมยังคุมนายได้อีกต่างหาก…ฉันต้องพูดว่าแผนนี้ทั้งผลาญเงินและน่าต่อยทีเดียว”

ฮันต์กำหมัดแน่น

ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่แน่ว่าก่อนเจอกันในห้องน้ำที่สแปนิชกรังด์ปรีซ์ วินสตันก็วางแผนเรื่องพวกนี้ไว้แล้ว

“ตอนนี้นายอยากพุ่งไปต่อยเขาสักหมัดหรือยัง” นิคเอียงศีรษะพลางถามยิ้มๆ

“นายพูดเรื่องพวกนี้กับฉัน เพราะอยากให้ฉันโกรธเขาเหรอ” ฮันต์ปรายตาถาม

“นายไม่โกรธเลยเหรอ ความรู้สึกที่ถูกคนวางแผน แล้วยังถูกคนวางไว้ในกระเป๋าเสื้อมาตั้งนาน น่าจะทำให้นายรู้สึกไม่พอใจใช่ไหม”

“ไร้สาระ! ในเมื่อเขามีหุ้นในคลับกับบาร์พวกนั้น ทำไมไม่ให้การ์ดวีไอพีฉันวะ! ทำไมยังต้องให้ฉันจ่ายเงิน! คราวนั้นฉันโดนนายหลอกจนต้องจ่ายตั้งหลายหมื่นดอลลาร์! วินสตันบอกว่าจะช่วยจ่ายเงินให้โอเว่นแทนฉันก่อน! วุ่นอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายเงินของฉันก็เข้ากระเป๋าเขาหมด!”

ฮันต์ชูนิ้วกลางออกมา

นิคมองฮันต์ สองวินาทีต่อมาก็หันหน้าไปหัวเราะ

“นายหัวเราะกับผีเหรอ”

“นายชอบเขาจริง ๆ สินะ ดังนั้นทุกสิ่งที่เขาวางแผนทำกับนาย นายก็เลยไม่โกรธ”

ฮันต์นิ่งไปก่อนจะถอนหายใจออกมา ยักไหล่ตอบ “ถ้าเทียบกับการไม่ได้เจอเขา ฉันยอมให้ตัวเองโดนเขาวางแผน”

“ฮันต์ นายรู้ไหมว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอนาย นายก็ดึงดูดฉันแล้ว” นิคเท้าคาง ในดวงตาคล้ายย้อนระลึกถึงอะไรสักอย่างที่ยากจะลืมเลือน

“อย่าบอกฉันนะว่า…นายกำลังสารภาพรัก” ฮันต์รู้สึกแขนขาอ่อนแรง

“นายในตอนนั้นมีเสน่ห์แบบไร้เดียงสา ทำให้ฉันนึกถึงสีหน้าอันน่าหลงใหลที่นายจะเผยออกมาเพื่อฉัน แต่นายในตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว ตอนที่ฉันเห็นนายเดินออกมาจากทางเดิน นายเหมือนผู้ชายที่อาบเลือดกลับมา ทั้งกล้าหาญและสุขุม เวลาพูดถึงวินสตันต่อหน้าฉันก็ผ่อนคลายจนทำให้คนอิจฉา…ดังนั้นจงขับไปให้ไกลอีกหน่อย เร่งให้เร็วอีกหน่อย พุ่งไปให้ทะลุจินตนาการของฉัน ถึงตอนนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องเอาแต่ไล่มองตามนายแล้ว” นิคยิ้มพลางยื่นมือมาทางฮันต์

“ขอบคุณ” ฮันต์จับมือนิค

“ขอบคุณที่ฉันกลายเป็นแฟนคลับของนายจริง ๆ หรือขอบคุณที่ฉันบอกความลับเล็ก ๆ ของวินสตันให้นายรู้”

“ทั้งคู่” ฮันต์ยิ้มพลางลุกขึ้น “คืนพรุ่งนี้เริ่มการแข่งจริง อย่าลืมมานะ”

“แน่นอน”

ฮันต์ตามทีมกลับโรงแรม

เพราะเรื่องของเมอร์ลินจบแล้ว รวมกับก่อนหน้านี้วินสตันก็เคยพูดว่าจะไม่นอนด้วยกันก่อนการแข่งขัน คืนวันนี้ฮันต์จึงต้องนอนคนเดียว

ตอนที่เข้าไปในห้องโถงโรงแรม คนของทีมเฟอร์รารี่ก็กลับมาพอดี รวมถึงวินสตันด้วย

เขาสวมเสื้อวอร์ม ใบหน้าเรียบเฉย

แต่ฮันต์รู้ว่าหมอนั่นเหลือบมองตนหลายรอบแล้ว

ทำไมเขาต้องตกหลุมพรางหมอนั่นทุกครั้งด้วยวะ

แถมยังตกมาตั้งแต่ต้น?

ต่อให้ตอนนี้ฮันต์ยินยอมพร้อมใจให้เขาหลอกล่อ แถมยังมีความสุขเล็ก ๆ อีกด้วย แต่พอคิดถึงสีหน้าเรียบเฉยของหมอนั่นแล้วก็รู้สึกว่า…ก็ยังโกรธ

รูปหลายรูปที่ตนกับโอเว่นโดนแอบถ่าย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีอะไรกัน แต่ในคืนวันนั้นวินสตันไม่แม้แต่จะนอนกับเขาด้วยซ้ำ ฮันต์เลยตัดสินใจจะเอาคืนให้เขาทรมานใจสักรอบ

ถ้ารอจนถึงตอนที่ตนโดนหมอนั่นกดจริง ๆ ภายในใจจะต้องเอนเอียงจนทำไม่ลงแน่

ฮันต์ล้วงกระเป๋าเดินมาข้างวินสตัน ก่อนจะใช้ปลายเท้าเตะขาของเขา “เฮ้ มีเรื่องจะพูดด้วย”

[1] F3 (Formula Three) หรือฟอร์มูลาทรี คือการแข่งขันรถสูตรระดับสามภายใต้กฎที่กำหนดขึ้นโดยสหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (FIA) นับเป็นใบเบิกทางสำหรับนักขับที่ใฝ่ฝันจะเข้าสู่ฟอร์มูลาวัน

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า