งานมหกรรมหนังสือที่พลาดไม่ได้ของชาวเหนือเริ่มขึ้นแล้ว นากก็ไม่พลาดเช่นกัน งานนี้นากพาชมบูธอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ ภายในงาน CMU Book Fair จัดโดยสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งจัดต่อเนื่องปีนี้เป็นครั้งที่ 24 แล้ว ย้ายทำเลจากบริเวณหน้าหอสมุดหรืออ่างแก้วมายังหอประชุมมหาลัยเชียงใหม่ ติดแอร์เย็นฉ่ำ เดินได้ทั้งวันไม่เมื่อย ไม่เหนื่อย นากแอบมองเธออยู่นะจ๊ะ เดินเข้ามาทักทายกันได้ในบูธ อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ อยู่ที่บูธ A66 เข้าประตูกลางของหอประชุมมาก็เห็นได้ทันที ขนหนังสือมามากมาย พร้อมพก โปรโมชั่น 1-3 เล่ม ลด 15% 4 เล่มขึ้นไปลด 20% มาให้นักอ่านชาวเหนืออึ้ง ทึ่ง เสียว (ว่าเงินจะหมดกระเป๋า) มีหนังสือให้เลือกซื้อมากมายหลายแนวไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เอาใจนักอ่านรุ่นใหม่ของสำนักพิมพ์ Springbooks ที่พกพาความโดดเด่นให้ละอ่อนน้อยเห็นแต่ไกลด้วยป้ายสีเขียว เรียกให้นากต้องรีบเข้าไปเลือกดู มีหนังสือเล่มใหม่ๆ หลายเล่ม เช่น “เป็นคนที่ใช่ที่ใครก็รู้ว่าคุณ” หนังสือจิตวิทยาที่ว่าด้วยทฤษฎี DISC หรืออริยสัตว์ 4 ที่จะทำให้รู้ว่าตัวเองและคนรอบข้างเป็นคนแบบไหน และเมื่อเจอสถานการณ์ต่างๆ […]
Category Archives: Book
ใครที่คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้คนพิเศษดี ลองเลือก “หนังสือ” สักเล่มดีไหมคะ รับรองว่า หนังสือจะเป็นของขวัญที่ถูกใจทั้งผู้ให้และผู้รับแน่นอน นี่คือ 4 เหตุผลที่นากอยากบอกว่า ทำไมเราควรมอบหนังสือเป็นของขวัญให้กัน หนังสือเป็นยิ่งกว่าของขวัญที่มอบความสุข เพราะหนังสือให้ทั้งความรู้ ความสนุก และประสบการณ์ล้ำค่าแก่ผู้อ่าน ของขวัญชิ้นไหนทำได้ขนาดนี้บ้างเนี่ย หนังสือเหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย และทุกรสนิยม ไม่ว่าคนๆ นั้นจะชอบอ่านนิยายหรืออ่านหนังสือธรรมะ เราก็เลือกให้ถูกใจผู้รับได้ง่ายๆ หนังสือราคาไม่แพงจนเกินไป มีตั้งแต่ราคาหลักร้อยจนถึงหลักพัน แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่าทุกหน้าจริงๆ ยิ่งช่วงไหนมีโปรโมชั่นสุดพิเศษจากสำนักพิมพ์และร้านหนังสือด้วยนะ เลือกได้เพลินๆ เลยล่ะ หนังสือมีอายุยืนนะ มันอาจจะอยู่กับคุณได้จนแก่เลยล่ะ เมื่อเทียบกับของขวัญบางอย่างที่ใช้แล้วอาจจะหมดไปหรือเสื่อมสภาพ หนังสือคงทนกว่าเยอะเลย (แต่ห้ามนำไปวางไว้ในที่ชื้นๆ นะ หนังสือกับน้ำเขาไม่ถูกกัน ฮิฮิ) รู้อย่างนี้แล้ว ชวนกันมาซื้อหนังสือเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษของคุณกันเถอะ!
หนังสือพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ตีพิมพ์เป็นเล่มเผยแพร่นั้น มีทั้งที่เป็นพระราชนิพนธ์ คือ พระราชานุกิจ รัชกาลที่ 8, เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิตเซอร์แลนด์, พระมหาชนก และเรื่องทองแดง ส่วนพระราชนิพนธ์ทรงแปล คือ นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ และติโต หนังสือพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชานุกิจรัชกาลที่ 8 นิพนธ์ขึ้นตามคำกราบบังคมทูลขอพระราชทานของหม่อมเจ้าหญิงพูนพิสมัย ดิศกุล ซึ่งพระราชนิพนธ์เรื่องนี้อยู่ในเรื่อง พระราชานุกิจ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พิมพ์พระราชทานในการพระราชกุศล 100 วันพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ณ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2489 ในจำนวนนี้ ดูเหมือน พระมหาชนก จะเป็นเล่มที่พระองค์ทรงโปรดเป็นพิเศษดังพระราชดำรัสแก่คณะทำงานและสื่อมวลชนที่เข้าเฝ้าฯ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา “หนังสือเล่มนี้รับรองได้ว่าเป็นหนังสือที่ไม่มีที่เทียม ต้องอวดเสียหน่อยว่าไม่มีที่เทียม ท่านผู้ที่เป็นศิลปิน ผู้ที่เป็นกรรมการ และผู้ที่สนับสนุนย่อมจะทราบดีว่างานที่เรานั้นคุ้มค่าแค่ไหน…ต้องขอขอบใจท่านทั้งหลายทุกคนที่มาชุมนุมกันในที่นี้เพื่อที่จะรับรู้ว่า หนังสือเล่มนี้มีขึ้นแล้ว ที่ต้องขอบใจเพราะว่าหนังสือนี้เป็นที่รักของข้าพเจ้าเอง เป็นสิ่งที่เห็นว่ามีความสำคัญ…เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคน และเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งไทยและเทศ” สิ่งที่ได้จากการอ่านงานพระราชนิพนธ์ ถึงวันนี้ คนไทยได้นำเอาหนังสือเล่มนี้มาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต นั่นก็คือ ความเพียร […]
หลายคนมักมองภาพลักษณ์ หนอนหนังสือ ว่าจะต้องเป็นคนที่คร่ำครึ โบราณ ใส่แว่นหนาเตอะ พกหนังสือเล่มเก่าๆ แต่พวกเขาเข้าใจผิดแล้วล่ะ เพราะพวกเราคือ หนอนหนังสือ ยุค 4.0 ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมสุดเจ๋ง ช่วยให้พวกเราอ่านหนังสือได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ลองมาดูกันเลยดีกว่าว่ายุคนี้เขาผลิตอะไรออกมากันบ้าง เผื่อจะมีใครใจดีซื้อมาฝากนากบ้าง ฮิฮิ Point And Click Dictionary ชี้แล้วจิ้ม – พจนานุกรม ราคา 280 เหรียญ (ประมาณ 9,800 บาท) Image : Hammacher.com พจนานุกรมที่คุณไม่ต้องพิมพ์คำศัพท์ลงไป เพียงแค่ ชี้แล้วจิ้มจึ้กไปบนหน้าหนังสือ เครื่องก็จะทำการสแกนคำที่เราสงสัย แล้วแปลออกมาหน้าจอเครื่อง สะดวกสบาย ช่วยให้เราอ่านหนังสือได้ไหลลื่นไม่สะดุด ไม่ว่าจะเป็นหนังสือภาษาอะไรก็อ่านได้คล่อง ไม่ต้องเสียเวลากับการเปิดพจนานุกรมเล่มหนาอีกต่อไป แต่ราคาอาจจะสะดุดกระเป๋าเงินหน่อยนะ Book Vending Machines […]
บริษัทขนส่งสาธารณะ VHH แห่งเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมัน ร่วมกับห้างสรรพสินค้า Stilbruch ได้จัดตั้งโครงการ “Buchhaltestellen” (แปลว่า Book Stop) ให้บริการห้องสมุดบนรถโดยสารประจำทางในเมืองฮัมบูร์ก ซึ่งผู้โดยสารทุกคนสามารถหยิบหนังสือจากชั้นหนังสือในรถมาอ่านได้ระหว่างเดินทาง ซึ่งมีหนังสือมากมายหลากหลายแนวให้เลือกอ่าน สลับเปลี่ยนใหม่ตลอดทุกสัปดาห์ โดยทางห้างฯ Stilbruch จะนำหนังสือจากผู้บริจาคทั้งหมด มาคัดเลือกเล่มที่เหมาะสม แล้วแปะสติ๊กเกอร์โครงการลงบนหน้าปกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า นี่คือหนังสือประจำห้องสมุด 4 ล้อนี้ พิเศษไปกว่านั้นคือ หากถึงที่หมายแล้วยังอ่านไม่จบเล่มก็สามารถยืมกลับไปอ่านต่อที่บ้านได้อีกด้วยโดยไม่ต้องลงทะเบียนหยิบยืมเหมือนห้องสมุดอื่นๆ และเมื่ออ่านจบแล้วก็ส่งกลับคืนมาทางไปรษณีย์หรือนำมาคืนบนรถโดยสารประจำทางคันใดก็ได้ที่ร่วมโครงการนี้ (แสดงให้เห็นว่าชาวเมืองฮัมบูรก์นั้นนอกจากเป็นหนอนหนังสือตัวยงแล้ว ยังเป็นคนซื่อสัตย์อีกด้วย เยี่ยมไปเลย) แม้ว่าโครงการนี้มีจุดเริ่มต้นเพื่อแก้ปัญหาการนั่งรถอันแสนน่าเบื่อระหว่างการเดินทาง แต่กลายเป็นว่า โครงการ “Buchhaltestellen” ช่วยส่งเสริมการอ่านและเพิ่มประชากรหนอนหนังสือแก่ชาวเมืองฮัมบูร์กและเมืองรอบข้างเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มคุณแม่และลูกน้อย ที่มักนิยมเลือกมาใช้บริการห้องสมุดเคลื่อนที่ได้แทนการขับรถส่วนตัว เพื่ออยากสร้างนิสัยรักการอ่านและเพิ่มกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว ปัจจุบันมีห้องสมุด 4 ล้อนี้เหล่านี้กว่า 150 คัน และมีหนังสือบริจาคจากคนทั่วเมืองหมุนเวียนให้อ่านบนรถกว่า 1 ล้านเล่ม และคาดว่าในอนาคตจะขยายไปยังเมืองอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย […]
นอกจากการตั้งชื่อหนังสือให้ติดหูนักอ่านแล้ว การตั้ง ชื่อตัวละคร ให้ติดปากนักอ่านก็เป็นสิ่งที่นักเขียนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะใช้ชื่อไหนเพื่อให้นักอ่านรู้สึกว่า นี่แหละ ชื่อเพื่อนรักของฉัน (เพราะนักอ่านบางคนก็รักตัวละครมากจนนำ ชื่อตัวละคร ไปตั้งเป็นชื่อสัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งชื่อลูก จึงต้องคิดให้ดีๆ ก่อนจะตั้งชืื่อออกมา) ทำให้บางครั้งการตั้งชื่อตัวละครก็ยากกว่าการตั้งชื่อหนังสือเสียอีก (เสียงนักเขียนประจำสำนักพิมพ์บ่นลอยๆ) กว่าจะออกมาเป็น ชื่อตัวละคร ที่ถูกใจนักเขียน ถูกใจนักอ่านได้ ต้องผ่านมาไม่รู้กว่ากี่ชื่อ เราลองมาดูกันว่า หากตัวละครโปรดของคุณ ใช้ชื่อดั้งเดิมจากผู้เขียน ชื่อของพวกเขาเหล่านี้จะยังเป็นชื่อที่ติดหูติดปากคุณอยู่หรือเปล่านะ \ ดิกเกนส์กับปกหนังสือ อะ คริสต์มาสแครอล เวอร์ชั่นแรก By Jeremiah Gurney – Heritage Auction Gallery, Public Domain ถึงแม้วรรณกรรมเรื่อง อะ คริสต์มาส แครอล (A Christmas Carol) จะดำเนินเรื่องด้วยตัวละครหลัก เอเบเนเซอร์ สครูจ (Ebenezer Scrooge) นายธนาคารหน้าเลือดที่ได้รับบทเรียนจากภูติแห่งคริสต์มาส แต่ตัวละครอย่าง […]
นอกจากคำว่า ‘ไม่มีใครแก่เกินจะเรียนรู้’แล้ว ก็ยังมีคำว่า ‘ไม่มีใครเด็กเกินจะเรียนรู้’ เช่นกัน โดยเรื่องราวของ ดาลียาห์ เด็กสาวตัวน้อย อายุ 4 ขวบคนนี้พิสูจน์ได้ ‘ดาลียาห์ อรานา’ (Daliyah Arana) จากเมืองเกนส์วิลล์ รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา (Gainesville, Georgia, USA) ได้ชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยวัยเพียง 4 ขวบ แต่อ่านหนังสือมาแล้วมากกว่า 1,000 เล่ม โดยเริ่มอ่านหนังสือภาพเรื่อง Ann’s Big Muffin เป็นเรื่องแรกในวัยเพียง 2 ขวบย่าง 3 ขวบ
หนังสือแต่ละเล่มต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นปก เนื้อเรื่อง รูปแบบเล่ม แม้กระทั่งกลิ่นของหนังสือ นิสัยของคนรักหนังสือก็แตกต่างกันเหมือนกับหนังสือหมวดต่างๆ แต่สิ่งที่เหมือนๆ กันก็คือ มักจะพิถีพิถันในการคัดเลือกหนังสือสักหนึ่งเล่มมาเป็นของตัวเอง พวกเขาส่วนใหญ่จะเลือกปกที่เรียบเนียน ไม่พับงอ สันหนังสือคมสวย หน้ากระดาษขาวสะอาด พูดง่ายๆ ว่า ชอบหนังสือที่ดูใหม่และสวยงาม แต่ยังมีหนอนหนังสือหลายคนที่หลงใหลในหนังสือเก่าที่หน้ากระดาษเปลี่ยนจากสีขาวเหลืองเป็นสีน้ำตาล ซึ่งไม่ใช่แค่ความขลังของมันเท่านั้นที่ทำให้หนอนหนังสือมักสะสมหนังสือเก่า แต่หลายเสียงบอกเหมือนกันว่า พวกเขาชอบดมกลิ่นหนังสือเก่า บางคนบอกว่า กลิ่นของหนังสือเก่าเหมือนกับกลิ่นของเมล็ดอัลมอนด์คั่ว อีกคนก็บอกว่าหอมหวานเหมือนกลิ่นของดอกวานิลลาจางๆ และยังมีนักอ่านที่บอกว่า ได้กลิ่นเหมือนควันไฟ, เปลือกไม้ , กาแฟ แม้กระทั่งช็อกโกแลต กลิ่นหนังสือ เกิดขึ้นได้อย่างไรกันนะ? กลิ่นหอมๆ ของหนังสือที่ดีต่อใจของเรานั้นมีอยู่จริงๆ นะ โดยกลิ่นเกิดจากกลุ่มสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC: Volatile Organic Compound) ที่พบได้ในวัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ทำหนังสือ ( น้ำหมึก กาว ฯลฯ) ทำปฏิกริยากับแผ่นกระดาษที่ประกอบไปด้วย เซลลูโลส (cellulose) และลิกนิน (lignin) ตัวการหลักของการเปลี่ยนสีกระดาษและกลิ่น โดยมีความร้อน แสงไฟ […]
มีใครชอบห่อปกหนังสือบ้าง..!? มาดูกันว่า “ทำไมคนญี่ปุ่นชอบห่อปกหนังสือ” คนที่เคยซื้อหนังสือที่ญี่ปุ่น ต้องมีประสบการณ์โดนถามว่า “จะห่อปกหรือเปล่าคะ” สักครั้งแน่นอน วัฒนธรรมการห่อปกหนังสือ เป็นวัฒนธรรมเฉพาะตัวของประเทศญี่ปุ่น และมีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบร้อยปี โดยร้านหนังสือจะให้บริการห่อปกหนังสือด้วยกระดาษทึบ อาจเป็นกระดาษสีน้ำตาลธรรมดา หรือกระดาษลวดลายต่างๆ เมื่อผู้ซื้อถือไปอ่านบนรถไฟขณะเดินทาง คนรอบข้างจะได้ไม่รู้ว่ากำลังอ่านเรื่องอะไรอยู่ หากจะพูดถึงต้นเหตุของวัฒนธรรมนี้ ต้องย้อนกลับไปดูถึงนิสัยพื้นฐานของคนญี่ปุ่น ซึ่งแคร์สังคมมากกว่าตัวเอง กลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบข้าง เราจึงมักเห็นคนญี่ปุ่นต่อคิวซื้อของอย่างเป็นระเบียบ และปฏิบัติตามกฎที่สังคมวางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ถูกติฉินนินทาได้ ด้วยไม่ชอบให้ตัดสิน คนญี่ปุ่นจึงเลือกห่อปกหนังสือ จะได้อ่านหนังสือในที่สาธารณะได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าหนังสือเล่มนั้นจะเป็นหนังสือทั่วไป หรือหนังสือที่มีเนื้อหาหวือหวาก็ตาม คนไทยอาจมองว่าการอ่านหนังสือบนรถไฟเป็นการแสดงตัวตน และยินดีให้เพื่อนร่วมทางตัดสินแบบนั้น ไม่ดีหรือถ้าเราอ่านวรรณกรรมตะวันตกบนรถไฟเพื่อแสดงให้คนรอบข้างเห็นว่าเราอ่านภาษาอังกฤษได้ ไม่ดีกว่าหรือถ้าเราอ่านตำราเรียน เพื่อให้คนรอบข้างเห็นว่าเราตั้งใจเรียน คนญี่ปุ่นนั้นมีเหตุผลร้อยแปดพันประการให้เชื่อว่า คนอื่นอาจไม่ได้มองในแง่บวกขนาดนั้น คนอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศ อาจถูกมองว่าเป็นคนขี้อวด คนอ่านหนังสือเรียน อาจถูกมองว่าไม่เตรียมตัวล่วงหน้า คนอ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง อาจถูกมองว่าเป็นคนไม่เก่ง ไม่ต้องพูดถึงหนังสือที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่หรือหนังสือที่มีเนื้อหารุนแรงเลย นอกจากนี้คนญี่ปุ่นยังมีวัฒนธรรมการขายของที่ไม่ใช้แล้วตามร้านขายของมือสองหรือร้านรับซื้อของเก่า เพราะเนื้อที่มีจำกัด หนังสือที่ห่อปกและยังมีสภาพเหมือนใหม่จะขายต่อได้ราคาดีกว่าหนังสือที่ไม่ได้ดูแลรักษา วัฒนธรรมการห่อปกหนังสือ จึงค่อยๆ พัฒนามาเป็นลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่สำนักพิมพ์หรือร้านหนังสือใช้โปรโมทแบรนด์ตัวเอง เช่น ร้านหนังสือฮนโตะ (Honto) มีทั้งปกหนังสือที่แสดงชื่อร้าน […]