Klara and The Sun คลาราและดวงอาทิตย์ คาซึโอะ อิชิงุโระ ธิดารัตน์ เจริญชัยชนะ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) ———————————————————— คำนำสำนักพิมพ์ คลาราและดวงอาทิตย์ เป็นผลงานเล่มล่าสุดหลังจากที่อิชิงุโระได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปี ค.ศ.2017 นวนิยายเล่มนี้ ผู้เขียนจะพาเราไปดูความเป็นมนุษย์และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งภายในจิตใจและสภาพแวดล้อมภายนอกของโลกปัจจุบันผ่านสายตาของเอเอฟ (เพื่อนปัญญาประดิษฐ์) ที่ชื่อคลารา เธอเป็นหุ่นยนต์ช่างสังเกต ช่างจดจำ และชอบตั้งคำถาม วันหนึ่ง โจซี เด็กสาวเลือกให้เธอไปอยู่ด้วย ยิ่งนานวันที่คลาราใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์ เธอเริ่มรู้สึกว่า หากเธอสังเกตความเป็นมนุษย์ได้มากเท่าไร เธอก็จะยิ่งมีความรู้สึกมากขึ้นเท่านั้น ถึงจะมีคนบอกเธอว่า หุ่นยนต์อย่างเธอนั้นไม่มีวันเข้าใจจิตใจมนุษย์ได้อย่างแท้จริง เพราะหัวใจของมนุษย์นั้นทับซ้อนกันหลายต่อหลายชั้นขนาดที่มนุษย์เองยังไม่มีวันหยั่งถึง และแม้จะมีคนเตือนคลาราว่าอย่าถือเอาคำมั่นสัญญาของมนุษย์เป็นจริงเป็นจังแล้วก็ตาม… งานของคาซึโอะ อิชิงุโระ เป็นงานที่เล่นกับความรู้สึกของคนอ่านอย่างสม่ำเสมอผ่านตัวละครก่อนจะส่งผ่านความรู้สึกต่างๆ ที่เวียนว่ายอยู่ในตัวละครเหล่านั้นมาสู่ผู้อ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป นวนิยายเรื่องคลาราและดวงอาทิตย์นี้ก็เช่นกัน อิชิงุโระได้ถ่ายทอดออกมาด้วยภาษาที่ไม่ซับซ้อนเช่นจิตใจของมนุษย์ แต่กลับสะเทือนอารมณ์ได้อย่างหมดจดยิ่ง ทั้งยังเป็นงานที่มีความโรแมนติกซึ่งไม่ใช่ความหมายของคำว่าโรแมนติกอย่างที่มนุษย์ใช้บ่อยครั้ง หากแต่มันคือความโรแมนติกแบบที่มนุษย์เราต้องประสบ อันเป็นความแท้ที่ยากจะหลีกหนี หัวใจของมนุษย์นั้นซับซ้อน – มนุษย์รู้ดีแต่เมื่อใดที่คุณมีหัวจิตหัวใจ เมื่อนั้นความเปราะบางก็พร้อมมาเยือนคุณได้ทุกเวลา ———————————————————— แด่มารดาของข้าพเจ้า ชิซึโกะ อิชิงุโระ (ค.ศ.1926-2019) ———————————————————— […]
Category Archives: Fiction
PIPPI GOES ON BOARD ปิ๊ปปี้ออกทะเล แอสตริด ลินด์เกรน เขียน ดร.บุญส่ง ชเลธร แปล อิงกริด วาง นีมาน วาดภาพประกอบ (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 1 ปิ๊ปปี้ยังอยู่ที่วิลล่า วิลเลคูลล่า ถ้าบังเอิญมีใครเดินทางมาเที่ยวเมืองเล็กๆ แห่งนี้แล้วหลงทางไกลออกไปจนถึงชานเมืองด้านหนึ่ง เขาจะได้เห็นวิลล่า วิลเลคูลล่า ไม่ใช่ว่าบ้านหลังเก่าที่พร้อมจะพังพาบลงมากับสวนรกรอบ ๆ ที่ไม่มีใครเหลียวแลจะมีอะไรมากมายน่าสนใจ แต่บางทีคนต่างถิ่นก็จะหยุดมอง และสงสัยว่าใครกันอาศัยอยู่ ผิดกับคนทุกคนในเมืองเล็กแห่งนี้ที่รู้กันทั้งนั้น แถมยังรู้ด้วยว่าทำไมมีม้ายืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน ซึ่งของอย่างนี้คนต่างถิ่นย่อมไม่รู้ และไม่สามารถรู้ได้ โดยเฉพาะเมื่อเขามั่นใจว่านาฬิกาของตนเดินตรงแล้ว ก็จะงงมากขึ้นไปอีกว่า มืดออกอย่างนี้ ทำไมยังมีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเดินเล่นอยู่ในสวน โดยไม่มีทีท่าว่าจะเข้านอนเลย เขาคงจะคิดว่า “สงสัยจริงว่าทำไมแม่ของเด็กคนนี้ถึงไม่ดูแลให้ลูกเข้านอนเสียที ดึกอย่างนี้ เด็กที่ไหนก็คงหลับกันไปหมดแล้ว” คนต่างถิ่นจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่มีแม่ พ่อก็ไม่มี ในบ้านหลังนี้ไม่มีใครอื่นอีก เธออาศัยอยู่ตามลำพังในวิลล่า วิลเลคูลล่าแห่งนี้ […]
“โชคดีว่าฉันเจอแก เป็นเรื่องดีที่สุดแล้วในชีวิตเส็งเคร็งของฉัน” ประโยคนี้เป็นคำพูดของหญิงสาวคนหนึ่ง หลังจากได้พบ ทะมง สุนัขพันธุ์ผสมระหว่างเยอรมันเชพเพิร์ดและพันธุ์พื้นเมืองญี่ปุ่น ที่พลัดหลงกับเจ้าของหลังเหตุการณ์สึนามิครั้งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น และเป็นเรื่องบังเอิญที่เธอได้พบกับทะมงในช่วงเวลาที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร และไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรบนโลกที่แสนโหดร้ายนี้ ทะมงเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นในวันที่แย่ที่สุด นอกจากจะได้พบหญิงสาวผู้นี้แล้ว ทะมงก็พบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายคา ตลอดช่วงเวลาที่ทะมงอาศัยอยู่กับใคร ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน หรือแม้กระทั่งยาวนานนับเดือน ทะมงก็ทำให้เจ้าของหน้าใหม่ทั้ง 6 ได้เรียนรู้บทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่มนุษย์คนไหนก็ไม่อาจมอบให้พวกเขาได้ นี่คือเรื่องราวชีวิตของผู้คนทั้ง 6 ที่เจ้าทะมงได้แวะไปเยี่ยมเยียนรับรองว่าทั้งหลากหลายและครบรสอย่างไม่ซ้ำใครแน่นอน พบกับ 6 เรื่องราวที่บอกเล่าผ่านเจ้าของทั้ง 6 คน และสุนัขจรจัด 1 ตัวที่ไม่เคยเกรงกลัวต่อสิ่งใด ชายหนุ่มกับสุนัข เรื่องราวของ คาซุมาสะ ชายหนุ่มพนักงานขับรถส่งของผู้บังเอิญเจอกับ ทะมง ที่หน้าร้านสะดวกซื้อระหว่างเวลางาน หลังจากที่เขาได้ให้เนื้อไก่อบแห้งกับทะมง เจ้าสุนัขก็ตัวติดกับเขาไม่ห่างจนสุดท้ายต้องจำใจพาขึ้นรถกลับบ้านไปด้วย คาซุมาสะ มีหน้าที่เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวที่มีพี่สาววัย 30 ต้นๆ คอยดูแลพยาบาลแม่ผู้ป่วยเป็นโรคร้ายซึ่งมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เขาได้แต่หวังว่าสมาชิกครอบครัวตัวใหม่อย่างทะมง จะสามารถบรรเทาอาการของแม่ได้ในฐานะสุนัขบำบัดจำเป็น ด้วยทักษะการขับรถที่น่าจับตามองของเขาประกอบกับสถานะทางการเงินที่ไม่ค่อยสู้ดี นุมะกุจิ ผู้เป็นรุ่นพี่สมัยมัธยมปลายจึงได้ยื่นข้อเสนอที่จะเปลี่ยนชีวิตคาซุมาสะ ไปตลอดกาล เจ้าทะมง จะมีบทบาทอะไรในเส้นทางใหม่ที่คาซุมาสะ เลือกเดิน ต้องติดตามนะคะ หัวขโมยกับสุนัข ดูเหมือนว่าเจ้าสุนัข ทะมง […]
여름, 어디선가 시체가 วันหนึ่งในฤดูร้อนมีศพนอนอยู่ที่ไหนสักที่ พักยอนซอน เขียน มินตรา อินทรารัตน เเปล ติดตามการวางจำหน่ายได้ทางเพจ “เเพรวนิยายเเปล” 01 ฤดูร้อน จะเศร้าหรือไม่ก็ช่าง ขอแค่ได้กินซัม[1]ใบฟักทองให้ขากรรไกรค้างก็พอ “ตะวันโด่งขึ้นมาจ่อก้นแล้ว ยังเอาแต่นอนอยู่ได้” ฉันขอออกตัวไว้ก่อนเผื่อมีใครเข้าใจผิด ตอนนี้ยังไม่ทันจะเก้าโมงเลยด้วยซ้ำ ถ้าได้ยินประโยคนี้สักตอนเที่ยงก็คงไม่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมอย่างนี้หรอก เสียงดังสนั่นโครมครามมาจากด้านนอกอย่างกับจะทำให้ข้าวของพังกันไปข้างหนึ่ง ย่าจงใจทำเสียงดังให้ฉันตื่นแน่ๆ แต่ถ้ามีอะไรพังขึ้นมา ก็มีแต่ย่านั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายเสียหาย การต่อสู้เพื่อการนอนยามเช้าในวันนี้นับเป็นวันที่สามแล้ว วันแรก ย่าลากหลานสาวที่ยังลืมตาไม่ขึ้นออกมานั่งหน้าโต๊ะอาหาร จัดแจงยัดตะเกียบใส่มือให้ แล้วบอกว่า “คนเราถึงเวลานอนก็ต้องนอน ถึงเวลาลุกก็ต้องลุก รีบตื่นขึ้นมากินข้าวเถอะนะ หือ” น้ำเสียงของย่าช่างอ่อนโยนเสียไม่มี แม้ฉันจะเป็นหลานสาวแท้ๆ แต่เอาเข้าจริงเราก็ได้เจอกันแค่ปีละครั้งสองครั้งเท่านั้น อาจด้วยเหตุผลนี้ ย่าเลยเผยตัวตนออกมาไม่ได้ในทันที พอเข้าวันที่สอง ตัวตนที่แท้จริงก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น ย่าผลักประตูห้องให้เปิดกว้างจนบานประตูแทบพัง “ยังนอนอยู่อีกหรือ หลังเอ็งลงไปติดไม้กระดานแล้วมั้ง!” สำหรับผู้เฒ่าวัยแปดสิบอย่างย่า รสชาติของการนอนตอนหัวค่ำอาจกลมกล่อมดั่งรสงา แต่สำหรับสาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดอย่างฉัน ช่วงของการนอนตอนเช้าต่างหากที่หอมหวานปานน้ำผึ้ง ทีตอนแกหลับปุ๋ยตั้งแต่สามทุ่ม ฉันเคยขัดว่าจะนอนแล้วหรือ หรือเปล่าล่ะ ฉันไม่เคยพูดอะไรเลยสักครั้ง แถมยังเบาเสียงโทรทัศน์ให้ย่าได้หลับสนิทด้วย แล้วทำไมย่าถึงทำกับฉันแบบนี้ […]
“ขอบคุณที่มีชีวิตอยู่” แม้คุณอาจจะไม่รู้ตัว แต่การมีชีวิตอยู่ของคุณย่อมมีความหมายกับใครสักคนแน่นอน… ขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับผู้คนที่ยังเปล่งแสงของชีวิตในหนังสือ แด่เธอผู้เปล่งประกายใต้แสงจันทร์ การันตีความโด่งดังด้วยยอดขาย 600,000 เล่มในประเทศญี่ปุ่น และถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์กำกับโดยโช สึคิคาวะ เจ้าของผลงานภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ และ ย้อนรัก 100 ครั้งยังเป็นเธอ เรื่องราวของเด็กสาวที่ป่วยเป็นโรคเปล่งแสง ร่างกายของเธอจะเปล่งแสงสว่างเมื่ออยู่ใต้แสงจันทร์ กับเหล่าผู้คนที่แวะเวียนกันมาสร้างบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิต และทำให้เธอมีความสุขที่สุดในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตจะมีใครบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ วาตาราเซะ มามิสุ มามิสุ เป็นเด็กสาวผู้ป่วยเป็นโรคเปล่งแสงมาตั้งแต่ชั้นม.ต้น เธอจึงต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงแค่ในโรงพยาบาลอย่างลำพังเป็นระยะเวลาหลายปีจนถึงปัจจุบันที่เธออยู่ในวัยมัธยมปลายปีหนึ่ง ความงดงามของเธอเป็นที่เลื่องลือในหมู่นักเรียนแม้จะไม่ได้ปรากฏตัวที่โรงเรียนเป็นเวลานาน เธอคือเจ้าของสีหน้าไร้เดียงสาปราศจากวี่แววเจ้าเล่ห์ที่ดูซื่อตรงและจริงใจ รวมไปถึงผิวขาวผ่องที่ดูเหมือนเกิดและเติบโตในต่างแดน โอคาดะ ทาคุยะ ทาคุยะ เป็นนักเรียนชายที่จับพลัดจับผลูได้เป็นตัวแทนห้องเรียนให้ไปเยี่ยมมามิสุที่โรงพยาบาล โดยทาคุยะไม่รู้เลยว่าเด็กสาวแปลกหน้าผู้นี้จะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของเขา มามิสุเป็นดั่งแสงสว่างที่ดึงทาคุยะให้พ้นจากความมืดมิด เขามีบาดแผลในใจจากการสูญเสียคนสำคัญ ประกอบกับการเฝ้าหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ที่ไร้ซึ่งคำตอบอันแน่ชัด ฮิราบายาชิ ริโกะ ริโกะ เป็นพนักงานสาวผมสั้นสีสว่างสดใสประจำเมดคาเฟ่ที่ทาคุยะทำงานพิเศษเป็นผู้ช่วยในครัว ด้วยความที่ส่วนใหญ่ในร้านมักจะมีแต่พนักงานอายุเยอะกว่า เธอที่โตกว่าทาคุยะเพียงปีเดียวจึงดีใจมากที่มีคนรุ่นราวคราวเดียวกันเข้ามาทำงานด้วย ริโกะเป็นที่พึ่งสำคัญของทาคุยะเพราะเธอคือผู้ที่คอยให้ความช่วยเหลือและใส่ใจถามไถ่สารทุกข์สุกดิบพนักงานมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นชินกับงานพิเศษอย่างทาคุยะอยู่เสมอ คายามะ อากิระ คายามะ เป็นหนุ่มคาสโนวาตัวพ่อที่มีงานอดิเรกคือการหักอกผู้หญิงเป็นว่าเล่น ในขณะที่สาวๆ ชอบเขาเพราะหน้าตาที่ได้รูป พวกเพื่อนผู้ชายส่วนใหญ่กลับพากันตีตัวออกห่างเนื่องจากท่าทางการตอบคำถามอย่างกวนๆ ของเขาที่มักทําให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนโดนเย้ยหยัน . […]
(* ในบทความนี้เรียงลำดับเหตุการณ์โดยยึดตามเวอร์ชันนิยาย ซึ่งมีความแตกต่างกับเวอร์ชันซีรีส์*) หลายคนที่อ่าน “คําอธิษฐานสุดท้าย” (THE LAST WISH) กับ “ดาบแห่งโชคชะตา” (SWORD OF DESTINY) จบแล้วสับสนกับลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนิยายเล่าเรื่องไม่เหมือนกับซีรีส์ แพรวสำนักพิมพ์จึงทำบทความนี้ขึ้น เพื่ออธิบายให้กระจ่างว่าเรื่องสั้นเรื่องไหนเกิดก่อน เรื่องสั้นเรื่องไหนเกิดหลัง และตรงกับซีรีส์ของ NETFLIX ตอนไหนบ้าง ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ในซีรีส์จะเล่าไทม์ไลน์ทั้ง 3 คนไปพร้อมๆ กัน คือ เกรอลท์ เยนเนเฟอร์ และซิริ แต่ในนิยายจะเล่าแค่ไทม์ไลน์ของเกรอลท์เท่านั้น ในโพสต์นี้จึงขอกล่าวถึงแค่ไทม์ไลน์ของเกรอลท์เพียงคนเดียวตามต้นฉบับในนิยาย มาไล่ดูไปทีละภาพไปพร้อม ๆ กันเถอะ : 1 ตอน : เศษเสี้ยวแห่งความจริง จากเล่ม : คำอธิษฐานสุดท้าย ซีรีส์ : ออกฉายในซีซั่น 2 เรื่องสั้นลำดับที่ 2 ต่อจากตอน “วิทเชอร์” แต่จริงๆ […]
The Witcher I สายโลหิตแห่งเอลฟ์ Blood of Elves อันเดรย์ ซาพคอฟสกี ผู้เขียน ธนพร ภู่ทอง ผู้แปล ติดตามการวางจำหน่ายได้ทางเพจ “เเพรวนิยายเเปล” (ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) บทที่หนึ่ง ทั่วทั้งเมืองกำลังลุกเป็นไฟ ถนนอันคับแคบที่ทอดนำไปสู่คูน้ำรอบเมืองและชานบ้านแห่งแรกนั้นล้วนมีควันไฟและเถ้าถ่านพวยพุ่งออกมา เปลวไฟมากมายกำลังกลืนกินบ้านมุงหลังคาที่กระจุกตัวกันเป็นกลุ่มก้อนหนาแน่นและลามเลียไปทั่วกำแพงปราสาท จากทิศตะวันตกซึ่งเป็นทิศทางของประตูท่าเทียบเรือนั้น เสียงหวีดร้อง เสียงตะโกนจากการต่อสู้อันดุเดือด และเสียงปะทะอันทึบตันของเครื่องพังประตูที่ยังคงเหวี่ยงกระแทกเข้าใส่กำแพงยิ่งทวีความดังขึ้นไปอีก กลุ่มผู้โจมตีโอบล้อมพวกนางไว้โดยมิได้คาดหมาย และในตอนนี้ก็กำลังทุบทำลายเครื่องกั้นที่ถูกยันเอาไว้โดยทหารจำนวนไม่กี่นายซึ่งเป็นเพียงชาวเมืองถือง้าวไม่กี่หยิบมือและทหารหน้าไม้จากสมาคมอีกจำนวนหนึ่ง ฝูงม้าศึกของฝ่ายผู้โจมตีสวมเครื่องประดับสีดำสนิทต่างห้อกระโจนผ่านเครื่องกั้นมาราวกับภูตผี โดยมีคมดาบที่ส่องประกายอยู่ในมือผู้ขี่คอยมอบความตายให้กับฝ่ายป้องกันที่กำลังหลบหนีไป ซิริรู้สึกได้ว่าจู่ๆ อัศวินด้านหลังที่กำลังยึดร่างนางไว้บนอานก็กระตุ้นเร่งม้าของเขากะทันหัน นางได้ยินเสียงร้องของเขา “จับไว้” เขาตะโกน “จับไว้!” อัศวินนายอื่นๆ ที่สวมชุดประดับธงของซินทราไล่ตามพวกนางมาทันจนได้ และถึงแม้จะยังควบม้าด้วยความเร็วสูงสุด พวกเขาก็ยังคอยรับมือกับทหารชาวนิล์ฟการ์ดอย่างไม่ลดละ ซิริมองเห็นการต่อสู้ดังกล่าวได้ด้วยหางตา – มองเห็นชุดคลุมสีทองอมน้ำเงินและสีดำสะบัดไปมาท่ามกลางเสียงเหล็กที่ฟาดกระทบกัน เสียงคมดาบที่ปะทะเข้ากับโล่ เสียงร้องของม้า–– เสียงตะโกน ไม่สิ ไม่ใช่เสียงตะโกน เสียงหวีดร้องต่างหาก “จับไว้!” กลัวเหลือเกิน ทุกๆ การกระตุก ทุกๆ การสะบัด […]
รีวิว แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ by ไช่ฉิง ***มีสปอยล์*** ชื่อหนังสือ: 《步天纲》แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ เนื้อเรื่อง : นายเอกชื่อตงจื้อ (冬至) :แปลว่า วันเหมายัน คือ วันที่พระอาทิตย์จะส่องแสงสั้นที่สุด หรือ วันที่เป็นจุดสูงสุดในฤดูหนาว จะตรงกับวันที่ 22 ธันวาคม ของทุกปี แต่ปีที่มีอธิกมาส จะตรงกับวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งนายเอกเกิดในวันเหมายันนี้ด้วย) เป็นนักวาดภาพคาแรกเตอร์ตัวละครในเกมที่มีชื่อเสียงพอสมควร แต่ก็ต้องมาลาออกเพราะงานเครียดมาก เปิดเรื่องมาที่ตงจื้อนั่งรถไฟตั้งใจจะไปเที่ยวที่เมืองฉางชุนเพื่อพักผ่อนใจ แต่เขากลับต้องมาเจอกับเรื่องเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจอธิบายได้จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่ยามคับขัน หลงเซิน(龙深) พระเอกของเราก็ปรากฏตัวออกมาช่วยชีวิตนายเอกเอาไว้ วินาทีที่ตงจื้อได้เห็นหลงเซินก็ประทับใจในตัวเขาแล้ว ทว่าฝ่ายตงจื้อแม้อยากจะทำความรู้จักกับหลงเซินแต่อีกฝ่ายดูจะไม่ต้องการเกี่ยวพันกับเขา แต่เหออวี้ลูกน้องของหลงเซินเป็นแฟนผลงานของตงจื้อ จึงเล่าให้ฟังว่าหลงเซินเป็นหัวหน้าตน และทั้งคู่ก็ทำงานอยู่ในหน่วยพิเศษที่ขจัดและปราบปราบสิ่งเหนือธรรมชาติโดยเฉพาะ ส่วนตัวของเหออวี้ก็เป็นผู้เชีjยวชาญด้านการใช้ยันต์ เป็นเพราะเหออวี้ต้องการปลอบตงจื้อเลยวาดยันต์ป้องกันตัวให้หนึ่งแผ่น ตงจื้อมีพรสวรรค์มาก มองปราดเดียวก็สามารถวาดตามได้เกือบเหมือนทั้งหมด เหออวี้รู้สึกชื่นชมเลยสอนให้อย่างจริงจัง ด้วยเหตุนี้เอง ในเวลาต่อมาเมื่อได้เจอหลงเซินกับเหออวี้อีกครั้งที่ภูเขาฉางไป๋ ในยามคับขันตงจื้อจึงมีโอกาสช่วยเหลือพวกเขาด้วยยันต์ที่วาดขึ้นมาเอง และการพบกันครั้งที่สองนี้เองที่ทำให้ตงจื้อหลงใหลได้ปลื้มในตัวหลงเซินและอยากจะเข้าทำงานหน่วยเดียวกับเขา รวมถึงอยากจะกราบหลงเซินเป็นอาจารย์ด้วย ดังนั้นตงจื้อผู้มุ่งมั่นจึงไปสอบคัดเลือกระดับประเทศ บุกบั่นต่อสู้เพื่อเข้าไปทำงานในหน่วยเดียวกับหลงเซิน ในตอนแรกพระเอกไม่ได้ชอบใจตงจื้อเท่าไรนัก เขาคิดว่าตงจื้อเป็นคนธรรมดาควรจะใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา แต่ตงจื้อนิสัยดีขยันขันแข็งและทุ่มเท (หน้าตาก็น่ารักอ่อนกว่าวัย ผมนุ่มๆ […]
จำได้ไหมคะ ว่าความสัมพันธ์แบบไหนบ้าง ที่ผ่านเข้ามาชีวิตของคุณตั้งแต่เด็กยันโต! ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน (ที่สนิทบ้างไม่สนิทบ้าง) ความสัมพันธ์แบบรักแรกพบ ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด ความสัมพันธ์แบบแอบชอบ หรือความสัมพันธ์ระยะยาว… ใน โกโก้อุ่นๆ กับคุณในวันพฤหัสฯ วรรณกรรมแปลญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยความสัมพันธ์อุ่นๆ อันแสนเรียบง่ายจากเรื่องสั้นทั้ง 12 ตอนที่จะทำให้คุณหวนนึกถึงบรรยากาศอบอุ่นที่คุณเคยสัมผัส หรือนึกถึงใครบางคน ตลอดจนความสัมพันธ์ในชีวิต ความสัมพันธ์อุ่นๆ ในเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในรูปไหนบ้าง จะตรงกับที่เพื่อนๆ เคยประสบมาหรือเปล่าไปชมพร้อมๆ กันเลยค่ะ ความสัมพันธ์แบบแอบชอบ และไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา ในชีวิตของคนเรา ต้องมีสักครั้งหรือหลายครั้งที่ดันไปแอบชอบคนคนหนึ่งตั้งแต่แรกเห็น และไม่รู้จักชื่อของเขาด้วยซ้ำ ไม่ว่าการแอบชอบรุ่นพี่ในโรงเรียน ที่ต้องแอบไปสืบชื่อแซ่ของเขาภายหลัง หรือแอบชอบคนที่บังเอิญเจอกันในร้านคาเฟ่ เหมือนเรื่องราวของบาริสต้าหนุ่มคนนี้ คุณบาริสต้าที่อยู่ในเรื่องนี้ เพิ่งมาทำงานที่มาร์เบิ้ลคาเฟ่ได้ไม่นาน แล้วเขาก็ตกหลุมรักลูกค้าคนหนึ่งเขาอย่างจัง เธอจะมาที่คาเฟ่ทุกวันพฤหัสฯ สั่งโกโก้ร้อนเมนูเดิม นั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม และลงมือเขียนจดหมาย เธอทำแบบนี้เป็นประจำจนเขาจดจำเธอได้อย่างแม่นยำ และใจจดใจจ่อที่จะได้ทำงานในวันพฤหัสฯ มากเป็นพิเศษ ความสัมพันธ์แบบแอบชอบสร้างกำลังใจให้ใครมากมาย รุ่นพี่ที่โรงเรียนทำให้เราอยากไปโรงเรียนทุกวันเพื่อจะได้เจอหน้า หรือรอที่จะเรียนวิชาเรียนรวมเพื่อจะได้เจอเขา เป็นความบังเอิญแบบจงใจที่เราสร้างขึ้นมาและหวังเล็กๆ ให้เธอหรือเขารู้สึกเช่นเดียวกัน เป็นความสัมพันธ์ที่รู้สึกอบอุ่นใจ แม้จะยังไม่ได้สานสัมพันธ์เลยก็ตาม ความสัมพันธ์แบบครอบครัว ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน สมมุติว่าวันหนึ่งคุณมีครอบครัว […]
แนะนำตัวละครสำคัญ ผู้คนที่รายล้อม ฮาโรลด์ ฟราย ชายผู้ออกเดินเท้าระยะทางเกือบ 1,000 กิโลเมตร เพื่อไปส่งจดหมายฉบับเดียว เรื่องราวการเดินทางของชายวัยเกษียณที่เดินไกลเกือบ 1,000 กิโลเมตร เพื่อไปส่งจดหมายให้กับเพื่อนคนสำคัญ โดยหวังว่าเธอเองก็ยังรอคอยเขาอยู่เช่นกัน การเดินที่มาพร้อมศรัทธาอันแรงกล้านี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ฮาโรลด์จะนำจดหมายไปส่งถึงมือเธอได้หรือไม่ และระหว่างทางเขาต้องพบเจอกับอะไรบ้าง แต่ก่อนจะออกเดินทางไปพร้อมๆ กับฮาโรลด์ เราขอแนะนำตัวละครสำคัญในเรื่องกันก่อน ตัวละครสำคัญใน ความตายครั้งที่มีความหมายมากที่สุด มีใครบ้าง ตามมาได้เลยค่ะ ฮาโรลด์ ชายผู้กำลังเดินไปส่งจดหมาย เขาเป็นผู้ชายวัยเกษียณรูปร่างสูงโย่ง วันที่ได้รับจดหมายสำคัญจากอดีตเพื่อนร่วมงาน เขาสวมเสื้อเชิ้ตสะอาดกับเน็คไท และรองเท้าแล่นเรือ เขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธา และออกเดินอย่างมีความหวัง ควีนนี เพื่อนคนสำคัญของฮาโรลด์ ควีนนีในความคิดของฮาโรลด์ เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดา รูปร่างอ้วนล่ำ เอวหนา เธอเป็นคนเงียบๆ และถ่อมเนื้อถ่อมตัว และเป็นคนที่ส่งจดหมายถึงฮาโรลด์ จุดประกายให้เขาอยากทำอะไรสักอย่าง และเริ่มออกเดิน มอรีน ภรรยาของฮาโรลด์ เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง ผมหงอกขาวไว้ทรงหมวกครอบ ตอนเป็นสาวเธอเป็นผู้หญิงที่บ้าระห่ำคนหนึ่ง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ร้ายแรงขึ้น เธอกลายเป็นคนฉุนเฉียว เอาแต่โมโหสามี และโทษว่าเป็นความผิดของเขาทุกอย่าง เดวิด […]