幼崽护养协会
ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ เล่ม 3
酒矣 (Jiu Yi)
เขียน
ชาเย็น Lover
แปล
— โปรย —
ภารกิจหลักที่ทำให้เซี่ยหลวนมายังดาวไกอาก็ต้องดำเนินต่อไป
การเปลี่ยนแปลงจุดจบของดวงดาว
และอวกาศแห่งนี้ขึ้นอยู่กับเซี่ยหลวนจริงหรือ
เขาจะต้องทำอย่างไรเพื่อปกป้องเหล่าลูกสัตว์อันเป็นที่รัก
และอวกาศแห่งนี้เอาไว้ได้
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 100 วันที่หนึ่งร้อยในฐานะพี่เลี้ยง
เมื่อรู้สึกตัวว่าได้รับการปกป้อง อีกทั้งอ้อมกอดที่สัมผัสก็อ่อนโยนเป็นพิเศษ ลูกสัตว์ตัวนี้จึงลองดมกลิ่นของชายหนุ่มที่อุ้มมันอยู่เบา ๆ
ชาวเผ่าวิครับรู้กลิ่นได้ว่องไว ระดับประสาทสัมผัสดีเยี่ยมถึงขั้นจดจำกลิ่นที่เคยรับรู้มาได้ แม้จะเป็นลูกสัตว์ก็มีความสามารถนี้เช่นเดียวกัน
กลิ่นกายของแต่ละคนเทียบได้กับฉลากสำหรับชาวเผ่าวิค พวกมันจึงไม่มีทางจำคนผิด ฉะนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเผ่าพันธุ์วิคไม่ว่าจะใช้วิธีอำพรางอย่างไรก็ไม่มีความหมาย
ตามทฤษฎีแล้วลูกสัตว์ควรจะระวังภัยกับกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย แต่ลูกสัตว์ที่ดมกลิ่นของเซี่ยหลวนอย่างระมัดระวังก็ไม่ได้ขยับซี้ซั้ว เมื่อครู่เซี่ยหลวนอุ้มมันอย่างไร ตอนนี้มันก็ยังอยู่ในท่านั้น
การขยับมั่วซั่วในสถานการณ์ที่มองไม่เห็นอาจเพิ่มความยุ่งยากให้คนที่อุ้มมัน เพราะเข้าใจในข้อนี้ลูกวิคจึงมีทีท่าสงบนิ่ง
นอกจากสาเหตุข้างต้นแล้ว ยังเป็นเพราะมันรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอดนี้อีกด้วย
พอเซี่ยหลวนอุ้มลูกวิคก็รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอันอบอุ่นเหมือนเตาอุ่นมือเล็กอีกครั้ง
ยามมองดวงตามืดบอดของลูกวิค เซี่ยหลวนก็กระชับลูกสัตว์ในอกแน่นขึ้นอีกเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ ทำให้มันซุกในอกเขาได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อเซี่ยหลวนมองดวงตามืดบอดของลูกวิคอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมความรู้สึกคุ้นเคยสายหนึ่งพลันแวบเข้ามา ภาพลักษณ์ของลูกสัตว์ตรงหน้าซ้อนทับกับภาพลักษณ์เย็นชาของใครคนหนึ่งที่ต่างกับในความทรงจำโดยสิ้นเชิง
“ไอน์…?” ขณะที่คิดโยงไปถึงคนคนนั้น เซี่ยหลวนก็เผลอพูดชื่อนี้ออกมาเบา ๆ
ก่อนหน้านี้ที่เซี่ยหลวนไปถึงโลกคู่ขนานในอีกมิติหนึ่งเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เขาเคยเห็นชาวเผ่าวิคตาบอดคนหนึ่งบนเรือยักษ์เหมือนกัน อีกฝ่ายเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพของอัย ตอนที่เซี่ยหลวนถูกทหารคุมตัวมาถึงโถงหลักของเรือเขาก็เห็นอีกฝ่ายตั้งแต่ต้น
ดวงตามืดบอดของลูกสัตว์ในอกลืมอยู่ แต่ไอน์ในความทรงจำของเขาหลับตาอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายลืมตา ทว่าเซี่ยหลวนก็รู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นคงจะงดงามมาก ต่อให้มืดบอดก็ยังสวยงามมากอยู่ดี
การรับรู้กลิ่นที่ว่องไวเฉกเช่นเดียวกับทักษะการฟังของเผ่าวิคโดดเด่นเหนือกว่าเผ่าอื่นมาก และเนื่องจากดวงตามองไม่เห็นทำให้ลูกสัตว์ที่เซี่ยหลวนอุ้มอยู่นี้ไวต่อเสียงและการสัมผัสมากยิ่งขึ้น
หูของลูกวิคขยับเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงไม่คุ้นเคยทว่าไพเราะใสกังวานเรียกชื่อตัวเองอย่างอ่อนโยน มันหันหน้ามาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับเสียงนี้ไปโดยอัตโนมัติ
“บ๊อก”
เสียงที่เปล่งออกมานั้นสั้นมาก และเพราะเป็นลูกสัตว์ น้ำเสียงจึงฟังดูอ่อนเยาว์ไม่น้อย
แม้ลูกสัตว์จะมองไม่เห็น แต่ก็ยังหันไปยังต้นเสียงถูก ระหว่างนั้นมันรู้สึกว่าฝ่ามืออันอบอุ่นกำลังลูบหัวของมันไปจนถึงหลัง ลูกวิคยอมรับสัมผัสอันอบอุ่นนั้น ผ่านไปครู่หนึ่งจึงดมกลิ่นของคนแปลกหน้าที่อุ้มตัวเองอีกรอบอย่างระวัง
เผ่าวิครับรู้กลิ่นแค่ครั้งเดียวก็จะจดจำกลิ่นนั้นไปตลอด หลังจากจดจำกลิ่นแล้ว หากยังดมอีกเป็นครั้งที่สอง นั่นอธิบายได้ว่า อย่างน้อยชาวเผ่าวิคก็ไม่ได้เกลียดเจ้าของกลิ่นนั้น
และด้วยเหตุผลเดียวกัน ถ้าดมกลิ่นของคนคนเดียวกันหลายครั้งก็เป็นการแสดงความรักของเผ่าวิค
เพราะชอบและรักอย่างลึกซึ้งจึงอยากได้กลิ่นของอีกฝ่ายซ้ำ ๆ ซึ่งกลิ่นของชายหนุ่มนั้นพิเศษที่สุดสำหรับลูกวิค แตกต่างจากกลิ่นของคนอื่น ๆ
กลิ่นอ่อน ๆ จากตัวชายหนุ่ม เมื่ออยู่รวมกันกับหลาย ๆ คนกลิ่นนี้จะไม่โดดเด่นออกมา แต่มันให้ความรู้สึกทั้งเงียบสงบและอบอุ่น ทำให้ลูกวิคที่โดนอุ้มยืดเวลาดมกลิ่นให้นานขึ้นอีกนิด
ได้ยินเสียงตอบรับของลูกสัตว์ในอก เซี่ยหลวนพลันเกิดความรู้สึกอัศจรรย์ใจขึ้นมา
ไอน์ที่เขาเจอในโลกอีกมิติหนึ่งโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท พร้อมกับมีท่าทีเย็นชา แต่ในโลกฝั่งนี้มันยังคงเป็นเพียงลูกสัตว์เหมือนกับพวกเกล…
เพราะอยู่ในโลกมิตินั้นแค่ช่วงสั้น ๆ เซี่ยหลวนจึงมีเวลาอยู่ร่วมกับไอน์ฉบับผู้ใหญ่เพียงไม่นาน
เขาเคยให้พุดดิ้งอีกฝ่ายสองครั้ง ตอนให้ครั้งแรกอีกฝ่ายหันมาหาก่อนเบนหน้าหนีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าสุดท้ายอีกฝ่ายได้กินหรือไม่
ครั้งที่สองเขาเอาพุดดิ้งให้ไอน์ในร้านของหวานแห่งหนึ่งบนดาวไกอา หลังจากเซี่ยหลวนวางพุดดิ้งลงตรงหน้า แถมยังยัดช้อนเซรามิกใส่มือ หนนี้ไอน์ยอมจับช้อนก่อนจะก้มหน้าก้มตากินด้วยใบหน้าเฉยเมย
ภาพลักษณ์เย็นชาตอนโตเต็มวัยต่างจากท่าทางของลูกสัตว์ที่ดมกลิ่นในอกเขาด้วยความระมัดระวังตอนนี้มาก เซี่ยหลวนมองลูกสัตว์ที่ค่อยๆ ดมด้วยความรอบคอบ แล้วใจของเขาอ่อนยวบลงอย่างไม่อาจห้ามได้
มือของเซี่ยหลวนที่ลูบหลังลูกวิคหยุดลง เขาแบมือให้อยู่ในระดับเดียวกับหน้าลูกวิคที่เหมือนลูกสุนัขตัวน้อย พอแบมือก็เห็นว่าลูกสัตว์หยุดดมกลิ่นในทันที
แม้ลูกสัตว์จะหยุดดมแล้ว แต่เซี่ยหลวนยังคงแบมือในระดับเดิมต่อไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง สุดท้ายลูกวิคก็ขยับเข้าใกล้ฝ่ามือของเซี่ยหลวนเล็กน้อย แล้วดมฝ่ามือเขาเบา ๆ
เซี่ยหลวนมองหางเล็กของลูกวิคที่เดิมลู่ลงและนิ่งมาตลอด ตอนนี้กลับส่ายไปมาเล็กน้อยระหว่างที่มันดมกลิ่น
เมื่อดมสองครั้งแล้วกลิ่นกายของเซี่ยหลวนก็ไม่จัดว่าเป็นคนแปลกหน้าอีกต่อไป แม้ว่าเพิ่งพบกันได้ไม่นาน แต่ตอนนี้ลูกวิคแน่ใจแล้วว่าเซี่ยหลวนไม่เป็นอันตรายต่อมัน
เวลานี้มีพี่เลี้ยงสังเกตเห็นว่าเซี่ยหลวนอุ้มลูกสัตว์ตัวนี้อยู่ แต่เพราะรู้ว่าเซี่ยหลวนเป็นประธานของสมาคมอนุบาลสัตว์อีกสาขาหนึ่ง และตอนนี้ได้รับอนุญาตให้เดินชมที่ต่าง ๆ ตามอัธยาศัย อีกทั้งยังเคยเห็นความสามารถในการเป็นพี่เลี้ยงของอีกฝ่าย พี่เลี้ยงคนนี้จึงวางใจให้เซี่ยหลวนแตะต้องลูกสัตว์
ลูกวิคตัวที่ชายหนุ่มอุ้มเป็นลูกสัตว์ที่สาขาพวกเขารับอุปการะมา ตอนรับมามันเพิ่งอายุประมาณสองเดือน ส่วนตอนนี้อายุสองขวบกว่าแล้ว
ดวงตาของลูกวิคมองไม่เห็น ผลจากการตรวจรักษาปรากฏชัดว่าตาบอดตั้งแต่เกิด
เนื่องด้วยมีลูกสัตว์จำนวนมากเข้ามาอยู่ในสาขาคัลยา และเพราะลูกวิคตัวนี้เป็นลูกสัตว์ที่รับมาอุปการะ จึงไม่ได้จัดพี่เลี้ยงไว้ดูแลลูกวิคตาบอดโดยเฉพาะ
แม้ว่าพี่เลี้ยงของสาขาคัลยาจะเพิ่มความเอาใจใส่ลูกสัตว์ตัวนี้ด้วยความสมัครใจ แต่เนื่องจากลูกสัตว์ในสาขามีจำนวนมากทำให้ความเอาใจใส่ของพวกเขามีจำกัด บางครั้งจึงละเลยมันไปบ้าง
เพราะเซี่ยหลวนยกมือในระดับเดิมมาตลอดจึงรู้สึกว่าตั้งแต่ข้อมือจนถึงแขนมีอาการชาเล็กน้อย แต่เขาก็ยังรอให้ลูกสัตว์หยุดดมก่อนถึงจะขยับมือออก
“ไอน์” ครั้งนี้เซี่ยหลวนเรียกชื่อลูกสัตว์ด้วยเสียงอ่อนโยน ในน้ำเสียงไม่มีความสงสัยหรือความลังเลอีก
แค่เซี่ยหลวนพูดออกมา ดวงตามืดบอดของลูกสัตว์ในอกก็จะหันมาหาเขาอย่างแม่นยำเสมอ แม้ว่าความจริงแล้วจะมองไม่เห็น แต่กลับคล้ายว่ามันกำลังจ้องมองเขาอยู่
ลูกวิคที่ถูกเรียกชื่อด้วยเสียงแผ่วเบาและอ่อนโยนเข้าไปดมกลิ่นกายชายหนุ่มอีกครั้ง เพราะใช้ดวงตาแยกแยะและจดจำภาพไม่ได้ มันจึงได้แต่อาศัยกลิ่นในการแยกแยะ สิ่งใดที่อยากจดจำก็ล้วนต้องอาศัยวิธีนี้
“บ๊อก” ดวงตาที่มองชายหนุ่มด้วยความแม่นยำของลูกวิคไม่ได้ละไปไหน และตอบรับด้วยเสียงแจ่มชัดกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความว่านอนสอนง่ายของลูกสัตว์หรือเรื่องตาที่บอดสนิทก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เซี่ยหลวนใจอ่อนยวบได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่อสบเข้ากับดวงตามืดบอดคู่นั้น ใจของเซี่ยหลวนก็ยิ่งหลอมละลาย
ตามหลักแล้วลูกสัตว์มองไม่เห็นก็ควรจะมีการจัดให้พี่เลี้ยงมาดูแลจึงจะเหมาะสม แต่เท่าที่เซี่ยหลวนสังเกตจนถึงตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าลูกสัตว์ไม่ได้รับการดูแลแบบนั้น
ถึงจะรู้สึกว่าแบบนี้ไม่เหมาะสมนัก ทว่าตอนนี้เซี่ยหลวนก็พูดอะไรออกมาตรง ๆ ไม่ได้ เขายังคงอุ้มลูกสัตว์ตัวนี้ไว้ในอก ก่อนเดินไปตรงหน้าพี่เลี้ยงคนหนึ่งเพื่อสอบถามสถานการณ์
“พ่อแม่ของลูกสัตว์ตัวนี้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตบนยานเวลดาเมื่อหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ตอนนั้นมันก็อยู่บนยานลำนั้นด้วย แต่โชคดีที่รอดมาได้ และเพราะไม่มีญาติที่ไหน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเลยส่งมันมาให้สาขาพวกเราครับ” ได้ยินชายหนุ่มถามเรื่องลูกวิค พี่เลี้ยงจึงรีบตอบตามความจริงโดยไม่หมกเม็ดอย่างรวดเร็ว
แบบนั้นก็หมายความว่าสาขาคัลยาเป็นคนรับอุปการะลูกสัตว์ตัวนี้…
แม้จะไม่เหมาะสมนักที่ไม่ได้ให้การดูแลลูกสัตว์ตัวนี้เป็นพิเศษ แต่เพราะรับอุปการะอย่างไร้ค่าตอบแทนจึงไม่มีใครตำหนิได้
เซี่ยหลวนเข้าใจเรื่องราวของลูกสัตว์ในอกคร่าว ๆ แล้ว ยามหลุบสายตาลงเล็กน้อยเขาก็พบว่ามันยังคงใช้ดวงตาคู่นั้นมองใบหน้าเขาอยู่เงียบ ๆ
ลูกสัตว์ตัวนี้ต้องมีคนดูแลเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์ที่เกือบตกบันไดอย่างเมื่อครู่อาจเกิดขึ้นได้อีก เซี่ยหลวนที่เคยเห็นลูกสัตว์ตัวนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในโลกอีกมิติหนึ่งจึงยิ่งไม่อาจนิ่งนอนใจปล่อยผ่านไปโดยไม่เหลียวแลได้
เขาไม่มีสิทธิ์ขอให้สาขาคัลยาจัดพี่เลี้ยงคนหนึ่งมาดูแลลูกสัตว์ตัวนี้โดยเฉพาะ แต่ขณะที่อุ้มลูกวิคอยู่ เซี่ยหลวนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาทันใด
ถ้าอย่างนั้นเขารับลูกสัตว์ตัวนี้กลับไปที่สาขาอวิ๋นเป่าได้ไหม