[ทดลองอ่าน] แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ เล่ม 6 ตอนที่ บทที่ 141

แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ

步天纲 (Bu Tian Gang)

 

梦溪石 เมิ่งซีสือ เขียน

ลลิตา ธ. แปล

 

นิยาย 6 เล่มจบ วางจำหน่ายแยกเล่ม

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 141

 

อวัยวะภายในของงูทะเลอ่อนนุ่ม ต่างจากเกล็ด บนตัวมัน ตงจื้อไม่รู้ว่าอวัยวะใดเป็นจุดทะลวง เขาจึงตัดสินใจลองมันทุกที่

ด้วยเหตุนี้หลิวชิงปัวกับคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างนอกจึงเห็นงูทะเลออก อาการคลุ้มคลั่งทันใด มหาสมุทรทะลักล้น แม้แต่ตัวมันเองก็คาดไม่ถึง ว่า ‘แมลงตัวเล็ก’ ที่มันเขมือบเข้าไปตามใจชอบจะ ‘เปิดดินแดน ขยาย อาณาเขต’ ในตัวมัน ทำให้มันทุกข์ทรมานเกินทน ได้แต่อ้าปากขย้อน ต้องการคายบ่อเกิดแห่งเภทภัยที่แผลงฤทธิ์อยู่ในร่างกายออกมา

ตงจื้อที่อยู่ในร่างงูทะเลรู้สึกอึดอัดไม่น้อย เขาอยากสำรวจต่อ แต่ งูทะเลดันอยากคายเขาออกไปสุดชีวิต เขาจำต้องอาศัยแสงกระบี่เพื่อ เปิดทาง บุกต่อเข้าไปยังพื้นที่ที่ลึกยิ่งขึ้น ถัดลงไปจากกระเพาะคือลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่…

จู่ ๆ เขาก็ตาเป็นประกาย คิดในใจว่าถัดจากลำไส้ใหญ่ไปข้างหน้า ก็เป็นวิธีที่พวกเขาเคยใช้จัดการงูเหลือมยักษ์สามหัวครั้งที่แล้วไม่ใช่เหรอ

เพียงแต่คนที่ลงมือครั้งที่แล้วคือหลิวชิงปัว คราวนี้ถึงตาเขาแล้ว

เหลือบมองกระบี่ฉางโส่ว ตงจื้อยิ้มเจื่อนพลางพูดเบา ๆ “ขอโทษนะ”

แสงกระบี่เปล่งประกายเรืองรอง กะพริบวูบวาบไม่แน่นอน คล้าย กำลังตอบสนองต่อคำพูดของเขา

ด้วยฤทธิ์เดชของงูทะเลตอนนี้หมู่เกาะซันโรแทบพังพินาศ อย่าว่าแต่เกาะโดนน้ำทะเลท่วมไปหมดแล้วเลย ขนาดต้นไม้จำนวนมากยังถูกขุดราก ถอนโคน นับประสาอะไรกับพวกหลิวชิงปัวที่ถูกคลื่นยักษ์เล่นงานเต็ม ๆ ถ้าพวกเขาไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียร ป่านนี้คงตายไม่เหลือศพไปแล้ว

ปีศาจน้ำแข็งเอลิซาเบธรองรับมนุษย์ไว้ที่ไหล่ข้างละคน อันได้แก่ หลิวชิงปัวกับลิลิธ เอลิซาเบธเป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวในที่นี้ที่ลอยตัวอยู่กลาง อากาศได้ เช่นเดียวกับที่คลื่นยักษ์และสายลมกระโชกทำอะไรเธอไม่ได้ ทว่าเธอก็โกรธแค้นสัตว์ปีศาจตรงหน้าจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ทำอะไร ไม่ได้

“ปราสาทน้ำแข็งโบราณของฉัน ปราสาทที่ฉันสร้างมาสามวันสามคืน! เจ้าสัตว์ประหลาดน่ารังเกียจ ฉันจะฆ่ามัน!”

น้ำตาแห่งความเสียใจไหลอาบแก้มเอลิซาเบธ ราวกับหยดน้ำที่ผุดขึ้น บนรูปปั้นน้ำแข็งจนยากจะแยกแยะ ทำได้แค่ระบุสภาพอารมณ์ของเธอ ในตอนนี้จากความฉุนเฉียวและโทนเสียงเจือสะอื้นของเธอ

“เธอตะโกนแหกปากแหกคอไปก็ฆ่ามันไม่ได้ สู้เก็บแรงไว้คิดดีกว่า ว่าจะทำยังไง!” หลิวชิงปัวกลอกตา

“งั้นจะทำยังไง” เอลิซาเบธกล่าวด้วยความสับสน ยกนิ้วโป้งเข้าปาก ดูด ไม่ต่างอะไรกับเด็กหญิงอายุสามขวบทั่วไป

หลิวชิงปัวเอ่ยอย่างครุ่นคิด “หัวเป็นบริเวณเปราะบางที่สุดของมัน ตาสองข้างของมันบอดไปแล้ว ถ้างั้นเข้าไปทางดวงตาของมันดีกว่า ทำลาย สมองของมัน เดี๋ยวก็ฆ่ามันได้เอง! เอลิซาเบธ เธอยังใช้น้ำแข็งโจมตีมัน ได้ไหม!”

เอลิซาเบธ “ได้น่ะได้อยู่หรอก แต่มันไม่กลัวเลยสักนิด พอธนู น้ำแข็งไปถึงตัวมันก็ละลายทันที ขนาดชั้นน้ำแข็งยังกักขังมันได้ไม่นานเลย เมื่อกี้ลองแล้ว!”

หลิวชิงปัวบอก “แค่ถ่วงเวลาให้เราสักสองสามนาทีก็พอ เธอใช้ น้ำแข็งแช่แข็งตั้งแต่ช่วงคอของมันลงไปก่อน เราจะรวบรวมกำลังทั้งหมด โจมตีดวงตามัน ลองดูว่าจะฆ่ามันได้ไหม!”

ทันใดนั้นลิลิธก็พูดขึ้น “แย่แล้ว มันจะออกมาอีกแล้ว!”

ชั้นน้ำแข็งรอบตัวงูทะเลปริแตกทีละนิ้วพร้อมกับเสียงหล่อน อีกไม่นานมันจะดิ้นหลุดจากพันธนาการน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์ หลิวชิงปัว กล่าวเสียงร้อนรน “ไม่ทันแล้ว เราต้องเคลื่อนไหวเดี๋ยวนี้ ฉันนับถึงสาม เอลิซาเบธ เธอแช่แข็งมันใหม่ ลิลิธพาฉันขึ้นไป พวกเราเตรียมลงมือ!”

สงสัยลิลิธคงเรียนจบทหารมา จะพูดจะทำอะไรล้วนองอาจ ปราดเปรียว อีกทั้งในเวลาแบบนี้ยังไม่แย่งสิทธิ์ออกคำสั่งที่ไม่สลักสำคัญ จากหลิวชิงปัว หล่อนตอบตกลงทันที ให้เอลิซาเบธใช้มือส่งตัวเองไปยัง ตำแหน่งของหลิวชิงปัว จับตัวอีกฝ่ายไว้ เตรียมเปิดอุปกรณ์การบิน

เอลิซาเบธสะบัดแขนอีกครั้งตามคำสั่งของหลิวชิงปัว เสริมความ แข็งแกร่งให้กับชั้นน้ำแข็งรอบตัวงูทะเล เกล็ดน้ำแข็งสีขาวทับซ้อนกัน เป็นชั้น ตรึงงูทะเลไว้ใจกลางภูเขาน้ำแข็งในที่สุด สันน้ำแข็งกับยอดน้ำแข็ง ซึ่งดูยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบให้อารมณ์ใกล้เคียงกับผลงานศิลปะชั้นยอด ลิลิธพลันคิดว่าถ้าเอลิซาเบธไม่ใช่ปีศาจ บางทีเธอคงได้ไปเล่าเรียนที่สถาบัน ศิลปะ และยังเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์ เป็นที่รักใคร่ของบรรดา ศาสตราจารย์อีกด้วย

แต่นั่นเป็นเรื่องหลังจากนี้ ขณะนี้หล่อนกับหลิวชิงปัวบินขึ้นฟ้า หลิวชิงปัวชักกระบี่ออกจากฝักทันควัน จังหวะที่ลิลิธยังไม่ทันตอบสนอง หลิวชิงปัวก็ผลักเธอออก ถีบตัวขึ้นไปยังหัวของงูทะเลแล้ว

เขาบ้าไปแล้วหรือไง นี่มันยังอยู่กลางอากาศเลยนะ!

ลิลิธเบิกตาโพลง ขณะที่หล่อนนึกว่าหลิวชิงปัวจะร่วงตกลงไปนั้น แสงกระบี่ก็พลันสว่างเจิดจ้าปกคลุมร่างอีกฝ่ายไว้ตรงกลาง กลายเป็นแสง กระบี่เจิดจรัส พุ่งเข้าไปในดวงตาของงูทะเล

บริเวณที่แต่เดิมเคยเป็นดวงตา บัดนี้เหลือเพียงส่วนที่เป็นรูกลวง ก้อนเนื้อเละ แสงกระบี่ระเบิดขึ้นตรงนั้น งูทะเลแหกปากคำราม ร่างกาย บิดเร่าส่ายสะบัด ชั้นน้ำแข็งทั้งหมดแตกกระจายในพริบตา เอลิซาเบธ รีบเสริมความแข็งแกร่งให้ชั้นน้ำแข็ง แต่ไม่เป็นผล งูทะเลที่สติแตกไปแล้ว ทำลายชั้นน้ำแข็งจนแหลกทั้งหมด ปากที่มีเขี้ยวแหลมคมอ้า ๆ หุบ ๆ งับแขนของเอลิซาเบธไปข้างหนึ่ง!

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของเอลิซาเบธ หางของงูทะเลเหวี่ยงไปโดน เกาะฟูลมูนซึ่งอยู่ใกล้กันอย่างแรง เขาวงกตถล่มลงมากลายเป็นน้ำโคลน ไหลสู่มหาสมุทร หมึกยักษ์ไมก้าขยายตัวอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อ ป้องกันไม่ให้ร่างกายขนาดเล็กถูกคลื่นทะเลซัดไป

“ฉันคิดว่าฉันกำลังจะจมน้ำตาย!” มันร้องโวยวาย ตะลีตะลาน จนทำอะไรไม่ถูก

คนฝรั่งเศสที่คว้าหนวดของมันไว้แน่นเพื่อไม่ให้ถูกพัดไปอดหน้า กระตุกไม่ได้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนจริง ๆ ว่าหมึกยักษ์จมน้ำตายได้ด้วย!

ลิลิธบังคับอุปกรณ์การบินร่อนลงบนหัวของงูทะเล พยายามหมอบ ราบไปกับร่างของมัน เล็งไปที่ตาอีกข้างแล้วลั่นไก ไม่รู้ว่ายิงโดนเนื้อนุ่ม ๆ ในตัวมันหรือเปล่า หล่อนถูกเหวี่ยงออกไปอย่างแรงทันที

เขมทัตยึดเรือสปีดโบ๊ตไว้ ดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเล ในฐานะลูกศิษย์ ของอาจารย์สินชัย เขาไม่ใช่คนโดดเด่นที่สุดในบรรดานักไสยศาสตร์ที่มา ครั้งนี้ แต่เนื่องจากครั้งก่อนได้มีส่วนร่วมในศึกชี้ชะตากับปีศาจฟ้าและสน จึงยังคงตื่นตัวและระมัดระวังอยู่เสมอ ตอนที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นถูกล่อ เข้าไปในปราสาทน้ำแข็งโบราณ เขากลับคิดต่าง สุดท้ายเลยถูกทิ้งไว้ข้างนอก หลังปราสาทถล่มลงมา เขารอดชีวิตมาได้ด้วยความโชคดี เสียดายที่ วิชาไสยศาสตร์ใช้ไม่ได้ผลกับงูทะเลขนาดมหึมาตัวนี้ ตรงกันข้าม จะยิ่ง เป็นการกระตุ้นความบ้าคลั่งของมัน เขมทัตได้แต่ลอยไปตามกระแสคลื่น เมื่อเห็นงูทะเลคลุ้มคลั่งขึ้นทุกขณะ ในใจยิ่งสิ้นหวัง

จากสถานการณ์ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางสังหารงูทะเลได้เลย ใคร จะคิดว่าการแข่งขันดี ๆ จะกลายเป็นการเดินทางสู่ความตายของทุกคน ในท้ายที่สุด

เขมทัตนึกถึงอาจารย์สินชัยที่เอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อปกป้องเขา กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ นอกจากเขาจะลุกขึ้นมาสร้างชื่อเสียง ช่วงชิง เกียรติยศเพื่ออาจารย์ไม่ได้แล้ว ยังอาจจะต้องมาตายตกอยู่ที่นี่อีก ในใจ อดรู้สึกมืดมนไม่ได้

แต่แล้วก็มีเสียงดังกึกก้องลอยมาเหนือศีรษะ

เขมทัตรีบเงยหน้าขึ้น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หมอกหนาสลายหายไป เมฆดำทะมึนเต็มฟ้า มีแสงสว่างรำไรอยู่ในชั้นเมฆ คล้ายมีพายุลูกใหญ่กว่า กำลังจะมา

มาเกิดพายุฝนฟ้าคะนองเอาตอนนี้มีแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์ เลวร้ายลง เขมทัตคิดอย่างสิ้นหวัง เขาพบว่าวิชาไสยศาสตร์ที่ใครได้ยิน แล้วเปลี่ยนสีหน้า ช่างเหมือนกับของเล่นเด็กในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เพียง รับการโจมตีไม่ได้ แต่ยังไม่มีประโยชน์แม้แต่นิดเดียวเลยด้วยซ้ำ เขาเคย มีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก่อน แต่ตอนนี้ความภาคภูมิใจนั้นถูกบดขยี้ เป็นผุยผงอย่างสิ้นเชิง ทำได้เพียงร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ ให้เหลือ หนทางรอดไว้ให้พวกเขาสักทางไม่ต่างกับมด

คล้อยหลังสายฟ้าแลบแปลบปลาบไป อสนีสวรรค์ก็โหมกระหน่ำ ลงมา มันไม่ได้ฟาดใส่ศีรษะเขาเหมือนอย่างที่คิด แต่ผ่าใส่ร่างงูทะเลอย่าง ต่อเนื่องไม่ขาดสาย

เขมทัตเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ ไม่ไกลออกไปมีใครบางคนถือกระบี่ด้วยมือ ข้างหนึ่ง มืออีกข้างใช้ยันต์ เหมือนกำลัง…ทำพิธีอัญเชิญสายฟ้าสวรรค์?

จางซงยังใช้คาถาต้องห้ามเพื่อเรียกสายฟ้าอยู่ ครั้งนี้เขาใช้เลือดจาก หัวใจเป็นตัวชักนำโดยตรง อัญเชิญอสนีสวรรค์ที่มีพลังอำนาจยิ่งกว่าเดิมมา ท่ามกลางแสงอสนี เอลิซาเบธเสกชั้นน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง แต่งูทะเลก็ยัง กระเสือกกระสน ปั่นป่วนผิวทะเลให้อลหม่านไม่หยุด

ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงขนาดนี้ อย่าว่าแต่ผู้บำเพ็ญเพียรเลย ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดอย่างงูเหลือมยักษ์สามหัวก็คงสิ้นฤทธิ์ไปนานแล้ว แต่พลังของงูทะเลตัวนี้ไม่อาจหยั่งรู้ได้ มันดิ้นหลุดจากพันธนาการครั้งแล้ว ครั้งเล่า ไม่สนใจโจมตี ยังคงสร้างภัยพิบัติอย่างไม่จบไม่สิ้น

จางซงกระอักเลือดอีกคำ ไม่ใช่เพราะใช้คาถาต้องห้ามจนเรี่ยวแรง กำลังอ่อนล้าอย่างเดียว แต่เพราะเพิ่งโดนงูทะเลกระแทกเข้าที่หน้าอก เกรงว่าคงช้ำในเสียแล้ว

คนอื่นไม่ ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไหร่ เมื่ อครู่หยางโส่วอีพยายามโจมตีหางงู หลังถูกโจมตีอย่างหนักเจ้าตัวก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ ชาวฝรั่งเศสที่ตอนแรก อยู่บนตัวงูก็ถูกน้ำทะเลซัดจมหายไปนานแล้ว ร่างของไมก้า ปีศาจหมึกยักษ์ ปรากฏวับแวมอยู่ในคลื่นลูกใหญ่ แต่นั่นเป็นเพราะร่างของมันใหญ่โตพอ จึงจับแนวปะการังใต้น้ำไว้ได้อย่างมั่นคง แต่ถึงกระนั้นจางซงก็ยังได้ยิน เสียงตะโกนร้องไห้ขอความช่วยเหลือของมันลอยมาจากบริเวณใกล้ ๆ

คนอื่นเขาเป็นปีศาจ มันก็เป็นปีศาจเหมือนกัน ทำไมถึงได้ขี้ขลาด ขนาดนี้นะ!

จางซงต่อว่าแรง ๆ ในใจ ควงกระบี่ยาวในมือหนึ่งที สายฟ้าอีกสาย ก็ฟาดผ่าไปที่หัวงูทะเล

สายฟ้าสายนี้สูบเอาแรงเฮือกสุดท้ายไปจากร่างเขา จางซงมือไม้อ่อน กระบี่ร่วงตกทะเล จะคว้ายังคว้าไม่ได้

ไม่ไหว เขาจะทนไม่ไหวแล้ว

จางซงแทบได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นจากในอก แต่ละครั้งรุนแรง ราวกับจะกระดอนออกจากร่างก็ไม่ปาน

วินาทีที่สายฟ้าสายสุดท้ายฟาดผ่าลงมา ขาเขาก็อ่อนไปด้วย ร่างร่วง ตกลงไปทันที

ร่างกายหมดสิ้นเรี่ยวแรง วินาทีที่จวนจะหลับตาลงนั้น จู่ ๆ จางซง ก็รู้สึกว่าแสงตรงหน้าสว่างยิ่งกว่าเดิม

เขายกมือขึ้นมาบังบนหน้าผากอย่างอดไม่ได้ พยายามลืมตามอง

วินาทีต่อมาดวงตาของชายหนุ่มพลันเบิกกว้าง

เห็นแค่ว่ามีแสงสีขาวราวกับหิมะบาดตาปะทุออกจากกลางลำตัวของ สัตว์ปีศาจ ผสานรวมกับอสนี ปกคลุมงูทะเลไว้ภายใน เสียงฟ้าร้องดังขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่า บริเวณที่เมฆหนาหนักแยกตัวจากกันคล้ายมีมือที่มอง ไม่เห็นขว้างพลังงานสายฟ้าที่รอท่าอยู่นานแล้วลงมาใส่ร่างงูทะเลจัง ๆ

มีคนอื่นกำลังเรียกสายฟ้าอยู่!

จางซงคิดได้ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ว่ายตะเกียกตะกายอยู่ในทะเล สุดชีวิต ช่วยไม่ได้ที่มือเท้าไม่ฟังคำสั่ง หนวดเส้นหนึ่งยื่นมารัดรอบเอวเขา ไว้ก่อนม้วนขึ้นไป เสียงร้องไห้กรอกเข้าใส่โสตประสาท พร้อม ๆ กับที่

จางซงได้รับความช่วยเหลือ

“ฮือ ๆ ๆ ทำไมอยู่ ๆ ฟ้าถึงผ่า น่ากลัวจัง!”

“หุบปาก!” จางซงตะคอกอย่างเหลืออด

เพียงแต่เสียงตะคอกของเขาเทียบไม่ได้เลยกับเสียงฟ้าร้อง การ เคลื่อนไหวบนตัวงูทะเลดึงดูดสายตาของทุกคน ลำแสงกลุ่มหนึ่งแหวกทะลุ ช่องท้องสัตว์ปีศาจออกมากะทันหัน พุ่งตรงไปบนท้องฟ้า ก่อนวกกลับมา ดื้อ ๆ กลางอากาศและลอยโฉบไปทางงูทะเล แสงรัศมีจ้วงผ่านสมองของมัน ดุจธนูคม ก่อนอสนีสวรรค์อีกสายจะฟาดผ่าลงมา งูทะเลที่เสียหัวไป เอนล้มฟาดผิวทะเลในที่สุด

นั่นมันตงจื้อ! จางซงอ้าปากพะงาบ ๆ แต่พบว่าเสียงของตนแหบพร่า ไปแล้ว

ตงจื้อที่ควบกระบี่ออกมาเรียกใช้วิชาธรรมเบญจอสนีจากข้างในตัวงู ขานรับจางซงที่กำลังเรียกสายฟ้าอยู่ข้างนอกไกล ๆ พอดี ด้วยแรงกดดัน สองเท่าทั้งจากข้างนอกและข้างใน ฤทธานุภาพของอสนีสวรรค์จึงรุนแรงขึ้น เป็นทวีคูณ บวกกับความพยายามก่อนหน้าของหลิวชิงปัว วิลเลียม และ คนอื่น ๆ ด้วยแล้ว ในที่สุดจึงล้มสัตว์ปีศาจดึกดำบรรพ์ตัวนี้ลงได้อย่าง สมบูรณ์

อสนีสวรรค์ฟาดกระหน่ำ ตงจื้อที่อยู่กลางอากาศดุจดั่งเทพเซียน ที่เยื้องย่างลงมาในนามตัวแทนสวรรค์ ลงโทษสัตว์ปีศาจที่รอดพ้นทัณฑ์ฟ้า โกงกาลเวลาตัวนี้ หัวขนาดมหึมาตกลงไปในท้องทะเล ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ รุนแรงอีกลูก แต่บัดนี้ตงจื้อได้ปรากฏตัวอีกครั้งด้วยวิธีที่ไม่ว่าใครล้วน จับจ้อง ดึงดูดสายตายิ่งกว่าสัตว์ปีศาจ

ตงจื้อชูกระบี่ในมือขึ้นสูง

ปลายกระบี่เชื่อมต่อกับสายฟ้าสีม่วง คล้ายสวรรค์แจ้งเจตนารมณ์ หรือชี้แนะบางอย่าง และตงจื้อที่อยู่ท่ามกลางบารมีสูงส่งนั้นเสมือนบุคคล ในตำนาน รัศมีรอบตัวเปล่งประกาย ทำเอาดวงตาพร่าพราย ไม่อาจมอง สบตรง ๆ ได้

เสื้อขนเป็ดบนตัวชายหนุ่มหายไปนานแล้วระหว่างการต่อสู้ เหลือ เพียงเสื้อกับกางเกงสีดำ ยืนอยู่บริเวณใจกลางพายุเฮอริเคน ไม่ยิ้มแย้มเฉกเช่นปกติ สีหน้าเข้าใกล้ความเฉยเมย

งูทะเลบิดตัวคำราม ถึงมันจะสูญเสียส่วนหัวไป ร่างกายก็ยังคง เดือดดาลด้วยความไม่เต็มใจ มันต้องการทำลายล้างโลก ทำให้โลกจมลง สู่หายนะไปพร้อมกับมัน ราวกับว่าเส้นประสาทที่แปดเปื้อนพลังปีศาจ ไปแล้วนั้นต้องการปลดปล่อยความแค้นเฮือกสุดท้ายออกมาทั้งหมด แม้ เรือนร่างของมันจะถูกกระบี่ฉางโส่วแทงเป็นรูจนเหวอะหวะไปแล้วก็ตาม

“พระเจ้า นั่นซุสเหรอ! หานเอ๋อร์ หัวหน้าทีมพวกเธอเป็นซุส กลับชาติมาเกิดหรือไง!”

วิลเลียมกอดขอนไม้พลางพูดจาไร้เหตุผล แถมเขายังออกเสียงชื่อ หลี่หานเอ๋อร์ผิดด้วย ได้ยินแวบแรกเหมือนกำลังพูดว่า ‘หานเอ่อร์’

“ใช่แล้ว เขาต้องเป็นซุสแน่ ๆ มีแค่เทพซุสเท่านั้นที่ใช้อานุภาพแห่ง สายฟ้ามากำราบศัตรูได้ พระเจ้า เขาเท่ชะมัดเลย!”

หลี่หานเอ๋อร์ข่มใจไม่กลอกตา “นั่นมันวิชาอสนีของศาสนาเต๋า ไม่ใช่ซุส!”

วิลเลียม “ไม่ ๆ ที่รัก เธอไม่เข้าใจ จังหวะเมื่อกี้น่ะ เขาต้องได้รับ บัญชามาจากซุสแน่ ๆ ฉันไม่มีทางมองผิด เธอดูท่วงท่ากับสีหน้าของเขาสิ ปกติเป็นแบบนี้เสียที่ไหน มีแต่ผู้ที่เทพเจ้าเรียกใช้ถึงได้…”

หลี่หานเอ๋อร์นวดขมับที่ปวดตุบ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนี้เพิ่ง ดึงตัวเธอไว้แล้วร่อนลงมาพร้อมกัน ตอนนี้เธออยากถีบเขาให้รู้แล้วรู้รอด จริง ๆ จะได้ไม่ต้องมาฟังอีกฝ่ายพูดพล่ามอีก

จริง ๆ ไม่ใช่แค่วิลเลียม ขนาดหลิวชิงปัว ตอนที่เห็นตงจื้อมองมา ทางตนด้วยสีหน้าเรียบเฉยก็พึมพำในใจไปด้วยว่า เจ้าหมอนี่อัญเชิญ วิญญาณมาประทับร่างอีกแล้วเหรอ ไม่งั้นทำไมทำหน้าทำตาแบบนี้ เรียก สายฟ้าก็เรียกสายฟ้าสิ ไม่รู้จักแม้กระทั่งเพื่อนพ้องไปแล้วหรือไง จางซง ยังไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย!

ทั้งสองสบตากันอยู่นานกว่าตงจื้อจะละสายตาไป หลิวชิงปัวยัง ไม่ทันเข้าใจก็หวิดโดนร่างงูทะเลทับตายกะทันหัน

งูทะเลตัวนี้คงสร้างภัยพิบัติมาแล้วหลายครั้งหลายหนในสมัยโบราณกาล แม้กระทั่งก่อนที่จะตายยังก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ถาโถม เกาะ หลายแห่งถูกน้ำท่วมซัดจนจมมิดอีกครั้ง ตอนที่มันล้มลงไป ร่างกระแทก โดนเกาะฟูลมูนพอดี สิ่งปลูกสร้างที่เหลืออยู่ของเขาวงกตซึ่งไม่ได้ถูก น้ำทะเลซัดทลาย ถล่มลงมาพังพินาศในพริบตา ประกาศการสิ้นชีพ เกรงว่าพอน้ำลดแล้วคนของคณะกรรมการจัดงานมาเก็บกวาดซาก คงจำ สภาพเดิมของเกาะนี้ไม่ได้แหง ๆ

หากไม่ได้เสียชีวิตจากการทำลายล้างของงูทะเล แต่จมน้ำตาย แบบนั้นก็น่าขายหน้าเกินไป ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างก็คิดเช่นนี้ พวกเขา พยายามใช้มือว่ายตีน้ำสุดความสามารถเพื่อหาทางรอด ส่วนจางซงกับ พวกหลิวชิงปัวไม่กี่คนโชคดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด วินาทีที่พวกเขาหวิดถูก ร่างใหญ่ยักษ์ของงูทะเลกระแทก หนวดเส้นหนึ่งก็ยื่นมาพันตัวพวกเขา เขวี้ยงไปบนเกาะโรสซึ่งได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

เกาะโรสมีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุด แม้กว่าครึ่งจะจม หายไป แต่ตรงกลางยังมีพื้นที่บางส่วนที่โผล่ขึ้นมาหลังคลื่นเริ่มสงบ ค่อนข้างปลอดภัย เรือสปีดโบ๊ตหายไปไหนแล้วไม่ทราบ ทุกคนเลยได้แต่ สู้สุดชีวิตว่ายน้ำมาที่นี่ รอความช่วยเหลือจากคณะกรรมการจัดงาน

จางซงยกมือโบกอย่างอ่อนแรง ก่อนเอ่ยกับหมึกยักษ์ “ขอบใจ”

หมึกยักษ์ “ไม่เป็นไร ปลาห้าตัน”

จางซง “…”

เขาไม่มีแรงเหลือ ทั้งยังขี้เกียจพูด จึงนอนลงกับพื้น แกล้งตาย เสียเลย

แต่ไม่ต้องแกล้ง จากสภาพร่างกายของพวกเขาตอนนี้ก็อยู่ไม่ไกล จากความตายแล้วจริง ๆ

เอลิซาเบธยังเจ็บใจเรื่องปราสาทน้ำแข็งของเธอไม่หาย ทุบตีซาก งูทะเลหนัก ๆ เพื่อระบายอารมณ์ มีอยู่อีกสองสามคนที่หมึกยักษ์ไมก้า ช่วยขึ้นมา จะได้ไม่ต้องลำบากว่ายมาเอง หนึ่งในนั้นรวมตงจื้อด้วย

ตงจื้อเอนตัวลงกับพื้น ขยับไปข้างหน้าสองสามก้าว หอบหายใจ พลางถามหลิวชิงปัว

“ทำไมเมื่อกี้นายไม่ขอแอ๊ปเปิ้ลทองคำจากเอลิซาเบธ”

หลิวชิงปัวผงะ เขาลืมเรื่องนี้ไปจริง ๆ “เมื่อกี้หน้าสิ่วหน้าขวาน จะตาย ใครจะไปทันคิดถึงเรื่องนี้”

ตงจื้อพูดอย่างไม่พอใจ “เมื่อกี้พอเรียกสายฟ้ามาแล้ว ฉันก็ส่ง สัญญาณให้นายตลอดเลยไม่ใช่หรือไง”

หลิวชิงปัวหงุดหงิด “ใครจะดูออกล่ะว่านายกำลังส่งสัญญาณให้ฉัน ฉันนึกว่านายอัญเชิญวิญญาณมาแล้วกำลังเต๊ะท่าอยู่เสียอีก!”

ตงจื้อพูดฉุน ๆ “ฉันทำไปเพื่อดึงดูดสายตาคนอื่น ถ่วงเวลาให้นาย เอาแอ๊ปเปิ้ลทองคำมาให้ได้ไง!”

หลิวชิงปัวก็โมโหไปด้วย “ฉันไม่ใช่พยาธิตัวกลมในท้องนาย เสียหน่อย เราออกแรงมากสุดตั้งแต่แรก มีผลงานมากสุดเห็น ๆ แม้แต่ ตอนสุดท้ายที่ล้มงูทะเล นายก็เป็นคนจัดการ แอ๊ปเปิ้ลทองคำต้องเป็น ของเราอยู่แล้ว!”

ตงจื้อบอกอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นนายรีบไปเรียกเอลิซาเบธมา จะได้ ไม่ยืดเยื้อให้เสียเวลาแล้วมีปัญหาเข้ามาเพิ่ม”

หลิวชิงปัวเคลื่อนลมไปที่จุดตันเถียน1 ก่อนตะโกนเสียงดังทันใด “เอลิซาเบธ ตงจื้อบอกว่าเขามีของขวัญจะให้เธอ กระโปรงสวย ๆ หลายตัว เลย เธอมานี่หน่อย!”

ตงจื้อ “…”

เอลิซาเบธร้องไห้จนนัยน์ตาพร่ามัว เงยหน้าเหลือบมองมาทางนี้ ก่อนสะอึกสะอื้นลอยเข้ามา

“กระโปรงอยู่ไหนล่ะ”

ตงจื้อ “เอลิซาเบธ ขอบใจเธอมากนะ ถ้าครั้งนี้ไม่มีเธอ พวกเรา คงตายไปแล้ว ฉันจะยื่นเรื่องไปที่คณะกรรมการจัดงานให้เพิ่มค่าตอบแทน ให้เธอเยอะ ๆ เธออยากได้กระโปรงสวย ๆ ใช่ไหม”

เอลิซาเบธ “ใช่ เอาเยอะ ๆ กองเต็มเกาะเลยนะ ต้องปักดิ้นทองและเพชรพลอยด้วย เอาแบบ…”

เธอหันกลับไปมองเกาะทั้งสี่แวบหนึ่ง ก่อนชี้ไปยังเกาะฟูลมูนที่ใหญ่ ที่สุด “เอาเยอะเท่านี้เลย!”

ตงจื้อ “ไม่มีปัญหา นี่คือสิ่งที่เธอสมควรได้รับ”

ก็ใครใช้ให้คณะกรรมการจัดงานเลือกสถานที่แบบนี้กันล่ะ เกือบทำ พวกเขาวินาศสันตะโรไปแล้ว หลังเกิดเหตุไม่ใช่แค่เรียกร้องค่าตอบแทน คืนให้เอลิซาเบธอย่างเดียว ตงจื้อยังต้องเรียกค่าทำขวัญให้พวกตนด้วย

เอลิซาเบธร้องไชโย “เยี่ยมไปเลย! ตงสุดที่รัก รักที่สุด ฉันรัก นายจัง!”

ตงจื้อเอ่ยยิ้ม ๆ “เพราะฉะนั้น เอลิซาเบธที่รัก เอาแอ๊ปเปิ้ลทองคำ ให้พวกเราสิ”

เอลิซาเบธกะพริบตาปริบ ๆ “โอเค”

ทว่าตอนนั้นเอง อยู่ ๆ ก็มีคนพูดขึ้น “แอ๊ปเปิ้ลทองคำควรมอบให้ กับผู้ชนะในท้ายที่สุด!”

ไวท์ หัวหน้าทีมอังกฤษถูกหมึกยักษ์จับโยนขึ้นมา พูดประโยคนี้ ในสภาพหอบฮัก ๆ

วิลเลียมกลัวโลกวุ่นวายไม่พอ โวยวายตามไปด้วย “นั่นสิ ตง ดูเหมือนเรายังไม่ได้ตัดสินกันเลยนะว่าแอ๊ปเปิ้ลทองคำควรตกอยู่ที่ใคร พวกนายห้ามโกงกันสิ!”

หลี่หานเอ๋อร์วางกระบี่พาดคออีกฝ่าย บอกเสียงเย็นทันที “เมื่อกี้ นายยังบอกว่าตงจื้อเป็นซุสกลับชาติมาเกิดอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ กลายเป็นคนขี้โกงไปเสียอย่างนั้น อย่าลืมนะว่าใครที่ช่วยพวกนายเอาไว้!”

วิลเลียมบอกยิ้ม ๆ “ที่รักจ๋า อย่าหยาบคายแบบนี้สิ มีอะไรก็พูดกัน ดี ๆ เราเป็นคนมีอารยธรรมกันทั้งนั้น ตงเก่งจริง ๆ ฉันยอมรับว่าถ้าไม่มี หมัดเด็ดสุดท้ายของเขา ตอนนี้พวกเราอาจยังโดนงูทะเลเล่นงานอยู่ก็ได้ แต่ฉันยอมรับไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องให้คนอื่นยอมรับด้วยสิถึงจะถูก!”

หลี่หานเอ๋อร์แค่นยิ้ม “ฉันไม่สนใจคนอื่น ฉันถามว่านายยอมรับไหม!”

วิลเลียมรีบบอก “ยอมจ้ะ ยอม!”

ตงจื้อยิ้มให้ไวท์เล็กน้อย “ถ้านายไม่ยอม ตอนนี้เรามาสู้กันสักตั้ง ก็ได้ คนชนะได้แอ๊ปเปิ้ลทองคำไป ว่ายังไงล่ะ”

อย่าว่าแต่สู้เลย ตอนนี้แค่จะยกนิ้ว ไวท์ยังลำบาก

ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ ภายใต้สายตาแผดเผาของ พวกจางซงกับหลิวชิงปัวที่จ้องมองมาในระยะเผาขน ไวท์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ “ฉันยอมรับว่าพวกนายเป็นผู้ชนะในครั้งนี้”

วิลเลียมยิ้มแป้น บอกด้วยว่า “ถึงฉันจะเป็นรองหัวหน้าทีม แต่ใน สถานการณ์ที่หัวหน้าทีมไม่อยู่ในที่ประชุม ฉันก็ประกาศได้ว่า…”

“ใครว่าฉันไม่อยู่!” ลิลิธเดินซวนเซเข้ามาทรุดลงกับพื้นในสภาพ สะบักสะบอม แต่ไม่มีใครหัวเราะเยาะหล่อน สภาพของทุกคนล้วน พอฟัดพอเหวี่ยงกัน “ตง ครั้งนี้ทีมนายมีสิทธิ์ได้แอ๊ปเปิ้ลทองคำไปจริง ๆ ยินดีด้วย”

เอลิซาเบธอ้าปากคาย วัตถุสีทองชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือ

ตั้งแต่ต้นจนจบสายตาเธอบอกความอาลัยอาวรณ์ในวัตถุนั้นไม่ยอม ผละไป

ตงจื้อไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาหยิบถุงใบเล็กจากตัว

กระเป๋าเป้ของเขาหายไปไหนแล้วไม่รู้ มีเพียงถุงใบนี้ที่เก็บไว้ติดตัว รอดมาได้แบบโชคช่วย

ด้านในบรรจุเหรียญเงินที่พวกเขาสะสมไว้ทั้งหมดระหว่างทางมาที่นี่

“เหรียญเงินพวกนี้แลกกับแอ๊ปเปิ้ลทองคำของเธอ” เขาบอก เอลิซาเบธ

ดวงตาเอลิซาเบธเป็นประกาย คิดว่าไม่ขาดทุนเท่าไหร่แล้ว จึง แลกเปลี่ยนทันที

แม้แอ๊ปเปิ้ลทองคำจะมีขนาดเท่าฝ่ามือ แต่ถือแล้วไม่หนักเลย ตงจื้อไม่รู้ว่ามันหล่อขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์หรือเปล่า รู้แค่ว่าพอมอง แอ๊ปเปิ้ลทองคำตกลงบนมือ ก้อนหินหนักอึ้งในใจเขาก็พลันมลายหายไป

เป็นเวลาหลายวันหลายคืนที่อกสั่นขวัญหาย กังวลจนนอนไม่หลับ

เศษวิญญาณปีศาจฟ้า ซอมบี้ นางปีศาจอินทรี เขาวงกต ปีศาจ หมึกยักษ์ ยักษ์น้ำแข็ง งูทะเลดึกดำบรรพ์

วิกฤติมากมายแฝงเร้นอยู่ในความมืด อันตรายเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ไปทั่วทุกหัวระแหง ทำเอาพวกเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด

มือกำแอ๊ปเปิ้ลทองคำซึ่งเกือบต้องแลกมาด้วยชีวิต แสดงให้เห็นว่า การเดินทางของพวกเขาครั้งนี้ไม่ได้สูญเปล่า

ลิลิธมองแอ๊ปเปิ้ลทองคำในมืออีกฝ่าย อดทำหน้าหดหู่ไม่ได้

ส่วนไวท์ไม่ใช่แค่หดหู่อย่างเดียว แต่ยังผิดหวังมากด้วย

แต่เขาไม่อาจปฏิเสธความทุ่มเทของพวกตงจื้อได้ การต่อสู้เมื่อครู่ ผลงานของตงจื้อโดดเด่นแค่ไหน ทุกคนต่างเห็น เป็นความโดดเด่นที่ไม่ว่า ยังไงก็แย่งชิงและมองข้ามไปไม่ได้เลย

ถึงพวกเขาไม่ยอมรับแล้วประลองกันอีกครั้งหลังเกิดเรื่อง แบบนั้น ทั้งเป็นการล่วงเกินอีกฝ่าย และใช่ว่าจะเอาชนะได้เสมอไปด้วย แทนที่ จะเป็นอย่างนั้น สู้ทำตัวใจกว้าง ยอมรับความพ่ายแพ้ดีกว่า อย่างน้อย ยังรักษากิริยามารยาทความเป็นผู้ดีไว้ได้ หนำซ้ำยังได้ผูกมิตร ยังไงการ แข่งขันก็มีแค่ครั้งเดียว แต่โอกาสในการไปมาหาสู่กันในอนาคตยังมีอีกมาก

ถึงแม้จะคิดตามหลักเหตุผลเช่นนั้น แต่เมื่อเห็นความพยายาม ที่ผ่านมาหลายวันต้องสูญเปล่า หลังจากรอดตายมาอย่างหวุดหวิดแล้วไม่ได้ อะไรกลับมาเลย ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนอื่น ๆ จะรู้สึกหดหู่และผิดหวัง

จากการต่อสู้ครั้งนี้ ชื่อเสียงของตงจื้อคงขจรขจายไปทุกประเทศ แน่นอน ผู้บำเพ็ญเพียรที่เข้าร่วมการแข่งขันต้องนำผลการปฏิบัติงานของ ทุกคนในครั้งนี้กลับไปรายงาน ตอนเพิ่งย่างเท้ามาถึงลอสแอนเจลิสใหม่ ๆ พวกลิลิธคาดไม่ถึงเช่นกันว่า สมาชิกใหม่ที่เข้าร่วมกรมจัดการคดีพิเศษ ของจีนยังไม่ถึงสองปี จะนำพาบรรดาเพื่อนร่วมทีมของตนคว้าชัยไปได้ ในตอนจบ

และในตอนนั้น ที่จอร์จชาวฝรั่งเศสเตรียมการแผลง ๆ สำหรับ ชาวจีนเพื่อตามจีบสาวผมแดงนามว่าเกรซ เขาเล่นงานทีมอื่นมาสองทีมติด และเชื่อมั่นว่าคนจีนจะหลงกลไปด้วย ถ้าทำให้พวกตงจื้อขวัญหนีดีฝ่อกับการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งถอนตัวล่วงหน้าได้ แบบนั้นยิ่งดีใหญ่ ใครจะรู้ ว่าการเล่นพิเรนทร์คราวนั้นจะลงเอยด้วยการที่เขาถูกหามส่งโรงพยาบาล ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันลำดับถัดไปได้

หากย้อนเวลากลับไป หากจอร์จซึ่งยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลทำนาย ผลลัพธ์ในตอนนี้ได้ ฆ่าเขาให้ตาย จอร์จคงไม่อยากหาเรื่องพวกตงจื้อหรอก

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า