[ทดลองอ่าน] นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม ตอนที่ 1

你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด

 

— โปรย —
ราชันนักขับฟอร์มูล่าวัน ‘วอห์น วินสตัน’ สูญเสียคู่แข่งและเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว
ไปในอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด ทว่าหลังค่ำคืนวันแต่งงานของเพื่อนนักขับในวงการคนหนึ่ง
เขากลับตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าได้ย้อนเวลากลับไปตอนที่เจอ ‘อีวาน ฮันท์’ เป็นครั้งแรกอีกครั้ง!

ในวินาทีนั้นกาลเวลาที่หยุดนิ่งพลันแล่นรี่ขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ครั้งนี้เขาจะชดเชยช่วงเวลา
ทั้งหมดที่มีและใช้โอกาสที่ได้มาอย่างคุ้มค่า ทุกนาที ทุก ๆ วินาที จะไม่สูญเปล่าอีกต่อไป
เพราะเขาไม่เคยอยากเป็น ‘เพื่อน’ กับฮันต์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…

ทว่านักขับหนุ่มมือใหม่กลับคิดว่าวินสตันก็แค่ ‘แกล้ง’ เขาเล่น คนที่ได้ฉายาจากสื่อว่า
‘ดาบน้ำแข็งแห่งความเร็ว’ คนนั้นน่ะเหรอที่จะอยากเป็นเพื่อนกับคนท้ายตารางอย่างเขา
และอีกอย่างถ้าอยากเป็นเพื่อนกันจริงๆ เขาจะพูดออกมาได้ยังไงว่า ‘ฉันอยากเอานาย’
เพื่อนกันเขาเล่นมุกใต้สะดือพรรค์นี้กันที่ไหนเล่า

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 1 นายไม่ได้รูดซิปกางเกง

 

ฮันต์! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! วันนี้แกขับบ้าอะไรวะ! ทำไมไม่ช่วยฉันขวางดูคอฟนี! มันเป็นกลยุทธ์ของทีม! แกไม่เข้าใจหรือไง”

เสียงคำรามดังราวกับจะทิ่มแก้วหูทะลุ

เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนชักโครกกลอกตามองเพดาน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเกมแอนิป็อปพร้อมเปิดเสียงไปด้วย

“โคตรพ่องตาย! ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

“พ่อแม่ฉันไปหาพระเจ้าแล้ว นายคงต้องไปตามหาบนโน้นแล้วละ!” ฮันต์เอ่ยปากพูดอย่างไม่ยี่หระ

“ไอ้เด็กเวร นกเขาขนไม่ขึ้น เปิดประตู!”

ฮันต์เอียงศีรษะใคร่ครวญอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่งว่าสรุปแล้วขนตรงนั้นของตนขึ้นหรือยัง ก่อนจะเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “ขนนกเขาของฉันขึ้นแล้ว ให้ฉันถ่ายส่งให้นายดูไหมล่ะ”

หลังชะงักไปหนึ่งวินาที แม็คเกรดีก็ใช้เท้าเตะประตูแรง ๆ ทีหนึ่ง แรงเตะนั่นสะเทือนจนโทรศัพท์มือถือของฮันต์เกือบร่วงลงชักโครก

“ฮันต์! ไอ้เด็กติดอ่าง[1]! แกกลัวว่าเจอฉันแล้วแม้แต่คำพูดแม่งก็ยังพูดไม่ออกใช่ไหมล่ะ ถึงได้ไม่ยอมออกมา!”

ฮันต์เบ้ปาก ปกติมีแค่เวลาที่เขาตื่นเต้นสุด ๆ เท่านั้นแหละถึงจะพูดไม่ออก แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ตื่นเต้น ลิ้นก็ยังใช้ได้คล่องดี

“เฮ้ แม็คเกรดี…ฉันพูดจริงนะ ถ้าฉันมีปัญญาขวางดูคอฟนีได้ ฉันก็คงไม่ใช่ไอ้ไก่อ่อนที่แม้แต่คะแนนก็ยังเอามา ไม่ได้หรอก”

ดูคอฟนีคืออันดับสี่บนตารางคะแนนสะสมนักขับ[2]ในฟอร์มูล่าวันกรังด์ปรีซ์[3]ของปีที่แล้ว การรับมือกับเด็กเวรที่เพิ่งขับไปแค่สามสนามอย่างเขาก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยไม่ใช่หรือไง

น้ำเสียงของฮันต์แฝงความหมาย ‘เกี่ยวอะไรกับฉัน นายไม่มีปัญญาเอง’ อย่างเบื่อหน่าย

แม็คเกรดีโกรธจนหัวร้อน เขาส่งเสียงคำราม “ทำไมแกไม่พูดออกมาเลยล่ะว่าแกแข่งมาตั้งสามสนามจนถึงตอนนี้ก็ยังเอาคะแนนมาไม่ได้ ไอ้กร๊วกเอ๊ย!”

ก็ได้ คำพูดนั้นมันเริ่มทิ่มแทงศักดิ์ศรีที่แทบไม่มีเหลือของฮันต์บ้างแล้ว

งั้น…เรามาแลกกันสักหมัด

ฉันจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้นาย

ไม่อย่างนั้นดูท่าแม้แต่ประตูห้องน้ำฉันก็คงออกไปไม่ได้ แถมแบตโทรศัพท์มือถือก็ใกล้หมดอีก จะเล่นเกมแอนิป็อปก็ไม่ได้แล้วด้วย!  

ฮันต์บิดฝาเปิดขวดเครื่องดื่มที่วางอยู่บนพื้น ค่อย ๆ ปลดกางเกงออกแล้วปัสสาวะเสียงเบา

“แม็คเกรดี นายยังอยู่ไหม” น้ำเสียงอ้อมแอ้มของฮันต์ดังขึ้น

ประตูพลันถูกเตะแรง ๆ ทีหนึ่ง

“ไอ้เลว! ฉันยังอยู่โว้ย!”

ริมฝีปากของฮันต์คลี่รอยยิ้มชั่วร้าย เขาขึ้นไปยืนบนชักโครกแล้วขว้างขวดเครื่องดื่มออกไปทางช่องบนประตู อย่างรวดเร็ว

หลังได้ยินเสียงโครมคราม เสียงคำรามของแม็คเกรดีก็ดังขึ้นราวกับห้องน้ำจะถล่ม!

“อีวาน ฮันต์…ฉันจะฆ่าแก!”

คราวนี้ประตูถูกเตะเปิดจริง ๆ!

ฮันต์ไม่แปลกใจเลยสักนิด ความจริงประตูบานนี้สามารถขวางแม็คเกรดีได้นานขนาดนี้ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว

ไหล่แม็คเกรดีที่เดือดดาลด้วยไฟโทสะเปียกโชก ตัวเปียกมะล่อกมะแล่ก ลูกตาแทบจะระเบิดใส่ตัวฮันต์ เขาลากฮันต์ลงมาจากชักโครก กำปั้นแทบจะกระแทกหน้าของฮันต์อยู่รอมร่อ แต่กลับมีเสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากประตูทางเข้า

“ถ้าพวกนายไม่ใช้ห้องน้ำก็เชิญออกมา”

ความกดอากาศลดลงฉับพลัน ทำให้ใจคนดิ่งวูบ

ทั้งที่เสียงของอีกฝ่ายไม่ดัง แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนสมองถูกกดทับ

สีหน้าที่แต่เดิมโมโหจนคุมไม่อยู่ของแม็คเกรดีถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจ ชั่วอึดใจที่มือของเขาคลายออก ฮันต์ก็รีบถอยหลบไปให้พ้นวิถีโจมตีของแม็คเกรดีทันที

“วินสตัน…?” แม็คเกรดีไม่ได้คาดคิดถึงการปรากฏตัวของคนคนนี้เลยสักนิด

วินสตันไม่พูดไม่จา เพียงกวาดสายตาผ่านของเหลวที่นองอยู่บนพื้นแล้วเดินอย่างใจเย็นไปที่หน้าอ่างล้างมือ

นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันต์เห็นวอห์น วินสตัน ในระยะใกล้ขนาดนี้

ชายหนุ่มคนนี้พออายุสิบแปดเหมือนกับตนก็ได้ใบอนุญาต F1[4] และแมวมองตาดีของเฟอร์รารี่[5]ก็เซ็นสัญญากับนักขับหนุ่มดาวรุ่งจากอังกฤษคนนี้เอาไว้ได้ ความเย็นชาของเขาเคยทำให้เขาไม่เป็นที่ชื่นชอบในวงการ ทว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาวินสตันขจัดอุปสรรคขวากหนามจนประสบความสำเร็จอย่างเจิดจรัส แถมปีก่อนยังคว้าอันดับสองของตาราง คะแนนสะสมนักขับมาได้อีกด้วย

หน้าตาอันหล่อเหลาบวกกับบุคลิกตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษของเขาทำเอาแฟนรถแข่งผู้หญิงสยบแทบเท้ามานักต่อนัก กระทั่งสื่อบางสำนักถึงกับเขียนว่า ‘วินสตันผู้มีเสน่ห์แบบผู้ชายเย็นชา’

เขาพูดน้อยมาก สื่อแทบไม่เคยถ่ายภาพตอนเขายิ้มได้เลย

ไม่ว่าฝีมือหรือรูปลักษณ์ล้วนโดดเด่นเหนือใคร ทำให้ฮันต์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งได้แต่แอบเจ็บใจ

คนหนึ่งคือราชันในอนาคตที่สื่อคาดการณ์ไว้ ส่วนอีกคนหนึ่งคือมือใหม่อันดับล่าง…ฮันต์รู้สึกว่าการพบกันแบบนี้ออกจะทำร้ายศักดิ์ศรีตัวเองอยู่นิด ๆ …ถึงเขาจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีศักดิ์ศรีอะไรเลยก็เถอะ

เดี๋ยวนะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาปวดใจสักหน่อย ถ้าไม่หนีตอนนี้ เขาได้โดนแม็คเกรดีต่อยจนเละเป็นโคลนติดส้วมแน่!

ฮันต์ค่อย ๆ ขยับไปทางประตูอย่างเงียบเชียบ แต่แม็คเกรดีก็เดินปรี่มาหาเขาอย่างรวดเร็ว

จบเห่ ออกไปก็ยังต้องโดนต่อยอยู่ดี!  

แต่อย่างน้อยทำให้โกรธจนไฟลุกหัวได้ก็ถือว่าคุ้ม!  

ในช่วงเวลานี้เอง เสียงของวินสตันก็ดังขึ้น

“ฮันต์”

เสียงเรียกนั้นราวกับขอบน้ำแข็งที่ร่วงลงสู่สายธารอันอุ่นร้อน ฮันต์สะดุ้งเฮือก เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าเวลาที่วินสตันเรียกชื่อของตนนั้นจะเป็นอย่างไร

เขาคิดว่าตัวเองน่าจะฟังผิดจึงเดินไปข้างหน้าอีกก้าว แต่ชื่อของตนก็ถูกน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์นั่นเรียกอีกครั้ง

“ฮันต์”

“นาย…เรียกฉัน?”

ฮันต์เบิกตากว้างแล้วชี้ที่ตัวเอง

วินสตันหันหลังให้เขาและกำลังใช้ทิชชูเช็ดมืออย่างเอ้อระเหย

ในบรรดานักแข่งรถ รูปร่างของวินสตันถือว่าสูงโปร่งอย่างหาได้ยาก แม้แต่เงาด้านหลังก็ยังมองเห็นไหล่กว้าง สะโพกสอบ สองขาเรียวสวยจนทำให้คนอยากจะช่วยเขาหักทิ้ง

ฮันต์เริ่มแอบเจ็บใจอีกรอบ เขาจ้องของเหลวที่นองอยู่บนพื้นนั่น จู่ ๆ ก็หวังว่าตอนที่วินสตันหมุนตัวจะเหยียบโดน ถึงตอนนั้นใบหน้าไร้อารมณ์นั่นจะปริแตกหรือเปล่านะ

วินสตันทิ้งทิชชูลงในถังขยะ ก่อนจะหันกลับมา ปลายเท้าของเขาห่างจากแอ่งของเหลวนั่นประมาณหนึ่งเซนติเมตรราวกับถูกคำนวณไว้อย่างเหมาะเจาะ

ฮันต์ลอบถอนหายใจเฮือก

เหยียบไม่โดนแฮะ เสียดายจัง  

แต่เขายังไม่ลืมว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายเรียกชื่อของตน แถมยังเรียกตั้งสองรอบด้วย

“มีอะไรรึเปล่า”

พูดกันตามตรง การที่วินสตันเรียกชื่อของตนนับเป็นเรื่องที่ทำให้ฮันต์ค่อนข้างประหลาดใจ

แน่นอนว่าแม็คเกรดีที่คิดจะต่อยเขาก็ประหลาดใจเหมือนกัน

นัยน์ตาสีฟ้าน้ำแข็งคู่นั้นของวินสตันมองมาทางฮันต์

ชั้นตาของเขาสวยมาก มันเป็นความลึกที่ยากจะบรรยาย มิน่าล่ะ ถึงได้มีนักข่าวสาวชื่อดังคนหนึ่งเคยเขียนทำนองหยิกแกมหยอกลงในคอลัมน์พิเศษว่า ‘อย่าสบตากับวอห์น วินสตัน เกินสามวินาที ไม่อย่างนั้นคุณจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง’

เขาเดินเข้ามาหาฮันต์ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

“นายไม่ได้รูดซิปกางเกง”

“หา? อะไรนะ” ฮันต์ยังคงไม่ได้สติกลับมา

อีกฝ่ายไม่เอ่ยปากอีกเป็นรอบที่สอง แต่กลับยกมือขึ้น ตอนที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสลงบนซิปกางเกงยีนของฮันต์ ฮันต์คล้ายรู้สึกได้ถึงมืออีกข้างที่กำลังกดเบา ๆ ลงบนส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของตน

เสียงรูดซิปคล้ายรูดหัวใจของฮันต์ด้วย

วินสตันเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาหลุบต่ำ เวลาเชื่องช้าเสียจนลมหายใจก็ถูกลากยาวตามไปด้วย ภายในสมองของฮันต์พลันว่างเปล่า

หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็เดินผ่านข้างกายเขาไปโดยไม่พูดไม่จา ราวกับบทสนทนาเมื่อครู่ของพวกเขาไม่เคยเกิดขึ้น

หลายวินาทีต่อมาแม็คเกรดีถึงได้เอ่ยปาก “แกไปคบหากับวอห์น วินสตัน ตั้งแต่เมื่อไร”

ฮันต์ส่ายศีรษะอย่างเหม่อลอย “วันนี้…เราเพิ่งได้คุยกันครั้งแรก!”

“งั้นเหรอ” แม็คเกรดีหันมา ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นดุร้ายอีกครั้ง

ในที่สุดฮันต์ก็หมุนตัวแล้วโกยอ้าวสุดฝีเท้า

“อีวาน ฮันต์…ฉันจะหักคอแก!”

ด้วยเหตุนี้ขณะนั่งอยู่บนเครื่องบินระหว่างเดินทางกลับนิวยอร์กฮันต์จึงสวมแว่นกันแดดตลอดทาง เนื่องจากเขา ถูกแม็คเกรดีต่อยจนตากลายเป็นตาแพนด้าทั้งสองข้าง

มาร์คัส ผู้จัดการทีมก็นั่งอยู่ข้างเขา

“ฮันต์…ฉันรู้ว่านายเพิ่งเข้าร่วมแข่งฟอร์มูล่าวัน ยังไม่คุ้นกับที่นี่อย่างเต็มที่ และเพิ่งแข่งไปสามสนามเอง นายยังมีหนทางอีกยาวไกลให้ก้าวเดิน ช่วยตั้งใจหน่อยได้ไหม” มาร์คัสเอ่ยปาก

ตั้งใจ?

แบบไหนถึงจะเรียกว่าตั้งใจ?

ไม่งั้นคุณช่วยตั้งใจให้ผมดูหน่อยสิ?  

“ผมรู้ แม็คเกรดีบอกคุณแล้ว มีเขาไม่มีผม มีผมไม่มีเขา เป็นเพราะว่าผมไม่ช่วยเขาขวางดูคอฟนีจากข้างหลัง”

“ฟังนะ ฮันต์…นายคิดดูสิว่าทุกปีมีนักขับตั้งมากมายอยากเข้าร่วมฟอร์มูล่าวัน ทำไมพวกเราถึงเลือกนายล่ะ แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเราทั้งทีมคิดว่านายมีศักยภาพ! ดูคอฟนีเป็นดาวดวงใหม่ที่มีชื่อเสียงมากก็จริง แต่นายก็มีจุดแข็งของนายเอง ขอแค่นายตั้งใจ ทุ่มสุดฝีมือ…”

“ไม่ใช่เพราะราคาถูกเหรอ” ฮันต์หันกลับมาโดยที่ไม่ได้ถอดแว่นกันแดด

“อะไรนะ” มาร์คัสไม่เข้าใจว่าประโยคที่จู่ ๆ ฮันต์ก็โพล่งออกมานี่หมายถึงอะไร

“พวกคุณเลือกผมเพราะค่าแรงต่อปีของผมถูก แค่สองแสนห้าหมื่นยูโร”

มาร์คัสอ้าปากค้าง จู่ ๆ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี

ฮันต์หันหน้ากลับไปแล้วหลับต่อ

คาดว่านับจากสนามหน้าเป็นต้นไป เขาคงจะถูกเปลี่ยนจากนักขับตัวจริงของทีมมาร์คัสเป็นนักขับทดสอบ[6]แล้ว

แบบนี้ก็ดี ตอนที่คนอื่นแข่ง ตนก็สามารถยืนอยู่ข้างสนาม สูบบุหรี่ เล่นเกมมือถือได้

รวมถึง…ได้ออกจากสนามตอนที่ควรออก

มาร์คัสถอนหายใจ เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยปาก “เย็นวันเสาร์นี้มีงานเลี้ยงกลางคืนเพื่อการกุศลที่เฟอร์รารี่จัดขึ้น พวกเราก็อยู่ในรายชื่อที่ได้รับเชิญ นายก็ไปด้วยนะ”

“ผมไม่โผล่ไปดีกว่า ผมกลัวแม็คเกรดีจะยิ้มให้สื่อไม่ออก”

มาร์คัสรู้ดีว่าฮันต์ไม่ชอบรับมือกับสื่อจึงเอ่ยปากหว่านล้อม “นายก็ถือซะว่าไปกินขนมกับดื่มแชมเปญแล้วกัน”

“ผมดื่มเหล้าไม่ได้”

“อา…ฉันลืมไปว่านายยังอายุไม่ถึงยี่สิบเอ็ด” มาร์คัสจงใจพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย “แต่นายกินขนมกับเหล่สาวสวยได้นะ”

“ก็ได้…ผมจะไป” ฮันต์ลอบถอนหายใจ เขารู้ว่าถ้าตนไม่ไป มาร์คัสต้องเกลี้ยกล่อมเขาด้วยเหตุผลสามร้อยหกสิบกว่าข้อไม่ซ้ำกันแน่ แล้วเขาก็คงไม่ได้นอนแม้แต่นาทีเดียว

เมื่อเครื่องบินลงจอด ฮันต์ก็สะพายกระเป๋ากลับไปที่อพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ของตนในนิวยอร์ก ก่อนจะโยนกระเป๋าทิ้ง แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง

มีแค่ตัวคนเดียว…น่าเบื่อจัง…  

เขาเปิดคอมพิวเตอร์ ค้นหาข่าวการแข่งขันสนามก่อนไปเรื่อยเปื่อย

ข่าวแรกที่เด้งขึ้นมาคืองานแถลงข่าวหลังการแข่งขันของเฟอร์รารี่

วินสตันนั่งอยู่ข้างผู้จัดการทีม คำถามของสื่อแทบทั้งหมดล้วนพุ่งไปทางเขา แต่คนตอบกลับเป็นผู้จัดการทีม

“วินสตัน การแข่งครั้งนี้คุณขาดแค่ศูนย์จุดห้าวินาทีก็จะไล่ตาม ‘ฉลามขาวยักษ์’ เชียร์ทันแล้ว ในการแข่งครั้งต่อไป คุณคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดในการป้องกันแชมป์โลกของเชียร์หรือเปล่าคะ” ผู้ที่ถามคือนักข่าวชื่อดังของฟอร์มูล่าวัน ออเดรย์ วิลสัน

 

 

[1] โรคติดอ่าง (Stuttering) เป็นความผิดปกติของจังหวะการพูด ลักษณะอาการจะมีการพูดติด ๆ ขัด ๆ โดยการซ้ำคำ ซ้ำเสียง มีการลากคำยาว ๆ หรือหยุดพูดเป็นพัก ๆ และอาการมักจะสัมพันธ์กับความเครียดหรือสถานการณ์ที่พูด

[2] คือระบบเก็บคะแนนของฟอร์มูล่าวัน โดยจะนำคะแนนของนักขับในแต่ละสนามย่อยมารวมกัน นักขับที่มีคะแนนสะสมมากที่สุดเมื่อจบฤดูกาลจะได้เป็นแชมป์ประเภทนักขับ

[3] Grand Prix มาจากภาษาฝรั่งเศส หมายถึง การแข่งขันที่เป็นรายการใหญ่ระดับโลก โดยกรังด์ปรีซ์ของฟอร์มูล่าวันในแต่ละปีจะถูกจัดขึ้นตามประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

[4] เป็นใบอนุญาตที่ออกโดยสหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (FIA) ทำให้ผู้ถือครองสามารถเข้าร่วมการแข่งขันฟอร์มูล่าวันได้ แต่ทั้งนี้นักขับคนนั้น ๆ จะต้องสะสมคะแนนในเวทีแข่งรถอื่น ๆ ในระดับรองลงไป รวมถึงสะสมจำนวนเวลาที่ขับรถฟอร์มูล่าวันให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้เสียก่อน ดังนั้นนักขับฟอร์มูล่าวันส่วนใหญ่จึงมักมาจากการเข้าร่วมโปรแกรมฝึกของทีมใหญ่ๆ

[5] Scuderia Ferrari เป็นทีมแข่งรถฟอร์มูล่าวันของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูเฟอร์รารี่จากประเทศอิตาลี ทีมเฟอร์รารี่ถือเป็นทีมในฝันของนักขับหลายคน เนื่องจากเป็นทีมเก่าแก่และประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยปัจจุบันเฟอร์รารี่คว้าแชมป์ประเภททีมผู้ผลิตไปได้ถึงสิบหกสมัย และยังมีนักขับชื่อดังมากมาย เช่น นิกิ เลาด้า และมิคาเอล ชูมัคเกอร์

[6] นักขับทดสอบต้องเป็นผู้ที่มีใบอนุญาตซูเปอร์ไลเซนซ์ของฟอร์มูล่าวัน และต้องเป็นนักขับที่เคยเข้าร่วมรายการแข่งขันของฟอร์มูล่าวันมาก่อนด้วย นักขับทดสอบไม่จำเป็นต้องลงแข่งขันก็ได้ โดยมีหน้าที่ตรวจสอบสภาพและสมรรถนะเครื่องยนต์ก่อนที่นักแข่งจริงจะใช้ขับในสนาม

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า