你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม
焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด
— โปรย —
ราชันนักขับฟอร์มูล่าวัน ‘วอห์น วินสตัน’ สูญเสียคู่แข่งและเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว
ไปในอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด ทว่าหลังค่ำคืนวันแต่งงานของเพื่อนนักขับในวงการคนหนึ่ง
เขากลับตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าได้ย้อนเวลากลับไปตอนที่เจอ ‘อีวาน ฮันท์’ เป็นครั้งแรกอีกครั้ง!
ในวินาทีนั้นกาลเวลาที่หยุดนิ่งพลันแล่นรี่ขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ครั้งนี้เขาจะชดเชยช่วงเวลา
ทั้งหมดที่มีและใช้โอกาสที่ได้มาอย่างคุ้มค่า ทุกนาที ทุก ๆ วินาที จะไม่สูญเปล่าอีกต่อไป
เพราะเขาไม่เคยอยากเป็น ‘เพื่อน’ กับฮันต์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…
ทว่านักขับหนุ่มมือใหม่กลับคิดว่าวินสตันก็แค่ ‘แกล้ง’ เขาเล่น คนที่ได้ฉายาจากสื่อว่า
‘ดาบน้ำแข็งแห่งความเร็ว’ คนนั้นน่ะเหรอที่จะอยากเป็นเพื่อนกับคนท้ายตารางอย่างเขา
และอีกอย่างถ้าอยากเป็นเพื่อนกันจริงๆ เขาจะพูดออกมาได้ยังไงว่า ‘ฉันอยากเอานาย’
เพื่อนกันเขาเล่นมุกใต้สะดือพรรค์นี้กันที่ไหนเล่า
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 2 นายไม่ต้องใส่ถึงไซส์แอลหรอก
ใบหน้าของหล่อนดูเฉลียวฉลาด ผมสีน้ำตาลเป็นลอนใหญ่ขับเน้นเชื้อสายละตินอเมริกันของหล่อนให้เด่นชัดยิ่งขึ้น แถมยังมีหุ่นเว้าโค้งพอเหมาะ ในแววตาฉาย ‘ความสนใจ’ วินสตันอย่างไม่ปิดบัง เจ้าหล่อนไม่เพียงดึงดูดสายตาของสื่อเจ้าอื่นในงาน แต่ยังรวมถึงฮันต์ในตอนนี้ด้วย
“โอ๊ย ๆ…ถ้าได้สาวสวยอย่างนี้สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวละก็ ค่อยคุ้มกับการเป็นนักแข่งรถหน่อย” ฮันต์กุมท้ายทอยพลางถอนหายใจ
“ผมไม่ใช่อุปสรรคของใคร และตอนนี้ก็ลงแข่งไปแค่สามสนามเท่านั้น”
คำพูดของวินสตันห้วนมาก สื่อในงานพากันเงียบกริบทันที
“คุณจะบอกว่าคุณก็สามารถเป็นแชมป์โลกได้ใช่ไหมคะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของออเดรย์ วิลสัน ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ใช่ครับ”
ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าหรือน้ำเสียงก็ไม่ได้ชวนให้คนเกิดความรู้สึกว่าเขาเย่อหยิ่งหรือจองหอง แต่กลับทำให้ผู้คนนับถือและเกลียดไม่ลง
“พอ ๆ ไม่ดูแล้ว…”
ตอนอยู่บนเครื่องบินนอนไม่ค่อยหลับเท่าไร พักผ่อนให้เต็มที่หน่อยดีกว่า…
เขาเพิ่งจะเอาผ้าห่มมาคลุมตัว คู่รักข้างห้องคู่นั้นก็ออกกำลังกายกันอีกแล้ว สะเทือนจนโคมไฟบนผนังร่วงลงมา กระแทกหน้าฮันต์อย่างไม่ทันตั้งตัว
“เชี่ยเอ๊ย!” ฮันต์หยิบโคมไฟขึ้นมา ก่อนจะพุ่งไปยังห้องข้าง ๆ เคาะประตูและกดกริ่งเต็มแรง
ทว่าเขากลับได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจหนัก ๆ กับเสียงผู้หญิงครวญคราง สมองของฮันต์ใกล้ระเบิดเต็มที
“พวกนายทำกันทั้งวันทั้งคืนเลย! ถ้าตอนไหนไม่ทำก็กรุณาบอกด้วยแล้วกัน! ฉันจะนอนโว้ย!”
เสียงคำรามของฮันต์สะท้อนในโถงทางเดิน มั่นใจได้เลยว่าทั้งชั้นบนชั้นล่างต้องได้ยินคำพูดของเขากันหมดแน่
แต่ว่าห้องนั้นได้เข้าสู่โลกส่วนตัวไปเรียบร้อยแล้ว ฮันต์กดกริ่งอยู่หน้าประตูเกือบยี่สิบนาทีพวกเขาถึงได้หยุด
เมื่อประตูเปิดออก เขาก็เห็นสาวสวยผมสีน้ำตาลเป็นลอนใหญ่คนหนึ่ง สีหน้าดูอ่อนล้าทว่าอิ่มเอมใจ หล่อนคลุมกายด้วยชุดนอนบางเบาจนมองเห็นเรือนร่างอรชรได้อย่างชัดเจน หูของฮันต์เห่อร้อนไปหมด
อีกฝ่ายยิ้มและพูดว่า “ครั้งหน้านายกลับมาเมื่อไรก็บอกพวกฉันด้วยนะ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย!” ฮันต์คิดในใจว่าอีกฝ่ายจะต้องรู้สึกอับอายและจะไม่รบกวนชีวิตเขาอีกแล้วแน่ ๆ
“เราจะได้เชิญนายมากดกริ่ง แถมยังจ่ายให้นายสิบนาทีห้าดอลลาร์ด้วย เจ้าหนู นายต้องไม่รู้แน่เลยใช่ไหมว่ายิ่งนาย กดกริ่ง พวกฉันก็ยิ่งมีอารมณ์น่ะ”
ฮันต์เบิกตากว้าง ท่าทางเหมือนคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ
อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ กะพริบตามองเขาอย่างเย้ายวน “หน้าตาของนายก็น่ารักอยู่หรอก แต่ไม่รู้ว่าข้างล่างโตเต็มที่แล้วหรือยัง”
ฮันต์เริ่มโกรธนิด ๆ
ไม่สิ โกรธมาก ๆ
นี่เป็นครั้งที่สองในสัปดาห์นี้แล้วนะที่นกเขาของเขาโดนทักทาย คราวก่อนในห้องน้ำที่สแปนิชกรังด์ปรีซ์ แม็คเกรดีที่กำลังโมโหก็พูดว่าขนนกเขาของเขายังไม่ขึ้น
“แม่งเอ๊ย…”
ฮันต์พลันรัวกดกริ่งบนประตูเต็มแรงอีกครั้ง
คราวนี้คนเปิดประตูคือผู้ชายคนหนึ่ง
กล้ามเนื้อของอีกฝ่ายเทียบได้กับนักเพาะกาย ช่วงเอวและหน้าท้องแข็งแกร่งมาก เขาใช้สายตาดุดันมองฮันต์ “มีอะไร”
ฮันต์กลับยื่นมือไปหาอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเกรง “ผู้หญิงของนายพูดว่า กดกริ่งสิบนาทีจะให้ฉันห้าดอลลาร์ รวมที่กดเมื่อกี้สิบกว่าวินาที รวมเป็นยี่สิบนาทีพอดี กรุณาจ่ายฉันมาสิบดอลลาร์”
นักเพาะกายตะลึงงัน
ผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังเขาหัวเราะ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้ววางเงินสิบดอลลาร์บนฝ่ามือของฮันต์
“นายนี่น่ารักจัง”
“ฉันน่ารักหรือไม่น่ารักแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย”
ฮันต์ยัดแบงก์ลงกระเป๋า ตัดสินใจจะไปซื้อโยเกิร์ตปลอบใจตัวเองที่ซูเปอร์มาร์เก็ตฝั่งตรงข้ามสักหน่อย
นี่คือซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะพบเห็นบรรดาพ่อแม่อุ้มลูกมาวางไว้ในรถเข็นช็อปปิ้ง เข็นไปมาระหว่างล็อกสินค้าแต่ละแถว
เมื่อเห็นแบบนี้ทีไร ฮันต์ก็มักจะอิจฉาอยู่หน่อย ๆ ไม่ใช่เพราะว่าพ่อแม่ของเขาไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่เพราะต่อให้เป็นตอนที่พวกเขายังอยู่ บ่อยครั้งที่เขาอยากได้อะไร ของสิ่งนั้นก็ไม่เคยถูกโยนใส่ในรถเข็นช็อปปิ้งเลย
หลังจากที่เลือกโยเกิร์ตสองแพ็คเสร็จ ฮันต์ก็นึกอยากกินคุกกี้ด้วย
เขามาถึงหน้าชั้นวางคุกกี้ แล้วก็มองเห็นคุกกี้น้ำตาลทรายแดงของสวิตเซอร์แลนด์ที่ตนชอบที่สุด พอหยิบลงมาหนึ่งห่อก็พบว่าชั้นสินค้าว่างลงพอดี และที่ฝั่งตรงข้ามก็ปรากฏใบหน้าด้านข้างของผู้ชายคนหนึ่ง
ช่องว่างเพียงแค่ช่องเดียวเท่านั้น ราวกับพระเจ้าจงใจบีบโลกของฮันต์ให้แคบลง หน้าผากและสันจมูกของอีกฝ่ายรับกันเป็นส่วนเว้าโค้งอันน่าเจริญหูเจริญตา และขนตายามที่กะพริบตาก็ดูนุ่มนวลอย่างที่สุด
นั่นเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่ง แต่ในความคิดของฮันต์ ความสวยงามล้วนขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคล เพราะมันไร้ซึ่งเพศและไม่แบ่งแยกชายหญิง
ฮันต์รู้สึกว่าอีกฝ่ายหน้าตาดี ถ้างั้นก็ขอมองต่ออีกสักหน่อยแล้วกัน ถึงอย่างไรก็ไม่เสียเงิน แถมขนสักเส้นของอีกฝ่ายก็ไม่มีทางหายไปได้
ทว่าในตอนที่สายตาของอีกฝ่ายมองมาทางเขาและทะลุผ่านชั้นว่างนั้น ฮันต์ก็ถึงกับแอบกลั้นลมหายใจ
ที่ฝั่งตรงข้ามของชั้นวางสินค้าไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นวอห์น วินสตัน!
สายตาที่เหลือบมองมาราวไม่ได้ตั้งใจนั่นคล้ายกับมีพลังทะลุทะลวง มันพุ่งเข้าสู่สมองส่วนลึกของฮันต์ทันที
ทั้ง ๆ ที่เป็นสายตาไร้อารมณ์ แต่ฮันต์กลับรู้สึกราวกับว่าตัวเองเกือบโดนไฟลวก เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
ฮันต์พลันนึกถึงภาพของวินสตันที่ช่วยตนรูดซิปกางเกงในห้องน้ำที่สแปนิชกรังด์ปรีซ์…นั่นมันอดีตอันดำมืดที่เขา ล้างไม่ออกไปชั่วชีวิตเลยนะ!
เขาคิดอยู่เสมอว่าต่อให้พวกเขาเป็นนักแข่งรถกันทั้งคู่ แต่ระดับของตัวเองกับวินสตันห่างชั้นกันเกินไป ไม่มีทางที่จะได้มีโอกาสเจอหน้าหรือพูดคุยกันอีกด้วยซ้ำ แต่คาดไม่ถึงว่าขนาดในซูเปอร์มาร์เก็ตก็ยังเจอ!
ฮันต์คิดจะเบนสายตาของตัวเองออก แต่เขากลับเกิดภาพหลอนว่าอีกฝ่ายต้องการจะกักขังเขาเอาไว้จนตาย
น่าจะเป็นเพราะวอห์น วินสตัน ไม่ชอบให้มีคนจ้องมอง ก็เลยโกรธ?
ฮันต์ถอนหายใจออกมาก่อนจะหิ้วตะกร้าใส่ของเดินไปที่ชั้นวางสินค้าอีกล็อกหนึ่ง
เขามีความสามารถพิเศษที่มีประโยชน์มากอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ สามารถทำเหมือนเรื่องกระอักกระอ่วน เรื่องน่าอาย หรือเรื่องแย่ๆ ทั้งหลายไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้
ดังนั้นเขาจึงทำเหมือนไม่เคยเจอกับวอห์น วินสตัน ในห้องน้ำที่สแปนิชกรังด์ปรีซ์ และไม่เคยเจอเขาในซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย เพราะถึงอย่างไรวินสตันก็ไม่มีทางจำได้ว่าเคยพบเขามาก่อน
ด้วยเหตุนี้อารมณ์ของฮันต์จึงผ่อนคลาย เขาหิ้วตะกร้าใส่ของไปยังเคาน์เตอร์ชำระเงิน
คนที่เดินซูเปอร์มาร์เก็ตในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เยอะพอสมควร ฮันต์จึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเล่นเกมแอนิป็อปอีกครั้ง
เขาเล่นไปพลางสำรวจแถวข้างหน้าไปพลาง พร้อมกับใช้ปลายเท้าเตะตะกร้าใส่ของไปข้างหน้า
สิบกว่านาทีต่อมาเขาก็ได้ชำระเงินในที่สุด
ตอนที่รูดบัตรเครดิต แคชเชียร์ก็บอกเขาว่าวงเงินเต็มแล้ว
ความหมายก็คือ…รูดเกินวงเงินแล้ว
ฮันต์เกาท้ายทอย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าสัปดาห์ที่แล้วเขาซื้อลำโพงชุดหนึ่งให้เพื่อนคู่หูที่เต้นฮิปฮ็อปด้วยกัน ทั้งยังจ่ายค่าเช่าห้อง จากนั้นก็มีแข่ง…เหมือนว่าจะลืมจ่ายค่าบัตรเครดิตเสียแล้ว
“ยกเว้นโยเกิร์ตนั่น ที่เหลือไม่เอาแล้ว” ฮันต์หยิบเงินสิบดอลลาร์จากการกดกริ่งประตูของตัวเองออกมาจากกระเป๋า
ช่วงเวลานี้เอง เสียงเย็นดุจเหล็กที่เคาะลงกลางห้องอันว่างเปล่าก็ดังขึ้นด้านหลังเขา
“ยกเว้นกางเกงในแพ็คนั้น ที่เหลือใช้บัตรของฉันรูดก็ได้”
ไหล่ของฮันต์แข็งเกร็ง เขาหันหน้ากลับไปก็พลันพบว่าวินสตันยืนอยู่ด้านหลังตน!
เขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์เช่นเดิม แขนยาวเอื้อมผ่านบ่าของฮันต์แล้วยื่นบัตรเครดิตให้แคชเชียร์ แผ่นอกของเขาแนบเบา ๆ ลงบนแผ่นหลังของฮันต์
ความรู้สึกนั้น…เหมือนกับถูกคนโอบกอดจากด้านหลัง
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
วินสตันมาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไร
เดี๋ยวสิ พวกเขากำลังต่อแถวกันอยู่…จะบอกว่าเขาเพิ่งต่อแถวได้ไม่นาน วินสตันก็มาต่อแถวรอจ่ายเงินด้วยเหรอ
เคาน์เตอร์ชำระเงินมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องเลือกมาอยู่ข้างหลังตนด้วย
ในสถานการณ์ปกติ ฮันต์รู้ว่าตัวเองควรจะต้องกล่าวขอบคุณสักคำ แล้วบอกกับอีกฝ่ายว่าจะคืนเงินให้ทันทีที่มีโอกาส แต่เมื่อถึงเวลาเอ่ยปาก สิ่งที่เขาพูดกลับเป็น “ทำไมกางเกงในแพ็คนั้นถึงไม่ได้ล่ะ”
ผู้คนรอบข้างต่างหันมามอง แม้กระทั่งแคชเชียร์สาวก็ยังหน้าแดงเล็กน้อย
แต่ฮันต์ไม่นึกเสียใจที่ตัวเองถามคำถามนี้
ถ้าตอนนี้ไม่ได้คำตอบ กลับไปถึงห้องเขาก็ต้องคิดต่ออีกแน่
“เพราะว่ามันไม่พอดี” เสียงของวินสตันยังคงเรียบนิ่ง
“หา? ทำไมถึงไม่พอดีล่ะ”
“นายใส่ไซส์เอ็มก็พอ ไม่ต้องใส่ถึงไซส์แอลหรอก” วินสตันตอบ ผลของการเป็นนักขับตัวท็อปทำให้คนเชื่อถือได้อย่าง ไร้เหตุผล
ตอนที่เห็นสีหน้ามั่นอกมั่นใจนั่นของอีกฝ่าย หัวใจดวงน้อยของฮันต์ก็ราวถูกเสียบจึ้กอย่างแรงทีหนึ่ง
อะไรคือ ‘ไม่ต้องใส่ถึงไซส์แอลหรอก’ หมายถึงตรงนั้นของเขาเล็กเกินไปเหรอ
แม่งเอ๊ย! นี่เป็นครั้งที่สามของสัปดาห์นี้แล้วนะที่คนพูดถึงน้องชายเขา!
เมื่อฮันต์กำลังจะพูดว่า ‘ฉันไม่จำเป็นต้องให้นายช่วยจ่าย’ วินสตันก็เอ่ยขึ้นอีก
“เนื้อผ้าอย่างนี้ไม่นานก็จะเสียความยืดหยุ่น”
“…อ๋อ”
วินาทีนั้นเขามีความรู้สึกเหมือนกับว่าจิตใจได้รับการปลอบโยน
ที่แท้ไม่ได้จะบอกว่าขนาดน้องชายเขาเล็ก แต่เป็นเนื้อผ้าของกางเกงในต่างหากที่ไม่ดี
“ขอบใจ คืนเงินให้นายคราวหน้านะ”
ฮันต์หิ้วถุงของซูเปอร์มาร์เก็ต โบกมือชิล ๆ ให้อีกฝ่ายแล้วเดินจากไป
หรือจะให้ยืนอยู่ตรงนั้นต่อ รอวินสตันจ่ายเงินพลางถกเรื่องเนื้อผ้าของกางเกงในกับเขาเหรอ
ขณะที่หิ้วของพวกนี้เดินไป ฮันต์เงยหน้าส่งเสียงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
สรุปว่าเขาก็ยังไม่ได้ซื้อกางเกงใน…แล้วเย็นนี้จะใส่อะไรล่ะ ที่มีอยู่ก็ยังไม่ได้ซักเลยสักตัว…
งานเลี้ยงเพื่อการกุศลช่วงสุดสัปดาห์อะไรนั่นก็น่ารำคาญชะมัด
ชุดสูทอยู่ที่ไหนกันนะ
เมื่อฮันต์กลับถึงห้อง เขาก็รื้อตู้ค้นกล่อง จนในที่สุดก็หาสูทชุดหนึ่งเจอ พอสวมลงบนกายก็ดูเรียบ ๆ ไม่ได้สะดุดตาอะไร ฮันต์ทำหน้าพออกพอใจเป็นอย่างมาก
เดี๋ยวก่อน…งานเลี้ยงเพื่อการกุศลของเฟอร์รารี่ วินสตันต้องเข้าร่วมด้วยแน่ ถ้างั้นต้องคืนเงินให้เขาไหม
เงินนั่น…มันเท่าไรนะ
จำไม่ได้แล้ว ช่างแม่ง
เทียบกับค่าแรงหนึ่งล้านยูโรต่อปีของวอห์น วินสตัน เขาไม่มีทางใส่ใจเรื่องช่วยฮันต์จ่ายเงินที่ซูเปอร์มาร์เก็ตหรอก
แล้วฮันต์ก็ขับรถจี๊ปคันเล็กของเขามาถึงโรงแรมหรูที่จัดงานเลี้ยงในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
เมื่อมองไปรอบ ๆ กายจะเห็นหนุ่มสาวสวมชุดสูทชุดเดรสอย่างเป็นทางการเดินทางมาด้วยรถหรู ออร่าเปล่งประกายระยิบระยับ คนดังเหล่านั้นส่งกุญแจรถให้พนักงานหน้าประตูเสร็จก็เดินเยื้องย่างขึ้นไปด้านบนอย่างสง่างาม