[ทดลองอ่าน] นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม ตอนที่ 3

你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด

 

— โปรย —
ราชันนักขับฟอร์มูล่าวัน ‘วอห์น วินสตัน’ สูญเสียคู่แข่งและเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว
ไปในอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด ทว่าหลังค่ำคืนวันแต่งงานของเพื่อนนักขับในวงการคนหนึ่ง
เขากลับตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าได้ย้อนเวลากลับไปตอนที่เจอ ‘อีวาน ฮันท์’ เป็นครั้งแรกอีกครั้ง!

ในวินาทีนั้นกาลเวลาที่หยุดนิ่งพลันแล่นรี่ขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ครั้งนี้เขาจะชดเชยช่วงเวลา
ทั้งหมดที่มีและใช้โอกาสที่ได้มาอย่างคุ้มค่า ทุกนาที ทุก ๆ วินาที จะไม่สูญเปล่าอีกต่อไป
เพราะเขาไม่เคยอยากเป็น ‘เพื่อน’ กับฮันต์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว…

ทว่านักขับหนุ่มมือใหม่กลับคิดว่าวินสตันก็แค่ ‘แกล้ง’ เขาเล่น คนที่ได้ฉายาจากสื่อว่า
‘ดาบน้ำแข็งแห่งความเร็ว’ คนนั้นน่ะเหรอที่จะอยากเป็นเพื่อนกับคนท้ายตารางอย่างเขา
และอีกอย่างถ้าอยากเป็นเพื่อนกันจริงๆ เขาจะพูดออกมาได้ยังไงว่า ‘ฉันอยากเอานาย’
เพื่อนกันเขาเล่นมุกใต้สะดือพรรค์นี้กันที่ไหนเล่า

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

ทที่ 3 เสื้อซับเหงื่อ[1]ของผู้ชาย

 

 

ฮันต์ถูจมูก “ดูเหมือนชุดฉันจะเรียบเกินไปหน่อย”

เมื่อเขาเดินขึ้นบันไดก็เจอเข้ากับโดนัลด์ นักขับชื่อดังของทีมเซาเบอร์[2]

ชายคนนี้คว้าอันดับสามในการแข่งสนามที่แล้ว เรียกได้ว่ากำลังเป็นช่วงที่ลำพองใจถึงขีดสุด อีกทั้งสาวงาม ที่โอบอยู่ข้างกายก็ยังสวยจนคนตะลึง ทั้งสองยืนจูบกันนัวเนียตรงประตูทางเข้าอยู่ครู่หนึ่ง โดนัลด์จึงค่อยยื่นกุญแจ ออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย

บริกรกำลังจะเข้ามารับกุญแจ แต่โดนัลด์กลับโยนมันไปทางฮันต์

ฮันต์ล้วงกระเป๋าพลางก้าวถอยหลัง กุญแจร่วงลงตรงปลายเท้าเขาพอดี

“เฮ้!” โดนัลด์เลิกคิ้วมองมาทางฮันต์คล้ายต้องการถามว่า ‘ทำไมแค่กุญแจรถนายก็ยังรับไม่ได้’

ฮันต์ยังคงล้วงกระเป๋ามองเขา จากนั้นก็หยิบบัตรเชิญออกมาอย่างเอ้อระเหย ส่งให้เจ้าหน้าที่รักษา ความปลอดภัยหน้าประตู

ขณะนั้นเองบริกรก็รีบร้อนกล่าวขออภัยฮันต์ ก่อนจะรีบเก็บกุญแจรถขึ้นมา

ฮันต์มองตัวเอง แล้วก็มองบริกร ถึงแม้จะใส่สูททั้งคู่…แต่คงไม่เหมือนกันขนาดนั้นหรอกมั้ง

“ท่าทางมันให้น่ะ”

แม็คเกรดี เพื่อนร่วมทีม…อ่า…ควรจะเรียกว่าศัตรู เดินผ่านข้างกายเขาพลางยิ้มเยาะทีหนึ่ง

ฮันต์เกาหลังศีรษะ คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าท่าทางของตนเหมือนกับบริกรตรงไหน

ในงานเลี้ยง ผู้คนต่างชนแก้วไวน์กันอย่างครึกครื้น สื่อมวลชนชื่อดังจำนวนไม่น้อยก็อยู่ภายในงานด้วย ผู้จัดการทีมและนักขับชื่อดังต่างกลายเป็นจุดศูนย์กลางที่ถูกห้อมล้อม แน่นอน…ยกเว้นคนว่างงานอย่างเขา

แต่ยังดีที่ของหวานในงานเลี้ยงรสชาติไม่เลว

ฮันต์มีความสุขกับช่วงเวลาที่ไม่มีใครรบกวน ไม่มีใครสนใจ อยากกินอย่างไรก็ได้แบบนี้มาก

ถึงจะเอาครีมมาละเลงทั่วหน้าก็ไม่จำเป็นต้องวุ่นรับมือกับผู้สื่อข่าวและเพื่อนร่วมอาชีพเหมือนนักขับชื่อดัง พวกนั้น…ชีวิตคนแสนสั้น ทำไมต้องเอาเวลาเสพสุขไปใช้กับการเข้าสังคมด้วยล่ะ

กินขนมหวานเซตหนึ่งหมด ฮันต์จึงเดินอย่างอิ่มอกอิ่มใจไปอีกฝั่ง ตอนนี้เองที่บริกรคนหนึ่งยัดถาดอาหารใส่มือเขา “โทษที หัวหน้าเรียกฉันพอดี นายทำแทนฉันสักพักนะ! ขอบใจ!”

ฮันต์เบิกตากว้างมองเงาร่างของอีกฝ่ายเดินจากไป แล้วก็มองถาดที่อยู่ในมือ

แม็คเกรดีบังเอิญเห็นฉากนี้เข้าพอดี เขาจึงวางแก้วไวน์เปล่าในมือลงบนถาดของฮันต์เสียดื้อ ๆ

“คงต้องรบกวนนายแล้ว คุณบริกร”

เขาพูดจบพร้อมกับวางทิปหนึ่งดอลลาร์ไว้บนถาด

ฮันต์หรี่ตา ดูท่าแม็คเกรดีคงยังแค้นเขาที่การแข่งในสนามก่อนเขาขวางดูคอฟนีไว้ไม่ได้สินะ!

เดี๋ยวนะ มันอาจไม่ใช่เพราะการแข่งขัน แต่เป็นเพราะระเบิดน้ำในห้องน้ำลูกนั้น?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฮันต์ก็ยิ้มพลางหยิบเงินหนึ่งดอลลาร์เก็บใส่กระเป๋า คลี่ยิ้มตาหยีใส่แม็คเกรดีแล้วขยับปากพูดแบบไร้เสียงว่า ‘ขอบใจ’

แม็คเกรดีเผยสีหน้าอยากโมโหแต่ก็ต้องสะกดกลั้นเอาไว้ออกมาตามคาด

ฮันต์พลันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขสุด ๆ

ขณะนั้นเอง การมาถึงของใครสักคนก็ทำให้ผู้คนในงานเลี้ยงราวกับถูกอะไรบางอย่างดึงดูด พวกเขาต่างหันไปมองทางฝั่งนั้นกันหมด

ฮันต์ก็เหลือบตาขึ้นมองตาม เป็นผู้จัดการของทีมเฟอร์รารี่ที่มาพร้อมกับวอห์น วินสตัน ซึ่งเดินอยู่ข้างหลังเขาแท้ ๆ แต่กลับไม่อาจบดบังตัวตนของเขาได้

วินสตันในวันนี้สวมชุดสุภาพสีดำที่ดำสนิทจนแทบไม่มีลวดลายใด ๆ แต่ยิ่งเป็นสไตล์เรียบง่ายก็ยิ่งขับเน้นให้เห็นเค้าโครงส่วนเอวและไหล่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน

ไหนจะยังมีขายาวๆคู่นั้น ทุกย่างเท้าที่ก้าวเดินล้วนทำให้ผู้เฝ้าชมรู้สึกเพลิดเพลิน

ศูนย์กลางของงานเลี้ยงเพื่อการกุศลครั้งนี้คือใคร ไม่ต้องบอกก็รู้

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นใคร อย่างมากวินสตันก็แค่ผงกศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กน้อยอย่างมีมารยาททว่าคงไว้ซึ่งความสง่างามเท่านั้น ไม่เผยรอยยิ้มออกมาเลยแม้แต่น้อย

แม้แต่ประธานในการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ที่เดินเข้ามาจับมือกับเขา เขาก็แค่ผงกศีรษะให้เท่านั้น

“หมอนี่มันฉีดโบท็อกซ์จนกล้ามเนื้อตรงหน้าแข็งค้างเลยหัวเราะไม่ออกหรือไง” ฮันต์ลูบคาง

ถึงจะดูเย็นชา แต่กลับไม่มีใครรู้สึกว่าเขาเย่อหยิ่ง พวกเขาก็เหมือนแมลงเม่าที่พร้อมกระโจนเข้าสู่กองไฟ และแม้จะรู้ดีว่าวอห์น วินสตัน มีแค่หน้าเดียวตลอดกาล ก็ยังจะห้อมล้อมอยู่ข้างกายเขาอย่างยินดี

เวลานี้มีคนวางแก้วไวน์เปล่าลงบนถาดในมือเขาอีกครั้ง จากนั้นใช้สายตาพูดกับเขาว่า ‘ทำไมนายยังแอบอู้อยู่อีก’

ฮันต์เบ้ปาก คิดในใจว่ากินเค้กอีกชิ้นเขาก็จะออกจากงานแล้ว

ในขณะที่เตรียมหาของอร่อยแล้วออกจากที่แห่งนี้ สายตาก็กวาดผ่านไปทางวินสตันโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเขาก็พบว่าแม้มือของวินสตันจะถือแก้วไวน์และดูเหมือนตั้งใจฟังประธานของงานพูด แต่สายตาของเขากลับมองผ่านไหล่ ของอีกฝ่าย แทรกผ่านช่องว่างระหว่างบรรดาแขกเหรื่อมาตกลงบนร่างฮันต์

สายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกแบบนี้ทำให้ฮันต์นึกว่าอีกฝ่ายแค่เบื่อหน่ายเพราะประธานของงานพูดนานเกินไปจึงหาจุด โฟกัสอื่นให้ตัวเอง แต่เขาก็สังเกตได้โดยเร็วว่าเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น…

เพราะอีกฝ่ายมองตั้งแต่ดวงตา ไล่ลงมาถึงปลายจมูกของเขา และไล่ลงสู่เบื้องล่างอย่างเชื่องช้า ก่อนมองลึกลงไปข้างในปกเสื้อ ลึกลงไปทุกที…

ฮันต์เบือนหน้าหนี

น่าจะเป็นเพราะอากาศในงานเลี้ยงผสมกับกลิ่นอายแอลกอฮอล์ ตนจึงไม่ชิน

เขาเอียงศีรษะแล้วใช้นิ้วมือเกี่ยวโบหูกระต่ายของตน

แต่เพียงแค่ชั่วพริบตานั้นเขารู้สึกว่าลำคอของตนราวกับถูกลวกจนเป็นแผล เขาเผลอมองไปทางวินสตันอีกครั้ง

อา…ถูกคนบังซะแล้ว…

คงคิดไปเองะมั้ง

ฮันต์เดินไปอีกฟากแล้วก็เห็นมินิเลมอนพาย

“เยี่ยมไปเลย กินพวกแกนี่แหละ”

ชั่วขณะที่เหลือบตาขึ้นมอง เขาก็เผลอประสานเข้ากับสายตาของวินสตันอีกครั้ง พลังอันไร้ตัวตนระลอกหนึ่งพุ่งมากระแทกร่างเขาอย่างจัง สิ่งของนอกกายทั้งหมดที่สามารถปกปิดร่างกายเขาได้คล้ายถูกกระชากออกไปในวินาทีนั้น

ร่างกายร้อนรุ่มอย่างไร้สาเหตุ เลือดไหลเวียนสู่เบื้องล่าง

ฮันต์อยากผละสายตาของตนออก แต่ความรู้สึกในตอนนี้ราวกับตนตกอยู่ท่ามกลางแรงดึงดูดของอีกฝ่ายจนไม่อาจหันหนี

“การประมูลของงานเลี้ยงเพื่อการกุศลในครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!”

สายตาของทุกคนต่างมองไปบนเวทีจัดงานประมูล รวมถึงวินสตันด้วย

ฮันต์จึงผ่อนลมหายใจออกมาได้ในที่สุด

เรื่องเมื่อครู่คงจะเข้าใจผิดไปเอง…เขากับวินสตันรวมแล้วก็เคยเจอกันซึ่ง ๆ หน้าแค่สองครั้ง

ครั้งหนึ่งในห้องน้ำที่สแปนิชกรังด์ปรีซ์ อีกครั้งหนึ่งในซูเปอร์มาร์เก็ต อีกฝ่ายไม่เห็นจำเป็นจะต้องใช้แววตาแบบที่ใช้มองศัตรูมาจ้องตนเลยนี่!

หลังจากพิธีกรพล่ามคำพูดไร้สาระไปกองใหญ่ก็วกกลับเข้าสู่หัวข้อหลักได้ในที่สุด

“รายได้ทั้งหมดที่ได้จากการประมูลในครั้งนี้ เราจะมอบให้แก่กองทุนเพื่อการกุศลของเฟอร์รารี่เพื่อนำไปใช้สำหรับการช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่เป็นโรคลิวคีเมีย[3] ลำดับต่อไปขอเชิญชมของประมูลชิ้นแรก…ถุงมือที่เจ้าของฉายาฉลามขาวยักษ์ หรือก็คือเชียร์ ราชันนักขับผู้ได้คะแนนสะสมประเภทนักขับของเอฟวัน กรังด์ปรีซ์เป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันสองสมัยซ้อนเคยใช้ในการแข่งขันสนามย่อยครั้งที่แล้ว!”

เสียงปรบมืออย่างกระตือรือร้นดังก้องงาน

“ราคาเริ่มต้นที่ห้าพันดอลลาร์!”

ฮันต์ยิ้มไปพลางกินมินิเลมอนพายไปพลาง

ราคาเริ่มต้นห้าพันดอลลาร์ คนไม่รู้คงนึกว่าเป็นภาพวาดชื่อดังแห่งยุคแหง!

โอ้ ดูท่าตนควรทำตามที่มาร์คัสบอกจริง ๆ ต้องตั้งใจให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย ถ้ามีชื่อเสียงแล้ว ถุงมือที่เขาเคยใช้ ต่อให้ขายห้าพันดอลลาร์ไม่ได้ แต่สักห้าร้อยดอลลาร์ก็คงขายได้ละมั้ง

ถึงตอนนั้นเขาจะเปลี่ยนคู่ใหม่มันทุกสนามเลย!

สุดท้ายถุงมือของ ‘ฉลามขาวยักษ์’ เชียร์ก็ขายออกไปในราคาสองหมื่นดอลลาร์

ฮันต์อดถอนหายใจไม่ได้ ‘เอฟวันเป็นกีฬาที่ผลาญเงินที่สุดในโลกแบบไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ ด้วย’

“ของประมูลชิ้นที่สอง…เสื้อซับเหงื่อที่วอห์น วินสตัน จากทีมเฟอร์รารี่เคยใส่ในการแข่งขัน!”

รอบ ๆ ตัวฮันต์เกิดเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นระลอกหนึ่ง

“ราคาเริ่มต้นที่ห้าพันดอลลาร์เช่นกัน!”

คำพูดแนะนำของพิธีกรยังไม่ทันจบ การประมูลก็เริ่มขึ้นแบบทนรอแทบไม่ไหวแล้ว

“หกพันดอลลาร์!”

“เจ็ดพัน!”

“แปดพัน!”

ฮันต์ผงกศีรษะไปพลาง ฟังเสียงเสนอราคาข้างตัวไปพลาง สีหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง

แค่เสื้อยืดสีขาวตัวเดียว ทำไมพอวินสตันใส่แล้วถึงได้มีราคามหาศาลขนาดนี้ล่ะ

ท้ายที่สุดราคาก็พุ่งทะยานไปถึงห้าหมื่นดอลลาร์

ฮันต์สำลักมินิเลมอนพายจนหายใจแทบไม่ออก เขาต้องหาน้ำดื่มสักหน่อย

เมื่อหันหลังกลับไปก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งร้องไห้น้ำตาไหลพราก โดยมีพ่อของหล่อนกำลังปลอบอยู่

“อย่าเสียใจไปเลยลูกรัก พ่อกับนักวิเคราะห์กลยุทธ์[4]ของทีมเฟอร์รารี่สนิทกันมาก ไว้รองานเลี้ยงเลิกแล้วพ่อจะขอให้เขาช่วยเอาเสื้อยืดอีกตัวจากวินสตันมาให้ดีไหม”

แต่หญิงสาวคนนั้นยังคงกลั้นน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ได้

พูดตามตรง ฮันต์นึกสงสัยอยู่บ้างว่า ในบรรดาแฟนคลับสาวที่เข้าร่วมงานประมูลเหล่านี้ จะมีสักกี่คนกันที่เข้าใจ F1 จริง ๆ

“ลูกรัก เชื่อพ่อนะลูก?” คุณพ่อท่านนั้นอยากเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว แต่ลูกสาวกลับเบือนหน้าหนี

ฮันต์เริ่มสงสารเขาขึ้นมานิดๆ จึงขยับจัดคอเสื้อของตัวเองแล้วเดินไปข้าง ๆ หญิงสาวคนนั้น

“นี่ เธอชอบวอห์น วินสตัน มากใช่ไหม”

“…” หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจต่อการปรากฏตัวของฮันต์ หากก็ยังผงกศีรษะ “ใช่”

“งั้นเธอรู้ไหมว่าแข่งเอฟวันสนามหนึ่งเสร็จ ร่างกายของนักขับจะสูญเสียพลังงานเท่ากับการแข่งวิ่งมาราธอน”

หญิงสาวผงกศีรษะอีกครั้ง แต่หล่อนก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมจู่ ๆ ฮันต์ถึงได้พูดเรื่องพวกนี้

“เพราะงั้นในการแข่งขันสนามหนึ่ง นักขับสามารถขับน้ำในร่างกายออกมาได้ประมาณสามลิตร น้ำในร่างกายพวกนั้นจะถูกเสื้อยืดสีขาวตัวนั้นดูดซับไว้จนหมด…มันคือเสื้อซับเหงื่อที่ตรงตามชื่อของมัน ฉันเดาว่ามันต้องมีกลิ่นที่เป็นกลิ่นตัวของวินสตันตลบอบอวลเลยละ…ฉันไม่รู้หรอกนะว่าจะฉุนจมูกหรือเปล่า” ฮันต์ยักไหล่และมองหญิงสาวคนนั้นต่อ

“นาย…นายบ้าหรือเปล่า!” หญิงสาวโมโหก่อนจะหันหลังเดินจากไป

ฮันต์ถูจมูก พึมพำกับตัวเองเบา ๆ “ฉันเนี่ยนะบ้า ยังไงฉันก็ปกติกว่าบางคนที่ยอมจ่ายเงินห้าหมื่นดอลลาร์เพื่อซื้อ เสื้อซับเหงื่อของผู้ชายก็แล้วกัน”

“ฉันไม่มีกลิ่นตัว ไม่รู้ว่านายจะผิดหวังหรือเปล่า”

น้ำเสียงเย็นชาที่ราวกับการเคาะแก้วเงินอย่างแผ่วเบาท่ามกลางห้องอันว่างเปล่าดังขึ้นเบื้องหลัง แผ่นหลังของฮันต์แข็งค้าง ถึงจะเคยฟังอีกฝ่ายพูดแค่ไม่กี่คำ เขาก็ยังแยกได้ว่านั่นคือเสียงของวินสตัน

เขา…เขามาตั้งแต่เมื่อไรกัน

หมอนี่ควรจะต้องคุยกับประธานจัดงานเลี้ยงหรือสปอนเซอร์อะไรเทือกนั้นอยู่ไม่ใช่หรือไง

 

 

[1] คือเสื้อยืดที่ทำจากวัสดุกันไฟ นักขับจะใส่ไว้ด้านในก่อนจะสวมทับด้วยชุดแข่งแบบเต็มตัว

[2] หรือเซาเบอร์เอฟวันทีม (Sauber F1 Team) เป็นหนึ่งในทีมแข่งรถฟอร์มูล่าวันของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์

[3] Leukemia หรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก ส่งผลให้เซลล์ตัวอ่อนของเม็ดเลือดขาวมีการแบ่งเซลล์เพิ่มจำนวนมากกว่าปกติ และการแบ่งตัวอย่างไม่หยุดยั้งนี้ได้ไปรบกวนการสร้างเม็ดเลือดปกติชนิดอื่นของไขกระดูก ทำให้เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวปกติ และเกล็ดเลือดลดลง ลักษณะอาการคือ มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง และเกิดผื่น ปื้น หรือก้อนที่ผิวหนัง

[4] คือผู้วางแผนโดยมีเป้าหมายเพื่อคว้าชัยชนะให้ทีม โดยนักวิเคราะห์กลยุทธ์จะเริ่มวางแผนตั้งแต่ก่อนการแข่งขัน เช่น การทดสอบและเก็บข้อมูลรถ การเลือกชนิดยางในแต่ละสนามแข่ง ไปจนถึงรอบควอลิฟายและรอบแข่งจริง เช่น การคำนวณเชื้อเพลิงให้พอดี จำนวนการเข้าพิตเปลี่ยนยาง รอบที่สมควรเข้าพิต ยางที่จะใช้ การแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน เป็นต้น

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า