[ทดลองอ่าน] นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม ตอนที่ 41

你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม

 

焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด

 

— โปรย —

ใครจะรู้ว่าหลังจากฮันต์สารภาพความในใจยาวเหยียด
วินสตันกลับจู่โจมเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวจนฮันต์ขวัญผวาเพราะ ‘ขวดโค้ก’ ไซส์ซูเปอร์บิ๊ก
ตอนนั้นเขาถึงได้รู้ว่าวินสตันคิดไม่ซื่อกับเขาตั้งแต่แรกแล้ว!

ทว่าตกตะลึงได้ไม่ทันไร ประโยคสารภาพรักของไชร์ที่พนันกับโอเว่นในงานเลี้ยง
เพื่อแกล้งวินสตันกลับผุดขึ้นในหัว ในสายตาของวินสตัน คนที่เขาให้ความสนใจ
และให้ความสำคัญล้วนเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง ฝีมือทัดเทียมกันบนสนามแข่ง
แต่คนอย่างฮันต์ เมื่ออยู่ต่อหน้าวินสตันก็เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง
ได้แต่ไล่ตามอยู่ข้างหลังเขาเสมอ…แล้วทีนี้เขาควรจะทำอย่างไรดีล่ะ

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 41 แคลอรี

 

นายไม่ดื่มเหรอวินสตันถาม

“ไม่ดีกว่ามั้ง…”

ฉันคอไม่แข็ง

“นี่เป็นเหล้าบ๊วย[1] ดีกรีไม่ค่อยแรง” วินสตันพูด

“จริงเหรอ” เมื่อแช่อยู่ในออนเซ็นแบบนี้ก็อยากดื่มน้ำมากจริง ๆ

“หรือถ้านายไม่ต้องการ จะสั่งนมก็ได้นะ”

หมอนี่กำลังเยาะเย้ยเขาอีกแล้ว

ฮันต์หยิบถ้วยกระเบื้องเคลือบขึ้นมาจิบเบา ๆ อึกหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์

กลิ่นเหล้าจางมากจริง ๆ เจือความหวานอ่อนๆ ของบ๊วย ความรู้สึกเย็นที่ไหลผ่านลำคอราวกับทำให้ปอดขยายตัวในทันที

“อา” ฮันต์หลับตาลงผ่อนลมหายใจออกมา

สบายจริง ๆ เลย!

เขาวางถ้วยกลับลงไปในเรือลำน้อย แต่ใครจะไปคิดว่าเรือลำน้อยลอยเคลื่อนทีหนึ่ง ถ้วยก็ร่วงลงในน้ำเกิดเป็นเสียงเบา ๆ

ฮันต์หรี่ตา ควานมือลงไปในน้ำเพื่อคลำหาถ้วยเล็กใบนั้นอย่างเกียจคร้าน

แต่ควานอยู่ในน้ำครึ่งวันก็ยังไม่เจอ

“เฮ้ย…ไปไหนแล้ว…”

ฮันต์ยื่นแขนออกไปควานหา วินาทีที่คว้าอะไรสักอย่างได้…เขาก็ช็อกไปเลย!

ซวยละ!

ของที่อยู่ในมือเหมือนจะกระตุกเล็กน้อย

เขาตายแน่!

ฮันต์จะรีบเก็บมือกลับมา แต่กลับถูกวินสตันกดเอาไว้

ฝ่ามือแนบลงไปเต็ม ๆ

“ขะ…ขะ…ขอโท…”

แย่แล้ว! จบเห่! คราวนี้วินสตันฆ่าเขาแน่!

ฮันต์หลับตาแน่น กลัวอีกฝ่ายจะต่อยตนแรง ๆ สักหมัด

เขาร้อนรนจนกระทั่งจะพูดก็พูดไม่ออกแล้ว

“นายอยากจะเทียบขนาดกับฉันหรือไง”

ดวงตาที่หลับอยู่ตลอดของวินสตันลืมขึ้นช้า ๆ แต่สีหน้ากลับไร้ซึ่งแววขุ่นเคือง

“ฉัน…ฉัน…” ฮันต์อยากจะตีตัวเองให้สลบไปนัก

“นายตื่นเต้นมากเลยเหรอ” วินสตันหันหน้ามาราวกับเพื่อมองสีหน้าของฮันต์ให้ชัด ๆ

เมื่อสัมผัสได้ว่าเจ้าหนูตัวใหญ่ในฝ่ามือกำลังเต้นตุบ ๆ ฮันต์ก็ตกใจจนอ้าปากค้าง เปล่งเสียงไม่ออก

“ใหญ่กว่านายใช่หรือเปล่า” เสียงของวินสตันที่คลอกับอุณหภูมิของน้ำพุร้อนราวกับเป็นไอเย็นทำให้คนได้สติ

ฮันต์รีบผงกศีรษะแรงๆ เขาไม่อยากเทียบขนาดกับอีกฝ่ายเลยสักนิด!

“ของนาย…ของนายใหญ่กว่า!”

“เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกว่ามือนายเล็กเลย วันนี้ถึงได้พบว่านายกำไม่รอบ”

หยุดพูดได้แล้ว!

หน้าของฮันต์แดงจนเลือดเกือบจะหยดออกมาอยู่แล้ว

เขาใช้แรงทั้งหมดของร่างกายดึงมือกลับมาได้ในที่สุด แต่ก็เสียการทรงตัว ลื่นลงไปในน้ำดังตูม

น้ำจากบ่อน้ำพุร้อนเข้าปากเข้าจมูก เขาสำลักกระอักกระไอจนเวียนหัว

วินสตันกลับลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูมาแล้วเดินขึ้นไป

“ยังไม่ขึ้นมาอีกเหรอ นายแช่จนหน้าแดงแล้ว”

วินสตันยื่นมือมาทางฮันต์

ฮันต์หยัดกายขึ้นนั่ง ปัดมือของวินสตันออกอย่างแรง เขาหยิบผ้าขนหนูมา ตอนที่ก้าวออกไป วินสตันกลับหัวเราะน้อย ๆ

“นายหัวเราะอะไร”

“เล็กมาก น่ารักมากเลย”

วินสตันหันหลังเดินเลียบขอบบ่อจากไป

ฮันต์ถึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ก่อนที่ตนจะคาดผ้าขนหนูคงถูกอีกฝ่ายเห็นเข้าแล้ว

“ฉันเล็กตรงไหน!”

นายไม่รู้หรือไงว่ามุกตลกแบบนี้ทำร้ายศักดิ์ศรีเพศชายมาก ๆ

“อย่างน้อยฉันก็กำรอบด้วยมือข้างเดียว” วินสตันจงใจชูมือของตนขึ้นสูง

นั่นคือมือที่ใช้จับพวงมาลัย ขับรถแข่งเต็มเหยียด  มีพละกำลังมาก และปฏิกิริยาคล่องแคล่ว

หน้าของฮันต์ร้อนผ่าว

“พูดอย่างกับนายเคยกำงั้นแหละ”

“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เคยกำ” วินสตันหันศีรษะมาแย้มยิ้ม

“ตอนไหน”

“ตอนที่นายดื่มจนเมา หรือว่านายเปลี่ยนกางเกงในเองได้ล่ะ” วินสตันถามกลับเสียงเย็น

ฮันต์จนถ้อยคำจะตอบโต้

ต่อให้ช่วยเปลี่ยนกางเกงในให้เขา วินสตันก็ยื่นมือมาจับไม่ได้สิ…หรือว่าฮันต์น้อยเบี้ยวแล้ววินสตันช่วยเขาจัดให้ตรง!

แม่งเอ๊ย! สมองคิดอะไรวะเนี่ย!

ดูท่าวินสตันคงกำลังพูดซี้ซั้วด้วยท่าทางจริงจัง!

เด็กน้อยที่ส่งเหล้าบ๊วยให้พวกเขาเมื่อครู่เอาชุดยูกาตะมาวางไว้ข้างบ่อนานแล้ว

วินสตันค้อมตัวลงหยิบตัวหนึ่งขึ้นมาเปลี่ยน

ฮันต์ยืนอึ้งมองวินสตันอยู่ตรงนั้น

เสื้อยูกาตะสีเข้มขับบุคลิกสุขุมของวินสตันออกมาเต็มที่ เมื่อวินสตันรัดผ้าคาดเอว ส่วนเอวก็ยิ่งชัดเจน ไหล่กว้าง สะโพกสอบ

ขากางเกงของชุดยูกาตะค่อนข้างกว้าง อยู่เหนือเข่าของวินสตันพอดิบพอดี ลายเส้นของน่องเขาก็ยิ่งเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเบื้องหน้าฮันต์

ฮันต์ถูจมูก เริ่มอิจฉาขึ้นมาอีกแล้ว

“มีอะไร” วินสตันหันกลับมามองฮันต์

สาบเสื้อยูกาตะนั้นเปิดกว้าง เผยแผงอกออกมาอย่างเหมาะเจาะ เส้นกล้ามเนื้อแน่นชัดและกระดูกไหปลาร้าสวยงามทำให้ฮันต์เผลอกลืนน้ำลาย

“ไม่มีอะไร…เดิมทีคิดว่าพวกเราใส่ชุดยูกาตะคงไม่เข้าแปลก ๆ แต่คิดไม่ถึงว่านายใส่แล้วดูดีมาก”

“ขอบคุณที่ชม” วินสตันหันหลังเดินต่อ

ฮันต์รีบเปลี่ยนเป็นชุดยูกาตะอย่างลวก ๆ แล้วก็ไล่ตามวินสตันไป

เดินผ่านชานบ้านยาวจนมาถึงห้องห้องหนึ่ง

วินสตันผลักประตูเปิดออก บนโต๊ะเตี้ยสไตล์ญี่ปุ่นมีอาหารวางไว้แล้ว ฮันต์สูดดมจนเผลอกลืนน้ำลาย ท้องส่งเสียงโครกคราก

เขาหิวแล้ว

วินสตันหันมามองฮันต์แล้วถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ทำไมกระทั่งเสื้อผ้าก็ยังไม่รู้จักใส่ให้ดี นายรู้ไหมว่าตัวเองดูเหมือนอะไร”

“เหมือนอะไร” ฮันต์คิดในใจว่า ก็เขาไม่เคยใส่ จะไปรู้ได้ยังไงว่าใส่แบบไหนถึงจะถูก

วินสตันเดินมาข้างหน้าฮันต์ นิ้วมือเกี่ยวปมสายคาดเอวที่เขามัดมั่ว ๆ แล้วดึงเบา ๆ

“เหมือนเพิ่งโดนฉันเอา” เสียงของวินสตันเบามาก ฮันต์เผลอถอยหลังแต่กลับถูกอีกฝ่ายรั้งไว้

“เพราะฉะนั้นต้องใส่เสื้อผ้าให้ดี ๆ”

นิ้วมือของวินสตันมีชีวิตชีวา ทุกการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวล้วนดูงดงามมาก

“สาบซ้ายอยู่ข้างบน สาบขวาอยู่ข้างล่าง ใส่กลับข้างคือวิธีที่ใส่ให้ศพ” มือของวินสตันดึงสายคาดเอวรัดเอวให้เขาอย่างเรียบร้อยเหมือนกับจะกอดฮันต์เอาไว้อย่างไรอย่างนั้น

ต่อจากนั้นเขาก็เชิดคางขึ้น ช่วยจัดสาบเสื้อของฮันต์ให้เรียบร้อย

“เรียบร้อยแล้ว กินข้าวกันเถอะ”

วินสตันหันกลับไปนั่งขัดสมาธิอยู่หลังโต๊ะ

ฮันต์ทนนั่งท่าเดียวกับเขาไม่ไหว เขาเลยพับขาข้างหนึ่งแล้วยืดขาอีกข้างออก พลางมองอาหารเต็มโต๊ะ

“ว้าว! ดูน่ากินมากเลย!”

แถมส่วนใหญ่เป็นอาหารปรุงสุก

มีเท็มปุระ ลิ้นวัวย่าง ปลาไหลย่าง เกี๊ยวซ่า ราเม็ง ฮันต์เปรยในใจอีกครั้งว่าออกมาพักร้อนกับวินสตันคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง

ฮันต์ใช้ตะเกียบไม่เก่ง ในใจเขาคิดว่าไอ้แท่งเรียวยาวสองแท่งนี่ควบคุมยากเสียจริง พอนิ้วมือขยับ พวกมันก็ไขว้กันแล้ว คีบอะไรไม่ขึ้นเลย

ถ้าเป็นยามปกติเขาคงคว้าอาหารเหล่านั้นขึ้นมาอย่างไร้ความอดทนนานแล้ว

แต่นิ้วมือที่จับตะเกียบของวินสตันที่ฝั่งตรงข้ามดูเยือกเย็นเหมือนจิตรกรจับพู่กัน ภาพเขาคีบกุ้งเท็มปุระขึ้นมาก็น่าเจริญตาเจริญใจจริง ๆ

เขาค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ฮันต์คล้ายเห็นปลายลิ้นระหว่างริมฝีปากของเขากำลังประคองเท็มปุระไว้ ดูแล้วคิดดีไม่ได้เลย

ได้ยินเพียงเสียง ‘กร๊อบ’ เบา ๆ เปลือกด้านนอกของกุ้งก็ถูกกัดแตก เขาเคี้ยวอย่างไม่เร็วไม่ช้า จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองมาทางฮันต์

“มีอะไร”

“ไม่…ไม่มีอะไร…ก็แค่อยากถามว่ามีส้อมไหม…”

“ใจเย็น ๆ นายสามารถควบคุมรถฟอร์มูลาวันที่เร็วจนน่ากลัวราวกับสัตว์ประหลาดซึ่งพร้อมหลุดจากการควบคุมทุกเมื่อได้ แล้วจะควบคุมตะเกียบไม่ได้ได้ยังไงกัน” เสียงของวินสตันทำให้ฮันต์ที่ว้าวุ่นนิด ๆ คล้ายสงบลง

เขาตั้งใจซึมซับความรู้สึกว่าตะเกียบขยับอย่างไร ระหว่างข้อนิ้วและองศาที่จับจะส่งผลต่อพวกมันอย่างไร

เขาตั้งใจสัมผัส ไตร่ตรองอย่างดี จากนั้นก็ลองใช้ตะเกียบคีบกุ้งเท็มปุระตัวหนึ่งขึ้นมา

กุ้งถูกคีบขึ้นมาอย่างมั่นคง ฮันต์คลี่ยิ้มดีใจ เขาอ้าปาก กุ้งเกือบจะเข้าปากอยู่แล้วเชียว แต่พอข้อนิ้วผ่อนแรงนิดเดียวมันก็เสียสมดุลหล่นลงไป

“โอ๊ะ!” ฮันต์กำลังจะใช้อีกมือไปรับไว้ แต่วินสตันที่อยู่ตรงข้ามกลับเอื้อมมือมาคีบมันไว้อย่างมั่นคง

ตอบสนองรวดเร็วมาก!

ฮันต์กำลังจะชมอีกฝ่ายสักยก วินสตันกลับใช้มืออีกข้างดึงปลายคาง ส่งกุ้งมาที่ปากของเขา

“กินเถอะ” วินสตันพูดเสียงเบา

คิ้วและตาของเขาอ่อนโยน ทำให้ฮันต์อดเอาแต่จ้องเขาไม่ได้

“ทำไม”

ฮันต์ส่ายศีรษะ อ้าปากกัดไปครึ่งหนึ่ง

“อื้อ! อร่อยชะมัด! ทั้งกรอบทั้งหอม!”

วินสตันกินอีกครึ่งนิ่ง ๆ

สิ่งนี้ทำให้ฮันต์รู้สึกดีใจเล็ก ๆ

ผู้จัดการของวินสตันเคยพูดว่า เขาไม่เคยกินของที่คนอื่นกินไปแล้ว และไม่ใช้ของที่คนอื่นใช้ไปแล้ว แต่หลักการเหล่านี้เหมือนไม่เคยมีเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าฮันต์

“เหมือนว่านอกจากนายก็ไม่มีใครป้อนอาหารฉันมานานมากแล้ว” ฮันต์รำพัน

“เพราะท่าถือตะเกียบของนายมันเงอะงะเกินไปน่ะสิ”

สีหน้าของวินสตันเรียบเฉย

“ครั้งล่าสุดที่มีคนป้อนอาหารฉันคือตอนที่ฉันอยู่มัธยมสอง ฉันเล่นคริกเก็ตแล้วแขนเจ็บ บลูเพื่อนสนิทของฉันมาเยี่ยม ฉันอยากกินพุดดิ้งมาก แต่มือข้างเดียวเปิดไม่ออก บลูเลยช่วยฉันเปิด หมอนี่ตอนแรกยังแกล้งทำเป็นเพื่อนที่ดี แต่พอถึงตอนท้ายเขาก็ไม่ทนแล้ว คว่ำพุดดิ้งครึ่งถ้วยใส่ในปากฉันซะงั้น! ฉันเกือบสำลักพุดดิ้งตายแล้ว!”

เมื่อคิดถึงฉากนี้ฮันต์ก็อดหัวเราะไม่ได้

วินสตันที่อยู่ตรงข้ามมองเขาเนิ่นนานโดยไม่ได้พูดอะไร

เขาเหมือนผู้ฟังที่เงียบงันเสมอ เพียงแค่ฮันต์ส่งเสียงออกมา ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ เขาก็จะเก็บทุกเสียง ทุกสำเนียงเข้าสู่สมองทั้งหมด

“เฮ้ นายอย่ามองฉันแบบนี้สิ…” ฮันต์ลูบหน้าตัวเอง หรือมีอะไรติดอยู่บนใบหน้าเขา

“ฮันต์ นายเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกมาก ดังนั้นคนอื่นทำดีต่อนายเล็กน้อย นายก็จะเก็บมาใส่ใจเสมอ”

ฮันต์ชะงักไป นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนี้

“คนทุกคนต่างมีอิสระในร่างกายของตัวเอง…ที่จริงการบอกเพื่อนไม่ให้ทำอะไรนั้นง่ายดายมาก เช่น นายบอกฉันว่าอย่าดื่มเครื่องดื่มที่มีโซดาก่อนการแข่งขัน มาร์คัสบอกฉันว่าอย่ากินของดิบ แต่การอุทิศตนเอง ทำเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อนให้อีกฝ่าย ถึงขั้นทำเรื่องที่ไม่มีผลดีต่อตัวเองเพียงเพื่อให้ได้อยู่กับอีกฝ่ายหรือทำให้อีกฝ่ายดีใจ นั่นเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งกว่า อย่างเช่นนาย…การที่นายทำเรื่องมากมายที่ไม่มีทางทำให้คนอื่นเพื่อฉัน”

ฮันต์รู้ว่าตนไม่เคยพูดขอบคุณวินสตันเลย เขาเพลิดเพลินกับการดูแลและความอดทนของอีกฝ่าย รู้ว่าตนพึ่งพิงวินสตัน ถึงขั้นด้านจิตวิญญาณก็เช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้น ฮันต์ ตอนนี้นายรู้สึกว่าฉันสำคัญมากแล้วใช่ไหม” วินสตันถาม

นี่ทำให้ฮันต์ประหลาดใจ

เพราะเขาไม่เคยคิดว่าจะมีสักวันที่วินสตันจะถามคำถามนี้กับใคร

เนื่องจากมันฟังแล้วเหมือนไม่มั่นใจในตัวเองมาก ๆ ในการคบหากับอีกฝ่าย

และวินสตันไม่ว่าที่ไหนเมื่อไรก็ล้วนมั่นใจในตัวเองจนเป็นเรื่องปกติแท้ ๆ

“ฉันไม่ตอบคำถามข้อนี้ของนายหรอก” ฮันต์ใช้ตะเกียบจิ้มลูกชิ้นเห็ดหอมยัดเข้าปากอย่างได้ใจ

“นายนี่มันเด็กเลวจริง ๆ” วินสตันหัวเราะเบา ๆ

นี่คือวินสตันที่ฮันต์ชอบมากที่สุด

วินสตันที่ผู้อื่นไม่เคยได้เห็น

“ถึงยังไงนายก็ไม่ได้เรียกฉันว่าเด็กเลวเป็นครั้งแรก” ฮันต์คีบซูชิปลาไหลย่างเข้าปากนิ่ง ๆ

เขาคิดในใจว่า ถ้าวินสตันไม่กินเร็วกว่านี้อีกหน่อย ของกินทั้งโต๊ะต้องลงท้องเขาหมดแน่

“แต่เจ้าเด็กเลวน้อย ฉันเห็นไข่ของนายชัดเจนเลยละ” วินสตันเอียงหน้ามองขาข้างที่ชันขึ้นของฮันต์

มือซ้ายของฮันต์กำลังเท้าอยู่บนหัวเข่า เมื่อวินสตันพูดแบบนั้นเขาก็ชะงักแล้วก้มลงมอง ถึงได้พบว่ากางเกงขากว้างร่นขึ้นมาบนโคนขาอ่อนตั้งนานแล้ว แถมกางเกงในตัวน้อยก็โผล่ออกมาอีก

“เฮ้ย! นายพูดซี้ซั้วอีกแล้ว! ฉันใส่ข้างในไว้เหอะ!”

ฮันต์ดึงขากางเกงลงมาแล้วรีบเปลี่ยนท่านั่ง

วินสตันไม่ได้พูดอะไร แค่ก้มหน้าลงซดซุปเห็ดมัตสึทาเกะ

“นายมันไอ้คนขี้โกหก!”

วินสตันไม่สนใจเขา ทำให้ฮันต์หงุดหงิดมาก

หลังกินอาหารเย็นเสร็จ ฮันต์ล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อยูกาตะ ลูบหน้าท้องของตนเอง

“แฮ็ปปี้จัง ของพวกนี้อร่อยมากเลย!”

“นายกินเก่งมากเสมอ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไร ถึงยังไงฟอร์มูลาวันก็ผลาญแคลอรีมาก…วันนั้นตอนทดสอบปริมาณไขมัน นักโภชนาการยังพูดว่าฉันยังกินให้อ้วนได้อีกหน่อย…” ฮันต์ล้มตัวไปด้านหลัง

“ที่จริงนอกจากฟอร์มูลาวันยังมีกิจกรรมอื่นอีกที่ผลาญแคลอรีได้มาก”

“อะไร…ว่ายน้ำเหรอ”

ฮันต์รู้สึกง่วงเล็กน้อย

เมื่อครู่แช่ออนเซ็น ตอนนี้ก็กินอิ่มมาก ความง่วงย่อมจู่โจมเป็นธรรมดา

“ไม่ใช่”

ฮันต์ลืมตาขึ้น มองเห็นวินสตันเดินมานั่งลงข้างกายตน

มือของเขาก็เท้าอยู่ข้างใบหน้าตัวเอง ฮันต์เพียงพลิกตัวมามองนิ้วมือของวินสตัน

“งั้นคืออะไร”

“กิจกรรมบนเตียง”

ฮันต์หัวเราะพรืด “ฮ่า ๆ ๆ! ฉันน่าจะเดาออกแต่แรกว่าคนลามกแบบนายจะพูดคำนี้”

“นายเป็นคนเดียวที่เรียกฉันว่าคนลามก แต่เอาเถอะ ฉันจะคุยเรื่องนี้กับนายด้วยสถานะที่เป็นกลาง”

ฮันต์หัวเราะต่อพลางโบกมือ “โอเค ๆ!! นายพูดมาสิ ผลาญพลังงานกี่แคลอรีกันล่ะ”

“ถอดเสื้อผ้าสิบแคลอรี แต่นายคงไม่ต้อง”

“หมายความว่ายังไง”

วินสตันเอียงตัวมา นิ้วมือเกี่ยวคอเสื้อของฮันต์ขึ้นแล้วหยุดลงตรงจุดที่เกือบจะคลายออก มองเห็นลายเส้นกล้ามเนื้อช่วงท้องที่ไร้ส่วนเกินได้พอดิบพอดี

“กระทั่งเสื้อผ้านายก็ยังใส่ไม่เรียบร้อย ยังหวังว่านายจะถอดเองได้อีกเหรอ”

ฮันต์ดึงเสื้อของตัวเองกลับมา

“นายนี่เป็นกลางจังเนอะ!”

ฮันต์ที่เดิมทีง่วงนิด ๆ พลันได้สติกลับมา นอนฟังวินสตันเล่าเกร็ดความรู้ทั่วไปอยู่ตรงนั้นต่อ

“แล้วใส่ถุงยางล่ะ” ฮันต์ถามพลางยิ้มชั่ว

“หกแคลอรี”

“น้อยจังเลย…”

“นายไม่ต้องใช้อยู่ดี”

“เฮ้ย! ฉันก็ต้องรับผิดชอบอีกฝ่ายด้วยไหมเล่า! ขืนมีฮันต์น้อยขึ้นมาจริง ๆ จะทำยังไง”

ฮันต์เงยหน้าก็เห็นรอยยิ้มบางๆบนริมฝีปากของวินสตัน

ไม่รู้ว่าหมอนี่กำลังแกล้งตนเล่นและสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ไร้สาระทั้งหมด หรือเขาเพียงแค่รู้สึกว่าการที่ฮันต์กังวลเรื่องจะมีลูกนั้นตลกมาก

นิ้วของวินสตันจิ้มเบา ๆ บนหน้าผากฮันต์ ก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในเส้นผมของเขาอย่างอ่อนโยน

“นายไม่ชอบความรู้สึกที่ได้แนบชิดกับอีกฝ่ายตรง ๆ โดยที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นหรือไง นายไม่ชอบอุณหภูมิร่างกาย ความร้อน และสัมผัสที่แท้จริงที่สุดของอีกฝ่ายเหรอ”

เสียงของวินสตันแผ่วเบาราวกับกระแสน้ำเล็ก ๆ ไหลรินผ่านหัวใจของฮันต์ หลอมรวมเป็นร่างแห คว้าไม่อยู่ จับต้องไม่ได้ แต่กลับสลัดไม่ออก

เขาต้องชอบอยู่แล้วสิ จะไม่ชอบได้ยังไง

ฮันต์ถูกปลายนิ้วของเขาคลึงจนสบายมาก ดวงตาเริ่มปรือปรอย

“ถ้างั้นจูบดูดดื่มล่ะ”

“จูบดูดดื่มแบบไหน”

“แบบสอดลิ้นเข้าไปแหงอยู่แล้ว!”

“นายชอบจูบแบบดูดดื่มไหม”

“ยังต้องถามอีกเหรอ นายไม่ชอบหรือไง”

ฮันต์นึกถึงค่ำคืนแห่งลิลิธขึ้นมา ถึงเขาจะจำอะไรไม่ได้แล้ว ถึงแม้ทุกอย่างจะขาดตอน แต่ความรู้สึกราวกับจะระเบิดขณะจูบนั่นมันกลับสลักแจ่มชัดอยู่ในสมองเขา

“เรื่องนี้สัมพันธ์กับเวลา คนปกติแค่หกสิบห้าแคลก็พอแล้ว แต่อย่างนายร้อยแคลก็อาจไม่พอ”

“เพราะฉันเก่งใช่ไหม” ฮันต์พลันรู้สึกว่าวินสตัน ‘เป็นกลาง’ และไม่ได้จงใจดูถูกเขาเสียทีเดียว

“เพราะคนที่จูบนายจะโลภมาก…จะจูบนายนานมาก”

“…ฉันจะไปหาคู่รักที่ร้อนแรงขนาดนั้นที่ไหนวะ! ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของนาย!” ฮันต์หัวเราะออกมาเบา ๆ

“ขยับตัว ร้องคราง ประมาณสามสิบห้าถึงสี่สิบแคล”

“มีอีกไหม” ฮันต์พลันอยากรู้มากว่าวินสตันไปอ่านเรื่องพวกนี้มาจากที่ไหน

เขาชอบติดตามข่าวเศรษฐกิจ ฮันต์รู้อยู่ แต่เรื่องพวกนี้เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายอ่านมาก่อนเลยนะ!

ดังนั้น…มันเป็นเรื่องโกหกจริง ๆ ใช่ไหม

“สองขาถูกยกขึ้นพาดบ่า หนึ่งนาทียี่สิบห้าถึงสามสิบแคล”

“ถูกยกขึ้น? แล้วถ้ายกขึ้นเองล่ะ” ฮันต์เงยหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ แต่กลับถูกนิ้วของวินสตันกดกลับลงไป

“ท่านั่งอยู่บนตัวของอีกฝ่าย หนึ่งนาทีประมาณหกสิบแคล  นายน่าจะผลาญเยอะกว่า”

“ไร้สาระ ฉันก็ต้องช่วยพยุงอีกฝ่ายไว้สิ!” ฮันต์รู้สึกว่าในด้านนั้นตนก็เป็นสุภาพบุรุษอยู่มากเหมือนกันนะ

“ถ้าเข้าจากข้างหลัง คนปกตินาทีละแปดสิบแคลก็พอแล้ว ถ้าเป็นนายน่าจะต้องใช้เก้าสิบถึงหนึ่งร้อย เพราะแรงเยอะกว่า ถึงตอนท้ายอาจจะฟินจนต้องเกินหนึ่งร้อยห้าสิบแคลถึงขั้นสองร้อย”

“เหอะ ๆ ขอบใจ!” ฮันต์รู้สึกว่าอีกฝ่ายชมแรงกายของตนเกินไปแล้ว

“นอนตะแคงกับยืนจะสบายหน่อย คนปกตินาทีละยี่สิบหกแคล”

“งั้นนายคิดว่าฉันต้องผลาญเท่าไร” ฮันต์เพลินกับความรู้สึกที่ถูกอีกฝ่ายชมแรงกายแบบนี้

“ต้องประมาณห้าสิบแคล”

“แรงฉันเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ นั่นมันไม่ค่อยอ่อนโยนเลยไม่ใช่หรือไง”

ฮันต์ลูบคาง รู้สึกว่าหากตนทำแบบนั้นอาจจะโดนคู่นอนเกลียดเอาได้มั้ง

“อ่อนโยนคือเรื่องก่อนจูบ ใส่เข้าไปแล้วก็ต้องเพลินให้เต็มที่”

เสียงของวินสตันช่างราบเรียบเหมือนกับว่าทุกอย่างนี้คือเกร็ดความรู้ทั่วไป

ฮันต์มองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง หลายวินาทีต่อมาก็ได้ข้อสรุป “ชัวร์ป้าบ ปกตินายต้องคุมตัวเองมากแน่ ๆ”

“เพราะฉันไม่เสียเวลาและแรงของตัวเองไปกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”

“อ๋อ เสิ่นชวนก็พูดแบบนี้ แต่พอนายถูกใจใคร คนคนนั้นจะต้องถูกนายทรมานจนตายแน่” ฮันต์สงสารจากก้นบึ้งของหัวใจ

วินสตันเงียบไปแล้ว

ฮันต์ใช้นิ้วมือจิ้มเอวของอีกฝ่าย “งั้นนายชอบท่าแบบไหน”

สำหรับจุดนี้ ฮันต์สงสัยสุด ๆ

“ฉันชอบหมด” วินสตันมองฮันต์

สายตาของเขาลุ่มลึกมาก คล้ายกับทะลวงเข้าสู่สมองของฮันต์

“นายชอบหมด?” ฮันต์ยิ้ม “เพราะนายเก่งน่ะสิ!”

“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันเก่ง”

“พวกเราเป็นนักแข่งรถนี่! โดนัลด์เคยพูดว่า ความอึดของนักขับอยู่ในระดับดีเยี่ยมเท่านักวิ่งมาราธอน แต่แรงระเบิดของพวกเรามากกว่านักกีฬามาราธอนซะอีก”

“แค่เพราะเรื่องนี้?” วินสตันเหมือนจะไม่พอใจในคำตอบของฮันต์

“อืม…” สมองที่เกียจคร้านของฮันต์ยังอุตส่าห์ประมวลผล

เมื่อครู่วินสตันชมตนนานขนาดนั้น ถึงอย่างไรเขาก็ควรแสดงความจริงใจบ้างไม่ใช่เหรอ

“กล้ามเนื้อส่วนเอวของนายสวยมาก! เมื่อกี้ฉันเห็นแล้ว! ใครสักคนเคยพูดกับฉันว่า…นี่มันเรียกเอวอะไรนะ” ฮันต์คิดสุดชีวิต

แต่คิดไปคิดมาก็คิดไม่ออก

วินสตันก้มหน้าส่งเสียงหัวเราะทุ้ม ๆ ออกมา

เสียงของเขาเดิมทีก็เป็นเอกลักษณ์ พอหัวเราะ ทั้ง ๆ ที่เป็นเสียงเย็น ๆ กลับให้ความรู้สึกอบอุ่น

“นี่! นายหัวเราะอะไรวะ!”

“หัวเราะท่าทางจริงจังของนาย” รอยยิ้มจาง ๆ ที่หางตาของวินสตันทำให้ฮันต์ไม่อยากละสายตา

“นายหัวเราะต่อไปน่ะดีแล้ว ถึงยังไงฉันก็ไม่เหมือนนาย ฉันความจำไม่ค่อยดี”

วินสตันกลับค้อมตัวลงมาชิดฮันต์ ไรผมที่ทัดไว้หลังหูของเขาร่วงลงมาปัดผ่านแก้มเบา ๆ ปลายผมเหมือนจะแตะลงบนแก้มของฮันต์

“ที่จริงฉันชอบเปลี่ยนตำแหน่งขณะใส่เข้าไป นี่ต้องผลาญอย่างน้อยสี่สิบสองแคล”

ฮันต์จำไม่ได้แล้วว่าครั้งก่อนที่ตนมองดวงตาของวินสตันระยะประชิดขนาดนี้คือเมื่อไร เขาแค่รู้สึกราวกับระลอกคลื่นสีฟ้าในดวงตาคู่นั้นจะเอ่อท้นออกมา

“เส้นผมของนายปัดโดนฉันแล้ว! ตาแก่ลามก…”

ในใจฮันต์พลันว้าวุ่นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เขาออกแรงดันอีกฝ่ายขึ้นไป

วินสตันไม่ได้โกรธ แต่กลับนอนลงข้างกายฮันต์

“นายรู้สึกว่ากล้ามเนื้อส่วนเอวของฉันสวยจริงเหรอ”

“จริงสิ” ฮันต์พยักหน้าอย่างจริงใจมาก

“งั้นนายอยากสัมผัสสักหน่อยไหม” รอยยิ้มบาง ๆ บนมุมปากที่เหยียดขึ้นของวินสตันทำให้ฮันต์แน่ใจว่าหมอนี่กำลังเล่นสกปรกอีกแล้ว

“ฉันไม่อยากเว้ย! นายเล่นเองเหอะ!” ฮันต์พลิกตัว

วินสตันนอนเงียบ ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร

ฮันต์เริ่มง่วงแล้ว เมื่อหลับตาลงก็ผล็อยหลับไป

ระหว่างสะลึมสะลือก็คล้ายกับมีอะไรคลุมอยู่บนกายตน มีคนโอบเขาไว้เบา ๆ

ความอบอุ่นจากข้างหลังทำให้เขาเผลอขยับตัวไปด้านหลัง เอาแต่ซุกเข้าไปในอ้อมอกของอีกฝ่าย

เมื่อฮันต์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว

รู้สึกว่ามีอะไรทับตนอยู่ ฮันต์จึงลืมตาขึ้น บนกายมีผ้าห่มคลุมเอาไว้

เขาเลิกผ้าห่มออกถึงพบว่าแขนของวินสตันพาดอยู่บนตัว

และมือของอีกฝ่ายก็อยู่ในสาบเสื้อ แนบอยู่บนแผ่นอกของฮันต์พอดี

ฮันต์พลันเกิดความรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังประคองหัวใจของตนไว้ เขาจึงรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

 

[1] Umeshu เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่หมักจากบ๊วย เหล้า และน้ำตาล มีรสชาติหวานนำ ดื่มแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า