你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม
焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด
— โปรย —
การแข่งขันฟอร์มูลาวันประจำฤดูกาลเดินทางมาถึงโค้งสุดท้าย
ทว่ากลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับวินสตันเข้าจนได้
สิ่งที่อีกฝ่ายฝากฝังฮันท์เอาไว้คือให้พุ่งเข้าเส้นชัยแทนเขา
ท้ายที่สุดฮันท์ก็คว้าแชมป์แรกมาได้
แต่ข่าวร้ายกลับกลายเป็นว่าวินสตันไม่สามารถลงแข่งในสนามถัดไปได้
และใครจะรู้ว่าหลังจากเขาคว้าแชมป์สนามย่อยมาได้
วินสตันกลับจัดรางวัลชุดใหญ่ไฟกะพริบเป็นปาร์ตี้บันนี่บอยสุดสยิวให้เขา!
พระเจ้า ราชากระต่ายอย่างเขาต้องล้อมรอบไปด้วยบันนี่เกิร์ลสิโว้ย!
แถมเขายังได้รับของขวัญเยอะแยะมากมาย
แต่ของขวัญชิ้นที่เขาดีใจที่สุดกลับเป็นการที่เขาสามารถซื้อบ้านในวัยเด็กกลับคืนมาได้
บ้านหลังใหญ่ที่ไร้ผู้คนมานาน ในที่สุดก็มีสองชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
นี่มันรางวัลที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าการได้แชมป์เสียอีก
ไม่ว่าจะอีกกี่ปีข้างหน้า ความปรารถนาสูงสุดของเขาก็คือการไล่ล่าความเร็วไปพร้อมกับวินสตัน
ปกครองอาณาจักรแห่งความเร็วนี้ไปด้วยกันชั่วนิรันดร์
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 67 แฟนคลับโรคจิต
เขาย้อนกลับมาที่ระหว่างริมฝีปากของวินสตันแล้วแทรกเรียวลิ้นเข้าไปดูดดุนเกี่ยวพันอย่างถือดี สมองของฮันต์มีแค่เสียง ‘พวกนี้เป็นของเขา ของเขาทั้งหมด ห้ามวินสตันมอบให้คนอื่นเด็ดขาด’
เขาเปลี่ยนมากอดอีกฝ่ายไว้แน่น ดุนปลายลิ้นของตนลึกลงไป เขารู้ความคิดอกุศลของตนดีว่าเขากำลังแก้แค้นที่คราวก่อนวินสตันวางแผนจะเข้ามาในตัวเขา ทำให้เขาตกใจกลัว
แต่ฮันต์หวั่นไหวขึ้นทุกที เขารักความอบอุ่นและความอดทนของผู้ชายคนนี้มากขึ้นทุกขณะ จนเวลานี้เขาก็ไม่รู้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่เสียแล้ว ในสมองไม่มีอะไรทั้งสิ้น ทุกสิ่งเป็นไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น
และในตอนนี้เอง เสียงปลุกจากโทรศัพท์ฮันต์ก็ดังขึ้น
ไหล่ของเขากระตุก เมื่อตระหนักถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ความคิดที่ล่องลอยไปไกลก็ย้อนกลับมาราวกับคลื่นอันบ้าคลั่ง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองมือค้ำบ่าวินสตันแล้วยืดตัวขึ้น เบี่ยงตัวเอื้อมมือไปทางโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสมัน ส่วนเอวเขาก็ถูกกดไว้
ตอนที่เขาหันศีรษะกลับไปก็สบเข้ากับดวงตาของวินสตัน
แรงหนึ่งลากเขากลับไปอย่างไม่บอกไม่กล่าว วินสตันยกศีรษะขึ้นงับริมฝีปากของเขาไว้ แรงดูดดึงนี้รุนแรงเกินไป ฮันต์ยันตัวไว้ไม่อยู่จึงล้มลง
“อืม…”
เขากะจะลุกขึ้น แต่แขนของวินสตันกลับออกแรงโอบรอบตัวเขาแล้วพันธนาการไว้ในอ้อมกอด จูบของวินสตันเร่าร้อนรุนแรงจนฮันต์คาดไม่ถึง กระทั่งน้ำลายก็ยังไม่ทันได้กลืนลงคอด้วยซ้ำ
วินสตันงอขาขึ้นแล้วพลิกตัวทาบทับอยู่บนกายฮันต์ คราวนี้ในที่สุดฮันต์ก็รู้จักตอบสนองล่วงหน้าแล้ว เขาเลื่อนมือไปจะกดเข่าของวินสตันลง แต่วินสตันกลับเพิ่มแรงดูดดุน การจูบและการดูดดึงทำเอาฮันต์แทบหมดแรง วินสตันเลยใช้มือหนึ่งค้ำตรงขอบเตียงแล้วดึงฮันต์ลงไปได้ในคราวเดียว
ฮันต์ตะแคงตัวล้มลงไป เขากำลังจะดิ้น ทว่าแขนข้างหนึ่งของวินสตันกลับโอบเขาไว้ ส่วนอีกข้างกดขาเขาไว้เต็มๆ
“…ช่วยให้ฉันถึง” วินสตันจูบริมฝีปากฮันต์พลางพูด
ปลายลิ้นกับกลีบปากของเขาถูกอีกฝ่ายจูบจนชา ฮันต์รู้ว่าเมื่อครู่ตนทำเกินไป…แถมหลังถูกกดกลับการดิ้นรนก็ล้มเหลวอีกครั้ง
ใครใช้ให้คราวนี้วินสตันทำไม่เหมือนที่โอเว่นเลียนแบบคราวก่อนล่ะ
“ช่วยให้ฉันถึง…ฮันต์…” วินสตันจูบที่หูของฮันต์ กัดเข้าตรงใบหู ฟันเหมือนจะสั่นน้อย ๆ
หากบอกว่านี่คือการขอร้อง ให้พูดว่านี่คือการบังคับจะถูกกว่า
หากตนไม่ช่วยเขา หมอนี่คงจะไม่ทนต่อไปแล้วแน่ ๆ
“ฮันต์…” วินสตันจูบลงมาอีกครั้ง รุนแรงสุดขีด แต่กลับข่มกลั้นเอาไว้ หัวใจก็แทบจะถูกเขาควักออกไป กระทั่งเลือดทั่วร่างก็แทบจะทะลักออกมาตามจุดเล็ก ๆ ทั่วร่างด้วย
ฮันต์ขยับแขน วินสตันวางมือสองข้างไว้ข้างลำตัวเพื่อให้สองมือของฮันต์มีพื้นที่ในการขยับ
ลมหายใจของผู้ชายคนนี้ร้อนมาก ถึงขั้นที่ทำให้ฮันต์เสียขวัญไปหมดแล้ว
มือของฮันต์รูดซิปของวินสตัน แม้จะมีกางเกงชั้นในขวางกั้น แต่ความปรารถนาแรงกล้าและความอยากถูกครอบครองของเขาเผยออกมาชัดเจนมาก
เมื่อนึกถึงคืนนั้นที่วินสตันใช้ปากทำให้ตนมีความสุข ราวกับเป็นความสุขสุดยอดที่ได้รับบนสนามแข่ง F1 ที่ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยเจอมาก่อน
ฮันต์ก็ยิ่งตั้งใจเคล้าคลึงเล้าโลมความปรารถนาอันใหญ่โตของวินสตันยิ่งกว่าเดิม ราวกับเลือดที่กำลังเดือดพล่านของอีกฝ่ายไหลผ่านนิ้วมือเข้าสู่ร่างกายของเขาด้วย ฮันต์สัมผัสถึงอารมณ์ของวินสตันได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น อีกฝ่ายเชิดหน้าขึ้น หลุบดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการจะครอบครองลง ท่าทางที่อีกฝ่ายพยายามข่มกลั้นความปรารถนาอย่างยิ่งยวดนั้นก็ทำให้ฮันต์ยิ่งหลงรักผู้ชายคนนี้จนแทบขาดใจ
ฮันต์จูบคางของเขา ลำคอของเขา ไล้เลียกระดูกไหปลาร้าของเขา จูบไล่ลงไปจนปลายผมของตนปัดระผ่านแผงอกของวินสตัน
“ฮันต์…ฮันต์ อย่าหยุด…”
วินสตันหลับตา สองมือคลำหาเขาท่ามกลางความสับสน สอดปลายนิ้วเข้ามาในเส้นผมของฮันต์ ฮันต์จูบท้องน้อยของเขา กล้ามท้องและเอวของผู้ชายคนนี้ช่างชวนให้คนใจสั่น ในที่สุดเมื่อปลายคางของเขาปัดผ่านส่วนหัวที่ชูชันของวินสตันโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาเองก็ถูกความร้อนลวกนั่นทำให้ตกใจจนผงะ
“ฮันต์…” มือของวินสตันจับบ่าฮันต์ไว้เพื่อจะลากเขากลับไป
“รอเดี๋ยว ฉันทำให้นายรู้สึกดีได้นะ”
ริมฝีปากของฮันต์แตะส่วนหัวของวินสตันเล็กน้อย วินสตันพลันส่งเสียงฮึมฮัมออกมาทีหนึ่งเหมือนกับอสูรร้ายที่กำลังจะหลุดออกจากพันธนาการ ฮันต์ไม่เคยช่วยคนอื่นทำเรื่องแบบนี้ แต่เพื่อวินสตันแล้วเขารู้สึกว่า…มันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมากที่ได้ทำจนสำเร็จ
ปลายลิ้นของฮันต์เริ่มโลมเลีย จากนั้นก็ดูดดึงทีหนึ่ง
แค่การกระทำเล็กน้อยนี้ก็ทำเอาวินสตันเกร็งไปทั้งตัว เป็นครั้งแรกที่ฮันต์รู้สึกเป็นฝ่ายควบคุมที่มีอำนาจเหนือกว่า มีสิทธิ์สั่งการทุกโสตประสาทแม้แต่ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของเขา ฮันต์กลายเป็นพระราชาของผู้ชายคนนี้อย่างแท้จริง
ฮันต์จูบแกนกายอันใหญ่โตของวินสตัน เลือดตรงนั้นสูบฉีดเหมือนกับว่าจะระเบิดโพลงและสาดกระเซ็นใส่ใบหน้าของฮันต์ ต่อให้สันกรามหุบไม่ลง กระทั่งกระพุ้งแก้มก็ปวดจนชา แต่ฮันต์ก็ยังดูดดึงอย่างแรง เขารู้ว่าวินสตันต้องอาศัยแรงกระตุ้นของเขาในการปลดปล่อยความต้องการที่ข่มกลั้นมานานพวกนั้น
ภายใต้การจูบ การดูดดึง และการไล้เลียแบบนี้ ทำให้วินสตันกระแทกเอวขึ้นอย่างทรมาน ส่วนหัวแทบจะคาอยู่ในลำคอของฮันต์
ราวกับตระหนักได้ว่านี่จะทำให้ฮันต์เจ็บ วินสตันจึงกลั้นใจถอนตัวออก แต่ฮันต์กลับยิ่งเลียส่วนหัวป้านๆของวินสตันอย่างกำเริบเสิบสาน ตวัดลิ้นไปมาบนรูเล็ก ๆ นั่น สองมือรูดรั้งขึ้นลงไม่หยุด
ทว่าช่องปากของฮันต์เริ่มแห้งผากแล้ว แต่วินสตันกลับยังไม่ปลดปล่อยออกมา
“ฉัน…ฉันฝีมือ…”
ฉันฝีมือห่วยมากเลยเหรอ
ฮันต์เงยหน้าขึ้นมองวินสตันที่จมอยู่ในความคลุ้มคลั่ง เขาหลับตาแล้วกัดฟันพูดกับฮันต์ “ไปเถอะ…ในตู้เย็นมีโค้กอยู่…นายไปดื่มโค้กสักอึก…”
ฮันต์ครุ่นคิดอยู่เป็นนานถึงได้เข้าใจว่าวินสตันหมายถึงอะไร เขากระโดดลงจากเตียงแล้วเปิดตู้เย็น เปิดกระป๋องออกดัง ‘ป๊อก’ อย่างง่ายดาย กระดกดื่มอึกหนึ่งใหญ่ ๆ แล้วเผ่นแผล็วกลับมา วินสตันรวบเขามากอดเอาไว้ จูบแก้มและคางของเขาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับการแยกจากกันแค่ไม่กี่วินาทีนั้นมันทรมานยิ่งกว่าหนึ่งศตวรรษเสียอีก
ฮันต์ไม่ลืมว่าตนจะทำอะไร เขารีบกุมความปรารถนาของวินสตัน อมมันไว้ทันที ดูดเข้าลึก ๆ ความเย็นเฉียบที่มาจากน้ำอัดลมปะทะกับความร้อนผ่าวของวินสตัน สายธารอุ่นร้อนพลันพุ่งออกมา ไหลเข้าสู่ลำคอของฮันต์ทันที
ฮันต์ที่ไม่ได้เตรียมตัวทับอยู่บนตัววินสตันพลันไอโขลก ๆ
วินสตันยันตัวขึ้นจูบเขาอย่างไม่ปรานี ก่อนจะลากเขากลับเข้าไปในอ้อมอกตน
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่ใบหน้าของวินสตันฝังอยู่ที่ซอกคอเขาตลอด ลมหายใจที่ปั่นป่วนจนเกือบพังทลายเป่ารดอยู่ข้างใบหูเขา
เมื่อทุกสิ่งสงบลงอย่างยากเย็น วินสตันยังคงทับอยู่บนตัวฮันต์และกอดเขาไว้ สำหรับฮันต์ ทุกสิ่งล้วนผ่านไปแล้ว แต่กับวินสตัน นี่คงยังไม่เพียงพอ
“ถ้าทุกคืนนาย…อยากเล่นเกมแบบนี้ ฉันเล่นเป็นเพื่อนนายได้นะ” เสียงของวินสตันแว่วมา
ฮันต์ยกเข่าขึ้นอย่างไม่พอใจ เดิมทีเขาอยากเรียกเลือดอีกฝ่ายออกมาสักหน่อย ทว่าสุดท้ายกลับได้แต่นั่งแหมะอยู่บนเอวฝ่ายนั้นราวกับอารมณ์ยังค้างอยู่…ฮันต์เลยยิ่งขุ่นเคืองใจ
ฝึกไอ้นั่นมาตั้งนานขนาดนั้น สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้
“ฉันไม่ได้อยากให้นายเล่นเป็นเพื่อนสักหน่อย”
“ถ้างั้นนายต้องการใคร” วินสตันหันหน้ามา ฮันต์มองเห็นดวงตาเขาได้แค่ข้างเดียว แต่ในดวงตาข้างนั้นเปี่ยมด้วยความรู้สึกอันทรงพลัง
“ฉัน…ฉันไม่ได้ต้องการใคร…”
มือของวินสตันลูบหน้าผากฮันต์เบา ๆ หยอกล้อเส้นผมของเขา “ฮันต์ เรื่องอะไรฉันก็ทนได้หมด รวมถึงเรื่องที่นายไม่อยากให้ฉันกอดนายด้วย…แต่ว่ามีบางอย่างที่ฉันจะไม่มีวันยอมทนอย่างเด็ดขาด”
“นายจะจากไปเหมือนแม่ของฉันไหม” ฮันต์ถามอย่างเผลอไผล
“จากนายไป?” การย้อนถามของวินสตันเจือกลิ่นอายอันโหดร้าย ทว่านิ้วของเขากลับยังนุ่มนวลชวนให้คนหลงใหลเช่นเดิม “ฉันจะบดขยี้นาย…จะไม่เชื่อเหตุผลทุเรศๆ อย่างเช่นว่า ความอ่อนโยนหรือการอดกลั้นจะทำให้นายรักฉันอีกต่อไป…”
ถ้านายไม่ไปจากฉัน ถ้างั้นอย่างอื่น…ฉันก็ไม่แคร์…
ฮันต์ไม่ได้พูดอะไร แค่หันหน้ามาประทับจูบบนดวงตาของวินสตันอย่างตั้งใจทีหนึ่ง
ขณะที่วินสตันกำลังตกใจ ฮันต์ก็ก้มหน้า พิงเขาแล้วหลับตาลง
การสัมภาษณ์ก่อนการแข่งขันยังคงจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการคาดการณ์ก่อนการแข่งขันที่หลากหลาย ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดไม่ใช่อันดับหนึ่งคือใครกันแน่ แต่เป็นอีวาน ฮันต์ จากทีมมาร์คัสจะขับเข้าอันดับที่เท่าไร
เมื่อฮันต์ตอบคำถามในห้องจัดสัมภาษณ์ที่โรงแรม พวกนักข่าวต่างสังเกตเห็นว่า วอห์น วินสตัน จากทีมเฟอร์รารี่ก็ยืนกอดอกพิงประตูอยู่ เพราะนักข่าวถามอย่างกระตือรือร้น การสัมภาษณ์จึงยืดเยื้อไปเกือบห้านาที และวินสตันก็รออยู่เงียบ ๆ ตลอดห้านาทีนั้น
ต้องรู้ว่าแต่ไหนแต่ไรมาวอห์น วินสตัน ไม่เคยรอคอยใคร แต่เขากลับใจเย็นต่อการให้สัมภาษณ์ของฮันต์อย่างที่สุด
จนกระทั่งการสัมภาษณ์จบลง ฮันต์เดินออกจากห้องสัมภาษณ์ ทั้งคู่จึงค่อยเดินเคียงไหล่กันจากไป
พวกนักข่าวต่างคาดเดาว่าฤดูกาลต่อไปฮันต์จะออกจากทีมมาร์คัสไปเข้าร่วมทีมเฟอร์รารี่หรือไม่
มาร์คัสจึงจำต้องปฏิเสธข่าวลือ “ทุกคนอย่าเข้าใจผิด! ฮันต์กับวินสตันเป็นเพื่อนสนิทกัน! ทีมพวกเราตกลงเซ็นสัญญาค่าเหนื่อยปีหน้ากับฮันต์เรียบร้อยแล้ว!”
แต่ต่อให้มาร์คัสตะโกนจนคอแตก เหล่านักข่าวก็ยังนึกว่านี่คือลางสังหรณ์ก่อนฮันต์จะย้ายทีม
มาร์คัสฝ่าวงล้อมออกมาแล้วก็รีบโทร.หาฮันต์ทันที “ฮัลโหล…ฮันต์! ก่อนการแข่งขันสนามนี้จบ นายอย่าตัวติดกับวินสตันอีกนะ!”
“หา? ทำไมล่ะครับ”
“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป นายจะเป็นของทีมเฟอร์รารี่แล้ว! ส่วนไอ้แฟนคลับโรคจิตของนาย ฉันจะส่งผู้ช่วยตามประกบนายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง!” มาร์คัสกังวลว่าข่าวลือนี้พอลือไปลือมาจะกลายเป็นข่าวจริงเอาน่ะสิ!
“ผมไม่กลับไปนอนห้องเล็ก ๆ นั่นหรอก!” ฮันต์ค้านทันที เขาอยากอยู่กับวินสตันแบบนี้มากจริง ๆ
“ฉันจะจองห้องใหญ่ให้นาย! เอาแบบใหญ่โคตร ๆ! เป็นห้องสวีทเลย!”
ฮันต์อ้าปาก ดูเหมือนว่าจะหาข้ออ้างปฏิเสธไม่ได้ เขามองวินสตันแวบหนึ่งแล้วพูดเสียงเบา “ดูเหมือนการที่พวกนักข่าวพูดว่าฉันจะโดนชิงตัวไปทีมเฟอร์รารี่กระตุกความกังวลของมาร์คัสเข้าเต็มเปา เขาไม่ยอมให้ฉันอยู่กับนายแล้ว”
ฮันต์ร้อนรนนิด ๆ เขาอยากรู้ว่าวินสตันจะเผยสีหน้าเสียดายออกมาไหม
“เขาจะส่งคนมาอยู่เป็นเพื่อนนายไหม” วินสตันถาม
“ส่ง เป็นผู้ช่วยที่นายเจอคราวก่อนคนนั้น”
“ถ้างั้นก็ดี นายอยู่กับคนของทีมนายเถอะ”
เสียงของวินสตันเรียบมาก ทำให้ในใจของฮันต์พลันเสียดายขึ้นมา
“โอเค ฉันจะไปเก็บของที่ห้องนาย” ฮันต์ปั้นหน้าเย็นชา สาวเท้าเร็ว ๆ ไปทางลิฟต์
เมื่อเข้าไปในห้อง ฮันต์ก็เก็บกระเป๋าไม่พูดไม่จา เสื้อนอกที่เดิมถูกวินสตันแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าทีละตัว ๆ ก็ถูกเขาเกี่ยวรวบออกมาโยนเข้ากระเป๋าเดินทางแบบส่ง ๆ
และวินสตันก็ยืนดูเขาอยู่ข้าง ๆ
หลังการแข่งขันที่สนามญี่ปุ่นจบลง วินสตันก็ช่วยจัดกระเป๋าเดินทางให้ฮันต์มาตลอด แต่คราวนี้แค่เขาเข้าใกล้ ฮันต์ก็จงใจบังอยู่หน้าเขา ไม่ให้เขาแตะต้องของของตน
ขณะที่ฮันต์กำลังจะปิดกระเป๋า วินสตันพลันกอดเขาไว้จากด้านหลัง แนบแก้มลงบนแก้มฮันต์
“นายกำลังโกรธ ฮันต์”
ในเวลานี้เอง ฮันต์จึงตระหนักได้ว่าตนกำลังงี่เง่า
พวกเขาไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว การอาละวาดเพราะเรื่องแบบนี้มันก็น่าขันอยู่นิด ๆ
“ฉันนึกว่านายจะอยากอยู่กับฉันตลอดเวลาเสียอีก”
หลายวินาทีผ่านไป วินสตันไม่พูดไม่จา
“ฉันเด็กมากเลยใช่ไหม” ฮันต์ถูจมูกอย่างตะขิดตะขวงใจ “พอการแข่งขันเริ่มแล้ว เวลาพักผ่อนก็จะกลายเป็นสิ่งล้ำค่า ถ้าฉันนอนกับนาย มันจะรบกวนนาย”
“ฮันต์ ถ้าฉันพูดความจริงกับนาย นายรับปากได้ไหมว่าจะไม่โกรธ” วินสตันพูด
“…มีอะไร” ฮันต์หันหน้าไปถามอย่างสงสัย
“นายนอนอยู่ข้างฉัน ฉันก็หลับไม่ลงจริง ๆ นั่นแหละ” วินสตันพูดเสียงเบา
“โกหก! ฉันตื่นเช้ามาก็เห็นนาย…”
ฮันต์ถึงค่อยตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ วินสตันที่ชีวิตเป็นระเบียบมาตลอดกลับนอนตื่นสายพร้อมตน อาจจะเพราะกลางคืนเขาไม่ได้หลับจริง ๆ
“ฉันนอนดิ้น รบกวนนายเหรอ” ฮันต์รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่…นายหลับปุ๋ยในอ้อมแขนฉัน”
เมื่อรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังชม ฮันต์จึงรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง
แต่ถ้าฉันไม่ได้รบกวนนาย แล้วทำไมนายถึงนอนไม่หลับล่ะ
“นายอยู่ในอ้อมแขนฉัน ฉันทนกอดนายไม่ไหว…แต่ยิ่งบอกว่าไม่ให้ตัวเองคิด มันก็ยิ่งคิดจนจะเป็นบ้า”
ฮันต์อึ้งอยู่ตรงนั้น ตนก็เคยอารมณ์พลุ่งพล่าน โดยเฉพาะยามที่ได้กลิ่นของอีกฝ่าย รู้สึกถึงแรงกอดรัดของอีกฝ่าย…แล้ววินสตันล่ะ
“นั่น…จะโทษฉันไม่ได้นะ”
“พรุ่งนี้จะเริ่มซ้อมอิสระแล้ว”
“ฉันรู้ ฉันไปนอนห้องที่มาร์คัสจัดให้แล้วกัน…”
ฮันต์ถอนหายใจออกมา แต่สองแขนของวินสตันไม่ได้คลายออก
“ยิ่งการแข่งใกล้เข้ามา ฉันก็จะคิดถึงความรู้สึกตอนนายไล่ตามอยู่ข้างหลังฉัน จากนั้นก็ยิ่งควบคุมยากขึ้น ฉันกลัวฉันจะกอดนายเข้าจริง ๆ”
คำพูดของวินสตันทำให้ฮันต์นิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น
พลังในการควบคุมตัวเองของผู้ชายคนนี้ทำให้ฮันต์เอาแต่ใจตัวเองเต็มร้อย ฮันต์รู้สึกว่าสัญญาที่เขารับปากไว้ไม่มีทางที่เขาจะทำไม่ได้ และเพราะแบบนี้ ฮันต์เลยรู้สึกว่าตนอยากท้าทายความใจเย็นของอีกฝ่ายอย่างไร้ยางอาย
“ฉันยังจำคืนนั้นที่นายพุ่งออกประตูไปได้ ฉันไล่ตามนายไม่ทัน ฉันไม่เคยคิดว่านายจะวิ่งได้ไวขนาดนั้นมาก่อนเลย…แต่โชคดีที่นายหนีไปได้ ไม่อย่างนั้นถ้าถูกฉันจับไว้…ฉันต้องกอดนายแน่”
เสียงของวินสตันทุ้มต่ำแต่กลับทรงพลัง
เดิมทีฮันต์นึกว่าการที่คนสองคนสามารถอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้เป็นเรื่องที่มีความสุขมาก แต่คิดไม่ถึงว่าตนกลับกลายเป็นภาระของอีกฝ่ายไปเสียนี่
“นายเชื่อใจฉันเกินไป หลับสนิทอยู่ข้างฉันเกินไป ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันกลัวว่าฉันจะทำลายการแข่งในอนาคตของนายจนหมด”
ฮันต์ถอนหายใจ ตบ ๆ มือของอีกฝ่าย “ก็ได้ ก่อนการแข่งขันจบ ฉันจะไปนอนที่อื่นเอง”
“อย่าวิ่งวุ่นไปทั่ว ถ้าเบื่อจนอยากจะแกล้งใครจริง ๆ อย่าแกล้งโอเว่น ให้ส่งข้อความมาหาฉัน”
ฮันต์พลันหัวเราะพรืดออกมาแล้วหันมากอดเขาไว้แรง ๆ
“นายพูดแบบนี้ ฉันก็ตัดใจจากนายไม่ลงกันพอดี!”
วินสตันหันหน้ามาแนบแก้มของฮันต์เบา ๆ
“การแข่งสนามนี้ ลองดูว่าจะแซงฉันได้ไหม”
“คอยดูเถอะ ฉันจะขยี้นาย!” เมื่อพูดถึงการแข่งขัน อารมณ์ของฮันต์ก็ดีขึ้น
วินสตันหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ ฮันต์ฟังจนคันยิบ ๆ ในใจ นึกอยากจะกัดคออีกฝ่ายจริง ๆ
“นี่เหมือนไม่ใช่ครั้งแรกที่นายพูดว่าจะขยี้ฉัน” วินสตันยกมือขึ้นลูบหลังศีรษะของฮันต์ “แต่อนาคตยังอีกยาวไกล…ต้องมีสักวันที่ฉันจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไล่ตามอยู่ข้างหลังนาย”
อารมณ์ของฮันต์ดีขึ้นมาก
“ถ้างั้นฉันคิดได้ไหมว่าเหตุผลที่นายไม่อยากนอนกับฉันเพราะนายชอบฉันมาก ๆ ๆ”
“ฉันไม่ได้ชอบนายมาก ๆ ๆ…” วินสตันคลายอ้อมกอดแล้วมองเขาด้วยสายตาจริงจังสุดขีด “แต่นายจินตนาการไม่ออกหรอกว่าฉันรักนายมากแค่ไหน”
ฮันต์รู้สึกเพียงตนถูกอีกฝ่ายทำให้หวั่นไหวนิด ๆ อีกแล้ว
นี่คือครั้งแรกที่วินสตันบอกความในใจกับเขาออกมาตรงๆ ไม่มีการอ้อมค้อมใด ๆ
ในวินาทีนั้นฮันต์ถึงกับรู้สึกว่าต่อให้ตายเพราะอีกฝ่ายก็ไม่เป็นไร
“มาร์คัสเปลี่ยนห้องให้นายเรียบร้อยหรือยัง”
“อืม เขาส่งข้อความให้ฉันแล้ว”
“ถ้างั้นฉันจะไปส่งนาย แต่เรื่องที่รับปากฉันไว้ นายต้องทำให้ได้”
“ฉันรู้แล้ว ฉันจะไม่วิ่งวุ่นไปทั่ว ฉันจะอยู่กับคนที่ทีมจัดให้” ฮันต์พยักหน้า
ที่จริงไอ้แฟนคลับโรคจิตที่ชอบสะกดรอยตามถ่ายรูปก็ไม่แน่ว่าจะมาสิงคโปร์สักหน่อย!
คราวนี้มาร์คัสเปลี่ยนเป็นห้องสวีทให้เขาจริง ๆ ฮันต์นอนอยู่ในห้องด้านใน ส่วนจอห์นนี่ ผู้ช่วยที่ส่งมานอนอยู่ห้องด้านนอก
เมื่อจอห์นนี่เห็นวินสตันหิ้วกระเป๋ามาให้ฮันต์ เขาถึงกับตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
“ฝากฮันต์กับคุณด้วยนะครับ ระหว่างฤดูกรังด์ปรีซ์ช่วยดูแลเขาให้ดี อย่าให้เขาไปไหนคนเดียว” วินสตันพูดกับจอห์นนี่
จอห์นนี่พลันรู้สึกเหมือนถูกโยนความคาดหวังอันสูงส่งมาให้ “ผมรู้แล้ว! ผมจะระวัง! วางใจได้เลย ผมจะปกป้องฮันต์เป็นอย่างดี!”
ฮันต์ทำหน้าเซ็ง ไอ้จอห์นนี่ตัวผอมกะหร่อง ถ้ามีคนชั่วโผล่มาจริง ๆ ไม่รู้ว่าใครจะปกป้องใครกันแน่!
ในสายตาของจอห์นนี่ วินสตันนั้นราวกับตัวติดฟิลเตอร์ กระทั่งตอนหยิบเสื้อนอกที่ฮันต์ยัดส่ง ๆ ไว้ออกมาสะบัดก็ยังมีออร่าหล่อจนตาพร่า
ฮันต์หันหน้ามายิ้มให้จอห์นนี่ มือหนึ่งพาดบนบ่าวินสตันพลางพูด “แฟมิลี่แมนใช่ไหมล่ะ”
จอห์นนี่พยักหน้าแรง ๆ จากนั้นพอรู้สึกตัวก็รีบส่ายศีรษะ
เมื่อเสื้อผ้าถูกแขวนเรียบร้อย ฮันต์ก็ปิดประตูห้องนอน ถอยหลังทิ้งตัวลงบนเตียงคิงไซส์หลังนั้น เหยียดตัวบิดขี้เกียจ “นายแน่ใจนะว่าจะไม่นอนกับฉันที่นี่”
วินสตันคุกเข่าข้างเดียวลงข้างเตียง โน้มตัวมาค้ำอยู่ข้างตัวฮันต์ เมื่อมองเขาจากมุมนี้ ยามที่เส้นผมปรกลงมา สีฟ้าในดวงตาก็เด่นชัด หล่อสุดใจขาดดิ้นจริง ๆ
“ถ้าฉันนอนที่นี่ นายแน่ใจนะว่าจะไม่ผลุนผลันวิ่งหนีไป”
“ถ้างั้นนายจูบฉันสักหน่อยแล้วค่อยไปได้ไหม”
วินสตันหลับตายิ้ม ดูจนใจนิด ๆ แต่กลับทำให้ฮันต์รู้สึกหวงแหนจนใจอ่อนยวบมากกว่า เขาโน้มตัวเข้าใกล้ฮันต์แล้วจูบลงไป
จูบนี้ข่มใจสุด ๆ ถึงขั้นลิ้นก็ไม่ได้สอดเข้ามา
ฮันต์รู้ว่าตนไม่อาจเติมเชื้อให้ไฟติดได้อีกแล้วจึงพูดเสียงเบา “เจอกันบนสนามแข่ง”
“อืม เจอกันบนสนามแข่ง”
วินสตันลุกขึ้น เปิดประตูจากไป แต่ก่อนไปเขาก็ไม่ลืมที่จะพยักหน้าให้จอห์นนี่ จอห์นนี่รู้สึกได้ถึงหน้าที่อันหนักอึ้งของตนอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดหลังวินสตันจากไป ฮันต์ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วยีหัวตัวเอง “ทำไม…ตอนนี้ก็คิดถึงเขาแล้วล่ะ…”
โอเคๆ การแข่งขันจะเริ่มแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีสมาธิ
ในสมองฮันต์จินตนาการถึงสนามมารีน่าเบย์สตรีทเซอร์กิต
มือถือของเขาสั่น เมื่อหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็นโอเว่นส่งข้อความมา
โอเว่น ‘แอนตี้แฟนของฉันตามมาถึงสิงคโปร์แล้ว’
ฮันต์จินตนาการได้ว่าข้อความนี้โอเว่นไม่ได้ส่งให้แค่เขา ต้องรวมถึงทุกคนที่เขาสามารถก่อกวนได้ด้วยแน่ อย่างเช่นเชียร์
ฮันต์ตอบกลับ ‘อืม แอนตี้แฟนนั่นทำอะไร’
โอเว่น ‘ส่งของขวัญชิ้นหนึ่งมาให้ฉันที่ประตู ฉันเปิดออกดูเป็นตีนไก่เปื้อนเลือด’
ฮันต์ที่เดิมอยากหัวเราะร่าพลันรู้สึกว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมาก
เขาตอบกลับ ‘ตีนไก่เปื้อนเลือด? มีเจตนาข่มขู่แล้วมั้ง’
โอเว่น ‘นั่นสิ ฉันกลัวจังเลย กลางคืนก็นอนไม่หลับ ฮันต์น้อยมาอยู่เป็นเพื่อนฉันเถอะนะ’
ฮันต์ ‘ฉันก็เป็นคนน่าสงสารที่มีแฟนคลับโรคจิตเหมือนกันนะ นายให้เชียร์อยู่เป็นเพื่อนนายเถอะ!’
ถึงตอนกลางคืน ฮันต์สั่งอาหารกับโรงแรมให้มาส่งที่ห้อง
เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น จอห์นนี่กำลังอยู่ในห้องอาบน้ำ ฮันต์จึงลุกไปเปิดประตู
บริกรโรงแรมผลักรถอาหารเข้ามา จากนั้นก็เปิดฝาครอบออก
ฮันต์ชะงักไป บนรถมีอาหารตะวันตกอันประณีต แต่ที่ตนสั่งเป็นแค่สปาเกตตีหน่อไม้ฝรั่งซอสครีมธรรมดาเท่านั้น
“เอ่อ…ส่งผิดหรือเปล่าครับ”
“ไม่ได้ส่งผิดครับ นี่คือบริการพิเศษ”
บริการพิเศษ? หรือจะเป็นอาหารที่วินสตันสั่งให้เขา
ฮันต์เงยหน้ามองอีกฝ่าย จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าบริกรคนนี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง
สองสามวินาทีต่อมาฮันต์ก็นึกขึ้นได้ สติพลันเครียดขึง
“เมอร์ลิน? คุณ…เป็นบริกรของโรงแรมนี้?”
“ไม่ดีเหรอครับ ผมอยากบริการคุณมาตลอดเลย” เมอร์ลินเดินมาทางฮันต์ ในดวงตาของเขามีความร้อนแรงที่ยากจะปกปิด
“อ่า จะไม่ดีได้ยังไงล่ะ! มันดีมากเลย!” ฮันต์อยากเค้นรอยยิ้มออกมา แต่เขาแสร้งยิ้มไม่เป็นเสียด้วยสิ
จอห์นนี่ก็ยังอาบน้ำอยู่ด้วย ทำไมหมอนั่นต้องมาอาบน้ำเอาตอนสำคัญแบบนี้วะ แถมยังใช้มือถือเปิดเพลงของ 30 Seconds to Mars[1] ในห้องน้ำดังฉิบหาย
“นี่คืออาหารที่ผมทำเอง ผมป้อนให้คุณลองชิมได้ไหม” เมอร์ลินหั่นเนื้อชิ้นหนึ่ง ยกจานขึ้น ใช้ส้อมจิ้มเนื้อชิ้นเล็ก ๆ นั่นขึ้นแล้วเดินมาทางฮันต์
ฮันต์ถอยหลังทีละก้าว ๆ จนนั่งลงไปบนโซฟา
สายตาของเมอร์ลินจริงใจจนฮันต์ขวัญผวา
ฮันต์ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าตนสามารถกินเนื้อชิ้นนี้ได้ไหม แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็สงสัยแล้วว่าคนที่เอาแต่ตามถ่ายรูปตนคนนั้นคือเมอร์ลิน
ฝ่ามือของฮันต์มีเหงื่อซึม เขาจำต้องเริ่มวางแผนว่าจะทำยังไงถึงจะหลบเมอร์ลินพ้นได้
และเนื้อชิ้นนั้นก็ส่งมาจ่อตรงริมฝีปากฮันต์แล้ว ฮันต์เกิดลางสังหรณ์ว่าถ้าตนไม่อ้าปากก็อาจจะทำให้เมอร์ลินคนนี้คลั่งขึ้นมาได้
ถึงแม้ว่า…เขาอาจจะบ้ามาแต่แรกแล้วก็เถอะ
ในเวลานี้เองโทรศัพท์ในกระเป๋าฮันต์ก็สั่น
ราวกับระฆังช่วยชีวิต ฮันต์ยิ้มอย่างมีมารยาทให้เมอร์ลิน “รอสักครู่นะ ผมขอดูหน่อยว่าใช่ข้อความจากทีมหรือเปล่า การแข่งจะเริ่มแล้ว เรื่องที่ต้องระวังกับเรื่องที่ต้องแจ้งให้ทราบค่อนข้างเยอะ”
ฮันต์หยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ไม่กล้ารีบร้อนโทร.ขอความช่วยเหลือต่อหน้าเมอร์ลิน ได้แต่แกล้งทำเป็นดูข้อความในมือถือ
โอเว่น ‘ฉันเหงาจังเลย นายมาอยู่กับฉันหน่อยน้า! ฉันจะซ้อมขึ้นเตียงเป็นเพื่อนนายเอง!’
ถ้าเป็นเมื่อครู่ ฮันต์จะต้องพูดเล่นทำนอง ‘รอฉันอยู่บนเตียงนะ’ แต่ตอนนี้ฮันต์แค่อยากรู้ว่าจะบอกคนอื่นได้ยังไงว่าไอ้แฟนคลับบ้านั่นอยู่ในห้องเขา
ในตอนนั้นเองเมอร์ลินพลันยื่นแขนมาหยิบโทรศัพท์ของฮันต์ ฮันต์เอี้ยวหลบอย่างว่องไว สีหน้าของเมอร์ลินพลันเปลี่ยนไปทันที
“นั่นไม่ใช่คนของทีมมาร์คัส แต่เป็นลอว์เรนซ์ โอเว่น”
ฮันต์อึ้งไปแล้ว เมอร์ลินรู้ได้ยังไง
ที่สำคัญคือปฏิกิริยาของฮันต์ทำให้เมอร์ลินมั่นใจการคาดเดาของตน
สีหน้าที่กังวลว่าฮันต์จะไม่ชอบอาหารที่ตนทำให้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับถูกความขุ่นเคืองเข้าแทนที่
“เมอร์ลิน…” ฮันต์ไม่เคยคิดถึงฉากแบบนี้มาก่อน ในชั่วอึดใจก็ถึงกับพูดไม่ออก
“คุณอยากถามว่าผมรู้ได้ยังไงใช่ไหม”
เขาเอียงศีรษะมองฮันต์ วางเนื้อและส้อมไปบนรถเข็นอาหารส่ง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เข้าใกล้ฮันต์
“เพราะผมมองคุณอยู่ตลอดไงล่ะ…มองคุณมาตลอด! ทั้งโลกมีคนมากมายขนาดนั้น…แต่ในสายตาผมกลับมีแต่คุณ!”
เมอร์ลินยื่นมือมากุมใบหน้าฮันต์ ทำเอาฮันต์ตกใจจนถอยหลังไปชิดโซฟา
“ผมชอบคุณมากขนาดนั้นมาตลอด ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นคุณขับรถแข่ง ผมก็สังเกตเห็นคุณแล้ว! นักข่าวพวกนั้นพูดว่าคุณคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่ง ทีมพวกนั้นคิดอยากจะชิงตัวคุณไป ไหนจะยังมีไอ้คนที่เรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทอย่างวอห์น วินสตัน อีก…พวกเขายังไม่เห็นคุณ แต่ผมเห็นคุณแล้ว!”
ฮันต์กลั้นหายใจ วินสตันพูดถูก ในทะเลทรายที่ดูไบ คนที่เมอร์ลินอยากตีสนิทก็คือเขา ไม่ใช่วินสตัน!
“คุณอยู่รั้งท้าย ผมให้กำลังใจคุณ! ตอนคุณตกอับ ผมปลอบใจคุณ! ผมอยากอยู่ข้างกายคุณขนาดนั้น อยากกอดคุณที่อับจนอยู่ต่อหน้าสื่อแน่น ๆ! ผมมองคุณเดินทีละก้าว ๆ มาจนถึงตอนนี้!”
เมอร์ลินกัดฟันมองฮันต์
ต้องทำให้เขาสงบ อย่ายั่วให้เขาโกรธ ฮันต์พูดกับตนเอง
“ขอบคุณนะ เมอร์ลิน ถ้าไม่มีการสนับสนุนของคุณ ผมคงมาถึงวันนี้ไม่ได้แน่ ๆ” ฮันต์ยกมือขึ้นตบบ่าของเมอร์ลิน
จอห์นนี่ นายเป็นผู้หญิงหรือไงวะ!
นายจะอาบน้ำอีกนานแค่ไหน!
“นั่นสินะ การสนับสนุนของผมสำคัญกับคุณใช่ไหม คุณได้รับดอกกุหลาบที่ผมส่งให้ใช่ไหม คุณชอบไหม” เมอร์ลินถามฮันต์ด้วยรอยยิ้ม
“ชอบสิ ผมต้องชอบอยู่แล้ว…”
ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย! นายจะให้ดอกกุหลาบฉันทำไม!
“โกหก! โกหก! แกมันคนตอแหล!”
เมอร์ลินพลันอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา เขากดเสียงต่ำมาก แต่กลับเจือความโกรธที่ยากจะควบคุม
“คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ผมไม่ได้โกหกคุณนะ…”
ฮันต์จะร้องไห้อยู่รอมร่อ เขาจะชอบไอ้คนที่จู่ ๆ ก็ส่งดอกกุหลาบมาให้ได้ยังไงกันเล่า
“กุหลาบที่ผมแปะไว้ที่ประตู คุณไม่ได้เอาไปเลย! มันโดนพนักงานทำความสะอาดโยนใส่ถังขยะ! น้ำใจของผมไม่สำคัญกับคุณเลยด้วยซ้ำ!”
“เมอร์ลิน คุณไม่ได้ลงชื่อ ผมจะรู้ได้ยังไงว่ามันคือของที่คุณส่งให้ผม แถมห้องนั้นมันก็เล็กมาก ผมไม่ได้อยู่ที่นั่น ผมย้ายมาที่นี่แล้ว” ฮันต์พูดด้วยน้ำเสียงใจเย็นสุด ๆ
“อย่างนี้นี่เอง…ผมนึกว่าคุณไม่ได้เก็บกุหลาบของผมเพราะไม่มีแจกันหรือเปล่า…”
เมื่อเห็นเมอร์ลินค่อย ๆ สงบลง ฮันต์ก็ถอนหายใจออกมา
ในเวลานี้มือถือของฮันต์ก็สั่นอีกครั้ง
เมอร์ลินเหมือนถูกไฟช็อร์ต เขาชิงมือถือไปอย่างรวดเร็ว ฮันต์กำลังคิดจะหยิบคืน แต่คิดไม่ถึงว่าเมอร์ลินกลับหยิบมีดพกออกมาจากเอวแล้วชี้มาทางฮันต์ “ห้ามขยับ!”
การแข่งขันใกล้เข้ามาแล้ว ฮันต์จะบาดเจ็บไม่ได้ ถ้าถูกมีดเล่มนั้นบาดเพียงแค่นิดเดียวคงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แน่ ฮันต์จึงได้แต่นิ่งอยู่ตรงนั้น
ข้อความของใครกันนะ
เป็นไอ้เลวโอเว่นนั่นหรือวินสตัน
“โอเว่น! โอเว่น! ลอว์เรนซ์ โอเว่น อีกแล้ว! แกคบกับเขาใช่ไหม ทำไมกัน เพราะอะไร! เพราะมันหน้าตาสวยเหรอ หรือเพราะมันอยู่บนเตียงแล้วทำให้แกสติกระเจิง!” นิ้วที่กำมือถือของเมอร์ลินออกแรงสุดขีด เสียงคำรามอย่างเสียการควบคุมของเขาพุ่งทะลุประตูห้องน้ำไปในที่สุด
จอห์นนี่พันผ้าขนหนูเปิดประตูออกมา “เสียงอะไร…”
เมื่อเขาเห็นเมอร์ลินที่ถือมีดอยู่ก็ตกใจขนานใหญ่ “แก…แกเป็นใคร! แกจะทำอะไรน่ะ!”
วินาทีที่เมอร์ลินเห็นจอห์นนี่ ความตกใจก็เปลี่ยนเป็นความโมโหในพริบตา
เขาพลันโยนมือถือของฮันต์ทิ้ง ฮันต์เบิกตากว้าง รีบลุกขึ้นจะไปคว้ามือถือไว้ทันที แต่มันกลับลอยผ่านศีรษะฮันต์ไปอย่างรวดเร็วและกระแทกเข้ากับศีรษะของจอห์นนี่
“โอ๊ย” จอห์นนี่ส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ตอนที่กุมศีรษะเอาไว้ เลือดก็ไหลออกมาจากขมับ อนาถเกินกว่าจะทนดูได้
ฮันต์เองก็ตกใจ กำลังคิดจะพุ่งเข้าไป เมอร์ลินกลับไวกว่าก้าวหนึ่ง เดินมาข้างตัวจอห์นนี่ เกี่ยวคอเสื้อเขา จี้มีดเล็ก ๆ ไปใต้คางจอห์นนี่
“พระเจ้าช่วย…” จอห์นนี่มือเท้าสั่นเทา สองขายืนไม่อยู่แล้ว
ฮันต์ยื่นสองมือออกมา “เมอร์ลิน คุณจะทำอะไร คุณอย่าวู่วามนะ ถ้ามีเรื่องอะไรที่เข้าใจผิดกัน พวกเรามาเคลียร์กันตอนนี้ได้นะ”
“เขาก็เป็นผู้ชายที่แกจะนอนด้วยเหรอ! คืนนี้แกจะนอนกับเขาใช่ไหม” เมอร์ลินถามด้วยน้ำเสียงคลุ้มคลั่งและกระวนกระวาย
“เขาคือจอห์นนี่ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่มาร์คัสส่งมาให้ผม ผู้ช่วยส่วนตัวน่ะ คุณเข้าใจใช่ไหม ก็คือคนที่ช่วยผมจัดการเสื้อผ้า ผมหิวก็สั่งอาหารให้ผม ผมจะออกไปข้างนอกเขาก็ตามผมไป พวกนั้น”
หัวใจที่เดิมทีเต้นอย่างว้าวุ่นของฮันต์พลันเกร็งแน่นขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นปลายมีดเกือบจะแทงทะลุเนื้อส่วนคอของจอห์นนี่ เหงื่อเย็นๆผุดเต็มแผ่นหลังของเขา
“แล้วลอว์เรนซ์ โอเว่น ล่ะ”
[1] วงดนตรีแนวร็อคชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา