曾是年少时
รักเธอตั้งแต่วันวาน
ชิงเหม่ย 青浼 เขียน
หนูน้อยฉี แปล
— โปรย —
เฉินจินหยาง คุณหนูบ้านรวย สวย สูง เรียนเก่ง
นักศึกษาจากคณะภาษาต่างประเทศ ต้องมาสอนพิเศษให้อ้ายเจีย
เด็กเกรียนรุ่นน้อง จนบ่มเพาะความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
ทว่าเฉินจินหยางต้องไปเรียนเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ
ขณะที่อ้ายเจียเองก็หมายจะเข้าสู่ลีกเกมออร์เดอร์ออฟสตรอม
ท่ามกลางเรื่องราวความรักของคุณหนูไฮโซสาว
กับเกมเมอร์หนุ่มมีอุปสรรคมากมาย
ทั้งคู่ต้องจูงมือกันฝ่าฟันขวากหนามอย่างไม่ย่อท้อ
เพื่อที่จะก้าวสู่เส้นทางเกียรติยศในอนาคต!
_______________________________
ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“
สำนักพิมพ์อรุณ
(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)
ถ้าสามต่อสามถือว่าเป็นทีมไฟต์[1]ขนาดย่อมแล้วละก็ นี่นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่จินหยางเกิดมาจนอายุขนาดนี้ที่เห็นนักเลงวัยรุ่นยกพวกตีกันในระยะประชิด
เธอค้นพบเรื่องที่น่าตกใจสองเรื่อง…
หนึ่ง ของข้างถนนไม่ว่าอะไรก็ตามนับตั้งแต่ก้อนอิฐไปจนถึงฝาถังขยะล้วนกลายมาเป็นอาวุธของพวกเขาได้ สะบัดแกว่งไปมาเสียงดังวิ้งๆ อย่างกับกระบี่ชั้นยอด
สอง เธอพบว่าตัวเองดูจนเกิดอารมณ์ร่วม ไม่อยากเดินจากไป
ตามหลักแล้ว เวลานี้เมื่อมีคนโผล่ออกมาทะเลาะวิวาทกันกะทันหัน เธอควรวิ่งหนีโดยไม่หันมองถึงจะถูก…
ทว่าเธอเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มที่ชื่ออ้ายเจียคนนั้นกระโดดขึ้นไปบนกำแพงเพื่อยืมแรงใช้ขาเกี่ยวคอของอีกฝ่าย ก่อนเหยียบฝ่ายนั้นจนแบนติดพื้นเหมือนหมากินขี้ เธอถึงกับอึ้งค้าง ราวกับหนังกำลังภายในแน่ะ สุดยอด!
เด็กน้อยสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาแค่ยืนข่มขวัญเป็นกองหนุนอยู่ด้านหลังก็พอแล้ว เพราะดูคล้ายแค่อ้ายเจียคนเดียวก็สามารถเอาชนะคนพวกนั้นที่มีกันถึงสามคนได้แล้ว…ต่อยหมัดออกไปไม่ยั้ง เด็กที่เป็นหัวหน้าแก๊งกรรโชกทรัพย์เธอถูกอัดเละ ในมือของเขายังกำปึกธนบัตรที่จินหยางยื่นให้เขาก่อนหน้านี้ เธอสงสัยว่านี่อาจส่งผลต่อการแสดงฝีมือของเขา…
คนตายเพราะความโลภ
นกตายเพราะความตะกละโดยแท้
“อ้ายเจีย! เวรเอ๊ย เรียนจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ! ไปแล้วไม่ใช่เหรอวะ!”
“ไปเหรอ ไปไหน! ฉันเท้าสะเอวยืนอยู่ในหอพักเด็กปีหนึ่งยังเห็นโต๊ะเรียนที่ฉันเคยนั่งตอนอยู่มัธยมปลายปีสามเลย! ระยะห่างแค่ไม่กี่ร้อยเมตรถือว่าไปแล้วงั้นเหรอ”
“…บัดซบ!”
“บัดซบก็ไร้ประโยชน์ ถนนเส้นนี้ฉันเป็นใหญ่โว้ย!”
เสียงตะโกนด่าทอดังขึ้นช่วงหนึ่ง ตอนที่อ้ายเจียพลิกตัวกลับไปเล่นงานอันธพาลเด็กอีกคนหนึ่งนั้น ลูกกระจ๊อกที่มีสภาพปางตายยกมือเช็ดปาก พ่นฟันที่เปื้อนเลือดออกมาซี่หนึ่ง เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน สายตาเลื่อนไปหยุดที่ท่อนไม้ท่อนหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก…น่าจะเป็นเศษวัสดุที่สักบ้านหนึ่งแถวนี้ทิ้งไว้ตอนซ่อมบ้าน ท่อนไม้ยังมีตะปูติดอยู่หลายดอก…
แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นดุดัน เดินโซเซ ก่อนเอื้อมมือไปคว้าไม้ท่อนนั้น…
จินหยางมองเด็กหนุ่มที่หันหลังอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวให้ลูกกระจ๊อกนั่น ก่อนกรีดร้องเสียงเบา ตอนที่อ้ายเจียได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอ วินาทีที่สะดุ้งตกใจและหันมองนั้น เขาเห็นเด็กสาวยกเท้าที่สวมรองเท้าราคาอย่างต่ำสองพันหยวนเตะหว่างขาไอ้หนุ่มลูกกระจ๊อกแรงๆ เขาคนนั้นร้องเสียงหลงก่อนล้มลง พาถังขยะแถวยาวล้มตามไปด้วย ส่งเสียง “โครม” ดังสนั่น!
ไม่ไกลนัก พอคนทั้งหมดที่สู้กันนัวเนียได้ยินเสียง พลันชะงักพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เวลานี้อ้ายเจียคร่อมอยู่บนตัวคนคนหนึ่ง มือข้างหนึ่งดึงคอเสื้อของคนคนนั้น อีกข้างค้างหมัดกลางอากาศขณะเหลียวมองจินหยาง…
เห็นแค่เด็กสาวที่ทำร้ายอวัยวะสืบพันธุ์ของอีกฝ่ายยังคงยืนอย่างมั่นคงอยู่หน้าถังขยะ ขณะที่ถังขยะพลิกคว่ำ ขยะด้านในแทบจะเทลงมากลบตัวเธอจนมิด…
เธอยื่นมือไปหยิบถุงขยะที่ปลิวมาติดศีรษะตัวเองออก สีหน้าราบเรียบ
จากนั้นก็ใช้เท้าเขี่ยๆ เศษขยะพวกนั้น ก่อนโน้มตัวลงไปดึงธนบัตรปึกหนาจากมือของเด็กหนุ่มนักเลงที่นอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น
อ้ายเจีย “…”
อ้ายเจียเหวี่ยงเด็กหนุ่มที่ยังไม่ทันโดนหมัดของเขาออกไปราวกับเขวี้ยงขยะ แล้วลุกขึ้นยืน เวลาเดียวกันนั้นเขาเห็นสาวน้อยคนนั้นที่อยู่ไม่ไกลออกไปก้มหน้า ล้วงกระดาษเช็ดหน้าห่อหนึ่งออกจากเป้ ก่อนยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นคล้ายท่านกกระเรียนมงกุฎแดง กระโดดๆ อยู่ที่เดิมขณะใช้กระดาษเช็ดหน้าแผ่นหนึ่งเช็ดรองเท้าคัตชูหนังของตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ…
กระโปรงสั้นพลิ้วไหวไปมาระหว่างที่เธอกระโดดเหย็งๆ กลายเป็นคลื่นที่ดูสวยงาม
เสื้อเชิ้ตแขนสั้นโปร่งแสง ทำให้เห็นเอวบางใต้ผ้าผืนบางได้รางๆ ขณะที่เธอกระโดด หน้าอก…
เอ่อ
สร้อยคอรูปแบบเรียบง่ายหลุดออกมานอกคอเสื้อที่เปิดอ้า เป็นสร้อยคอทองคำขาวเส้นเล็กที่ทาบกับไหปลาร้าของเธอ ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง วัตถุธาตุทองทอประกายระยิบระยับแสบตา
อ้ายเจียหรี่ตาเล็กน้อย
พอรู้ตัวว่าไม่ควรจะจ้องต่อ เขาก็เบือนหน้าหนี มุ่นคิ้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเจือรำคาญ “ทำไมเธอยังอยู่อีก”
พอได้ยินเด็กหนุ่มที่สูงเลยศีรษะเธอถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร จินหยางก็นิ่งอึ้งเล็กน้อย ก่อนเงยหน้ามองเขาผาดหนึ่ง
เธอโยนกระดาษเช็ดหน้าลงถังขยะที่ตอนนี้ในถังว่างเปล่าเหลือแค่อากาศธาตุ เสร็จแล้วค่อยโต้กลับอย่างมีเหตุมีผลว่า “นายช่วยฉันไว้ ถ้าฉันหนีไปก็คงแล้งน้ำใจน่าดู”
เสียงของเธอใสและราบเรียบ
อ้ายเจียคิดว่าเขาเสียเวลานานถึงสิบแปดปีไปกับการเรียนภาษาจีน เพราะเขาคิดว่าเขาตีความคำพูดเมื่อกี้ของเธอผิดไป…
อะไรนะ น้ำใจเหรอ
จินหยางเห็นเด็กหนุ่มยืนนิ่งไม่ขยับ เธอมองปึกเงินในมือตัวเองสีหน้าสงบนิ่งและจริงใจ “ขอบคุณนะ นายมาทันเวลาพอดีมาก เงินพวกนี้ให้นายเป็นค่าตอบแทนแล้วกัน”
อ้ายเจีย “อะไรนะ”
ชั่วขณะหนึ่งอ้ายเจียยังงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ยากนักที่ใบหน้าซึ่งวินาทีก่อนยังเหมือนเพชฌฆาตจะปรากฏความตื่นตะลึง อ้ายเจียมองเด็กสาวที่สะพายเป้ยืนอยู่ท่ามกลางกองขยะพลางยื่นเงินที่คะเนด้วยสายตาแล้วประมาณสองสามพันหยวนให้ตนทั้งสีหน้าเรียบเฉย…
เขายอมใจจริงๆ
…นี่มันผู้หญิงบ้าจากที่ไหนกันเนี่ย
ขณะที่อ้ายเจียเหม่อลอยอยู่นั้น เด็กสาวก็ยัดเงินใส่กระเป๋ากางเกงทหารของเขาพร้อมสีหน้าไร้อารมณ์ มือเล็กขาวเนียนตบกระเป๋าตุงๆ ของเขาคล้ายพึงพอใจมาก…เธอพูดทิ้งท้ายประโยคหนึ่งว่า “ไปละๆ” จากนั้นก็เดินลิ่วจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
เวลาที่เธอเดินเฉียดเขา เขาได้กลิ่นที่ไม่คุ้นเคย กลิ่นนั้นเจือกลิ่นหอมของส้มจีน
…ไม่ใช่กลิ่นถังขยะ ทั้งๆ ที่เธอจมอยู่ในกองขยะแท้ๆ
อ้ายเจียสีหน้าแข็งค้างขณะหมุนตัวกลับ มองแผ่นหลังของเธอที่เดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย
ผิดกับลูกน้องด้านหลังเขาที่เริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว…
“…ลูก…ลูกพี่ เงินเยอะจัง!”
“แม่สาวคนนั้นเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภจุติลงมาเกิดหรือไง”
“คนที่อยู่ที่นี่ล้วนได้ส่วนแบ่ง คืนนี้เหมาห้องอินเทอร์เน็ตคาเฟ่! เย้!”
“ลูกพี่ ครูประจำชั้นของพวกเราบอกว่าวันนี้พวกเราต้องจ่ายค่าเอกสารวิชาภาษาอังกฤษห้าร้อยหยวนนะ…”
“ถุยเถอะ! นายคิดว่าลูกพี่เป็นพ่อนายหรือไง! ยังจะมาทวงค่าเอกสารวิชาภาษาอังกฤษอีก!”
ท่ามกลางเสียงถกเถียงของลูกน้องด้านหลัง อ้ายเจียยกมือ ใช้นิ้วโป้งที่ค่อนข้างหยาบกร้านเช็ดมุมปากแตกของตัวเอง แววตาเขาเย็นชา
“หุบปากให้หมด”
เสียงโหวกเหวกเงียบลง
เหลือเพียงแผ่นหลังที่จากไปของเด็กสาว ด้านหลังที่เอวเหยียดตรง ดูเย่อหยิ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่อ้ายเจียพบเฉินจินหยาง ผู้หญิงบ้า เพิ่งปีนออกจากกองขยะแท้ๆ แต่ยังแสร้งทำเป็นหยิ่ง
[1] Team Fight การต่อสู้กันเป็นกลุ่มระหว่างสมาชิกสองทีม