曾是年少时
รักเธอตั้งแต่วันวาน
ชิงเหม่ย 青浼 เขียน
หนูน้อยฉี แปล
— โปรย —
“…อืม” อ้ายเจียออกแรงทาบทับตัวเธอ หลังได้ยินเสียงเธอร้องด้วยความตกใจ
เขาก็พึมพำว่า “ตอนนี้เธอต่างหากที่พยายามฆ่าฉัน”
จินหยางหัวเราะ
เธอพยายามผ่อนคลายท่ามกลางเสียงหัวเราะ
ก่อนยกลำตัวท่อนบนขึ้นแนบกับกายของเด็กหนุ่มโดยสมบูรณ์…
เธอลูบไล้กล้ามเนื้อแน่นตึงที่แผ่นหลังเขา
วินาทีที่สองหนุ่มสาวแนบเนื้อชิดใกล้กันแทบกลายเป็นเนื้อเดียว
เธอก็ได้ยินอ้ายเจียคำรามในลำคอคล้ายผ่อนคลายคล้ายครวญครางด้วยความเจ็บปวด
จากนั้นเด็กหนุ่มก็ปรนเปรอความหฤหรรษ์ให้เธออย่างใจเย็น
ด้วยความอ่อนโยนที่สุดท่ามกลางความยินยอมพร้อมใจของเธอเอง
“ได้ไหม”
“…อืม”
_______________________________
ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“
สำนักพิมพ์อรุณ
(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)
41
จินหยางยืนอยู่ตรงนั้น ในสถานการณ์แบบนี้เธอขยับปากอยากพูดบางอย่าง แต่พอกวาดตามองรอบหนึ่ง ไม่น่าแปลกใจนักที่เธอจะได้สติกลับมาและนึกได้ว่าเธอเป็นแค่คนนอก…เธอไม่เข้าใจอีสปอร์ต ไม่เข้าใจวงการนี้ และไม่เข้าใจทีม YQCB ดังนั้นเวลานี้สิ่งที่เธอทำได้ดีที่สุดก็คือหุบปากตัวเอง แล้วเดินจากไปเงียบๆ
บรรยากาศตอนนี้ชวนให้คนอึดอัด
ยังดีที่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต อ้ายเจียแอบดึงจินหยางออกไปจากห้องพักนักกีฬาก่อนแล้ว
ลมเหนือด้านนอกพัดโชยมาทำให้สมองที่มึนงงปลอดโปร่งขึ้นบ้าง…ที่น่าแปลกก็คือทั้งๆ ที่รู้สึกว่าลมข้างนอกหนาวเย็น แต่เวลานี้เธอกลับสูดอากาศเย็นๆ เข้าไปอย่างโหยหา ดุจปลาที่ผละจากน้ำมาเนิ่นนาน
อ้ายเจียดึงจินหยางออกมานอกห้อง จินหยางถูกเขาลากตัวไป ไม่ขัดขืน แค่สับเท้าตามเขาไม่ค่อยทัน เธอเซสะดุดไปมา ซ้ำยังต้องเสี่ยงกัดลิ้นตัวเองตายขณะถามว่า “นายออกมาทำไม”
อ้ายเจียก้าวเท้ายาวนำหน้า ก่อนหาจังหวะเบือนหน้ากลับมามองจินหยางผาดหนึ่งดั่งมองคนป่วยที่เสียสติ “เธออยากอยู่ข้างในรึไง”
จินหยางโคลงศีรษะ หยุดคิดสักพักก่อนพูดต่อว่า “แต่ไหนๆ นายก็อยู่นี่แล้ว ถ้าซาเชียนไม่อยากลงแข่ง นายลงแข่งแทนเขาไม่ได้เหรอ ไม่ใช่เซ็นสัญญากับสโมสรแล้วเหรอ ต่อให้ถือปืนงงๆ เดินเข้าสนามรบก็ยังดีกว่าคนที่โยนปืนทิ้ง เอาธงขาวผูกไว้เหนือหัว แถมยังโน้มน้าวให้เพื่อนร่วมทีมทิ้งอาวุธไม่ต้องขัดขืนอีก จริงไหม”
อ้ายเจียชะลอฝีเท้าเล็กน้อย ครั้งนี้ตอนเขาเหลียวมองจินหยาง แววตาที่เคยเย็นชาเจือความอบอุ่นเพิ่มมากขึ้น “ง่ายขนาดบอกว่าจะลงแข่งก็ลงแข่งได้ที่ไหนกันล่ะ ขอแค่เป็นการแข่งขันทางการ ต้องยื่นรายชื่อผู้เล่นตัวจริง ผู้เล่นสำรองก่อนล่วงหน้ากันทั้งนั้น…ฉันไม่อยู่ในรายชื่อ ก่อนหน้านี้นักแข่งเลนกลางของทีม YQCB ไม่เคยมีตัวสำรอง อย่างน้อยก่อนการแข่งรอบตัดเชือกฤดูร้อนปีนี้ ซาเชียนก็ถือว่าเล่นได้ดีและคงที่ทีเดียว”
อ้อ
จินหยางไม่มีอะไรจะพูดอีก
เวลานี้ทั้งสองคนออกมานอกห้องพักนักกีฬาแล้ว
มองออกไปพบว่าแถบดำๆ ใหญ่ๆ นอกราวกั้นมีแต่ผู้คน มีทั้งยืนมีทั้งนั่ง เบียดเสียดยัดเยียดกันจนแมลงวันสักตัวยังบินผ่านเข้าไปไม่ได้…วันที่สภาพอากาศหนาวเย็นอย่างนี้ ทุกคนต่างแหงนหน้ามองจอยักษ์ตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ พิธีกรสาวสวมชุดกระโปรงสั้นยืนอยู่บนเวทีแข่ง พยายามสุดความสามารถในการสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น แต่คนด้านล่างเวทีกลับห่อเหี่ยวประหนึ่งหนองน้ำเน่า…
จินหยางมุมปากกระตุก คิดในใจว่าหากเธอเป็นพิธีกรคนนี้ที่พยายามกระโดดโลดเต้นอยู่บนเวทีแทบตายแต่ไม่มีคนสนใจ เธอคงเสียสติแน่ๆ
เวลาเดียวกันนั้น ผู้ชมด้านล่างเวทีถูกลมเหนือพัดจนผมเผ้ายุ่งเหยิง ทว่ากลับยังคงเงยหน้ามองเวที สีหน้าไร้อารมณ์ หรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือ (อาจยุ่งอยู่กับการเข้าร่วมกลุ่มเกรียนคีย์บอร์ด) ท่าทางเฉยเมยนั้นชวนให้คนเห็นแล้วปวดใจจริงๆ…
ไม่ ไม่ ไม่ หากให้พูด สมาชิกทีม YQCB เองก็อนาถมาก
…ทุกคนล้วนน่าสงสารมาก
จินหยางกระตุกแขนเสื้ออ้ายเจีย “ไม่มีที่แล้ว เบียดเข้าไปไม่ได้ ไม่ดูเกมที่สามแล้วหรือ”
“ละครต่อให้ห่วยแค่ไหน ดูมาถึงร้อยตอนแล้ว ต่อให้ต้องบีบจมูกไว้ก็ต้องดูสิบตอนสุดท้ายจนจบจริงไหม” อ้ายเจียไม่เห็นด้วยกับถ้อยคำของจินหยาง จากนั้นก็พยักพเยิดไปที่ทิศทางหนึ่ง “นี่ ทางโน้นยังมีที่นั่ง”
จินหยางมองไปตามทิศที่เขาพยักพเยิด ทว่ากลับไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เห็นแค่รถบรรทุกคันหนึ่งจอดอยู่นอกสนาม บนตู้คอนเทนเนอร์ของรถบรรทุกมีคนสองคนชะเง้อคอนั่งห่างๆ กันอยู่ พวกเขามองจอเขื่องในสนามแข่งสีหน้าจริงจัง
จินหยาง “…”
การท้าทายตัวเองพรรค์นี้เกินขอบเขตความเข้าใจของมนุษย์แล้ว
จินหยางยังคงคว้าความหวังสุดท้ายไว้ขณะถามว่า “ที่ไหน”
อ้ายเจีย “บนรถบรรทุก”
จินหยาง “…ไม่เห็นเคยมีคนบอกว่าเพราะเผลอดูละครห่วยๆ สิบตอนสุดท้ายเลยถูกลงโทษด้วยการฉีกขาบนที่สูงหรือห้อยหัวเกี่ยวสลิงดูจนจบซะหน่อย”
อ้ายเจียชำเลืองมองกางเกงยีนที่เธอสวม “วันนี้เธอไม่ได้ใส่กระโปรง นับว่าตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดมาก”
“คำชมนี้ของนายทำให้ฉันอยากย้อนเวลากลับไปฆ่าตัวเองที่วินาทีสุดท้ายฉันวิ่งกลับไปเปลี่ยนกระโปรงเป็นกางเกงยีน…รถสูงขนาดนั้นจะปีนขึ้นไปได้ยังไง!”
อ้ายเจียยังคงฉุดเธอเดินต่อไม่ยอมหยุด เขาพาจินหยางที่สีหน้าคัดค้านเดินดุ่มๆ อ้อมไปด้านหลังรถบรรทุก เวลานี้จินหยางถึงค่อยเห็นว่าด้านหลังรถบรรทุกมีบันไดเหล็กที่เชื่อมติดกับตู้คอนเทนเนอร์
ท่ามกลางราตรีกาล มีคนคล้ายได้ยินเสียงยื้อยุดฉุดกระชากซึ่งเกิดจากความขัดแย้งระหว่างจินหยางกับอ้ายเจีย มีศีรษะหนึ่งยื่นออกมาจากบนรถ “ว้าว น้องชาย พาแฟนสาวมาดูการแข่งขันแล้วยังไม่ซื้อตั๋วอีกเหรอ”
อ้ายเจีย “…”
จินหยางยิ้มเย้ยขณะมองอ้ายเจีย เธอถึงกับลืมที่จะปฏิเสธเรื่อง “แฟนสาว”…เพราะเธอได้ยินคำนี้มาตลอดทาง ตอนนี้ร่างกายเธอสร้างภูมิคุ้มกันที่สามารถขจัดผลกระทบจากคำคำนี้ได้โดยอัตโนมัติแล้ว…เธอง่วนกับการยิ้มเยาะอ้ายเจียที่ใช้นิ้วชี้เกาจมูกอย่างเก้อเขิน สีหน้าเขากระดากอาย “พอดีรู้ตัวช้าน่ะเลยซื้อตั๋วไม่ทัน”
ทั้งสองคนบนตู้คอนเทนเนอร์น่าจะเข้าใจดี พวกเขาหัวเราะร่วนก่อนขยับตัวเว้นที่ว่างให้
จินหยางมองอ้ายเจียที่ปีนขึ้นไปดุจลิง…ยามนี้เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ฝึกฝนจากการปีนกำแพงหนีเรียนไปอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ทุกวัน มือหนึ่งของเขาจับขั้นบันไดขั้นที่สองนับจากขั้นล่างสุด ก่อนออกแรงดีดตัวที่เท้า อาศัยแรงจากช่องว่างตรงกลางของบันได ดีดตัวลอยขึ้น…จินหยางแค่กะพริบตา เด็กหนุ่มก็ปีนขึ้นอย่างคล่องแคล่ว พาตัวเองขึ้นไปอยู่บนตู้คอนเทนเนอร์ได้แล้ว
พอเริ่มทรงตัวได้ เขาก็หมุนตัวมาหา ขมิบก้นนั่งยองตรงขอบตู้คอนเทนเนอร์ ก่อนยื่นมือมาตบขอบตู้ พูดกับผู้หญิงที่แหงนหน้ามองเขาจากด้านล่างว่า “ขึ้นมาสิ”
จินหยางอยากส่ายหัว
เวลานี้พอเธอเงยหน้าจะเอ่ยคำพูดที่มารอถึงปาก ทว่าเธอกลับพบว่าเบื้องหน้ามีกลุ่มดาวสุกสกาว ใต้หมู่ดาวที่ทอแสงเจิดจรัสมีเด็กหนุ่มที่นั่งยองอยู่ด้านบน เขาก้มหน้ามองเธอ นัยน์ตาทอแสงวิบวับ เขาโค้งมุมปากเล็กน้อยคล้ายเร่งเร้าคล้ายยิ้ม…
จินหยางกัดริมฝีปาก ครุ่นคิดอย่างตั้งใจ ราวกับว่านับแต่พวกเขาพบกันโดยบังเอิญในซอยวันนั้น หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์ “สุนัขตัวร้ายช่วยสาวงาม” เหตุการณ์ทุกอย่างก็เหมือนกับขยับห่างออกจากเส้นทางเดิมที่เธอเคยยึดมั่น…
พอตั้งสติได้ เธอก็ทำเรื่องเหลวไหลไปตั้งเยอะแล้ว
“…”
จินหยางหรี่ตานิดๆ ขณะนี้เด็กหนุ่มที่นั่งยองอยู่บนตู้คอนเทนเนอร์ยังเผลอเอ่ยบางอย่าง เช่น “เร็วๆ สิ” “ช่วงแบนและเลือกนัดที่สามเริ่มแล้วนะ”…ใต้แสงดาว ผมหยักศกเล็กน้อยของเขาถูกลมเหนือพัดจนยุ่งนิดๆ อ้ายเจียทิ้งมือลงมา สะบัดแกว่งไปมาตรงหน้าเธอ เขาในตอนนี้มองแล้วปัญญาอ่อนราวลิงตักดวงจันทร์[1]
รอกระทั่งจินหยางได้สติ เธอก็ปีนขึ้นไปตามบันไดเหล็กแล้ว รู้สึกว่ามือจับบางอย่างที่ตะปุ่มตะป่ำซึ่งน่าจะเกิดจากสนิมกัดจนผุกร่อน เธอปีนได้ไม่คล่องแคล่วนัก…
ยังดีที่เมื่อถึงช่วงสุดท้าย เด็กหนุ่มบนตู้คอนเทนเนอร์ส่งมือให้ เขาใช้เรี่ยวแรงทรงพลังดึงเธอขึ้นไป พอนั่งได้อย่างมั่นคงบนตู้คอนเทนเนอร์แล้ว จินหยางก็เงยหน้ามองจอใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป…
ที่นี่วิวดีจริงๆ ด้วย
จินหยางนั่งขัดสมาธิ ชะเง้อคอ หรี่ตานิดๆ พยายามมองเหตุการณ์บนจอใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล เวลานี้เด็กหนุ่มนั่งเคียงไหล่เธอ กลิ่นกายที่คุ้นเคยของเขาเข้าปกคลุมตัวเธอไว้…
สองเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่นั่งชมการแข่งขันอยู่ทางด้านหลังแซวพวกเธอ “โอ้ ไม่เลวนี่น้องชาย จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าพวกนายนั่งแบบนี้ก็โรแมนติกอยู่เหมือนกันนะเนี่ย”
คนแปลกหน้าสอง “ปีนขึ้นตู้คอนเทนเนอร์มานั่งเคียงไหล่ชมการแข่งขันด้วยกัน”
คนแปลกหน้าหนึ่ง “…นายสังเกตเห็นไหมว่าพวกเราสองคนเองก็นั่งเคียงไหล่ชมการแข่งขันบนตู้คอนเทนเนอร์เหมือนกัน”
คนแปลกหน้าสอง “นายจะไปไหนก็ไปเลย อยากให้ใครอ้วกแตกรึ เชื่อไหมว่าฉันกล้าถีบนายลงไปข้างล่าง”
สองคนด้านหลังเถียงกันไม่หยุด จินหยางฟังแล้วรู้สึกตลก แต่ไม่กล้าส่งเสียงหัวเราะ ได้แต่ไอแห้งๆ หดคางที่เกร็งแข็งเข้าไปในผ้าพันคอ…ท่าทางเหมือนหดคอเพราะหนาว
“หนาวเหรอ” อ้ายเจียถาม
จินหยางส่ายศีรษะ เนิ่นนานกว่าจะแอบหันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของอ้ายเจียคำรบหนึ่ง ครั้นเธอพบว่าเขาไม่ได้มองเธอ…เธอเลยดึงผ้าพันคอขึ้นสูงกว่าเดิมเล็กน้อย “ไม่หนาว”
“ไม่กลัวความสูงใช่ไหม” อ้ายเจียซักต่อ
“กลัวหรือไม่กลัวก็ขึ้นมาแล้ว ทำไมนายไม่ถามตั้งแต่เมื่อกี้ที่อยู่ข้างล่าง” จินหยางชายตามองเขา ไม่ซาบซึ้งกับการแสร้งทำเป็นคนดีแต่ปากของเขาเลยสักเศษเสี้ยว
“ถ้ากลัวหนาวฉันจะบังลมให้ ถ้ากลัวความสูงอีกเดี๋ยวก็ปิดตากระโดดลงไป ฉันจะรอรับเธออยู่ข้างล่างเอง” สายตาของอ้ายเจียไม่ได้ละไปจากจอยักษ์ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปเลย เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดเสียงเนือย “…ไอ้หยา เธอดูซาเชียนสิ แบนฮีโร่ตัวแรกดันแบนลอเรลที่เขาถนัดที่สุด เขาไม่อยากเล่นแล้วจริงๆ นะเนี่ย”
จินหยางเงยหน้า เห็นความโกลาหลตรงที่นั่งผู้ชมในสนาม
ท่ามกลางความเอะอะวุ่นวาย ซาเชียนนั่งสีหน้าไร้อารมณ์อยู่ตรงนั้น คล้ายไม่สนใจว่าตัวเองทำอะไรลงไป
ด้านหลังของเขาเป็นโค้ชทีม YQCB ที่เดือดดาลจนแทบเสียสติไปแล้ว เขาเขวี้ยงสมุดจดการแบนและเลือกในมือทิ้ง แล้วยื่นมือออกไปดึงหูฟังของซาเชียน ก่อนแผดเสียงตวาดเขา
เหลียงเซิงที่อยู่ข้างๆ สะดุ้งโหยง เขาถอดหูฟังออก แล้วลุกขึ้นจับตัวโค้ชไว้
ห่างออกไปห้าเมตร สมาชิกห้าคนของทีม ZE เกาหลีใต้ต่างเหลียวมองกันสีหน้างุนงง เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจว่าซาเชียนทำอะไร…
บนเวทีอลหม่านในชั่วพริบตา…คล้ายว่าซื้อตั๋วชมการแข่งขันแล้วแถมซีรีส์วัยรุ่นหนุ่มเลือดร้อนให้ดูด้วย กลุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนกำลังต่อยตีกันอยู่บนเวที
จินหยางถอนหายใจด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า
เวลานี้เธอได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างอับจนคำพูดของผู้ชายสองคนที่นั่งชมอยู่ด้านหลัง…
คนแปลกหน้าหนึ่ง “ซาเชียนคนนี้สมองเพี้ยนไปแล้วจริงๆ ประท้วงไร้เสียงแบบนี้ให้ใครดูกัน!”
คนแปลกหน้าสอง “เห็นด้วย ฉันยังอยากขึ้นไปอัดเขาเลย…ตั้งแต่แข่งรอบตัดเชือกฤดูร้อนทีม YQCB ก็ควรหาผู้เล่นอิสระสักคนมาเป็นตัวสำรอง!”
คนแปลกหน้าหนึ่ง “ได้ยินว่าซาเชียนเล่นให้ทีม YQCB ตั้งแต่ช่วงก่อตั้งทีมและทีม YQCB เชื่อสุดจิตสุดใจกับความสามารถในการแบกทีมของซาเชียน…ใครจะรู้ว่าฝีมือเขาจะตกเร็วขนาดนี้ ถ้านับจริงๆ แล้วเล่นเก่งแค่ตั้งแต่ S2 ถึงการแข่งฤดูใบไม้ผลิของ S3 เอง ตอนแข่งฤดูร้อนปีนี้ ฉันว่าเขาไม่ไหวแล้ว”
คนแปลกหน้าสอง “มหกรรมแข่งอีสปอร์ตระดับโลกครั้งนี้ดูแล้วคงออกมา 3:0 เหล่าสมาชิกทีม YQCB ถ้ากลับไปแล้วยังอาลัยอาวรณ์ซาเชียนอยู่อีก ฉันจะส่งใบมีดไปให้ที่ฐานพวกเขาแล้วจริงๆ นะ”
คนแปลกหน้าเอยังไม่ทันพูด จู่ๆ ก็ได้ยินเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่กับเด็กสาวอีกคนด้านหน้าพวกเขาพูดแทรกว่า “ซาเชียนน่าจะวางเมาส์แล้ว”
คนแปลกหน้าหนึ่ง “หา”
อ้ายเจียเบือนหน้ากลับไปมองคนแปลกหน้าสองคนทางด้านหลัง ครุ่นคิดก่อนกระดกมุมปากและเผยรอยยิ้มมีเลศนัย “พวกนายไม่รู้เหรอว่าทีม YQCB เซ็นสัญญาจ้างมิดคนใหม่แล้วน่ะ”
คนแปลกหน้าหนึ่ง “จริงเหรอ”
อ้ายเจีย “จริงสิ”
คนแปลกหน้าหนึ่ง “ไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการซะหน่อย นายรู้ได้ยังไง”
อ้ายเจียยิ้มแฝงนัยอีกครั้ง พูดทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงของคนที่เหนือชั้นกว่าเปี่ยมล้น “ฉันรู้ก็แล้วกัน” ก่อนหันหน้ากลับมา…คนแปลกหน้าหนึ่งทางด้านหลังอยากรู้อยากเห็น เขาลุกมาดึงตัวอ้ายเจียแล้วซักไม่หยุด “น้องชาย นายเป็นทีมงานของทีม YQCB เหรอ…ไม่สิ ถ้าเป็นทีมงานก็ไม่ต้องปีนขึ้นมาหลังคารถแล้ว นายรู้ได้ยังไงว่าทีม YQCB จ้างมิดคนใหม่แล้ว มิดคนใหม่เป็นใคร เป็นเด็กใหม่หรือย้ายมาจากทีมอื่น เก่งไหม จะลงแข่งเมื่อไหร่”
รัวคำถามเป็นชุด
อ้ายเจียเลือกตอบที่ตัวเองอยากตอบ จินหยางมองเขาพยักหน้าท่าทางจริงจัง “มิดคนใหม่เก่งมาก”
จินหยาง “…”
วันหน้าหากเมื่อไหร่ที่อ้ายเจียลงแข่งเป็นผู้เล่นหลักจริงๆ และเวยปั๋วทางการของสโมสรโพสต์รูปของเขา ถึงตอนนั้นพวกเขาคงย้อนนึกถึงบทสนทนาบนตู้คอนเทนเนอร์รถคืนนี้แล้วคงหัวเราะจนฟันร่วงแน่ๆ
ระหว่างพูดคุยเรื่องวงในกันบนตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงแบนและเลือกก็สิ้นสุดลงแล้ว ท่านั่งของซาเชียนสบายๆ ราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเสียงซุบซิบของแฟนคลับเลย…
ศึกชิงแชมป์รอบสุดท้ายของมหกรรมแข่งอีสปอร์ตระดับโลกประเภทเกมออร์เดอร์ออฟสตรอมปี 2016 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
นัดตัดสินผู้แพ้ชนะระหว่างทีม YQCB กับทีม ZE
ทีม YQCB เล่นได้สมกับที่คนคาดคะเน สร้างภาพบาดตาไม่หยุดหย่อน…
คล้ายซาเชียนไม่เก็บความเจ็บปวดความผิดพลาดที่ได้รับจากสองนัดก่อนมาใส่ใจเลยสักเศษเสี้ยว เขาเลือกเมจิกการ์ด แล้วรุดหน้าดันเลนไม่หยุด พอถึงเลเวลสามก็ถูกจังเกิลฝ่ายตรงข้ามเชือดทิ้ง เก็บเฟิร์สต์บลัดของเกม!
หากไม่ใช่เพราะฝีมือการสังหารทหารจิ๋วของซาเชียนอยู่ในระดับดี เขาถูกฆ่าหนหนึ่งยังพอมีแต้มทหารสูสีกับนักกีฬาเลนกลางของอีกทีม จินหยางคงสงสัยแล้วว่าซาเชียนอาจกำลังใช้เท้าแข่ง…ดูคล้ายว่าขณะนี้เขายังใช้มือเล่น การบังคับฮีโร่ขั้นพื้นฐานแทบเรียกได้ว่าหาข้อติไม่ได้เลย แค่ว่ากลยุทธ์เอย สมองเอย ประหนึ่งถูกทิ้งไว้ในฐานที่เมือง S ที่แสนไกลโพ้นเสียแล้ว
ห้านาทีสามสิบวินาที สถานการณ์เกมโดยรวมถือว่าเสมอกันอยู่ เลนล่างของทีม YQCB ได้เปรียบอยู่บ้างจากความสามารถในการยืนเลนของนักกีฬา…
จวบจนฮีโร่เมจิกการ์ดของนักแข่งเลนกลางเลื่อนเป็นเลเวลหก และกดใช้ท่าไม้ตายครั้งแรก พาฮีโร่เหาะลงไปเลนล่าง
เวลานี้จังเกิลทีม ZE ซุ่มอยู่ในพุ่มไม้แถวเลนล่างคอยหาจังหวะลงมือ ขณะเหลียงเซิงได้ปักวอร์ดตรงพุ่มไม้นั้นไว้ก่อนแล้ว ตอนที่เมจิกการ์ดใช้ท่าไม้ตายมาปรากฏตัวที่เลนล่างนั้น…
ไม่ใช่แค่เหลียงเซิงและเสียวหน่วนที่มีสีหน้างงงวยราวกับมีมชายผิวสีที่ใบหน้ามีแต่คำถาม กระทั่งคู่หูเลนล่างของทีม ZE ก็ปั่นป่วนกันพักหนึ่ง หลังจากพวกเขาวิเคราะห์การเดินตำแหน่งของเหลียงเซิงและเสียวหน่วนก็รู้ทันทีว่าคู่แข่งปักวอร์ดไว้ในพุ่มไม้ ขณะจะกดส่งสัญญาณให้จังเกิลกลับไปซื้ออุปกรณ์และล้มเลิกความคิดที่จะแก๊งในครั้งนี้…
เมจิกการ์ดกลับถลาลงมาที่เลนล่างแล้ว!
ราวกับของขวัญที่หล่นลงมาจากฟากฟ้า โปลิศวูแมนของทีมตรงข้ามวางกับดักไว้พร้อม วินาทีที่เมจิกการ์ดแล่นลงมาเหยียบพื้น ก็เหยียบลงบนกับดักเข้าพอดิบพอดี!
เวลาเดียวกันนั้นสไปเดอร์ควีนของจังเกิลทีม ZE ก็พุ่งออกจากพุ่มไม้ ใช้สกิล E แปลงเป็นร่างคนก่อนพ่นใยใส่ซาเชียน ทำให้ซาเชียนติดสถานะสตัน กอปรกับกับดักของโปลิศวูแมนล็อกตัวเมจิกการ์ดไว้ ต่อมาสไปเดอร์ควีนก็โจมตีด้วยสกิล Q สร้างความเสียหายให้ฮีโร่ของซาเชียน ตามด้วยสกิล W ซึ่งเรียกแมงมุมตัวเล็กตัวน้อยออกมา ร่วมสร้างความเสียหายระดับคริติคอล[2]ไปพร้อมกับการโจมตีของ AD และซัพพอร์ตทีมตัวเอง การโจมตีชุดเดียวนี้ก็คร่าชีวิตเมจิกการ์ดไปได้สำเร็จ!
เวลานี้ต่อให้เป็นคนที่นั่งไกลบนตู้คอนเทนเนอร์ของรถบรรทุกก็ยังได้ยินเสียงเหลียงเซิงตะโกนว่า “ถอย ถอย ถอย” “สละฉันแทนๆ”…
ไม่นานเหลียงเซิงที่เดิมคิดจะรุดหน้าไปช่วยซาเชียนก็สิ้นใจตายในสมรภูมิเช่นกัน ขณะที่ AD ทีม ZE ได้ดับเบิลคิลไปครอง ความได้เปรียบที่เหลียงเซิงและเสียวหน่วนพยายามประคับประคองไว้ตลอดช่วงห้านาทีที่ผ่านมาอันตรธานในพริบตา!
“อ๊ากๆๆ อ๊ากๆๆ อ๊ากๆๆ! น่าโมโหชะมัด!”
“ฉันอยากอัดหัวสุนัขของซาเชียนสักที! เขาคงไม่คิดจะเดินไปแจกคิลให้ครบทั้งสามเลนหรอกนะ แบบนี้เปลี่ยนให้ฉันเล่นแทนก็ทำได้เหมือนกัน!”
คนแปลกหน้าหนึ่งและสองบนตู้คอนเทนเนอร์พากันยกมือทุบอกกระทืบเท้า พวกผู้ชมด้านล่างเวทีต่างพากันส่งเสียงฮือฮาเช่นกัน…
จินหยางเหลียวมองอ้ายเจียอย่างกล้าๆ กลัวๆ เธอพบว่าอ้ายเจียนั่งขัดสมาธิมองจอเขื่องสีหน้าไร้อารมณ์ แววตาเย็นชา ให้ความรู้สึกเย็นเยียบเสียดกระดูกยิ่งกว่าลมหนาวเดือนธันวาคมตอนนี้เสียอีก…จินหยางกระเถิบออกมาเงียบๆ ให้พ้นจากก้อนน้ำแข็งยักษ์นี้ ก่อนก้มหน้าก้มตาอ่านความคิดเห็นในเวยปั๋วในมือถือ…
ใต้เวยปั๋วทางการของสโมสร YQCB เสี่ยวเซียนเองก็คงหมดคำพูดเหมือนกัน เขาโพสต์แค่อีโมติคอน [<อยากร้องไห้>]…
แฟนคลับคอมเมนต์ตอบด้านล่าง [YQCB ของพวกเราเหมือนจะล้มป่วยแล้ว ป่วยระยะสุดท้ายด้วย ใครก็ได้มาช่วยที <อยากร้องไห้>]
คำพูดแทงใจดำ
ถึงเวลาที่แฟนคลับและเวยปั๋วทางการกอดคอกันร่ำไห้อีกแล้ว
การแข่งขันเกมนี้ก็เหมือนที่ซาเชียนพูดในห้องพักนักกีฬาหลังจบเกมที่สอง ทุกคนต่างเห็นการเล่นแบบ “อยากรีบกลับบ้าน” ของเขา ครั้นเปิดเกมมาก็แจกไปถึงสองคิล ช่วยให้ศัตรูได้เปรียบที่เลนกลางและเลนล่างอย่างสมบูรณ์…
เกมเวอร์ชันนี้ยังคงเป็นรูปแบบ APCarry[3] และ ADCarry โดยเป็นที่รู้กันว่าสองตำแหน่งนี้คือดับเบิลซีที่คอยแบกทีมอย่างแท้จริง ขณะที่ท็อปโดยมากที่สุดมีบทบาทคอยดูภาพรวมของเกม ดังนั้นหลังจากซาเชียนใช้ความสามารถทำลายสองเลนที่สำคัญที่สุดไปแล้ว…
หรงหรงท็อปของทีมที่มีฝีมือสูสีกับข้าศึกเลยได้แต่ยิ้มมองทีมมุ่งหน้าไปสู่หนทางแห่งความตาย
ไม่ใช่เป็นเพราะต้นเกมแจกไปสองคิล เกมนี้จึงจบสิ้นแล้ว
แต่เป็นเพราะตั้งแต่แรกก็มีคนหมดใจที่อยากจะชนะแล้ว
เหมือนกับที่แฟนเกิร์ลคนนั้นพูดว่าทีม YQCB ป่วยระยะสุดท้ายแล้ว
นาทีที่สามสิบห้า ท่ามกลางความเงียบของผู้ชมด้านล่างเวที ทีม ZE บุกเข้าไปถึงฐานของทีม YQCB
เวลาเดียวกันนั้นคนแปลกหน้าหนึ่งและสองทางด้านหลังจินหยางและอ้ายเจียก็เริ่มขยับตัวอย่างร้อนรน พวกเขาลุกขึ้นมาบ่นกระปอดกระแปดว่า “ไม่ดูแล้วๆ” “เล่นบ้าอะไรของมัน” ขณะปีนลงจากรถบรรทุก…
อ้ายเจียยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม
เขาแค่มองทีม ZE ทำลายป้อมของทีม YQCB ป้อมแล้วป้อมเล่า ต่อด้วยป้อมชั้นใน ป้อมคู่หน้าป้อมใหญ่ เขามองอย่างเฉยเมย…ท่ามกลางเสียงตะโกนอย่างจนใจของนักพากย์ ทีม YQCB ก็ถูกกำราบจนไม่เหลือซาก…
ปราชัยในการแข่งขัน และยังแพ้หมดท่าอย่างน่าเกลียด
เป็นดังคาด นักพากย์วันนี้เห็นโลกมามาก เขาพูดว่าไม่เคยพบเห็นการแข่งขันที่เล่นได้ย่ำแย่พรรค์นี้มาก่อน…ตอนการแข่งขันเข้าสู่ช่วงท้ายเกม ในทีมไฟต์รอบสุดท้าย เหลียงเซิงก็ถูกเด็ดชีพก่อนเป็นคนแรก ทีม ZE เห็นความได้เปรียบก็บุกต่อ ในยามที่พวกเขาเริ่มทำลายป้อมคู่หน้าป้อมใหญ่ของทีม YQCB นั้น…
“YQCB! อย่ายอมแพ้สิ! สองตัวแบกทีมยังอยู่ พวกเรายังมีโอกาส!”
นักพากย์แผดเสียงตะโกนให้กำลังใจ
ทว่าเห็นเพียงคำแจ้งเตือน “ผู้เล่นทีม YQCB คิลเธาเซินด์ออกจากเกม” ปรากฏขึ้นกลางจอยักษ์ต่อหน้าต่อตาผู้คน…
วินาทีนั้นคล้ายนักพากย์ถูกคนบีบคอกะทันหัน ทำให้ส่งเสียงตะโกนออกไปไม่ได้
บนหน้าจอเขื่อง ผู้คนเห็นแค่นักกีฬาเลนกลางของทีม YQCB หยุดนิ่งกะทันหัน ภายในสามวินาทีแสงไฟก็รวมตัวกันเร็วรี่ก่อนตัวละครจะสลายหายไปจากจอ
ทุกคนเงียบกริบ
ทีม ZE ระเบิดป้อมใหญ่ของทีม YQCB พร้อมกับเสียงเพลงประกอบแห่งชัยชนะดังขึ้น สมาชิกห้าคนของทีม ZE ถอดหูฟังออก แล้วลุกพรวดขึ้นมาโห่ร้อง โอบกอดกัน…
ด้านล่างเวที แฟนคลับของ SPL และแฟนคลับทีม YQCB รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ต่างมอบเสียงปรบมือที่แสดงชัดว่าอิดหนาระอาใจให้ผู้ชนะ…จินหยางยืนอยู่บนที่สูงเลยเห็นแจ่มแจ้งว่าผู้ชมเริ่มทยอยเดินออกจากสนามแล้ว ทว่ามีแฟนคลับคนหนึ่ง ก่อนเดินจากไปยังยืนอยู่ข้างถังขยะหลายวินาที สุดท้ายก็โน้มตัวลงวางป้ายไฟที่เขียนว่า “เทพซาสู้ๆ! คุณเก่งที่สุด!”ไว้ข้างถังขยะ
จินหยางเห็นแล้วท้องไส้ปั่นป่วน เธอยื่นมือไปดึงฮู้ดของอ้ายเจียก่อนชี้ให้เขาดู
อ้ายเจียหันมองผาดหนึ่งก่อนร้อง “อ้อ”
เวลานี้บนตู้คอนเทนเนอร์ของรถบรรทุกเหลือเพียงจินหยางกับอ้ายเจียสองคน
จินหยางเดิมหันหลังให้แสงจันทร์ หันหน้าไปหาอ้ายเจีย มือหนึ่งยังจับฮู้ดของเขาไว้ เธอได้ยินเสียงราบเรียบของตัวเองดังขึ้น “คิดดีแล้วรึยัง เส้นทางการเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตเหมือนจะเป็นอย่างนี้ ไม่ได้ยืนอยู่ใต้แสงสปอตไลต์ ประคองถ้วยรางวัล รับเสียงโห่ร้องและความนับถือศรัทธาจากผู้คนเหมือนอย่างที่นายคิดหรอกนะ”
อ้ายเจียมองจินหยาง พบว่าเธอนั่งกอดเข่ามือเดียวอยู่ข้างกายเขา เธอเอียงศีรษะมองเขาสีหน้าจริงจัง “ถ้าวันหนึ่งนายเป็นแบบนี้เหมือนกัน อย่างนั้นนายเลิกเสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า”
อ้ายเจียขยับปาก มีอยู่วินาทีหนึ่งที่เขาอยากเอ่ยถ้อยคำมากมาย หรือไม่ก็ต้องการจะพูดคำสัตย์สาบานที่ยิ่งใหญ่…
แต่เนิ่นนานเขากลับได้ยินแค่เสียงที่ค่อนข้างแหบพร่าของตัวเองเปล่งว่า “ไม่เป็นอย่างนี้หรอก” เสียงเขาเบาหวิวจนแทบถูกพัดหายไปในสายลมหนาว
จินหยางเบะปาก ปล่อยมือจากฮู้ดของเด็กหนุ่ม แล้วพึมพำว่า “น่าโมโหชะมัด” “อย่างกับโรคระบาด” อะไรเทือกนี้พร้อมกับขยับตัวเตรียมปีนบันไดลงไปด้านล่าง…
วินาทีที่เธอหดขาห้อยตัวอยู่ข้างตู้คอนเทนเนอร์ ตั้งท่าจะยื่นเท้าออกไปลองหาจุดวางเท้าบนบันไดนั้น จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าเด็กหนุ่มที่เดิมนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น ท่ามกลางรัตติกาลที่มืดมิด เขาจับมือเธอไว้ ก่อนประคองร่างเธอที่โงนเงนขณะปีนลง…
ทันใดนั้นเขาก็เสนอความคิดหนึ่ง “เอาอย่างนี้สิ เธอคอยจับตาดูฉันเป็นยังไง”
จินหยางที่ห้อยตัวอยู่ข้างตู้คอนเทนเนอร์มือหนึ่งถูกเด็กหนุ่มจับไว้ ดวงหน้าครึ่งหนึ่งโผล่พ้นขอบคอนเทนเนอร์เผยให้เห็นเพียงดวงตา ครั้นได้ยินคำถามของเขา เธอก็เงยหน้า “หา”
อ้ายเจียโน้มตัวลงมา ขยับเข้าไปใกล้จินหยาง จินหยางแทบได้กลิ่นลมหายใจเย็นที่เขาพรูออกมา
“จับตาดูฉัน ไม่ให้ฉันกลายเป็นคนแบบนั้นยังไงล่ะ”
“…หา”
“ฉันหมายความว่า” เขาเงียบไปประเดี๋ยวเดียว “คบกับฉันได้ไหม”
เสียงสบายๆ ของเด็กหนุ่มดังขึ้น…
คล้ายเป็นแค่คำถามที่ถามเรื่อยเปื่อย เหมาะกับบรรยากาศสบายๆ ยามนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยสอดคล้องกับบรรยากาศที่เศร้าซึมแปลกๆ นี้เท่าไหร่นัก
จินหยางที่เกาะอยู่บนบันไดต้องเบิกตากว้างปานเห็นผี มองเด็กหนุ่มที่เวลานี้นั่งยองอยู่ที่ขอบตู้คอนเทนเนอร์ เธอเห็นแค่สีหน้าเขาเรียบเฉยดุจผืนน้ำ…เรียบเฉยจนเธอฉงนว่าถ้าตอนนี้เธอตอบว่า “ไม่ได้” เขาอาจปล่อยมือ ทิ้งให้เธอร่วงลงไปก็เป็นได้
จินหยางลังเลอยู่นานกว่าจะตอบตามความคิดสุดบรรเจิดว่า “…พวกเราไม่ได้อยู่ในสถานะนี้ตั้งนานแล้วเหรอ ถึงขั้นหนีตามกันแล้วนะเนี่ย!”
[1] ลิงที่คิดจะตักดวงจันทร์ขึ้นจากสระน้ำ หมายถึง โง่เขลา คิดจะทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
[2] Critical ความรุนแรงของพลังโจมตีที่มีมากกว่าพลังโจมตีทั่วไป
[3] หรือ APC หรือเรียกว่า AP Mid ผู้เล่นเลนกลางแบกทีม โดยที่ผู้เล่นเลนกลางมีพลังโจมตีทางเวทที่รุนแรงมาก