幼崽护养协会
ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ เล่ม 1
酒矣 (Jiu Yi)
เขียน
ชาเย็น Lover
แปล
— โปรย —
คืนที่มีฝนดาวตก อุกกาบาตพุ่งชนสวนหลังบ้านของเซี่ยหลวน
เหตุการณ์ดังกล่าวนำพาเขาไปพบเจอโลกอีกแห่ง
การขอความช่วยเหลือทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่กำลังจะกอบกู้จักรวาล
ทว่า…ทำไมถึงส่งเขามาเป็นพี่เลี้ยงในสมาคมอนุบาลสัตว์สภาพซอมซ่อแบบนี้ล่ะ
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 1 วันแรกในฐานะพี่เลี้ยง
“อาหลวน คืนนี้มีฝนดาวตกที่ร้อยปีจะปรากฏให้เห็นสักครั้งด้วยนะ ฉันนัดเพื่อนสมัยเรียนไว้หลายคน ว่าจะออกไปแถวชานเมือง นายก็ไปด้วยกันสิ” ปลายสายอีกด้านหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย
ตอนนี้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์กำลังเอียงศีรษะแนบหูกับโทรศัพท์บ้าน ทั้งสองมือวางอยู่บนกราฟิกแท็บเล็ต มือขวายังคงจับปากกาวาดรูปต่อไปพลางตอบกลับ “ข้างนอกหนาวเกินไป ไม่ไปหรอก”
“เจ้าเซี่ยจอมขี้เกียจ ทำไมไม่ขี้เกียจตายไปซะเลยล่ะ…” ในฐานะที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กซึ่งเติบโตมาด้วยกันกับชายหนุ่ม ความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงสนิทสนมดั่งพี่น้อง ลู่หย่วนจึงไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับชายหนุ่มที่ปฏิเสธอีก เอ่ยต่อเพียงว่า “เอาเถอะ งั้นเดี๋ยวดึก ๆ ฉันถ่ายรูปส่งให้นายดูสักสองสามรูปละกัน”
เซี่ยหลวนตอบกลับสองสามคำ รอจนปลายสายวางหูไป เขาถึงยกมือขึ้นหยิบโทรศัพท์ที่แนบอยู่ข้างหูกลับไปวางลงบนแป้นตามเดิม
เวลานี้เซี่ยหลวนยังอยากจะทำงานต่ออีกหน่อย นิ้วของเขาจึงแตะลงบนจอกราฟิกแท็บเล็ตอีกครั้ง แล้วจู่ ๆ เขาก็เห็นลำแสงสายหนึ่งวาบผ่านหางตาไปอย่างรวดเร็ว และวินาทีต่อมา…
เสียง ‘ตู้ม’ ดังสนั่นจนทำให้เยื่อแก้วหูของเซี่ยหลวนสะเทือน เสี้ยววินาทีนั้นเองที่เขารู้สึกได้ว่าพื้นบ้านของตัวเองสั่นไหว
เวรเอ๊ย
ดาวตกตกใส่สนามหญ้าบ้านเขา…?
เซี่ยหลวนกอดกราฟิกแท็บเล็ตซึ่งเป็นดั่งแก้วตาดวงใจไว้ด้วยความมึนงงครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองสนามหญ้าด้านนอก สุดท้ายจึงตัดสินใจเดินออกไปดู
เมื่อเดินออกไปยังลานเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านนอก เซี่ยหลวนก็พบว่าต้นบอนไซที่ตัวเองเลี้ยงไว้อย่างทะนุถนอมอยู่ในสภาพจะโค่นมิโค่นแหล่ ทว่ายังไม่ทันได้ปวดใจ เซี่ยหลวนก็สังเกตเห็นหลุมที่เปล่งแสงสีทองจาง ๆ อยู่บนพื้นถัดจากเขาไปไม่ไกล
ท้องฟ้ามืดแล้ว วัตถุเปล่งแสงจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจนท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มืดสลัว ขณะที่เซี่ยหลวนกำลังชั่งใจว่าจะเข้าไปใกล้ๆดีหรือไม่ เขาก็พลันเห็นลูกไฟสีทองลอยเด่นสะดุดตาขึ้นจากหลุมที่ไม่รู้ว่าลึกแค่ไหน
“…” เซี่ยหลวนมุมปากกระตุกพูดไม่ออก ทว่าร่างกายกลับก้าวถอยหลังไปแล้วหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ
ใจเย็น ๆ ในฐานะประชากรที่มีคุณสมบัติของผู้คนในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เขาต้องเชื่อในวิทยาศาสตร์…
แต่ชัดเลยว่าพลังของวิทยาศาสตร์ไม่อาจช่วยเซี่ยหลวนในตอนนี้ได้ ลูกไฟสีทองที่ลอยละล่องอยู่คล้ายกับจะพบเป้าหมายของมันในทันที
ราวกับมีกระสุนนัดหนึ่งยิงตรงมาทางเขาด้วยความเร็วเกินกว่าจะหลบทัน ภาพที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาคือลูกไฟสีทองลูกนั้นที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พริบตาเดียวก็โจมตีเขาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
เซี่ยหลวนไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ทว่าการมองเห็นพลันมืดดับลง ก่อนจะดำดิ่งเข้าสู่ความมืดมิดโดยสมบูรณ์ เมื่อฟื้นคืนสติอีกครั้งเขาก็พบว่ารอบ ๆ ตัวเป็นมิติสีขาวที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
วิทยาศาสตร์? เขาเชื่อจนเลิกเชื่อแล้ว
มิตินี้ดูไม่ค่อยเสถียรนัก ที่สุดปลายสายตาของเซี่ยหลวน มิติบางส่วนเกิดการบิดเบี้ยวและพังทลาย
สิ่งแรกที่เซี่ยหลวนรู้สึกได้ คือ เขาเจอเรื่องยุ่งยากเข้าให้แล้ว
ทว่าเมื่อยอมรับความเป็นจริงที่ไม่ตรงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์นี้ได้ เซี่ยหลวนก็สามารถรับมือกับสถานการณ์ในตอนนี้ได้แล้วเช่นกัน สายตาของเขาหยุดอยู่ตรงลูกไฟสีทองที่นำพาเขาเข้ามาในห้วงมิตินี้
ไม่รู้ว่าลูกไฟนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกนึกคิดหรือไม่ แต่อีกฝ่ายเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาสัมผัสได้ในห้วงมิตินี้ เซี่ยหลวนจึงได้แต่ลองสื่อสารกับมันดู “นาย…”
“ฉันชื่อเซี่ยจั่ว ต้องขอโทษด้วยที่ยังไม่ทันแนะนำตัวก็พานายมาห้วงมิตินี้แล้ว แต่มีแค่ที่แห่งนี้เท่านั้นที่ฉันสามารถพูดคุยกับนายได้” เสียงที่ดังขึ้นในหัวขัดจังหวะการพูดของเซี่ยหลวน เสียงนี้ฟังดูอ่อนแรงมากทีเดียว แต่มันก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหยุดหลังจากพูดประโยคแรกจบ “ในโลกของฉัน เรื่องราวทั้งหมดล้วนมีจุดจบแบบเดียวกัน ถึงแม้ว่าฉันจะย้อนเวลากลับไปและเลือกวิธีที่แตกต่างกัน ลองฆ่าแม้กระทั่งต้นตอที่ทำให้โลกเกิดหายนะ…จุดจบก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง”
ลูกไฟไม่สนว่าชายหนุ่มจะเข้าใจหรือไม่ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว มันต้องรีบอธิบายเรื่องที่จำเป็นทุกอย่างให้เขาฟังโดยเร็ว “สุดท้ายเลยตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากพลังภายนอกโลก ดังนั้นฉันจึงมาที่จักรวาลแห่งนี้เพื่อพบนาย
“ลูกไฟดวงนี้เป็นเพียงดวงจิตที่หลงเหลืออยู่ของฉันเท่านั้น เมื่อไปถึงโลกนั้นมันจะเป็นเครื่องนำทางครั้งสุดท้ายให้กับนาย”
เซี่ยหลวนไม่มีโอกาสได้พูดแทรกใด ๆ ทั้งสิ้น หลังจากที่ฟังประโยคเหล่านี้จนจบ หนังตาเขาก็กระตุก รู้สึกว่าตัวเองเป็นเป็ดที่ถูกไล่ขึ้นคอน[1]เข้าแล้ว
เมื่อวางเรื่องวิทยาศาสตร์ไว้ด้านหนึ่ง ที่จริงเซี่ยหลวนก็เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ
พูดง่าย ๆ ก็คือ อีกฝ่ายต้องการหยุดยั้งหายนะในโลกของตัวเอง แต่ใช้ทุกวิถีทางแล้วก็ยังเปลี่ยนจุดจบไม่ได้ จึงฝากความหวังสุดท้ายไว้กับคนของอีกโลกหนึ่ง
มันคล้ายกับการนำสี่มาลบสามแล้วอยากได้ผลลัพธ์เป็นศูนย์ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วในทางคำนวณจำเป็นต้องเพิ่ม ‘หนึ่ง’ เข้าไปในสมการถึงจะทำได้ เท่ากับว่าตอนนี้เซี่ยหลวนกลายเป็นเลข ‘หนึ่ง’ ตัวนั้น
“งั้นฉันจะตอบ ‘ตกลง’ แล้วกัน” ด้วยนิสัยที่เป็นคนสบาย ๆ ปรับตัวเก่ง ทำให้เวลานี้เซี่ยหลวนได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ถือโอกาสยกมือขึ้นลูบเส้นผมที่ตั้งชี้ไม่เป็นทรงลง
เขาเจอเรื่องวุ่นวายเข้าให้แล้วจริง ๆ แถมยังไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอีกด้วย
“แค่สร้างการเชื่อมต่อถึงกันเท่านั้น ไม่ต้องกังวลนะ แล้วก็ขอบคุณนายมาก ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง นายจะปลอดภัย มันจะไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตจริงของนายมากเกินไป” เพราะไม่มีเวลาให้อธิบายมากกว่านี้ เสียงในหัวของเซี่ยหลวนจึงพูดประโยคนี้เป็นประโยคสุดท้าย
ไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตจริงมากเกินไป…ชีวิตจริง? เมื่อจับใจความสำคัญในประโยคนี้ได้ เซี่ยหลวนก็เพิ่งตระหนักถึงความหมายของประโยคนั้น ก่อนที่สติของเขาจะหลุดลอยไปไกลอีกครั้ง
สร้างการเชื่อมต่อ
“ซี้ด…” เมื่อลืมตาขึ้น เซี่ยหลวนก็สูดลมหายใจเย็น ๆ เฮือกหนึ่งทันที มันไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ แต่เพราะถูกความหนาวเย็นกระทบเข้าเต็ม ๆ ตอนที่ลืมตาขึ้นมาเขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นโดยสวมเพียงเสื้อผ้าบาง ๆ เอาไว้ แถมแผ่นหลังยังแนบติดอยู่กับพื้นน้ำแข็งอันหนาวเหน็บในฤดูหนาวอีก เขาไม่หนาวก็แปลกแล้ว
ปฏิกิริยาแรกของเขาคือลุกขึ้นสำรวจบริเวณโดยรอบในเวลานี้ ภาพที่ไม่คุ้นตาเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด
ตรอกเล็ก ๆ ที่เปลี่ยวร้างแห่งหนึ่ง มันแคบมากเสียจนคนสองคนแทบจะเดินสวนกันไม่ได้
จู่ ๆ ท้องฟ้าก็ทอดเงามืด เซี่ยหลวนเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นยานอวกาศสีเทาเงินขนาดมหึมา ตัวยานทำจากโลหะที่ให้ความรู้สึกเย็นเฉียบลำหนึ่ง
เขาข้ามมิติมาจริง ๆ สินะ…อีกอย่าง โลกฝั่งนี้ดูเหมือนจะเป็นโลกที่มีแต่เทคโนโลยีขั้นสูงแห่งอนาคต ทว่าลักษณะสิ่งปลูกสร้างกลับไม่ต่างจากโลกของเขามากนัก
เซี่ยหลวนมองท้องฟ้าด้วยความตกใจเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วเขาก็จัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เลื่อนสายตามายังลูกไฟสีทองที่ลอยอยู่ตรงหน้า
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของชายหนุ่ม ลูกไฟสีทองที่ลอยอยู่ก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าหนึ่งช่วง จากนั้นก็หยุดแล้วหมุนวนไปมาอยู่ที่เดิมเบา ๆ คล้ายกับบอกให้ชายหนุ่มเดินตามไป
เซี่ยหลวนเข้าใจความหมายของการกระทำที่ลูกไฟต้องการจะสื่อได้อย่างง่ายดาย เขาจึงไม่ลังเลที่จะเดินตามไป
ดาวเคราะห์ที่เซี่ยหลวนอยู่ในตอนนี้เป็นดาวเคราะห์ธุรกิจอันเลื่องชื่อ จึงพบเห็นยานอวกาศและเรือเหาะลอยไปมาบนท้องฟ้าได้ตลอดเวลา ย่านการค้ามีอยู่ทั่วทุกมุมถนน เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่มีเป็นจำนวนมาก กล่าวได้ว่าที่นี่เป็นดาวเคราะห์ที่เจริญแล้วดวงหนึ่ง
ทว่าถึงแม้จะอยู่ในสถานที่ที่เจริญเพียงใด ก็ต้องมีเขตที่ค่อนข้างล้าสมัย
หลังจากเซี่ยหลวนถูกลูกไฟนำทางมาประมาณสิบกว่านาที เขาก็มาถึงสถานที่ที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครแวะเวียนมา เมื่อมาถึงด้านหน้าประตูเหล็กขึ้นสนิมเก่า ๆ บานหนึ่ง ลูกไฟสีทองที่นำทางก็หยุดลงตรงนี้
ถึงแล้ว
เซี่ยหลวนรู้ได้ทันที แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปเขาก็ต้องตกตะลึง
สะ…สมาคมอนุบาลสัตว์?
ในวินาทีนี้เซี่ยหลวนถึงขั้นสงสัยว่าอีกฝ่ายพาเขาเดินมาผิดทางหรือเปล่า ไหนก่อนหน้านี้บอกว่าจะให้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ ‘กอบกู้โลก’ ที่พอฟังระดับความยากก็ถึงกับฝันร้ายไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้เปลี่ยนบททันควันแบบนี้ล่ะ…
แต่ลูกไฟสีทองที่พามาถึงที่นี่ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนเส้นทางเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเป็นเพียงดวงจิตที่หลงเหลืออยู่ มันจึงไม่อาจเข้าใจสีหน้าอันซับซ้อนของชายหนุ่มได้
ลูกไฟสีทองวนเวียนอยู่หน้ากระดาษแผ่นหนึ่งที่แปะอยู่บนประตูเหล็กเก่าคร่ำคร่าราวกับจะถูกลมหนาวพัดไปได้ทุกเมื่อ เห็นได้ชัดว่ามันตั้งใจให้ชายหนุ่มแกะกระดาษแผ่นนั้นออกมา
ด้านหลังกระดาษไม่ได้ติดแน่นอะไร เซี่ยหลวนจึงดึงออกจากประตูเหล็กได้อย่างง่ายดาย กระดาษแผ่นนี้คือประกาศรับสมัครงาน แผ่นกระดาษยับยู่ยี่เล็กน้อยแต่ไม่ได้ส่งผลกับการอ่าน ด้านบนเขียนไว้อย่างชัดเจน…
สมาคมอนุบาลสัตว์รับสมัครพี่เลี้ยง
เซี่ยหลวน “…”
เอ่อ…กอบกู้โลกโดยเริ่มจากการเป็นพี่เลี้ยงเนี่ยนะ?
เขาก้มหน้าดูประกาศรับสมัครที่ถืออยู่ในมือ แล้วเงยหน้าขึ้นมองสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของสมาคมอนุบาลสัตว์ที่เก่าแก่และทรุดโทรมตรงหน้านี้อีกครั้ง ก่อนที่เซี่ยหลวนจะยืนงงอยู่กับที่ไปอีกรอบ
ที่เรียกว่าสมาคมอนุบาลสัตว์คืออะไร เพราะนิยามคำว่า ‘สมาคม’ ของที่นี่แตกต่างจากสมาคมทั่ว ๆ ไปในโลกเดิมของเซี่ยหลวน ลักษณะของสมาคมนี้ออกจะพิเศษอยู่บ้าง
สมาคมอนุบาลสัตว์เป็นชื่อเรียกโดยรวมของหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้วสมาคมอนุบาลสัตว์ที่กระจายอยู่ในดาวเคราะห์ดวงต่าง ๆ ต่างก็เป็นสมาคมสาขา เช่นเดียวกับสมาคมตรงหน้าเซี่ยหลวนนี้
ที่นี่เกือบจะเทียบได้กับสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนรวมเข้ากับโรงเรียนอนุบาลกลาย ๆ นอกเหนือจากการอุปการะลูกสัตว์กำพร้าที่ไร้คนดูแลแล้ว พวกเขายังรับดูแลและฝึกสอนลูกสัตว์โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมด้วย
บางสาขาที่มีชื่อเสียง ผู้ปกครองมากมายพยายามใช้เส้นสายอย่างสุดความสามารถเพื่อแย่งสิทธิ์ในการสมัครเข้าเรียนให้ลูก ๆ ของตัวเอง ถึงจะเป็นครอบครัวผู้มีอำนาจก็ไม่มีข้อยกเว้น
นี่เป็นเพราะสมาคมอนุบาลสัตว์ไม่กี่สาขาที่ติดอันดับต้น ๆ ของอวกาศต่างก็ว่าจ้างพี่เลี้ยงเหรียญทองที่ยอดเยี่ยมที่สุดซึ่งได้รับการประเมินระดับเอสจากสหพันธ์ดวงดาวมาแล้ว อีกทั้งสภาพแวดล้อมในการอนุบาลลูกสัตว์ก็ยิ่งพิเศษกว่ามาก
พี่เลี้ยงเหรียญทองแบบนี้ ถึงแม้จะทุ่มเงินให้ไม่อั้นก็ใช่ว่าจะเชิญมาได้ พี่เลี้ยงที่ได้รับการประเมินระดับเอสจากสหพันธ์ดวงดาวทุกคนนั้นเรียกได้ว่ามีค่าเหนือใคร ปัจจุบันทั่วทั้งอวกาศมีเพียงหกคนเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลให้ต้องแย่งชิงตัวกัน
และสาเหตุที่พวกเขาค่าตัวแพงนั้นก็เข้าใจง่ายมาก หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญคือ ระดับเอสแสดงถึงความสามารถพิเศษที่พวกเขามีในการชี้แนะแนวทางและกระตุ้นลูกสัตว์ให้ค้นพบความสามารถของตัวเองได้อย่างราบรื่น
ตัวอย่างเช่น ลูกสัตว์ที่พึ่งพาตัวเองก็ทำได้แค่ค้นพบความสามารถทางสายเลือดเพียงอย่างเดียว แต่หากได้รับการชี้แนะจากพี่เลี้ยงระดับเอส ลูกสัตว์เหล่านั้นอาจจะค้นพบความสามารถที่ซ่อนเร้นเอาไว้ก็ได้ การค้นพบพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่มีเพียงการชี้แนะในช่วงที่เป็นลูกสัตว์เท่านั้นจึงจะเห็นผล เพราะหากรอให้ถึงช่วงโตเต็มวัย ความสามารถที่ไม่ปรากฏให้เห็นตั้งแต่แรกก็จะถูกกดให้อ่อนแอลงและถูกฝังไว้ลึกกว่าเดิม
อีกตัวอย่างหนึ่ง เดิมทีลูกสัตว์ที่พัฒนาความสามารถได้ในระดับต่ำ เมื่อได้รับการชี้แนะ ความสามารถที่ซ่อนอยู่ก็จะถูกกระตุ้นขึ้นมา และมีโอกาสพัฒนาให้เป็นความสามารถระดับสูง
แม้จะบอกว่าแค่เพิ่มความเป็นไปได้ และอาจไม่สำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มีผู้ปกครองปกติที่ไหนบ้างที่จะไม่หวังให้ลูก ๆ ของตัวเองชนะตั้งแต่จุดเริ่มต้น
ไม่มี!
ดังนั้นจึงเกิดปรากฏการณ์อย่างในตอนนี้ สมาคมอนุบาลสัตว์ไม่กี่สาขาที่ติดอันดับต้น ๆ ของอวกาศมักจะมีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยแย่งกันส่งเงินมาให้ทุกปี แถมพี่เลี้ยงเหรียญทองที่ได้รับการประเมินระดับเอสจากสหพันธ์ดวงดาวทุกคนล้วนแต่ถูกประเคนของให้ บรรดาผู้ปกครองที่กอดความหวังของลูก ๆ แทบจะตั้งโต๊ะบรรณาการและจุดธูปเซ่นไหว้บูชา
ทว่าเซี่ยหลวนที่ยังยืนถือประกาศรับสมัครด้วยความงุนงงไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องนี้ เรื่องดีงามวิเศษเหนือสิ่งใดพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาในตอนนี้… เพราะแค่มองดูสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ทั้งเก่าและทรุดโทรมของสาขาตรงหน้า เขาก็รู้เลยว่าไม่มีทางติดอันดับท่ามกลางสมาคมอนุบาลสัตว์ที่มีสาขาอยู่มากมายได้
เมื่อถอนสายตากลับมา เซี่ยหลวนก็เดินถือใบสมัครเข้าไปหลังประตูเหล็กซึ่งเปิดออก
[1] มาจากสำนวน ไล่เป็ดให้ขึ้นคอน หมายถึง การถูกบีบให้ทำในสิ่งที่ความสามารถไม่ถึง