《古代吃货生存指南》
คู่มือการเอาตัวรอดของนักกิน
เข่อเล่อเจียงทัง เขียน
เสี่ยวหวา แปล
— โปรย —
บล็อกเกอร์สาวด้านอาหารทะลุมิติมาเป็น เจียงซูเหย่า
ผู้เป็นดั่งถุงฟางข้าวใบหนึ่ง
นางวางแผนบีบบังคับให้ เซี่ยสวิน
บุรุษหนุ่มผู้มีความสามารถโดดเด่นเหนือใครรับนางเป็นภริยา
นางผู้ไม่เหมือนใคร เพราะมองโลกตามหลักความเป็นจริง
ไม่เคยปรารถนาความรักจากสามี
ช่วงเวลาที่ออกเรือนกลับกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่นางมีอิสรเสรีที่สุด
ขอเพียงได้ทำอาหารที่ชื่นชอบและกตัญญูต่อมารดา
เท่านี้นางก็พึงใจแล้วจริงๆ
สามีน่ะหรือ…
ที่แท้ก็หล่อเหลาสมดังคำเล่าลือ เขาเป็นดั่งหิมะบนยอดเขาที่ขาวโพลน
เป็นดั่งโสมที่ส่องแสงสุกสกาวท่ามกลางหมู่เมฆ
เป็นสิ่งที่คนธรรมดามิอาจจินตนาการถึง
บุรุษรูปงามระดับบนี้ไม่มีทางแตะต้องนาง
วันเวลาของนางหลังจากนี้ปลอดภัยแล้ว!
_______________________________
ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“
สำนักพิมพ์อรุณ
(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)
4
วันนี้เจียงซูเหย่าทำขนมจีนข้ามสะพาน[1]อาหารของอวิ๋นหนาน
ส่วนผสมและเครื่องปรุงรสมีจำกัด มิหนำซ้ำยังมีเด็กๆ อยู่ด้วย สิ่งแรกที่นางนึกถึงคือขนมจีนข้ามสะพานที่มีกลิ่นหอมสดชื่นและรสชาติอ่อน
นางนำแม่ไก่แก่และกระดูกหมูไปเคี่ยวน้ำแกงในหม้อดิน ต้มบนเตาตลอดทั้งบ่าย น้ำแกงที่เคี่ยวด้วยเตาฟืนแบบดั้งเดิมจะมีรสชาติเฉพาะตัว เพียงโรยเกลือและพริกไทยป่นขาวเล็กน้อย น้ำแกงไก่ก็สดอร่อยจนทำให้คนนิ้วชี้กระตุก[2]
น้ำแกงไก่ที่ตุ๋นจนได้ที่แล้วจะเคลือบด้วยน้ำมันไก่หนึ่งชั้น เนื้อไก่ที่ตุ๋นอยู่ในน้ำแกงจะอ่อนนุ่มหอมละมุน เมื่อใส่เส้นขนมจีนลวก วัตถุดิบหลักก็พร้อมแล้ว
เจียงซูเหย่ากำชับสหายตัวน้อยทั้งสองตอนกินว่าระวังลวกปาก น้ำมันและไขมันในน้ำแกงรักษาความร้อนไว้ได้ดีมาก เพียงพอให้เนื้อสัตว์ที่แล่บางๆ สุกโดยจุ่มในน้ำแกง
ทว่าเซี่ยเจายังคงรีบกิน เขาคีบเนื้อชิ้นบางขึ้นมาจากน้ำแกง และคีบขนมจีนเหนียวนุ่มหอมเข้าปาก อาหารอุณหภูมิร้อนจัดทำเขาสูดลมหายใจไม่หยุด ร้อนลวกจนหน้าแดงก่ำ
ห้องครัวใหญ่ของจวนเซี่ยกั๋วกงเตรียมผักสดใหม่นานาชนิดไว้ตลอดปี แม้ไม่มีของ ขอเพียงเจ้านายสั่ง บ่าวไพร่ต้องรีบไปหามาให้ทันที
ผักสุกยากถูกนำไปลวกทั้งหมด แล้วหั่นฝอยวางใส่จาน เครื่องเคียงสีขาวสีเขียวเข้าคู่กับเครื่องลายครามที่งดงามและประณีตบรรจง มองแล้วสบายตา
เซี่ยสวินเห็นความสดใหม่บนโต๊ะ อดถามไม่ได้ว่า “นี่คืออันใดหรือ”
เจียงซูเหย่าตักไข่นกกระทาออกจากชามฟองหนึ่ง กัดเบาๆ คำหนึ่ง ไข่ขาวนุ่มๆ ก็แตกออก ไข่หอมเข้มข้น สดใหม่น่ารับประทาน
“ขนมจีน” นางร้อนจนต้องสูดลมหายใจ ก่อนตอบคำถามแล้วสูดลมหายใจอีกครั้ง ท่าทางไม่งาม
เซี่ยสวินไม่เคยเห็นสตรีคนใดกินแบบนี้มาก่อน นึกไม่ถึงว่าจะกินอย่างตะกรุมตะกรามเฉกเช่นเจ้าเด็กอ้วนเซี่ยเจา ช่างไม่น่าดูจริงๆ
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้ารู้ว่าเป็นขนมจีน” สิ่งที่เขาอยากรู้ก็คือวิธีการกินกับจุดประสงค์ของการวางผักและเนื้อสัตว์ไว้เต็มโต๊ะ
ทว่าน่าเสียดายเจียงซูเหย่าไม่เข้าใจสิ่งที่เขาสงสัย ได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็ไม่เงยหน้าขึ้น “อ้อ”
“ท่านอาสะใภ้สาม เนื้อปลา!” เซี่ยเจาเป่าปาก แล้วยื่นมือเล็กๆ ไปหาเจียงซูเหย่า
เจียงซูเหย่ายื่นจานที่ใส่เนื้อปลาดิบให้เขาอย่างรู้ใจ เพิ่งยัดขนมจีนคำใหญ่เข้าปาก ขณะเคี้ยวก็รู้สึกร้อนจนน้ำตาไหลพราก
เซี่ยสวินถูกมองข้ามอีกครา
เขามองท่าทางการกินอย่าง “ไม่สำรวม” ของหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กนี้ เป็นอีกครั้งที่เข้าใจนิสัยของเจียงซูเหย่า ดูท่ายามอยู่ที่จวนสกุลเจียง คงไม่ได้เรียนรู้เรื่องมารยาทเลย
ความสดใหม่ของน้ำแกงไก่ลอยเตะจมูกของเซี่ยสวิน เซี่ยเย่าเจ้าเด็กผอมได้รับอิทธิพลจากผู้ร่วมโต๊ะทั้งสองคน ท่าทางการกินยิ่งไม่เรียบร้อยขึ้นเรื่อยๆ เขาสวาปามคำโต กินอย่างมีความสุข
เซี่ยสวินเห็นแล้วปวดศีรษะ เขาเบนสายตาไปมองเจียงซูเหย่า นางกำลังกินเส้นขนมจีนที่ยาวมากเส้นหนึ่ง แก้มป่องคล้ายกับชางสู่[3] ส่งเสียงดัง “ซู้ดซ้าด…” ขณะสูดเส้นขนมจีนเข้าปาก
เซี่ยสวินไม่อยากเชื่อ
ไฉนคุณหนูตระกูลใหญ่ถึงกินอาหารแบบนี้ ช่างเหมือนกับสตรีนอกด่านทางเหนือที่เขาเคยเห็นครั้งที่ออกไปท่องเที่ยวภายนอก ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง แต่…ดูน่าอร่อยนัก
เขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้
เจียงซูเหย่าทำเป็นมองไม่เห็นเซี่ยสวินที่ตัวใหญ่ขนาดนี้และยืนอยู่ตามลำพัง
นางรู้ว่าเซี่ยสวินไม่ชอบนางและไม่อยากผูกสัมพันธ์กับนาง เมื่อเห็นเขาขมวดคิ้วและมองชามของนางก็ถามว่า “ท่านกินอาหารเย็นแล้วหรือยัง”
เซี่ยสวินตื่นตระหนกที่นางคาดเดาความคิดในใจเขาได้ เขารีบเลื่อนสายตาออก “ยัง”
เจียงซูเหย่าถามอย่างมีมารยาทว่า “เช่นนั้นท่านอยากกินกับพวกเราหรือไม่” สีหน้าของเซี่ยสวินรังเกียจ มองก็รู้ว่าไม่เต็มใจ ยามที่นางถามก็รู้คำตอบแล้ว
กลับคิดไม่ถึงว่าเซี่ยสวินจะเงียบไปหลายอึดใจ พลันนั้นก็กล่าวว่า “ได้”
เจียงซูเหย่าพลันเงยหน้า จ้องเขาอย่างตกใจ
เซี่ยสวินไม่คิดว่าตนจะหลุดปากว่า “ได้” ในใจรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง เลิกเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งลง เขายกมือขึ้น ก็มีคนเดินมาตรงหน้าแล้ววางหม้อดินลงทันควัน
เจียงซูเหย่ามอง แม้แต่ท่าทางการกินของเขายังดูเป็นสุภาพบุรุษที่ถ่อมตน สุภาพอ่อนโยน สูงส่ง สง่างามดุจหยกล้ำค่า นางนึกตำหนิเงียบๆ นี่ใช่คนที่จะกินขนมจีนที่ใดกัน ดื่มน้ำค้างแทนก็ใช้ได้แล้ว
ไป๋เสาเห็นเจียงซูเหย่าทำแล้วครั้งหนึ่ง การลวกเส้นขนมจีนไม่จำเป็นต้องใช้ฝีมือ แค่เห็นก็ทำเป็นแล้ว นางยกมาให้เซี่ยสวินอย่างรวดเร็ว
หม้อดินวางอยู่ตรงหน้า รสชาติของความสดใหม่ยิ่งเข้มข้น น้ำแกงใสแจ๋วและโปร่งแสง ผิวน้ำแกงเคลือบด้วยน้ำมันและไขมันเหลืองอร่ามชั้นหนึ่ง เส้นขนมจีนขาวแช่อยู่ในน้ำแกง มองแวบเดียวก็จินตนาการได้ถึงรสชาติหอมหวานสดชื่น
เซี่ยสวินขยับตะเกียบ
เจียงซูเหย่าอดเอ่ยเตือนไม่ได้ “ระวังร้อน”
เซี่ยสวินตะลึงงันเล็กน้อย
หากมองว่าเซี่ยสวินเป็นสามีของตน เจียงซูเหย่าจะต้องรู้สึกเก้อเขิน ทว่าเวลานี้นางมองว่าเขาเป็นแขกธรรมดาคนหนึ่ง ท่าทางจึงเป็นธรรมชาติมาก
พึงรู้ว่าระหว่างนักกินจะมีความเป็นกันเองอย่างยิ่ง โดยปกติหากมีลูกค้าแปลกหน้าถามโต๊ะข้างๆ ว่า “เจ้ากินอันใด อร่อยหรือไม่” ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะตอบคำถามและแนะนำรายการอาหารให้อย่างมีน้ำใจ
วันนี้เซี่ยเจาเซี่ยเย่าเยินยอและเอาอกเอาใจนางที่เป็นคนทำอาหารนี้ ดังนั้นเมื่อแนะนำวิธีกินให้เซี่ยสวิน ท่าทางของนางก็กระตือรือร้นและยินดีปรีดา
“ใส่เนื้อสัตว์ก่อน แล้วตามด้วยผัก” นางอธิบาย
เซี่ยสวินผงกศีรษะ
เจียงซูเหย่าเห็นท่าทางสง่างามเยือกเย็น ก็รู้สึกกระวนกระวาย ดังนั้นนางจึงขยับไปข้างเขาเล็กน้อย และถือโอกาสเทไข่ดิบให้เขาฟองหนึ่งอย่างว่องไว
ต่อมาก็ใช้ตะเกียบกลางคีบเนื้อดิบ เนื้อปลาดิบ เนื้อไก่ ไต กระเพาะและเนื้อสัตว์อื่นๆ ให้เขาอย่างคล่องแคล่ว
ขณะคีบก็ถามว่า “อันนี้กินหรือไม่ อันนี้เล่า อันนี้คงกินได้กระมัง อันนี้อร่อยมาก ชิมดูสิ”
เซี่ยสวินเวียนศีรษะกับความเร็วในการพูดของนางที่คล้ายกับการเทถั่ว ไม่ว่าจะกินเนื้อสัตว์เหล่านี้หรือไม่ ก็ล้วนแล้วแต่นาง
นางคีบกุยช่ายอ่อน ปวยเล้ง ผักกาดหอม หัวไชเท้าและผักอื่นๆ ให้เขา ไม่นานต่อมาหม้อดินก็ถูกเติมจนล้นหม้อ สีสันของอาหารหลากหลาย น่ากิน ไม่ฉุนกึก
“รอให้ผักสุกก็กินได้” เจียงซูเหย่ามองเซี่ยสวินอย่างคาดหวัง “จะลองดูหรือไม่” ราวกับกับหญิงชราใจดีที่กลับเรือนไปป้อนอาหารให้หลานชายอย่างบ้าคลั่งในวันปีใหม่
“ขอบคุณ”
เซี่ยสวินเบือนหน้าหลบนัยน์ตาวิบวับของนาง รู้สึกไม่สบายใจและละอายใจอยู่บ้าง
นางทำอาหารโต๊ะใหญ่เพื่อเขาจริงๆ มิฉะนั้นแล้วจะตื่นเต้นและรีบร้อนให้เขากินอาหารถึงเพียงนี้หรือ ทว่าวันแต่งงานวันแรก เขากลับทิ้งภริยาแล้วหลบหน้าออกไปข้างนอกเสียนี่
เมื่อเห็นว่าได้ที่แล้ว เจียงซูเหย่าก็เตือนว่า “กินได้แล้ว”
เซี่ยสวินละทิ้งความคิดในใจ หันมาสนใจหม้อดินแทน ก็ใช้ตะเกียบคีบเส้นขนมจีนพร้อมกับผักซอยต่างๆ กัดหนึ่งคำ มีครบรส เข้มข้น และสดอร่อย
ขนมจีนร้อนจัดนั้นเหนียวนุ่ม อร่อย ยังมีความสดอร่อยของน้ำแกงไก่ และกลิ่นหอมของข้าว
ผักสดที่เพิ่งสุก กรอบ สด และหวาน เมื่อเทียบกับวิธีทำแบบดั้งเดิมแล้วยิ่งกรอบและนุ่มกว่ามาก คงความหอมสดชื่นและรสชาติดั้งเดิมของผัก มิหนำซ้ำยังให้เนื้อสัมผัสดีด้วย
เมื่อกินเข้าไปคำเดียวพร้อมกัน จึงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเมื่อครู่พวกเขาถึงได้กินมูมมามเช่นนั้น
มารยาทในการกินอาหารมากกว่าสิบปีของเซี่ยสวินทำให้เขาคุ้นชินกับการเคี้ยวช้าๆ ในขณะที่ดื่มด่ำกับรสชาติเงียบๆ เขาก็เงยหน้าสบสายตาคาดหวังของเจียงซูเหย่า เขาเกือบสำลักด้วยความตกใจ ยามนั้นเองที่เขาจำได้ว่านางรอฟังความคิดเห็นจากเขา
เขารีบกลืน อุณหภูมิของอาหารที่ร้อนจัดลวกลำคอเล็กน้อย
“สด อร่อย รสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร”
ครั้นเจียงซูเหย่าได้รับคำชม ก็กลับไปทำ “สงคราม” ในชามของตนเองต่ออย่างพึงใจ
หากเมื่อครู่เซี่ยสวินให้ความเห็นเชิงลบ นางจะดึงหม้อดินของเขาออกทันทีอย่างแน่นอน
เซี่ยสวินเห็นเจียงซูเหย่ารอฟังความคิดเห็นของเขาอย่างกระวนกระวายก่อนกลับไปกินอาหารอย่างสบายใจ จู่ๆ ก็ใจอ่อนยวบชั่วครู่ แม้เขาจะเกลียดนางที่ใช้กลอุบายเพื่อแต่งงานกับเขา แต่ความรู้สึกที่นางชอบเขานั้นเป็นของจริง
เขาถอนหายใจในใจ
ถึงจะมีเรื่องในใจ แต่เมื่อถึงเวลากินอาหารก็ลืมอย่างรวดเร็ว
เนื้อแล่บางจนโปร่งแสงสดและละลายในปาก ระดับความเค็มพอดี รสชาติกลมกล่อม เมื่อเอาเข้าปากพร้อมขนมจีนแล้ว ก็กินติดต่อกันหลายคำ หยุดกินไม่ได้
เมื่อเสื้อตัวบางที่เขาสวมอยู่แฉะเล็กน้อย อาหารในหม้อดินก็เหลือแค่ก้นหม้อแล้ว
เขาไม่ได้กินอย่างสะใจเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว
เมื่อหันมอง เจียงซูเหย่ากับหลานชายทั้งสองก็กินจนอิ่มตื้อนานแล้ว พวกเขานั่งพิงอยู่ข้างๆ อย่างเกียจคร้านและราวกับคนไร้กระดูก
ตั้งแต่เล็กจนโตเขาจะกินอาหารแค่พออิ่มเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่เคยกินจนอิ่มตื้อมาก่อน เพราะฉะนั้นจึงไม่เข้าใจเจียงซูเหย่าที่กินอิ่มจนขยับตัวไม่ได้
เซี่ยสวินอดตำหนิไม่ได้ “นี่ท่านั่งอันใดของเจ้า”
เจียงซูเหย่าชำเลืองมองเขาอย่างเกียจคร้านแวบหนึ่ง ไม่ขยับเขยื้อน
เซี่ยสวิน “…”
เขาหันมองรอบๆ คราหนึ่ง รู้สึกโล่งใจที่ไม่เห็นเด็กรับใช้ชายอยู่ด้านข้าง
หลังพรูลมหายใจโล่งอก ก็สงสัยนิดหน่อยว่าเหตุไฉนตนถึงว้าวุ่นใจ กลัวว่าจะมีบุรุษมาเห็นท่าทางไร้เรี่ยวแรงไร้กระดูกเช่นนี้ของเจียงซูเหย่า หากนางขายหน้าก็เป็นเรื่องที่นางทำตนเอง
เขาไม่ได้ขบคิดอย่างลึกซึ้ง เหงื่อผุดซึมที่แผ่นหลังทำเขาใจลอยนิดหน่อย นานมากแล้วที่เขาไม่ได้กินอย่างสะใจและสบายใจเช่นนี้
เขามองเจียงซูเหย่าแล้วกระอึกกระอัก ขณะที่นางเอามือกุมท้องส่งเสียงฮึดฮัด อารมณ์ซับซ้อนของเขาพลันสลาย มิกล้าจ้องนางตรงๆ ได้แต่เบือนหน้าหนี
“ชงชาสมุนไพรซานจา[4]ให้นางสักถ้วยเถิด” เขาสั่งไป๋เสา
“ไม่ต้องๆ ข้าเดินเล่นสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว” เจียงซูเหย่าลุกขึ้นยืน จูงมือสหายตัวน้อยทั้งสองที่กินอิ่มจนจุกเช่นกันออกไปเดินเล่นในลานเรือน
เซี่ยสวินมองตามแผ่นหลังของนาง รู้สึกจนปัญญาอย่างยิ่ง คิดไม่ออกว่าครอบครัวแบบใดถึงเลี้ยงดูสตรีเช่นนี้ออกมาได้
ทว่าอีกไม่นานเขาก็เข้าใจ
ผ่านไปสามวัน ก็ต้องกลับจวนของเจ้าสาว เซี่ยสวินตื่นแต่เช้า มาถึงลานเรือน กลับพบว่าเจียงซูเหย่าไม่ได้อยู่ในห้อง
ขณะที่เขาอ้าปากจะถาม เจียงซูเหย่าอุ้มไหใบเล็กออกจากห้องครัวเล็ก
เซี่ยสวินอดคิ้วกระตุกไม่ได้
“ไฉนเจ้าถึงแต่งตัวเยี่ยงนี้”
วันนี้เจียงซูเหย่าอยากแต่งกายเรียบง่ายมากเพียงใด ก็เรียบง่ายมากเพียงนั้น ดวงหน้าพอกแป้งขาวหนาๆ ชั้นหนึ่งจนมองไม่เห็นสีเลือด คิ้วรูปเลขแปดที่ไม่เข้ากันคู่หนึ่งประดับบนใบหน้า ราวกับว่าอีกสักครู่ก็จะร่ำไห้ออกมาแล้ว ช่างไม่เข้ากับนัยน์ตาที่เปล่งประกายสดใสแม้แต่น้อย
เจียงซูเหย่าไม่ตระหนักว่านัยน์ตาตนเองดุมากเพียงใด นางเลิกคิ้วสูง ยิ่งทำให้กลายเป็นเลขแปดชัดเจนขึ้น “ข้าหรือ วันนี้ข้าตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษ ท่านแม่ข้าชอบแบบนี้”
ไม่ว่าอย่างไรเซี่ยสวินก็เป็นบุรุษหนุ่มที่มีรสนิยมความงามเป็นปกติและมีความสามารถโดดเด่นหลากหลาย พอเห็นนางเป็นอย่างนี้ก็ไม่สบายใจ จึงคิดจะล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคิ้วให้นาง
เจียงซูเหย่าไม่สนใจว่าเขาเห็นแล้วจะสบายใจหรือไม่ นางอุ้มไหเล็กแล้วขึ้นรถม้าด้วยตนเอง
เซี่ยสวินเห็นท่าทางนางหวงแหนไหใบเล็กมาก ก็เลื่อนสายตาออกจากคิ้วของนาง เขาสงสัยใคร่รู้ “นี่คืออันใด”
เจียงซูเหย่าตอบอย่างลำพองว่า “นี่คือน้ำมันจูอวี๋!”
คิ้วรูปเลขแปดขมวดชิดกันยิ่งขึ้น
เซี่ยสวินแทบอดล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาไม่ได้ โชคดีที่เจียงซูเหย่าเคลื่อนไหวเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง ช่วยขจัดความอึดอัดที่แผ่ออกจากร่างของเขา
“ท่านอยากชิมหรือไม่” นางอุ้มไหใบเล็กแล้วนั่งลง ไป๋เสาที่มีสายตาเฉียบแหลมส่งตะเกียบให้ข้างหนึ่ง
เซี่ยสวินไม่อยากมองหน้าเจียงซูเหย่า จึงพยักหน้าอย่างขอไปที
เจียงซูเหย่าแทบจะทนรอเปิดฝาไม่ไหว จากนั้นกลิ่นเผ็ดร้อนอบอวลไปทั่วทั้งรถม้าในบัดดล
[1] เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงของมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) มีส่วนประกอบที่สำคัญอย่างน้ำซุป เนื้อสัตว์ ผัก ไข่ และเส้นขนมจีน
[2] หมายถึง พอเห็นอาหารรสเลิศก็เกิดอาการเปรี้ยวปาก น้ำลายสอ
[3] หนูแฮมสเตอร์
[4] เป็นผลไม้ประเภทเบอร์รี่ มีรสเปรี้ยวหวาน ช่วยย่อยอาหาร เสริมม้าม กระตุ้นความอยากอาหาร กระตุ้นการไหลเวียนพลัง สลายลิ่มเลือด