[ทดลองอ่าน] โอตาคุวันสิ้นโลก เล่ม 6 บทที่ 214 : ลงมือทำงาน

โอตาคุวันสิ้นโลก
重生宅男的末世守则

 

暖荷 หน่วนเหอ เขียน
เมิ่งเหวิน เเปล

 

— โปรย —

การย้ายบ้านออกมานอกเขตกำแพงแกร่งกร้าวของฐานที่มั่น
ตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ทีมโอตาคุต้องผจญกับโลกกว้างใหญ่
ที่ถึงจะมีอิสรภาพ แต่ก็มีอุปสรรค และบททดสอบมากมายรออยู่
ไหนจะสัตว์กลายพันธุ์แปลกๆ ที่สื่อสารกันไม่เข้าใจ
ไหนจะกลุ่มคนที่จ้องจะหาประโยชน์เอารัดเอาเปรียบ
ไหนจะความหลงระเริงส่วนตัว พากันเล่นสนุกกันอย่างเมามัน…
เอ๋ มันเกิดอะไรกันขึ้นกับทีมโอตาคุกันล่ะเนี่ย!

ชาติที่แล้วหลัวซวินใช้เวลาร่วมสิบปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์
ในยุควันสิ้นโลกมาพลิกชะตาชีวิตของชาตินี้ได้ใหม่
แต่ความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อๆไป ทำให้หลายเหตุการณ์
ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่การฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกับทีมโอตาคุ
หลายต่อหลายครั้งได้พิสูจน์ให้เขามั่นใจแล้วว่า
อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร… ก็มาดิค้าบ~

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 214 ลงมือทำงาน

 

สร้างกำแพง ขุดชั้นใต้ดิน กั้นห้อง

 

สมาชิกทีมโอตาคุพักผ่อนที่บ้านหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นร่างกายและจิตใจก็พร้อมที่จะออกไปข้างนอกกันแล้ว ถึงแม้พวกเขาอยากจะออกไปอีกสักรอบ แต่เพราะยังไม่ได้เตรียมเสบียงและสัมภาระ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปวันนี้ทันที นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงระยะเวลาที่คลื่นซอมบี้ปิดล้อมฐานที่มั่นด้วย… ถ้าเป็นฝูงเล็กโดยทั่วไปแล้วใช้เวลาปิดล้อมประมาณสามถึงห้าวัน ฝูงใหญ่หน่อยก็อาจจะกินเวลาเกินหนึ่งสัปดาห์ คลื่นซอมบี้ระลอกนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ถ้าเกิดพวกมันถอยทัพยกขบวนมาทางพวกเขาตอนที่กำลังอยู่ข้างนอกฐานพอดี… ขืนแจ็กพ็อตเจอพวกมันกลางทางแบบนั้น พวกเขาต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน

ทุกคนช่วยกันเก็บข้าวของไว้ตามห้องที่เหมาะสม เหยียนเฟยนำโลหะที่ขนกลับมาคราวนี้ไปไว้ในห้องใต้ดินเพื่อใช้สร้างสิ่งของจำเป็น รวมถึงชั้นปลูกผักในห้องที่ยังทำไม่เสร็จ ส่วนคนอื่นๆ กำลังเก็บข้าวของเครื่องใช้จิปาถะที่นำกลับมาจัดวางให้เข้าที่เข้าทางเป็นระเบียบเรียบร้อย กระทั่งเหยียนเฟยติดตั้งชั้นปลูกผักล็อตใหม่เสร็จเรียบร้อย ก็ช่วยกันเติมดิน ใส่ปุ๋ย และลงกล้าเพาะปลูกตามขั้นตอนเดิมจนเสร็จสิ้นกระบวนการ

แต่ละคนร่วมแรงร่วมใจจัดบ้านปลูกผักมาตลอดทั้งวัน พอตกเย็นเหอเฉียนคุนกับอู๋ซินก็นำภาพถ่ายดาวเทียมที่เพิ่งได้รับวันนี้มาให้ทุกคนช่วยวิเคราะห์ด้วยกัน

“ทุกคนดูนี่สิ ดูเหมือนคลื่นซอมบี้จะมีสัญญาณว่าจะถอยแล้วนะ!” เหอเฉียนคุนขยายภาพบนจอแล็ปท็อปเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพเหล่านั้นกันอย่างชัดเจน

ภาพถ่ายล็อตนี้ต่างจากเมื่อสองวันก่อนอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนซอมบี้บางส่วนได้ถอนกำลังออกไปจากบริเวณกำแพงฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้แล้ว ก่อนหน้านี้คลื่นซอมบี้กระจุกตัวปิดล้อมอยู่รอบฐานทั้งหมด บริเวณที่ไกลออกไปก็ไม่เห็นร่องรอยซอมบี้ตามมาสมทบแล้ว แต่เวลานี้กลับมีขบวนซอมบี้ที่ปรากฏเป็น ‘เส้น’ เส้นหนึ่งเชื่อมกับกองทัพซอมบี้รอบนอกกำแพง คล้ายกับว่ากำลังไปรวมตัวกันอยู่ทางเหนือของฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้

“เป็นไปได้ว่าพวกมันกำลังจะถอนกำลัง ดูจากภาพถ่ายนี้แล้ว คลื่นซอมบี้น่าจะเคลื่อนขบวนขึ้นไปทางตอนเหนือต่อ ซึ่งไม่เป็นอันตรายกับบริเวณฐานทัพของเราและบริเวณโกดังที่เรากำลังจะไปด้วย” หลัวซวินลูบคางครุ่นคิด ก่อนชี้ไปบนหน้าจอแล้วกล่าวว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ อย่างเร็วน่าจะเป็นพรุ่งนี้ อย่างช้าก็มะรืนนี้ พวกมันน่าจะถอนกำลังไปจนหมด หลังจากนั้นทางฐานที่มั่นคงยังไม่ส่งคนออกมาทำภารกิจชั่วคราว คงรออีกวันสองวันค่อยออกมาเก็บกวาดทำความสะอาดสมรภูมิกันก่อน แล้วค่อยส่งทีมต่างๆ ออกไปทำภารกิจ”

ถึงแม้ทางฐานที่มั่นอาจจะคาดคะเนได้เหมือนกันว่าซอมบี้พวกนี้จะถอนกำลังออกไปตอนไหน แต่เพื่อความปลอดภัยก็จะยังไม่อนุญาตให้ใครออกมานอกฐานทั้งสิ้น ภาพถ่ายดาวเทียมใช่ว่าอยากถ่ายเมื่อไรก็สามารถจับภาพได้เลยทันทีที่ไหนกัน เพราะดูเหมือนว่าหลังวันสิ้นโลกสถานที่ปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีขั้นสูงได้รับความเสียหายไปไม่น้อย ถึงแม้ดาวเทียมเหล่านั้นจะยังถ่ายภาพพื้นโลกและส่งมายังจุดรับสัญญาณแต่ละแห่งได้ตามเวลาที่กำหนดไว้แต่เดิม แต่ภาคพื้นดินก็ไม่สามารถควบคุมให้มันจับภาพเป้าหมายได้โดยเฉพาะหรือกำหนดความถี่ได้ตามต้องการ

ประกอบกับหลังเข้าสู่ยุควันสิ้นโลกมีสถานที่หลายแห่งถูกทำลายเป็นวงกว้าง และดูเหมือนว่ายิ่งไม่มีทางส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศได้อีก หากดาวเทียมดวงไหนเสีย… เมื่อถึงตอนนั้นผู้คนบนโลกนี้ก็ไม่สามารถซ่อมแซมได้ นับวันจะยิ่งมีดาวเทียมลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

ทุกคนวางความกังวลเรื่องอายุการใช้งานของดาวเทียมไปก่อนชั่วคราว แล้วหันมาปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับความพร้อมด้านต่างๆ ก่อนตัดสินใจรีบหาโอกาสออกไปข้างนอกกันอีกรอบ ถึงอย่างไรก็ควรไปศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทขนส่งที่เคยวางแผนว่าจะไปแต่ก็ยังไม่ได้ไปกันสักรอบ ถ้าในนั้นไม่มีของอะไรให้เก็บเกี่ยว พวกเขาก็ยังไปเขตโกดังสินค้าที่ไปมาเมื่อคราวก่อนได้ จะได้ถือโอกาสเก็บรวบรวมโลหะกลับมาอีกเยอะๆ ด้วย

เมื่อตัดสินใจได้แล้วพวกหลัวซวินจึงกำหนดหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แล้ววันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทางกันอีกครั้งโดยขับรถมุ่งหน้าสู่ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทขนส่ง การเดินทางรอบนี้ใช้เวลาไปกลับสี่วันเช่นเดิม แถมพวกเขายังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์กลับมาได้มากมายมหาศาลเหมือนเคยอีกด้วย ในศูนย์กระจายสินค้าแห่งนั้นมีข้าวของที่แตกต่างหลากหลาย เรียกได้ว่าอะไรก็มีทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้พวกหลัวซวินทอดถอนใจก็คือ… เพราะที่นี่มีข้าวของสารพัดสิ่ง รวมถึงของกินของใช้แปลกๆ ยิบย่อยปะปนรวมอยู่เต็มไปหมด หลังวันสิ้นโลกจึงไม่มีใครสนใจให้ความสำคัญ ดังนั้นเลยไม่ใช่เป้าหมายแรกที่คนอยากจะมา

มีทั้งเวลาให้ใช้อย่างเหลือเฟือ แถมไม่มีซอมบี้มาก่อกวนแบบนี้ คนทั้งกลุ่มจึงขนข้าวของแปลกๆ ใหม่ๆ สารพัดสารพันกลับมามากมายก่ายกอง

มีตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลชนิดต่างๆ ไปจนถึงเครื่องซักผ้า เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ เครื่องกรองน้ำ กระทั่งอาหารอบแห้งที่เก็บไว้ได้นานก็มีครบครัน พวกเขาจึงขนใส่รถที่ขับมาจนเต็มทุกคัน

สองสาวรื้อหาข้าวของเครื่องใช้มาได้ไม่น้อย ทั้งแชมพู ครีมอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวยี่ห้อแพงๆ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ไปจนถึงตะไบเล็บ แม้ในบรรดาของพวกนี้มีหลายอย่างที่ใกล้หมดอายุ และบางส่วนก็เพิ่งหมดอายุไป แต่ก็ยังใช้ได้อยู่

ฝ่ายหลัวซวินก็แกะพัสดุหลายชิ้นออกดู พบว่ามีเมล็ดพันธุ์พืชบางอย่างที่ยังไม่เน่าเสียจำนวนหนึ่ง จึงเก็บกลับไปลองปลูกดูว่าคืออะไร

หลังจากเดินทางคราวนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องออกจากฐานมาไกลๆ ได้อีกระยะหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากต้องออกมาเก็บรวบรวมโลหะข้างนอกเป็นครั้งคราวเท่านั้น พวกเขาสามารถเก็บตัวปรับปรุงต่อเติมฐานทัพเล็กๆ ของตัวเองให้เสร็จสมบูรณ์ได้เลย หลังจากนั้นก็ปลูกผักปลูกต้นไม้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์อย่างรื่นรมย์ได้สักที

พอกลับมาถึงฐานทัพ พวกเขาได้ตรวจดูภาพถ่ายดาวเทียมอย่างละเอียดอีกครั้ง ในที่สุดทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก… คลื่นซอมบี้ถอนกำลังไปจากฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้หมดแล้ว นอกจากนี้ดูเหมือนว่าฐานที่มั่นก็ไม่ได้ถูกพวกซอมบี้ตีแตกด้วย

“หัวหน้า ปลายเดือนนี้เราจะกลับไปอีกไหมครับ” หลี่เถี่ยถามขึ้นมาเพราะว่าตอนนี้ใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว ฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้เพิ่งผ่านพ้นเหตุการณ์คลื่นซอมบี้ปิดล้อมไปหยกๆ คงโกลาหลวุ่นวายกันไม่น้อย และหลายๆ ที่ก็อาจจะเปิดให้บริการไม่ได้ ทรัพยากรบางอย่างในฐานที่มั่นคงราคาสูงขึ้นมากแน่ๆ

หลัวซวินส่ายหน้าพูดว่า “เดือนนี้เรายังไม่กลับไปชั่วคราว ไว้ค่อยกลับตอนต้นเดือนของอีกสองเดือนถัดไป พวกเราจัดการเรื่องในบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”

การออกไปนอกฐานสองครั้งหลังมานี้พวกเขาได้ของดีกลับมาเพียบ ครั้งแรกเจอเกลือจำนวนมากยังไม่ต้องพูดถึง แต่ครั้งที่สองตอนไปศูนย์กระจายสินค้านี้ยังเจอเครื่องปรุงรสต่างๆ ซึ่งเก็บไว้ได้นานอยู่บนชั้นสินค้าประเภทอาหารอีกไม่น้อย มีทั้งเกลือ ผงชูรส และผงซุปไก่ อีกทั้งเดือนนี้แม้จะเก็บเกี่ยวพืชผักได้ค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ถึงกับเป็นล็อตใหญ่อะไร จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนนำออกไปขาย และยิ่งไม่จำเป็นต้องรีบกลับไปฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้ในเวลานี้

ต้องบอกก่อนว่า หลังจากที่คลื่นซอมบี้บุกมาแต่ละครั้ง ฐานที่มั่นมักมีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้าน ถ้าพวกเขารีบกลับไป ก็ไม่รู้เลยว่าจะเจอกับอะไรบ้าง จึงควรรออีกสักระยะหนึ่ง ให้เรื่องต่างๆ ในฐานที่มั่นสงบลงก่อนแล้วค่อยดูกันอีกที

เมื่อทุกคนกำหนดแผนคร่าวๆ ได้แล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนอีกครั้ง ต่อมาก็พากันออกไปรวบรวมทรัพยากรกันอีกห้าหกครั้ง ขนโลหะกลับมาจำนวนมหาศาล เตรียมไว้ใช้ทำสิ่งที่คั่งค้างไว้ต่อให้เสร็จ

หลังจากขุดชั้นใต้ดินและสร้างสิ่งต่างๆ ของโครงการใต้ดินเสร็จหมดแล้ว รวมทั้งเสริมโลหะให้แข็งแกร่งขึ้นอีก ในที่สุดทุกคนก็พร้อมที่จะออกไปจัดการกับโรงเรือนเพาะปลูกบนพื้นดิน

ใช่แล้ว โรงเรือนเพาะปลูก

หลัวซวินแก้ไขแบบอยู่หลายครั้งจนได้แปลนการใช้พื้นที่ว่างบนพื้นดินออกมา และเมื่อปรึกษากับพวกเหยียนเฟยอย่างจริงจังอีกสองสามครั้งก็ได้แบบแปลนล่าสุดที่ใช้การได้

 

ขั้นตอนแรกในการสร้างโรงเรือนเพาะปลูกบนพื้นดินคือการสร้างกำแพงโลหะล้อมรอบที่ดินขึ้นมาหนึ่งชั้นก่อน กำแพงนี้หนาประมาณครึ่งเมตร ใช้โลหะที่มีความแข็งแกร่งและเหนียวแน่นคงทนสูงสุดเท่าที่เหยียนเฟยเคยหลอมมาได้ โดยสร้างให้ชิดติดเขตของเถาปีศาจให้มากที่สุด

แรกทีเดียวเถาปีศาจเหล่านี้เกิดความสงสัยในสิ่งแปลกปลอมที่โผล่ขึ้นมานี้เป็นอย่างมาก พวกมันยื่นมือเกาะออกมาสำรวจดูอย่างละเอียด แต่เพราะพื้นผิวของเจ้าสิ่งนี้เรียบลื่นเกินไป ไม่มีส่วนไหนให้ยึดเกาะได้เลย ทั้งยังแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อนราวกับก้อนหิน พอพวกมันตรวจดูแล้วว่าสิ่งที่ยื่นขึ้นมาด้านข้างไม่ได้ตอบโต้และไม่เป็นประโยชน์อะไร สุดท้ายก็มองว่าเป็นหินขวางทางแล้วเลิกสนใจไปเอง

ขั้นตอนที่สองก็คือการทาสีกำแพงโลหะให้ทั่ว

พวกหลัวซวินเลือกสีน้ำมันที่น่าจะใช้ได้มาหลายสี แล้วผสมให้ออกมามีสีใกล้เคียงกับสีของเถาปีศาจด้านนอกพวกนั้นโดยไล่เฉดเข้มอ่อนต่างกันเล็กน้อย จากนั้นก็ละเลงบนแผ่นโลหะที่เหยียนเฟยเตรียมไว้ รอจนสีแห้ง เหยียนเฟยก็นำแผ่นโลหะที่ทาสีแล้วไปประกอบบนกำแพงชั้นนอกสุด รวมถึงบนหลังคาที่ต่อยอดกำแพงให้งุ้มเข้ามาด้านใน กลายเป็นโดมหลังคาที่ยังเปิดช่องบนสุดไว้ ดูคล้ายสนามกีฬาที่มีหลังคาคลุมเหนืออัฒจันทร์ แต่เปิดช่องตรงกลางโล่งๆ

หลังคาทรงโค้งแบบนี้ เมื่อมองตรงลงมาจากด้านบน บวกกับลวดลายสีสันที่ไล่ระดับความอ่อนเข้ม ทำให้ดูกลมกลืนกับเถาปีศาจที่รายล้อมอยู่รอบๆ นั้น

นอกจากลวดลายบนกำแพงและหลังคาจะช่วยตบตาผู้คนด้านนอกแล้ว การออกแบบหลังคาให้โค้งมนยังช่วยกันเถาปีศาจซึ่งถึงจะสูงขึ้นกว่านี้ก็ไต่เลื้อยข้ามกำแพงเข้ามาไม่ได้

กำแพงโลหะสูงเกือบสี่เมตร ราวๆ พื้นชั้นสองของอาคารทั่วไป ถ้ามีคนเดินทางผ่านมาแล้วมองเห็นจากที่ไกลๆ ก็อาจมองเห็นขอบบนของกำแพงได้ แต่เนื่องจากกำแพงและหลังคามีลักษณะโค้งมน อีกทั้งยังมีสีสันลวดลายกลืนไปกับธรรมชาติ คนมองก็อาจนึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของดงพืชกลายพันธุ์ ส่วนฐานรากของกำแพงที่อยู่ใต้ดินก็ขุดลึกลงไปเชื่อมต่อกับโลหะของห้องใต้ดิน แนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันอย่างสมบูรณ์

หลังจากจบงานสร้างกำแพง งานอื่นๆ ที่เหลือก็สะดวกมากขึ้น พวกหลัวซวินไม่ได้รีบร้อนเริ่มงานใหม่ในทันที แต่รอก่อนหนึ่งวันเพื่อดูภาพถ่ายดาวเทียมและสังเกตภาพที่ถ่ายติดฐานทัพของพวกเขาอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าลายพรางบนกำแพงให้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก คือถึงแม้จะตั้งใจเพ่งดูก็ผิดสังเกต จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจลุยงานกันต่อในวันรุ่งขึ้น

คราวนี้พวกหลัวซวินไม่ได้ปูพื้นด้วยโลหะโดยตรง แต่เริ่มจากการปรับพื้นให้กลายเป็นทรายก่อน

พื้นเดิมบนลานโล่งของฐานทดลองทางการเกษตรแห่งนี้บางส่วนลาดยางมะตอย บางส่วนเป็นพื้นปูนซีเมนต์ และมีบ้างที่ปูด้วยแผ่นหิน อีกทั้งดินด้านล่างส่วนบนๆ ยังไม่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกนัก ดังนั้นจึงสลายให้กลายเป็นทราย จากนั้นค่อยนำดินจากใต้ดินลึกที่ตากแห้งดีแล้วมาใช้เพาะปลูกดีกว่า

ส่วนพวกแผ่นหินทางเดินและก้อนอิฐปูพื้นที่ใช้ตกแต่ง พวกเขาเก็บมาวางกองรวมกันไว้ด้านข้างก่อน โรงเรือนสร้างเสร็จค่อยนำมาประดับตกแต่ง เมื่อขนย้ายวัสดุต่างๆออกแล้ว อวี๋ซินหรันก็เริ่มลงมือสลายพื้นในเขตกำแพงด้านหนึ่งให้กลายเป็นทราย

คนที่เหลือขนทรายที่ได้ไปใส่ในรถที่จอดไว้ชั้นใต้ดิน จากนั้นก็ขับไปเททิ้งไว้ข้างแปลงเพาะปลูกด้านนอก ส่วนอาคารหลายหลังบนพื้นดินซึ่งมีประโยชน์ใช้สอยแตกต่างกันไป หลัวซวินตัดสินใจว่าจะรื้อทิ้ง แล้วย้ายอุปกรณ์ เครื่องมือทำการเกษตร รวมถึงยานพาหนะทางการเกษตรต่างๆ มาไว้ในโรงเรือนทั้งหมด แต่หากมีอะไรที่เก็บข้างในไม่ได้ ก็เก็บไว้ในอาคารที่จะจัดการท้ายสุดก่อนค่อยหาทางจัดการทีหลัง หรือไม่ก็ทำแท่นจอดจากโลหะยึดติดกับผนังไว้

เพราะพวกหลัวซวินไม่จำเป็นต้องทำไร่นาบนพื้นดินโดยตรงอยู่แล้ว จึงยังไม่ต้องใช้รถแทรกเตอร์หรือรถหยอดเมล็ดอะไรพวกนี้ในเร็วๆ นี้ แต่ของพวกนี้มีเก็บไว้ย่อมดีกว่า จะทิ้งไปก็น่าเสียดาย

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า