[ทดลองอ่าน] คู่มือการเอาตัวรอดของนักกิน เล่ม 3 ตอนที่ 74

《古代吃货生存指南》
คู่มือการเอาตัวรอดของนักกิน

 

เข่อเล่อเจียงทัง เขียน
เสี่ยวหวา แปล

 

— โปรย —
ด้วยฝีมือการปรุงอาหารเลิศรสของ เจียงซูเหย่า
นอกจากจะมัดใจ เซี่ยสวิน ผู้เป็นสามีแล้ว
ยังผูกใจคนในครอบครัวสามีไว้ได้ด้วย

ไม่ว่าปัญหาใดล้วนแก้ไขได้ด้วยอาหารแสนโอชะ
ทั้งคนสูงศักดิ์และคนธรรมดา เมื่อได้ลิ้มลองแล้ว
ไม่มีใครที่จะเพิกเฉย

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

74

 

โจวซื่อออกจากเรือนพร้อมถือชามกระเบื้อง หญิงรับใช้คิดจะเข้าไปรับชาม แต่โจวซื่อโบกมือปฏิเสธ

นางกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าสมควรจะไปหาบุตรีดีหรือไม่

ใต้หล้านี้ยังจะมีมารดาคนใดที่ล้มเหลวเหมือนนางอีก บุตรีในอุทรกลับชื่นชอบป้าสะใภ้ใหญ่มากกว่ามารดาบังเกิดเกล้า

แดดร้อนจัด เต้าหู้ปิงฉีหลินจะละลายหากเดินช้า ดังนั้นโจวซื่อจึงเร่งสืบเท้าไปที่เรือนโซ่วหนิง

เมื่ออ้อมสวนบุปผาแล้ว บังเอิญเห็นร่างผอมบาง นั่งตัวตรงบนสะพานโค้ง ถือหนังสืออยู่ในมือ หากไม่ใช่เซี่ยเซิงยังเป็นผู้ใดได้อีก

โจวซื่อสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างประหม่า เดินไปที่สะพานพร้อมกับชามกระเบื้องในมือ

เหล่าหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เซี่ยเซิงเห็นโจวซื่อเดินเข้ามาก็ส่งเสียงและคารวะพร้อมกัน

เซี่ยเซิงได้ยินเสียง ค่อยหันกลับมามอง

โจวซื่อยิ้มอ่อนโยนและรักใคร่เอ็นดู แต่น่าเสียดายที่ไม่เข้ากับนาง ดูแข็งทื่ออยู่บ้าง

เซี่ยเซิงไม่มีปฏิกิริยา เพียงเรียก “มารดา” ตามความเคยชิน

โจวซื่อรีบเดินเข้าไปนั่งลงข้างกายนาง และวางชามกระเบื้องลง “ร้อนหรือไม่ กินอันใดเย็นๆ คลายร้อนหน่อย”

เซี่ยเซิงคิดไม่ถึงว่าโจวซื่อจะมาส่งของกินเล่นให้นาง จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยพลางขมวดคิ้วมองมารดาอย่างกังขา

หน้าตาของเซี่ยเซิงคล้ายเซี่ยหลางแปดส่วน นิสัยก็เหมือนเขา ในความเฉยเมยและความถือดีเจือความสุภาพ มีมารยาท และกลิ่นอายของผู้คงแก่เรียนอย่างรุนแรง

โจวซื่อชมชอบคนประเภทนี้ที่สุด ขณะเดียวกันก็กริ่งเกรงคนประเภทนี้ที่สุดเช่นกัน

ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด นางกังวลว่าเซี่ยเซิงจะรังเกียจ จึงชิงอธิบายว่า “นี่เป็นของที่ท่านอาสะใภ้สามของเจ้าทำ ส่วนผสมหลักคือเต้าหู้ นมและงา รสสัมผัสเนียนละเอียด เจ้าลองชิมดูสิ”

เซี่ยเซิงเม้มริมฝีปาก ไม่ตอบคำ พลิกฝ่ามือปิดหนังสือแล้ววางลงบนโต๊ะหินเบาๆ การกระทำนี้ทำให้โจวซื่อยิ่งไม่สบายใจ

อายุเพียงหกขวบก็ชอบอ่านหนังสือถึงขนาดนี้ เมื่อนึกถึงตนเองตอนอายุหกขวบ รู้จักเพียงเล่นกระบี่และปีนต้นไม้เท่านั้น ไม่รู้จักตัวหนังสือแม้แต่ตัวเดียว

นางพยายามพูดบางอย่างด้วยความห่วงใย “การอ่านหนังสือทำให้เสียสายตา เจ้าอายุยังน้อย อย่าอ่านหนังสือทั้งวันโดยไม่พักผ่อน จะทำร้ายดวงตาตั้งแต่อายุยังน้อย” กล่าวจบก็รู้สึกว่าวาจาของนางคล้ายจะขัดขวางการอ่านและรู้หนังสือของบุตรี ยิ่งทำให้นางดูไม่มีความรู้ความสามารถ จึงรีบกล่าวเสริมว่า “เอ่อ แน่นอนอยู่แล้ว หากเจ้าชอบอ่านหนังสือ จะอ่านทุกวันก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญที่สุดคือใช้ชีวิตอย่างสบายใจ”

กล่าวจบ ในใจโจวซื่อก็รู้สึกหงุดหงิดยิ่ง และรู้สึกว่าการมาของนางครั้งนี้ช่างล้มเหลว นางพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย โดยมองปกหนังสือ “นี่อ่านอันใดอยู่…” กล่าวยังไม่ทันจบ ก็มองตัวอักษรบนปกหนังสือที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งน่าอับอาย โจวซื่ออยากฟันตนเองด้วยกระบี่จริงๆ

ขณะที่โจวซื่อกระอักกระอ่วนและอึดอัด เซี่ยเซิงพลันขยับตัว นางยกมือขึ้นและลากชามกระเบื้องมาตรงหน้า ทำลายบรรยากาศแข็งเกร็ง

โจวซื่อเห็นเช่นนี้ให้โล่งอก เซี่ยเซิงยินดีที่จะไว้หน้านาง

เซี่ยเซิงหยิบช้อนขึ้นมาคนเต้าหูปิงฉีหลินเนื้อเนียน แล้วรู้สึกตกใจกับเนื้อสัมผัส นางเผยสีหน้าไร้เดียงสาที่เด็กสมควรมีออกมาอย่างหาได้ยาก ตักช้อนหนึ่งเข้าปาก นางเบิกตากว้างเล็กน้อย ลังเลชั่วขณะ ก่อนกลืนเต้าหู้ปิงฉีหลินในปากลงไป

รสนมหวานสดชื่นแผ่กำจายอยู่ในโพรงปาก เซี่ยเซิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็กล่าวว่า “อร่อยมาก”

โจวซื่อยิ้มออกมาทันใด พูดอย่างไหลลื่นและเร็วรี่ต่อหน้าเซี่ยเซิงอย่างหาได้ยาก “นั่นแน่นอน นี่เป็นของที่ท่านอาสะใภ้สามเจ้าทำ นางมีฝีมือทำอาหารยอดเยี่ยม เฉลียวฉลาด มีความคิดมากมาย อาหารที่ขายอยู่ในย่านอาหารข้างทางที่พี่สะใภ้ใหญ่พาพวกเจ้าไปครั้งก่อนล้วนแต่เป็นสิ่งที่นางคิดออกมา!”

กล่าวจบ ถึงตระหนักได้ว่าตนคล้ายจะลืมแสร้งทำเป็นพูดจาอ่อนโยน สุภาพ และสง่างาม จึงกัดริมฝีปากอย่างขัดเคือง

ขณะที่โจวซื่อครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี พลันได้ยินเซี่ยเซิงถามว่า “แล้วท่านเล่าเจ้าคะ”

โจวซื่อนิ่งอึ้ง “อะ…อันใดนะ”

เซี่ยเซิงพูดเอื่อยเฉื่อย ไม่สอดคล้องกับเสียงเด็กที่อ่อนเยาว์ของนางเลย “ข้าชอบอ่านหนังสือ ท่านอาสะใภ้สามชอบเข้าครัว แล้วท่านเล่า”

โจวซื่อกับเซี่ยเซิงไม่สนิทสนมกัน ปกตินางถามประโยคหนึ่ง เซี่ยเซิงตอบประโยคหนึ่ง น้อยครั้งมากที่เซี่ยเซิงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน

นางตกใจระคนดีใจ ตอบอย่างจริงจังว่า “เมื่อก่อนแม่ชอบ…” ฝึกยุทธ์

ถ้อยคำนี้มิอาจพูดได้ บุตรีจะรังเกียจเอาได้ โจวซื่อรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ “ก่อนหน้านี้แม่ไม่มีความชอบใด เวลานี้แม่ชอบเข้าครัวทำอาหารเช่นเดียวกัน ช่วงนี้แม่เรียนทำอาหารกับท่านอาสะใภ้สามของเจ้า นางสอนแม่หลายอย่างมาก และยังให้แม่คิดค้นสูตรอาหารเองด้วย หนำซ้ำยังชมว่าทักษะการใช้มีดของแม่ยอดเยี่ยม…”

ทันทีที่อ้าปากก็พูดไม่หยุด หลังจากพูดน้ำไหลไฟดับถึงค่อยรู้สึกตัว และรีบหุบปาก

เซี่ยเซิงถูกเลี้ยงดูโดยฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อกล่าวถึงคุณหนูในวัยนี้ที่มีความรู้และรู้มารยาทมากที่สุดในเมืองหลวง หากเซี่ยเซิงอยู่ในอันดับสอง อย่างนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวอ้างเป็นอันดับหนึ่งแล้ว

นางไม่ได้แสดงสีหน้ารังเกียจหรือแสดงความรำคาญ แต่ก้มหน้าฟังเงียบๆ รอให้โจวซื่อกล่าวจบแล้ว ถึงค่อยผงกศีรษะเอ่ยว่า “ดีมากเจ้าค่ะ”

ชั่วขณะนั้นโจวซื่อหมดถ้อยคำ ไม่รู้จะเอ่ยวาจาใดต่ออีก นางหยิกฝ่ามือ ขบคิดว่าตนสมควรไปได้แล้วใช่หรือไม่ จะได้ไม่อยู่เกะกะการรับลมและการอ่านหนังสือของบุตรี

เมื่อนางคิดว่าสถานการณ์กำลังเข้าสู่ทางตัน พลันนั้นก็ได้ยินเซี่ยเซิงถามว่า “ท่านเข้าครัวทำอาหารบ่อยหรือไม่เจ้าคะ”

โจวซื่อเงยหน้า รีบกล่าวว่า “เข้าสิ แม่ฝึกทำอาหารทุกวันและยังได้คิดสูตรอาหารบางอย่างด้วย” เอ่ยมาถึงตรงนี้ นางมองใบหน้าน่ารักของบุตรี ก่อนพูดโพล่งโดยไม่รู้ตัวว่า “หลังจากนี้ถ้าแม่ทำอร่อยแล้ว จะเอามาให้เจ้าชิมดีหรือไม่”

ในใจนางอยากใกล้ชิดกับบุตรี จึงพูดโพล่งออกมาโดยไม่ทันคิด หลังกล่าวจบถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าไม่ค่อยเหมาะสม

นางรีบเปลี่ยนถ้อยคำ “แม่เพียงพูดเรื่อยเปื่อย…”

“ดีเจ้าค่ะ” เซี่ยเซิงพลันขัดจังหวะวาจาของมารดา

โจวซื่อหันมองเซี่ยเซิงอย่างอึ้งงัน

เซี่ยเซิงก้มลงกินปิงฉีหลินต่อ โจวซื่อเห็นสีหน้าของนางไม่ชัด

เซี่ยเซิงกินปิงฉีหลินเงียบๆ ขณะที่โจวซื่อเอามือเท้าคางมองอยู่ด้านข้าง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่านางน่ารัก แทบปรารถนาให้กินปิงฉีหลินชามนี้ไม่มีวันหมด

น่าเสียดายที่ความเป็นจริงไม่เป็นไปตามที่นางคาดไว้ จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่หางตา เมื่อมองอย่างละเอียดกลับเป็นเซี่ยหลางกำลังเดินตรงมาทางนี้

โจวซื่อรีบลุกขึ้นยืน แม้นางอยากอยู่เป็นเพื่อนบุตรีมากก็ตาม แต่เพราะไม่อยากเจอเซี่ยหลาง เกรงว่าช่วงนี้อากาศร้อนแล้วนางจะหุนหันพลันแล่น อดใจลงมือทุบตีคนไม่ไหว

นางอธิบายให้เซี่ยเซิงฟังไม่กี่ประโยค ก็วิ่งจากไปอย่างเร่งร้อน เมื่อเซี่ยหลางเดินเข้ามา ก็มองตามแผ่นหลังของภริยาไกลๆ เขาถามเซี่ยเซิงว่า “นั่นมารดาของเจ้าใช่หรือไม่”

เซี่ยเซิงกินปิงฉีหลินในชามโดยไม่เงยหน้า “ใช่เจ้าค่ะ”

เซี่ยหลางถามอีกครั้งว่า “เมื่อครู่นางมาหาเจ้าหรือ พวกเจ้าแม่ลูกพูดคุยเรื่องใดกัน”

เซี่ยเซิงชะงักชั่วคราว เงยหน้ามองไกลๆ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ”

เซี่ยหลางเห็นเห็นสีหน้าราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อยของนาง ก็อดหัวเราะไม่ได้ เขานั่งลงตรงหน้านาง “เจ้าคิดว่าเจ้าเหมือนผู้ใดกันแน่ ทั้งไม่เหมือนพ่อทั้งไม่เหมือนมารดาของเจ้า แต่กลับเหมือนท่านอาสามของเจ้ายามเยาว์วัย เพียงแต่ตอนที่เขายังเด็กกลับไม่เหมือนเจ้าที่…”

เขายังพูดไม่ทันจบ เซี่ยเซิงก็ขัดจังหวะเขา “ข้าเหมือนมารดา”

เซี่ยหลางตื่นตะลึง ก่อนหัวเราะเสียงดัง “เจ้าไม่เหมือนนาง”

เซี่ยเซิงไม่สนใจยิ้มของบิดา ยังคงเคร่งขรึมจริงจัง “เมื่อก่อนข้าก็รู้สึกว่าไม่เหมือน แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้กลับเข้าใจแล้ว ข้าเหมือนมารดามาก”

เซี่ยหลางลูบศีรษะนาง “เด็กน้อย อย่าได้ทำหน้าเคร่งขรึมทั้งวัน” สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ชามกระเบื้องตรงหน้าเซี่ยเซิง “นี่คือสิ่งใด มารดาเจ้ายกมาให้หรือ” กล่าวถึงตรงนี้ น้ำเสียงเขาแข็งทื่ออยู่บ้าง โจวซื่อก็เคยยกน้ำแกงมาให้เขาทุกวันเช่นกัน ใช้วิธีการที่โง่เขลาที่สุดเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ แต่ยามนี้นางกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนและไม่ยอมพบหน้าเขา

“เจ้าค่ะ” เซี่ยเซิงพยักหน้า

สีหน้าของเซี่ยหลางอ่อนลง ถอนหายใจกล่าวว่า “มารดาเจ้ารักเจ้าอย่างสุดซึ้ง เพียงแต่นางพูดไม่เก่ง และมิอาจเลียนแบบกิริยาท่าทางการพูดอย่างอ่อนโยนและเอาอกเอาใจเหล่านั้นได้ เจ้าอย่าทำร้ายจิตใจนางเล่า”

เซี่ยเซิงฟังเงียบๆ

เซี่ยหลางรู้สึกหมองหม่นอยู่บ้างเมื่อกล่าวจบ และไม่อยากแสดงออกต่อหน้าบุตรี จึงเปลี่ยนเรื่องและแสร้งทำเป็นมีความสุข “นี่กินอันใดอยู่ ให้พ่อชิมสักคำสิ”

เซี่ยเซิงเงียบมาก เงียบจนน่าอึดอัดเล็กน้อย แม้แต่เซี่ยหลางก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหานางเช่นใด ด้วยมักเกิดความเงียบชวนกระอักกระอ่วนอยู่เสมอ

เขาพยายามทำตัวสนิทสนม โดยเอื้อมมือไปแตะชามกระเบื้องของเซี่ยเซิง

เสียงดัง “ครูดคราด…” ด้วยเซี่ยเซิงดึงชามกระเบื้องออก ก่อนก้มลงพูดเสียงอู้อี้ว่า “อย่านะเจ้าคะ”

เซี่ยหลางเข้าใจว่านางมีนิสัยเด็กๆ ที่ไม่เต็มใจจะแบ่งขนมอบกับคนอื่น เขาลิงโลดที่ในที่สุดนางก็เหมือนเด็กแล้ว ยิ้มกล่าว “ดีๆๆ พ่อไม่กิน พ่อไม่กิน นี่เป็นของที่ท่านอาสะใภ้สามของเจ้าทำกระมัง”

เซี่ยเซิงไม่สนใจบิดา หยิบชามส่งให้หญิงรับใช้ แล้วลุกขึ้นยืน

นางชอบปฏิบัติตามกฎระเบียบมารยาท ไม่เคยทะเลาะกับเด็กคนอื่น เคารพผู้อาวุโส ปฏิบัติต่อบ่าวไพร่อย่างดี แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังรู้สึกว่าแข็งกระด้าง

เซี่ยหลางเข้าใจว่านางลุกขึ้นยืนคำนับเขาและขอตัว ขณะจะพูด เซี่ยเซิงกลับชิงพูดว่า “บิดา คำพูดก่อนหน้านี้ไม่ว่าผู้ใดก็พูดกับข้าได้ มีเพียงท่านที่พูดไม่ได้เจ้าค่ะ”

เซี่ยหลางกะพริบตา ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น

“ถ้อยคำใด”

เซี่ยเซิงกล่าวว่า “ท่านเข้าใจดีเจ้าค่ะ” สิ้นเสียง ก็หันหลังจากไปอย่างไร้มารยาท โดยไม่ได้คำนับบิดาเป็นครั้งแรก

เซี่ยหลางมองตามแผ่นหลังของนาง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้หินเนิ่นนานโดยไม่ไหวติง สายลมเย็นพัดแขนเสื้อกว้างจนโบกไหว ปลุกเขาให้ตื่นจากความมึนงง เขาหัวเราะเยาะตนเอง น้ำเสียงไม่อ่อนโยนอีกต่อไป กล่าวกับตนเองราวกับขุ่นเคืองและคับแค้นว่า “แม้แต่เด็กยังมองออกมากกว่าเจ้าเสียอีก”

 

ก่อนหน้านี้ไม่นาน พอเซี่ยสวินออกเวรแล้วจะรีบกลับจวนไปกินอาหาร แต่ยามนี้เป็นเพราะอยากเจอเจียงซูเหย่าโดยไว แม้จวนยังเป็นจวนเดิมและคนยังเป็นคนเดิม แต่หลังบอกความในใจกันแล้วย่อมแตกต่าง ดูคล้ายว่าบรรยากาศในลานเรือนหวานชื่นนิดหน่อย

เจียงซูเหย่าออกจากห้อง บังเอิญเห็นเขากลับมา นางรีบกวักมือเรียกเขา “มานี่เร็วเข้า!”

นางเอ่ยอันใดก็ว่าตามนั้น เซี่ยสวินรีบเดินไปหานางทันควัน

เจียงซูเหย่าดึงแขนเสื้อของเขา “ท่านกลับมาพอดี จะได้มาช่วยข้าปั่นน้ำแข็ง”

นางพาเซี่ยสวินไปที่ห้องครัวและชี้ไปที่เครื่องปั่นก่อนอธิบายหลักการให้เขาฟัง

เซี่ยสวินฟังอย่างตั้งใจ และศึกษาเครื่องมือเหล็กอย่างละเอียด

ระหว่างนี้เจียงซูเหย่าผสมก้อนน้ำแข็งที่ถูกทุบจนแตกแล้วกับนมวัวเล็กน้อย และสั่งให้เซี่ยสวินดำเนินการ

เซี่ยสวินกินจุและมีพละกำลังมาก สามารถบดก้อนน้ำแข็งจนแหลกละเอียดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

น้ำแข็งปั่นที่ได้ผสมกับนมวัวค่อนข้างใกล้เคียงกับน้ำแข็งปั่น เนียนละเอียด นุ่ม แน่น ผลึกน้ำแข็งโปร่งแสงแวววาว เมื่อดูดเข้าปากคล้ายเกล็ดหิมะ หลังเทออกมาก็กองพูนเหมือนเนินเขาในชามใบเล็ก เจียงซูเหย่าวางถั่วแดงบดลงบนยอดน้ำแข็งปั่น จากนั้นโรยลูกเกดและเมล็ดเจินจือ[1]และสุดท้ายเทน้ำลูกหม่อนข้นเหนียวลงไปหนึ่งช้อนเต็ม

เมื่อถึงช่วงเปลี่ยนฤดูวสันต์ไปฤดูคิมหันต์ จะกวนลูกหม่อนและปิดผนึกเอาไว้ ยามนี้เอาออกมาใช้ได้พอดี น้ำลูกหม่อนไม่จำเป็นต้องเคี่ยวจนเนื้อละเอียด คงความเป็นเม็ดเล็กๆ เอาไว้ สีแดงอมม่วง สีม่วงอมดำ ผลไม้กวนไหลอยู่บนน้ำแข็งปั่น ทำให้น้ำแข็งปั่นสีขาวสว่างถูกอาบย้อมเป็นสีแดงชั้นหนึ่ง

เจียงซูเหย่ารอไม่ไหวอีกต่อไป นางยื่นช้อนให้เซี่ยสวิน วางแผนว่าทั้งสองจะกินชามเดียวกัน

เซี่ยสวินเขินอายอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดว่าคนทั้งสองเปิดเผยความในใจกันแล้วและยังเป็นสามีภรรยากัน ดูคล้ายว่าไม่มีอันใดไม่เหมาะสมหากจะทำแบบนี้

เขาสบายใจขึ้นแล้ว จึงเลียนแบบการคนน้ำแข็งปั่นเหมือนอย่างเจียงซูเหย่า ไอเย็นแผ่ปะทะใบหน้า รู้สึกสดชื่นมาก หลังผสมผลไม้กวนกับกั่วเหริน[2]เข้าด้วยกันแล้ว จากนั้นก็ตักน้ำแข็งปั่นเข้าปากช้อนหนึ่ง

พอน้ำแข็งปั่นสัมผัสปลายลิ้น ทันใดนั้นก็กลายเป็นน้ำ กลิ่นนมหวานหอมกับกลิ่นผลไม้เย็นสดชื่นอวลอยู่ในปากและจมูกหลายชั้น ตามด้วยความเย็นจัด พริบตานั้นทำให้คนผ่อนคลายและตื่นตัว ความร้อนค่อยๆ จางหาย

รสสัมผัสของน้ำแข็งปั่นเนียนละเอียดแน่น ต้องออกแรงเคี้ยวเล็กน้อย เมื่อกัดจะเกิดเสียงดัง “กร้วมๆ” แต่ไม่เปลืองแรงนัก ขณะเคี้ยวจะกลายเป็นน้ำเย็น ถั่วแดงบด ลูกเกดเคี้ยวหนึบ เมื่อกินคู่กับน้ำแข็งปั่นอ่อนนุ่ม ให้รสสัมผัสที่ยอดเยี่ยม

ลูกหม่อนมีแต่เนื้อ พอโดนฟันแล้ว ผลไม้ที่อมน้ำไว้ก็แตกออก น้ำเอ่อออกมา ให้รสเปรี้ยวอมหวาน ทำให้น้ำแข็งปั่นที่มีหวานหอม เย็นสดชื่นอยู่แล้วยิ่งหอมผลไม้กวน

เมื่อเซี่ยสวินมองเจียงซูเหย่าอีกครา แววตาก็เปลี่ยนไป “เมื่อก่อนเพียงรู้สึกว่ามีฝีมือการทำอาหารของเจ้ายอดเยี่ยม แต่ยามนี้เมื่อตรองอย่างละเอียดแล้ว เจ้าฉลาดกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด”

ดูเครื่องมือเหล็กรูปร่างแปลกๆ นี้แล้วกินน้ำแข็งปั่นที่สุดแสนวิเศษอีกครั้ง ข่าวลือในเมืองหลวงที่บอกว่าเจียงซื่อโง่เขลามาจากที่ใด!

เจียงซูเหย่ารีบปฏิเสธ “ไม่ๆๆ ท่านชมเกินไปแล้ว” นี่คือภูมิปัญญาของคนยุคปัจจุบัน

ขณะที่เซี่ยสวินเคี้ยวก็คิดได้เรื่องหนึ่ง “จริงสิ ไม่ใช่บอกว่าที่จวนมิอาจหาซื้อน้ำแข็งได้หรือ” เมื่อวานตอนนอนไม่มีอ่างน้ำแข็งวางอยู่

“ใช่ หาซื้อไม่ได้ ก็ทำเองสิ” เจียงซูเหย่ากล่าวเสียงอู้อี้ด้วยแก้มป่องข้างหนึ่ง

เซี่ยสวินฉงน นึกว่าตนเองฟังผิดไป “ทำเองหรือ”

เวลานี้น้ำแข็งถูกเก็บไว้ในห้องใต้ดิน ในฤดูเหมันต์จะนำน้ำแข็งไปวางไว้ในห้องใต้ดิน ปูด้วยฟางข้าวแล้วปิดทับด้วยดิน เมื่อถึงเวลาใช้ในฤดูคิมหันต์ก็จะขุดเอาน้ำแข็งออกจากห้องใต้ดิน

พอได้ยินว่าเมื่อวานไม่มีน้ำแข็ง เจียงซูเหย่าจึงขอให้คนไปหาดินประสิวมาให้ ดินประสิวปกติใช้ทำดินระเบิด ชนวน แก้ว และไม้ขีดไฟ นอกจากนี้ยังใช้ทำน้ำแข็งได้ด้วย เนื่องจากมีคุณสมบัติดูดความร้อนเมื่อละลายในน้ำ

แม้บอกว่าปฐมกษัตริย์เป็นลูกพี่ใหญ่ที่ทะลุมิติมาตามแบบมาตรฐาน แต่เขาก็มุ่งเน้นเฉพาะกิจการทหารและการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดออกมา ผู้คนจึงไม่ทราบว่าดินประสิวใช้ทำน้ำแข็งได้

เซี่ยสวินมองท่าทางผ่อนคลายที่ไม่ใส่ใจของเจียงซูเหย่า และเกิดอารมณ์ซับซ้อนชั่วขณะหนึ่ง เขาถามว่า “ข้าขอดูเจ้าทำน้ำแข็งได้หรือไม่”

“แน่นอน” เจียงซูเหย่าไม่รู้สึกว่าน่าทึ่งแต่อย่างใด

นางพาเซี่ยสวินไปที่ห้องฟืนเล็กที่มีร่มเงาและมีพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งสะดวกสำหรับการทำน้ำแข็ง มุมห้องมีโอ่งทองแดงใบใหญ่ใบหนึ่ง มีโถอยู่ในโอ่ง และภาชนะทั้งสองก็มีน้ำเต็ม

เจียงซูเหย่าอธิบายให้เซี่ยสวินฟังพลางสาธิตให้ดู ใส่ดินประสิวลงในโอ่งใบใหญ่ที่ใส่น้ำไว้ ดินประสิวจะดูดความร้อนเมื่อสัมผัสกับน้ำ และน้ำในโถจะค่อยๆ ควบแน่นกลายเป็นน้ำแข็ง

เซี่ยสวินเฝ้าดูการสาธิตของนางอย่างจริงจัง รอให้เกิดปรากฏการณ์ที่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งในฤดูคิมหันต์อย่างน่าอัศจรรย์ เขาเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจพลางจ้องน้ำแข็งที่ทำขึ้นมาเนิ่นนานโดยไม่พูดสักคำ

ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาค่อยได้สติ หลังจัดการกับอารมณ์ดีแล้ว ก็เงยหน้ามองเจียงซูเหย่า ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “ที่เจ้าทำน้ำแข็ง เพียงเพราะอยากกินน้ำแข็งปั่นใช่หรือไม่”

เจียงซูเหย่างุนงง “เอ่อ ยังจะทำอันใดกินได้อีกเล่า”

เซี่ยสวิน “…ช่างเถิด” เขารู้สึกว่าเมื่อครู่เขากล่าวชมเจียงซูเหย่าโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ เขากล่าวว่า “วิธีนี้ของเจ้า ถึงอย่างไรก็ต้องได้รับรางวัล”

เขาตบศีรษะของเจียงซูเหย่าแผ่วเบา ก่อนเงยหน้ามองท้องฟ้า “เวลานี้ประตูวังยังไม่ปิด ข้าจะเข้าวังไปเข้าเฝ้ารัชทายาท”

 

[1] เฮเซลนัต

[2] ผลไม้เปลือกแข็ง เช่น ถั่วลิสง เมล็ดทานตะวัน วอลนัต เกาลัด อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง เมล็ดแตงโม เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดสน ถั่วพิตตาชิโอ แปะก๊วย เมล็ดบัว เป็นต้น

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า