爱你怎么说
คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง
风流书呆 เฟิงหลิวซูไต เขียน
ศีตกาล แปล
MOON วาด
— โปรย —
ในที่สุดความเข้าใจผิดระหว่าง เซียวจยาซู่ และ จี้เหมี่ยน ก็คลี่คลาย
ทั้งคู่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกันและกัน และตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
แต่การจะได้การยอมรับจากคนรอบข้างนั้นไม่ง่าย
ไหนจะมารดาที่รักลูกยิ่งชีพ บิดาหัวโบราณชอบวางอำนาจ และพี่ชายสุดเข้มงวด
ที่ทำเอาเซียวจยาซู่ต้องคิดหนัก แม้ว่าเขาอยากจะให้คนอื่น ๆ ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับพี่จี้ก็ตาม
แต่ก็ยังคงต้องเก็บงำไว้ ไม่อาจประกาศออกไปได้
ทว่าถึงจะไม่พูดแต่ใช่ว่าการกระทำของทั้งคู่จะรอดพ้นสายตาของคนเป็นแม่
เมื่อเซวียเหมี่ยวรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอก็รีบจับเซียวจยาซู่แยกจากจี้เหมี่ยนทันที
แต่มีหรือที่คนอย่างจี้เหมี่ยนจะไม่คิดทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบ
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 113
เมื่อหลงผิดก็ถลำลึก
ในฐานะหัวหน้ากลุ่มสนับสนุนจี้เหมี่ยนแห่งปักกิ่ง พักนี้ชิวหลิงหลิงค่อนข้างจะวุ่นวายใจ สาเหตุก็มาจากซูอันน่าเพื่อนสนิทที่สุดของเธอแปรพักตร์ไปเสียแล้ว เดิมซูอันน่าก็เป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มสนับสนุนจี้เหมี่ยนแห่งชาติเช่นกัน เธอเคยจัดกิจกรรมสนับสนุนจี้เหมี่ยนที่ประสบความสำเร็จหลายต่อหลายครั้ง เพิ่งมาปีนี้เองที่เธอค่อย ๆ ถอนตัวจากกลุ่มสนับสนุนไปเงียบ ๆ แม้แต่คำอธิบายสักคำก็ยังไม่มี0
ถ้าแค่เท่านั้นก็คงแล้วไป แต่พักนี้ชิวหลิงหลิงกลับพบว่าซูอันน่าสร้างกลุ่มชิปเปอร์ขึ้นมา แล้วตั้งตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มชิปเปอร์ กลุ่มชิปเปอร์ของเธอนั้นชิปจี้เหมี่ยนกับเซียวจยาซู่ นี่มันลัทธิมารชัด ๆ เลย! ในฐานะแฟนคลับคีปเมนตัวจริง ชิวหลิงหลิงจึงรำคาญใจกับพวกแฟนคลับประเภทชิปเปอร์มากที่สุด ไอดอลยังไม่ทันจะมีท่าทีอะไรออกมาเลย เธอก็ไปจับคู่กันเอาเองตามใจชอบเสียแล้ว แถมคนที่ลากมาจับคู่ด้วยยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก นี่เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครหา
ชิวหลิงหลิงพูดโน้มน้าวซูอันน่าหลายครั้งให้กลับตัวกลับใจ แต่อีกฝ่ายก็ปฏิเสธไปเสียทุกครั้ง ทั้งยังมาขายคู่ชิปคู่นี้ให้เธออีก ตลกชะมัด!
เมื่อเห็นเพื่อนสนิทโทรศัพท์มา ชิวหลิงหลิงก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เอามาก ๆ แต่เธอก็ยังรับโทรศัพท์แล้วใส่อารมณ์ไปว่า “จะทำอะไรอีก ฉันจะบอกให้นะ ถ้าไม่เลิกทำไอ้กลุ่มชิปเปอร์นั่นละก็ ต่อไปฉันจะไม่สนใจเธอแล้ว! พวกชิปเปอร์น่ะไม่มีอนาคตหรอก ดูพวกชิปเปอร์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันตั้งมากมายพวกนั้นสิ มีคู่ไหนบ้างที่ลงเอยกัน คู่ชายหญิงก็แล้วไป แต่พวกเธอดันชิปชายชายกันอีก เอาไว้เทพจี้แต่งงานเมื่อไร เธอได้ร้องไห้แน่!”
“ฉันไม่พูดมากกับเธอแล้วละ ยังไงเธอก็ไม่เข้าใจหรอก” ซูอันน่าหัวเราะคิกคักพลางว่า “วันนี้ฮวงเหยี่ยเม่าเสี่ยนจยาตอนแรกออกอากาศ เธอก็อย่าลืมดูล่ะ! เทพจี้กับเจ้าต้นอ่อนน้อยเข้าร่วมรายการกันทั้งคู่ ต้องหวานมาก ๆ งดงามมาก ๆ แน่นอน!”
“เวรเอ๊ย มีเซียวจยาซู่อยู่ด้วย ฉันไม่มีทางดูเด็ดขาด!” ชิวหลิงหลิงวางสายด้วยความโมโห เธอกังวลมากว่าพวกแฟนคู่ชิปที่ใจกล้าขึ้นทุกวันพวกนี้จะนำปัญหามาสู่ไอดอลเข้าสักวัน ไอดอลของเธอต้องทุ่มเทอยู่ในวงการบันเทิงตั้งกี่ปี ไม่เคยมีข่าวเสียหายกับดาราสาวคนไหน แต่กลับต้องมามีข่าวฉาวครั้งแรกกับดาราชายเนี่ยนะ แบบนี้มันนับเป็นเรื่องดีได้หรือ รักร่วมเพศมีเกียรตินักหรือไง แฟนคู่ชิปพวกนี้ไร้สมองจริง ๆ เป็นพวกมืออยู่ไม่สุขที่จะทำให้ไอดอลซวยละสิไม่ว่า!
หลังจากนี้ถ้าใครในกลุ่มสนับสนุนจี้เหมี่ยนกล้าเอ่ยชื่อ ‘เซียวจยาซู่’ ขึ้นมาละก็ เธอจะไล่คนคนนั้นออกจากกลุ่มไปตลอดกาลเลย! ตอนที่ชิวหลิงหลิงตัดสินใจได้นั้นก็เป็นเวลาสองทุ่มครึ่งซึ่งเป็นเวลาที่ฮวงเหยี่ยเม่าเสี่ยนจยาออกอากาศพอดี แม้ว่าเธอจะไม่ชอบเซียวจยาซู่เลยสักนิด แต่อย่างไรเสียไอดอลของเธอก็มาออกรายการนี้ คงต้องดูสักหน่อยละ
แม้ปากจะปฏิเสธ แต่ร่างกายกลับเปิดคอมพิวเตอร์อย่างซื่อตรง เธอรอโฆษณากับไตเติ้ลรายการเงียบ ๆ จากนั้นภาพก็เปลี่ยน เกาะเขตร้อนที่งดงามราวสรวงสวรรค์ปรากฏสู่สายตา หนุ่มหล่อสาวสวยกลุ่มหนึ่งกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ ในมือถือสัมภาระมากมาย และเพราะเพื่อนสนิทของเธอ ชิวหลิงหลิงจึงสนใจเซียวจยาซู่มากกว่าคนอื่นเล็กน้อย จากนั้นก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเจ้าเด็กนี่หล่อมากจริง ๆ ผิวก็ทั้งขาวทั้งเนียนละเอียด ดูเปล่งประกายท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่อง ทั้งๆที่ออกกล้องหน้าสดแท้ ๆ แต่กลับสะดุดตายิ่งกว่าหวงอิ้งเสวี่ยที่แต่งหน้ามาเสียอีก
เครื่องหน้าของเซียวจยาซู่ดูคมชัด ให้ความรู้สึกคล้ายลูกครึ่งเล็กน้อย เป็นความหล่อเหลางดงามที่จู่โจมรุนแรง แตกต่างจากพวกดาราหน้าใหม่หน้าตาค่อนข้างอ่อนหวานซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในยุคนี้โดยสิ้นเชิง ดังนั้นเมื่อเขาทำหน้านิ่งเฉยก็จะดูสูงส่งเย็นชาเป็นพิเศษ ประกอบกับสถานะวงศ์ตระกูลที่ใหญ่โตแล้ว ย่อมทำให้คนที่มองรู้สึกเกรงใจจนต้องหลบให้โดยอัตโนมัติ
เมื่อแขกรับเชิญทุกคนพบหน้ากันแล้วก็มายืนเกาะกลุ่มกันอย่างรวดเร็ว มีเพียงเซียวจยาซู่ที่ไปยืนริมสุด พยักหน้าค้อมเอวให้คนอื่นอย่างสุภาพและไม่ค่อยพูดอะไร
ดูมาถึงตรงนี้ชิวหลิงหลิงก็แอบค่อนขอดในใจ “เก๊กอะไรนักหนา รวยแล้วเจ๋งนักหรือไง” ใช่ เธอเป็นพวกเกลียดคนรวย เป็นพวกเหม็นขี้หน้าคนที่ทำตัวเป็นคุณชายแบบนี้ แล้วยังไงล่ะ ที่ไปเป็นคนจรจัดข้างถนนอะไรนั่น บริจาคเงินให้การกุศลอะไรนั่น เฟคทั้งนั้นสินะ เอามาใช้สร้างกระแสใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเทพจี้ดันอยู่ตลอดละก็ คิดว่าจะมีวันนี้ได้หรือไง
ชิวหลิงหลิงรู้ว่าวงการบันเทิงซับซ้อนมาก ดาราที่ไม่มีแบ็กเลยสักนิด ทั้งยังเติบโตขึ้นมาจากรากหญ้าอย่างเทพจี้คงจะมีหลายอย่างที่ฝืนใจ เซียวจยาซู่เป็นลูกชายของเซวียเหมี่ยว เส้นสายของเซวียเหมี่ยวในวงการบันเทิงใหญ่โตแค่ไหน ไม่ว่าใครก็คงยากจะจินตนาการได้ ถ้าเธอสั่งให้เทพจี้ดูแลเซียวจยาซู่ เทพจี้จะไม่ทำตามได้หรือ
ยังจะมาชิปกันอีก นี่มันใช้อำนาจกดขี่กันชัด ๆ!
ชิวหลิงหลิงก่นด่าคุณชายเซียวที่ดูเท่ดูเก๊กมากไม่หยุดหย่อน แต่จู่ ๆ เธอก็เห็นอีกฝ่ายยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ดูสดใสเจิดจ้า มันละลายน้ำแข็งบนใบหน้าของเซียวจยาซู่ได้ในพริบตา คิ้วที่เฉียงขึ้นไปทางไรผมของเขายกสูงขึ้นอีกนิด ทำให้ชิวหลิงหลิงนึกถึงสำนวน ‘คิ้วโผบินสีหน้าเริงระบำ’[1] ขึ้นมา ดวงตาของเขาโค้งขึ้นเป็นพระจันทร์เสี้ยว ริมฝีปากบางสีชมพูแย้มออกน้อย ๆ เผยให้เห็นฟันขาวสะอาด ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเย่อหยิ่งเย็นชานั้นพลันดูไร้เดียงสาขึ้นมา ความสุขที่แทบจะล้นปรี่ออกมาจากดวงตานั้นแผ่ออกไปยังคนข้างเคียงโดยไม่รู้ตัว
ชิวหลิงหลิงอยากรู้เหลือเกินว่าเขาเห็นอะไรกันแน่ถึงได้ดีใจขนาดนั้น เมื่อมองตามสายตาของเขาไปก็พบจี้เหมี่ยนที่ปรากฏตัวออกมาอย่างยิ่งใหญ่
ที่แท้เซียวจยาซู่ชอบเทพจี้ขนาดนี้เชียวหรือ แค่ได้เห็นเขาก็ยิ้มไม่หุบขนาดนี้เชียว ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาเท่านั้นความรู้สึกที่แปลกมาก ๆ ก็เอ่อท้นในใจของชิวหลิงหลิงทันที เบ้าหน้าคนเรานี่มันฆ่ากันตายได้เลยจริง ๆ! ก่อนหน้านี้เธอออกจะคัดค้านคู่ชิปคู่นี้แท้ ๆ แต่เมื่อเห็นภาพสองคนนี้สบตายิ้มให้กัน เธอกลับไม่รู้สึกต่อต้านหรือขยะแขยงสักนิด กลับรู้สึกปลาบปลื้มเล็ก ๆ เสียด้วยซ้ำ
ก็ได้ เห็นแก่ที่นายชอบเทพจี้ขนาดนั้น ความเกลียดชังที่ฉันมีต่อนายจะลดลงนิดหนึ่งก็แล้วกัน ชิวหลิงหลิงแค่นเสียงเฮอะ เห็นสายตาสองคนนั้นแล้วก็สนใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
หัวหน้าทีมทั้งสองเริ่มเลือกสมาชิกในทีม คนอื่นมีแต่จะก้าวออกมาข้างหน้าอย่างฮึกเหิม มีเพียงเซียวจยาซู่เท่านั้นที่ไปหลบข้างหลัง แต่ก็ยังโดนซือถิงเหิงเรียกออกมาอีก ทำเอาชิวหลิงหลิงอดหัวเราะไม่ได้ ก็ได้ ๆ เธอยอมรับว่าท่าทางย่นคอห่อไหล่ พยายามทำให้ความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสามเซนติเมตรของตัวเองกลายเป็นเจ้าลูกสุนัขสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตรของเซียวจยาซู่นั้นดูน่ารักอยู่นิด ๆ ให้เทพจี้เลือกนายก็ดีแล้ว!
เมื่อถึงตาเทพจี้เลือกลูกทีมบ้าง ชิวหลิงหลิงก็ยอมรับความจริงแล้วว่าเขาต้องเลือกเซียวจยาซู่แน่นอน ดังนั้นเธอจึงดูฉากนี้อย่างสงบนิ่ง แต่มันเกิดอะไรขึ้นกัน เซียวจยาซู่กระโดดไปทางซ้ายทีทางขวาที เทพจี้ คุณตาพร่ามัวหรืออย่างไรจึงมองไม่เห็นน่ะ หรือว่าคุณไม่ได้มีความรู้สึกดีๆกับเซียวจยาซู่สักเท่าไรจริง ๆ แค่ดูแลเขาอย่างเสียไม่ได้เพราะถูกบังคับมาเท่านั้นหรือ
ชิวหลิงหลิงไม่ยอมรับว่าตนกำลังร้อนรนแทนเซียวจยาซู่ เธอเป็นแฟนคลับคีปเมนนะ คีปจนไม่รู้จะคีปยังไงแล้ว! แต่ว่า…ตอนที่เทพจี้ยิ้มพลางยื่นมือให้เซียวจยาซู่ ทั้งยังกอดอีกฝ่ายพลางลูบหลังลูบศีรษะอีกนั้น ทำให้เธอถึงกับถอนหายใจยาวออกมา
สองคนนั้นยิ้มหวานจังเลย คนหนึ่งเงยหน้า อีกคนก้มหน้า ในดวงตามีแค่กันและกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคงจะชอบและสนอกสนใจในตัวอีกฝ่ายมาก ก่อนหน้านี้เทพจี้ไม่ลังเลสักนิด เพียงแค่จะหยอกเซียวจยาซู่เล่นเท่านั้น เอ็นดูเก่ง หยอกเก่ง!
ดวงตาชิวหลิงหลิงที่จ้องหน้าจอเป็นประกาย เธอไม่รู้เลยว่าตนก็ยิ้มบื้อ ๆ ตามไปด้วย พลางหยิบหมอนอิงที่วางทิ้งไว้มากอดแล้วลูบแรง ๆ คล้ายจะขับไล่ความรู้สึกเต็มตื้นแปลก ๆ ในใจนั้นออกไป
แอนตี้แฟนมากมายพากันคอมเมนต์ตำหนิขึ้นมาบนหน้าจอ ‘น่ารำคาญ เซียวจยาซู่เริ่มจะมาเกาะติดจี้เหมี่ยนเพื่อสร้างกระแสอีกแล้ว จี้เหมี่ยนก็ไก่อ่อนเกินไปไหม โดนไอ้เด็กหน้าใหม่หลอกใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่กลัวความนิยมตกเลยรึไง’
‘ตกลงไปบนหัวแม่แกสิ! มีแฟนคลับกลุ่มใหญ่อย่างพวกเราอยู่ เทพจี้ก็จะเป็นราชาไร้มงกุฎในวงการบันเทิงไปตลอดกาลนั่นแหละ!’ ชิวหลิงหลิงพิมพ์คอมเมนต์ไปด้วยความเดือดดาล เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งทีมสีแดงก็ออกเดินทางแล้ว ตอนแรกเธอคิดว่าเทพจี้คงจะดูแลหวงอิ้งเสวี่ยมากหน่อยแน่ ๆ อย่างไรเสียเธอก็สวยออกขนาดนั้น แล้วยังเป็นผู้หญิงคนเดียวอีก แต่เทพจี้กลับแค่ถามไปตามมารยาทเล็กน้อย ไม่ได้ดูแลมากมายเกินพอดีแต่อย่างใด เขาเดินจากด้านหน้ามาด้านหลัง ตั้งใจช่วยกึ่ง ๆ ประคองเซียวจยาซู่เอาไว้ และพาอีกฝ่ายเดินไปด้วยกัน
เซียวจยาซู่หน้าแดงซ่าน ดวงตาก็รื้นน้ำ ยิ่งดูหล่อเหลาเข้าไปใหญ่ แอนตี้แฟนมากมายด่าเขาว่าแกล้งทำสำออย ผู้ชายตัวโตสู้หวงอิ้งเสวี่ยไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อเทพจี้ถอดถุงเท้ารองเท้าของเขาออกมาจนเผยให้เห็นตุ่มน้ำมากมายเต็มฝ่าเท้า ทุกคนก็พูดไม่ออก จะต้องเอาใจใส่ขนาดไหนถึงสังเกตเห็นความผิดปกติจากที่เซียวจยาซู่ดูเงียบ ๆ ไปเช่นนั้นได้ ก่อนหน้านี้เซียวจยาซู่ไม่ได้ร้องเจ็บเลยสักแอะ ท่าทางการเดินก็ดูปกติมาก เหมือนคนไม่เป็นอะไรเลย!
เทพจี้ช่วยปัดทรายออกจากฝ่าเท้าของอีกฝ่ายให้อย่างไม่รังเกียจที่มันสกปรกแม้แต่น้อย จากนั้นก็ช่วยทายาให้ เมื่อเขาแกล้งบอกว่าเซียวจยาซู่เท้าเหม็น แล้วอีกฝ่ายยกเท้าขึ้นมาดม จี้เหมี่ยนก็หัวเราะออกมาอย่างผ่อนคลายและสนุกสนาน เซียวจยาซู่หน้าแดง สายตาที่มองจี้เหมี่ยนวาววับเป็นประกาย ดูชื่นชมศรัทธาเสียเหลือเกิน…
โอ้แม่เจ้า! ชิวหลิงหลิงต่อยหมอนอิงอย่างแรง เธอร้องครวญครางอย่างไร้เสียง! ภาพนี้มันช่างดูคลุมเครือและหวานเสียเหลือเกิน จอภาพนี่แทบจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูไปแล้วด้วยซ้ำ ดวงตาของเธอจะต้องมีปัญหาแน่!
เมื่อเธอหลุดพ้นจากจังหวะหัวใจที่เต้นรัวเร็วเกินไปได้ในที่สุด ทีมแดงก็มาถึงยอดเขาพอดี ทีมงานให้พวกเขาส่งหนึ่งคนโรยตัวลงไปเอาอาหาร เซียวจยาซู่ขวางเทพจี้เอาไว้ไม่ให้เขาไป แล้วก็มีแอนตี้แฟนโดดออกมาพูดอีกว่าเขาแกล้งทำเป็นห่วงจี้เหมี่ยน แต่ที่จริงอยากจะแย่งซีนมากกว่า
ชิวหลิงหลิงขมวดคิ้ว เธอชักจะเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจเซียวจยาซู่ ในฐานะหัวหน้าทีม เวลาแบบนี้เทพจี้ก็ต้องลงไปอยู่แล้ว ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าซือถิงเหิงที่อยู่ข้าง ๆ นั่นก็ลงไปแล้วน่ะ มาขวางซ้ายขวางขวาอย่างนี้อยากจะเด่นดังหรือว่าอยากจะเป็นตัวถ่วงเทพจี้กันแน่
แต่ไหนแต่ไรเทพจี้แข็งแกร่ง เด็ดขาด ใจเย็น สงบนิ่ง เขาย่อมทำภารกิจนี้ได้สำเร็จแน่นอน ตอนที่นายกำลังมัวเสียเวลาอยู่อย่างนี้ นายรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังส่งมอบชัยชนะให้ทีมน้ำเงินเองกับมือน่ะ
“เวรเอ๊ย จะมาขวางทำซากอะไรหา รีบปล่อยให้ไอดอลของฉันลงไปสิ เขาเป็นพวกกระหายชัยชนะรุนแรงจะตายไป เลิกก่อความวุ่นวายเสียทีน่า! แหม เขาก็ลงไปแล้ว นายจะมาเกาะหน้าผาทำหน้าแปลก ๆ เหมือนจะร้องมิร้องแหล่แบบนั้นให้ใครดูกันหา กีฬาอย่างการโรยตัวแบบนี้ สำหรับเทพจี้แล้วง่ายเสียยิ่งกว่าง่ายน่ะสิ แสดงละครให้มันน้อย ๆ หน่อยจ้า” ชิวหลิงหลิงบ่นไม่หยุดหย่อน
เธอพบว่าตนเองคงจะประเมินเซียวจยาซู่ผิดไป เขาหล่อเท่ที่ไหนกัน นี่มันไอ้พวกชอบหาซีนให้ตัวเองชัด ๆ เลย!
คนที่คิดอย่างเดียวกับเธอมีมากมาย พวกเขาพากันคอมเมนต์ขึ้นมาบนหน้าจอกันยกใหญ่ ‘เป็นห่วงไอดอลตัวเองก็ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง แสดงเว่อร์ไปหน่อยนะ!’
‘เดิมเซียวจยาซู่ก็อยากจะประจบเอาใจอาจารย์จี้อยู่แล้ว สรุปว่าพยายามมากไปหน่อยเลยโดนแรงสะท้อนกลับ ดูสีหน้าเขาสิ ทำอย่างกับเห็นอาจารย์จี้ไปตายอย่างนั้นละ มิน่า อาจารย์จี้ถึงได้รำคาญจนต้องบอกให้เขาไปอยู่ไกล ๆ หน่อย ฮ่า ๆ ๆ เห็นฉากนี้แล้วฉันละอายแทนเขาจริง ๆ!’
เมื่อรายการฉายมาถึงตอนนี้ แอนตี้แฟนของเซียวจยาซู่จากที่ว่าง ๆ อยู่ก็พากันคึกคักสนุกสนานทันที เหล่ามงกุฎน้อยต่างทยอยออกมาขอร้องเซียวจยาซู่ว่าอย่าได้ใช้ไอดอลของพวกเธอมาเล่นละครตบตาหาซีนแบบนี้อีกเลย คุณเคารพรุ่นพี่หรือ โอเค! คุณเป็นห่วงไอดอลของตัวเองหรือ โอเค! แต่ขอร้องว่าอย่าแกล้งทำจนดูปลอมแบบนั้น ทำแบบนี้จะทำให้คนอื่นรู้สึกต่อต้านได้ง่าย ๆ แล้วก็จะดึงให้เทพจี้ดูตกต่ำลงไปด้วย
ตอนที่ทีมแดงถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปห่อเดียวลงมาจากเขา ชิวหลิงหลิงก็ยังรู้สึกคับแค้นใจไม่เลิกรา ถ้าไม่ใช่เพราะเซียวจยาซู่ยึกยักทำให้ไอดอลของเธอเสียเวลา คืนนี้พวกเขาก็คงจะได้กินเนื้อและผักสดใหม่กันไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าดาราชายก็ยังมีคนที่เลือกเส้นทาง ‘ดอกไม้ขาวน้อย’[2] กับเขาด้วย ช่างน่าประหลาดเสียจริง!
อย่างไรเสียหวงอิ้งเสวี่ยก็เป็นพวกใช้ชีวิตอย่างขยันขันแข็ง เธอทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแข็ง ๆ กลายมาเป็นอาหารทะเลมื้อใหญ่ กอบกู้กระเพาะของทุกคนเอาไว้ได้ เดิมเธอเป็นพวกเจ๊ใหญ่ผู้งามสง่าอยู่แล้ว หน้าตาก็สะสวยงดงามมาก ดูเหมือนดอกไม้ที่อยู่บนยอดเขาสูงยากจะเข้าใกล้ แต่ในรายการนี้เธอได้ทำลายภาพจำของทุกคนไปจนหมด แล้วสร้างภาพลักษณ์ที่ดูเข้าถึงง่ายให้ตัวเอง ดังนั้นเธอจึงได้รับการยอมรับจากผู้ชมเป็นวงกว้าง
ระดับความนิยมของเธอตามหลังเพียงแค่จี้เหมี่ยนกับซือถิงเหิงเท่านั้น ส่วนเซียวจยาซู่อยู่ต่ำเตี้ยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย การจะทำลายหรือสร้างภาพลักษณ์ขึ้นมานั้น ใช้เพียงกล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหวออกมาก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงว่า ถ้าไม่มีทอง เหล็ก เพชร ก็อย่าอาศัยเครื่องกระเบื้องในการดำรงชีวิตเลย ต่อให้เสแสร้งได้เหมือนเพียงใดก็ยังมียามที่ถูกเปิดโปงออกมาได้เสมอ
“รายการเรียลิตี้นี่ไม่ใช่ว่าใครก็จะมาเข้าร่วมได้จริง ๆ นะ” ชิวหลิงหลิงบ่นเบา ๆ แล้วเธอก็เห็นจี้เหมี่ยนเดินเลี่ยงสมาชิกในทีมออกมาที่มุมหนึ่งเพื่อบันทึกเทปความในใจคนเดียว
ว้อท! จี้เหมี่ยนเป็นโรคกลัวความสูงหรือ ตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ กลับมีเพียงเซียวจยาซู่เท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของเขา เพราะอย่างนั้นจึงได้อยากจะลงไปแทนเขา เรื่องนี้ยังไม่เท่าไร แต่เซียวจยาซู่เองก็กลัวความสูงเหมือนกัน พวกเขานั้นต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้ ดังนั้นจึงอยากจะแบกรับความกลัวนี้เอาไว้เอง
ไม่ใช่การแสดงที่โอเว่อร์เกินจริง ไม่ใช่ความพยายามที่เสแสร้งมากเกินไป อีกทั้งยังไม่ใช่การหาซีนให้ตัวเองด้วย แต่เซียวจยาซู่เป็นห่วงจี้เหมี่ยนจากใจจริง ตอนที่เขาเกาะขอบหน้าผามองลงไปข้างล่าง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขากำลังแบกรับความหวาดกลัวแบบไหนอยู่ มีเพียงจี้เหมี่ยนเท่านั้นที่เข้าใจ เพราะอย่างนั้นจึงบอกให้เขาออกไปไกล ๆ หน่อยด้วยความรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
พวกเขาสองคนกลัวมากแท้ ๆ แต่ความเป็นห่วงและเอาใจใส่ที่มีต่อกันมันกลับมากเกินกว่าทุกสิ่ง!
ชิวหลิงหลิงหน้าแดง ผ่านไปเนิ่นนานเธอจึงเพิ่งจะพ่นคำพูดออกมาว่า “แม่จ๋า!” ในฐานะที่เธอเป็นหัวหน้ากลุ่มสนับสนุนจี้เหมี่ยน กลับไม่รู้ว่าไอดอลของตัวเองกลัวความสูง ทั้งยังไปด่าเซียวจยาซู่ที่ออกมาปกป้องไอดอลของเธอว่าเขายุ่งไม่เข้าเรื่องอีก แบบนี้มันน่าอายขนาดไหนกัน เธอยังควรค่าแก่การถูกเรียกว่ามงกุฎน้อยอยู่อีกหรือ
ที่น่าอายยิ่งกว่าเธอก็คือพวกคนที่ด่าทอเซียวจยาซู่ในคอมเมนต์บนหน้าจอว่าเป็นจอมหาซีน คอมเมนต์ที่มากมายจนนับไม่ถ้วนเหล่านั้นพลันหายไปในพริบตา ผ่านไปครู่ใหญ่จึงปรากฏตัวหนังสือสีแดงสดตัวโตเป็นพืดว่า…‘นี่มันรักแท้นี่นา! ไอ้พวกจอมพล่ามที่บอกว่าเซียวจยาซู่มาแย่งซีนทั้งหลายน่ะไปไหนกันหมดแล้วล่ะ พวกมงกุฎน้อยที่บอกว่าเซียวจยาซู่ใช้จี้เหมี่ยนเพื่อเพิ่มซีนให้ตัวเองน่ะไปไหนกันหมด เรื่องที่ไอดอลกลัวความสูงเนี่ย พวกเธอรู้กันบ้างหรือเปล่า’
ชิวหลิงหลิงปิดหน้าร้องคราง ถ้ามีรอยแตกรอยแยกที่พื้นดินตรงไหนละก็ เธอจะมุดลงไปทันทีเลยเชียว! เมื่อครู่เธอรู้สึกต่อต้านเซียวจยาซู่มากเท่าไร ตอนนี้ก็ยิ่งชอบเขามากเท่านั้น ทั้งยังเริ่มยอมรับเขาอยู่ลึก ๆ อีกด้วย เธอย้อนคลิปกลับไปดูตอนที่เซียวจยาซู่นอนหมอบเกาะหน้าผามองจี้เหมี่ยนอีกครั้ง แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมา
เพราะว่าเขาเข่าอ่อนยวบยืนแทบไม่อยู่ ถึงได้นอนหมอบลงไปแบบนั้นใช่ไหม นี่ต้องกลัวถึงขนาดไหนน่ะ กลัวขนาดนี้แต่กลับไม่ยอมไปไหน ยังอยากจะลงไปแทนจี้เหมี่ยน ความรักของเขาที่มีต่อจี้เหมี่ยนลึกซึ้งขนาดไหนกัน
ชิวหลิงหลิงเอาหมอนอิงอุดปากอุดจมูก รู้สึกว่าตัวเองใกล้จะขาดใจตาย เธอชอบเซียวจยาซู่ที่เป็นแบบนี้มาก ๆ ๆ เลย! ชอบที่เขานอนอยู่กับพื้น จุ้มปุ๊กอยู่แบบนั้น ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับปากจี้เหมี่ยน เพราะว่าเป็นห่วงมากก็เลยโมโหใช่ไหม ฮ่า ๆ ๆ น่ารักจริง ๆ!
โดยไม่รู้ตัว ท่านั่งพิงอย่างเกียจคร้านของชิวหลิงหลิงก็เปลี่ยนมาเป็นนั่งเอาสองมือเท้าคางมองจอภาพตาไม่กะพริบ เธอเริ่มจะสนใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ ขอเพียงพวกเขาสบตากัน ยิ้มให้กัน เท่านี้ก็รู้สึกหวานล้ำอบอุ่นเป็นพิเศษแล้ว
…ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรก็เสแสร้งไม่ได้หรอก
แต่ภาพรื่นรมย์อยู่ได้ไม่นาน วันต่อมาท่าทีของเซียวจยาซู่ก็เปลี่ยนไป เขาเริ่มนิ่งเงียบ ดวงตาที่เคยสดใสก็กลับขุ่นมัวคล้ายเก็บงำเรื่องในใจเอาไว้มากมาย เวลาเดินทางจี้เหมี่ยนมักจะหันกลับมามองเขาเสมอ เรียกชื่อเขาเสมอ แต่เขาก็เพียงยิ้มตอบตามมารยาท ไม่พูดอะไรมากเกินจำเป็น
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…ชิวหลิงหลิงแอบนับจำนวนครั้งที่จี้เหมี่ยนเรียกเซียวจยาซู่ในใจ จากนั้นเธอก็บ่น “ทำไมนายถึงไม่สนใจเทพจี้เนี่ยหา หรือเมื่อวานได้รับการดูแลมากเกินไปแล้วกลัวคนดูจะรู้สึกต่อต้าน วันนี้ก็เลยอยากตีตัวออกหากสักหน่อย อย่าทำอย่างนั้นสิ ให้เทพจี้ดูแลนายจะเป็นไรไป เขาจะรักเอ็นดูนายเหมือนน้องชายแท้ ๆ เลยนะ!”
แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้นเลย ในกล้องทั้งสองมีปฏิสัมพันธ์กันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เซียวจยาซู่ที่มักวนเวียนอยู่รอบตัวจี้เหมี่ยนกลับหลบเลี่ยงที่จะใกล้ชิดกับเขาอย่างผิดปกติ ตอนแรกชิวหลิงหลิงยังกลัวอยู่เลยว่าสองคนนี้จะใกล้ชิดกันมากเกินไปจนทำให้มีคนคอมเมนต์อะไรไม่ดี แต่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกคันยุบยิบไปหมด
เธออยากเห็นโมเมนต์อ๊ากก!
ผู้ชมที่คิดเช่นเดียวกับเธอมีอยู่มากมายกว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีก คอมเมนต์บนหน้าจอไหลผ่านไปไม่หยุดหย่อน โดยรวมคือถามว่าเซียวจยาซู่เป็นอะไรไป ทำไมถึงไม่ไปไหนมาไหนกับจี้เหมี่ยน สองคนนั่นคือจุดขายของรายการนี้ เมื่อพวกเขาแยกกันรายการก็ดูจืดชืดลงไปไม่น้อย
กระทั่งสุดท้ายเซียวจยาซู่ก็ถึงกับต้องถอนตัวจากการถ่ายทำเนื่องจากเท้าเสียดสีจนเป็นแผลรุนแรง เวรเอ๊ย! ต่อไปยังจะมีอะไรน่าดูอีกล่ะ มิน่า เขาจึงไม่ค่อยพูด นั่นก็เพราะกังวลว่าจี้เหมี่ยนจะพบความผิดปกติแล้วส่งเขาออกไปจากรายการอย่างนั้นสินะ เขาต้องอยากอยู่อัดรายการกับจี้เหมี่ยนไปจนจบแน่นอน เพราะอย่างนั้นจึงไม่ร้องออกมาสักแอะ แล้วก็อดทนเก็บงำเอาไว้…
ชิวหลิงหลิงแต่งเติมเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ในสมองมากมายจนรู้สึกซาบซึ้งใจ เธอดึงกระดาษทิชชูแผ่นหนึ่งออกมาซับหัวตา ในใจก็เต็มไปด้วยความเอ็นดูปนสงสาร ตอนแรกเธอคิดว่ารายการครึ่งหลังต้องไม่มีอะไรน่าดูแน่ ๆ อย่างไรเสียคนที่น่ารักที่สุดคนนั้นก็ไปแล้ว แต่เธอก็อดยอมรับไม่ได้ว่า เมื่อไม่มีเซียวจยาซู่ เทพจี้ผู้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่นั้นกลับดูน่าสนุกจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ!
คนตาบอดยังมองออกว่าเขาหงุดหงิดมาก ทว่าเพียงสมาชิกในทีมพูดถึงเซียวจยาซู่ขึ้นมาเหมือนโล่กันธนู จี้เหมี่ยนก็จะกลับมาสู่สภาวะปกติที่แสนอ่อนโยนภายในหนึ่งวินาที บางคนคิดว่าเขาเข้มงวดกับลูกทีมมากเกินไป แค่สร้างบ้านเก็บผลไม้เท่านั้น ไม่ต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ก็ได้กระมัง
แต่เมื่อมีพายุฝนกระหน่ำกับน้ำป่าไหลหลากมาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าเขาคิดไม่ผิดเลย ถ้าไม่ใช่เพราะจี้เหมี่ยนตัดสินใจเด็ดขาดรวดเร็วไปช่วยคนได้ทันเวลาละก็ หลินเล่อหยางกับหวงอิ้งเสวี่ยก็คงจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
ผู้ชมตกใจตาโตอ้าปากค้าง จากนั้นก็ชื่นชมในความกล้าหาญของจี้เหมี่ยน มีคนเข้ามาเป็นแฟนคลับของเขาเพิ่มขึ้นนับไม่ถ้วนทันที ส่วนหลินเล่อหยางกับหวงอิ้งเสวี่ยนั้นกลับได้คำด่าทอมาเป็นชุด หวงอิ้งเสวี่ยยังดี อย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง ทั้งยังยืดอกแสดงความรับผิดชอบเอง กลับเป็นหลินเล่อหยางเสียอีกที่ไม่เอาไหน
หลังจากเรื่องนั้นจี้เหมี่ยนไม่ได้โทษทั้งสองคน เขาเพียงแต่ประกาศอย่างจนใจว่ารายการในสัปดาห์นี้จบลงแล้ว ความน่ารักอ่อนหวานในช่วงแรกของรายการกับความอันตรายเสี่ยงชีวิตในช่วงหลังของรายการกลายเป็นจุดที่ดังเป็นพลุแตกของรายการนี้ และเซียวจยาซู่ที่ถอนตัวออกไปกลางคันนั้นก็กลับมีชื่อเสียงขึ้นมาด้วย ข้อมูลดิสเครดิตเขาก่อนหน้านี้มากมายถูกรายการนี้ชะล้างให้ขาวสะอาดไปโดยปริยาย
ถ้าเขาทนลำบากไม่ไหวจะทนเจ็บจนหมดสติไปได้อย่างไรกัน ถ้าเขาวางมาดใหญ่โตแล้วจะดูเคารพนบนอบรุ่นพี่ถึงขนาดนั้นได้หรือ หากคุณบอกว่าเขาเสแสร้ง เอ้า อย่างนั้นก็ได้ งั้นคุณลองทำให้ฝ่าเท้าผิวหนังถลอกออกมาสักแผลหนึ่งแล้วไปเดินขึ้นเขาสักสองสามลูกดูสิ!
ทีมงานรายการเชิญนักแสดงเบอร์ใหญ่ความนิยมสูงมามากมายขนาดนั้น แต่เจ้าเด็กใหม่สุดน่ารักอย่างเซียวจยาซู่กลับกระโดดมาเป็นหนึ่งในสามคนที่มีจำนวนคนติดตามมากที่สุด เขาตามหลังเพียงซือถิงเหิงเท่านั้น ส่วนหลินเล่อหยางร่วงลงไปอยู่ท้ายสุด ทั้งยังมีคนสแปมคอมเมนต์[3]ให้เขาไสหัวไป บอกว่าเขานิสัยอึมครึม ไม่ค่อยพูด ทำอะไรไม่เป็น แต่กลับเอาตัวเองเป็นใหญ่ คนที่บอกว่าจะสร้างบ้านบนพื้นก็คือเขา คนที่บอกว่าจะพาหวงอิ้งเสวี่ยไปเก็บผลไม้ที่ลำธารก็คือเขาอีก เรื่องแย่ใด ๆ ก็ตามล้วนแต่มีเขาอยู่ด้วย สัปดาห์หน้าไม่ต้องมารายการนี้เลยดีกว่า!
คนที่โหวตให้คะแนนไอดอลของตนกับเซียวจยาซู่คนละคะแนนอย่างชิวหลิงหลิงนั้นวางหมอนลง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือ สีหน้าดูลังเลตัดสินใจไม่ได้อยู่เล็กน้อย หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดก็กดเปิดแอปคิวคิว แล้วส่งข้อความถึงเพื่อนสนิท ‘ซูซู…รหัสเข้ากลุ่มแฟนคู่ชิปของเธอคืออะไรหรือ’
‘ไม่ต้องแอดแล้ว กลุ่มเต็มแล้วละ เธอช่วยฉันตั้งขึ้นมาอีกกลุ่มไหมล่ะ’ ซูอันน่าตอบอย่างรวดเร็ว
ชิวหลิงหลิงดิ้นรนอยู่นานจึงค่อยตอบ ‘ได้ งานนี้เจ้จัดการเอง!’ แม่เอ๊ย ก้าวเท้าเข้าลัทธิมารก้าวเดียวอยู่ไปชั่วชีวิต คู่นี้น่ารักเกินไป หวานเกินไปแล้ว เธอควบคุมความคันยิบ ๆ ในใจเอาไว้ไม่อยู่แล้วเนี่ย!
เวลาเดียวกันนั้นเซียวจยาซู่ก็กำลังดูรายการอยู่เช่นกัน ตอนที่พี่จี้เดินออกไปพูดความในใจในการสัมภาษณ์เดี่ยว เซียวจยาซู่ก็พลันหันไปมองอีกฝ่าย หัวใจทั้งดวงละลายไปหมด วินาทีนั้นเขารู้สึกได้อย่างจริงจังหนักแน่นทีเดียวว่า ตอนที่ตัวเขากำลังถลำลึกนั้น พี่จี้ก็ชอบเขาอยู่เช่นกัน
“พี่จี้…” เซียวจยาซู่ลุกขึ้นมาจากอ้อมอกของจี้เหมี่ยน เขาหันกลับไปกอดบ่าอีกฝ่าย เอาแก้มตนแนบสนิทกับแก้มของจี้เหมี่ยนแล้วก็เรียกเสียงอ่อน “พี่จี้ พี่จี้…” เขาไม่รู้ว่าควรจะถ่ายทอดความซาบซึ้งที่มีอยู่ตอนนี้ออกไปได้อย่างไร พี่จี้อาจจะแสดงความรู้สึกไม่เก่ง แต่กลับเอาความรักทั้งหมดมาเปลี่ยนเป็นการกระทำ พี่จี้แบกรับอะไรเพื่อเขามากมายขนาดนั้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยพูดออกมาเลย
เซียวจยาซู่ตาแดง เขาหันหน้าไป เอาหน้าผากดันหน้าผากพี่จี้แล้วก็โขกลงไปเบา ๆ
จี้เหมี่ยนลูบเส้นผมที่หลังศีรษะแล้วลูบใบหน้าของเซียวจยาซู่ จากนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาทั้งนั้นก็ส่งผ่านความรักให้กันและกันได้ไม่ขาดสาย
รายการยังฉายต่อไป วินาทีที่ได้ยินว่าเสี่ยวซู่เป็นลมอย่างไร้สาเหตุ ตอนนั้นจี้เหมี่ยนแทบโยนพลั่วสนามในมือทิ้งทีเดียว เขาวิ่งไปที่ห้องพยาบาลด้วยความเร็วสูงสุด ถอดถุงเท้าของเสี่ยวซู่อย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยเลือดของอีกฝ่าย ดวงตาของจี้เหมี่ยนก็แดงเรื่อขึ้นมาทันที
แม้ว่าจะเคยผ่านประสบการณ์นั้นมาด้วยตนเอง แต่เมื่อเห็นฉากนั้นอีกครั้ง จี้เหมี่ยนก็ยังหลับตาไม่กล้ากลับไปนึกถึง
เซียวจยาซู่เองก็หันไปดูโทรทัศน์เช่นกัน เขาอยากรู้มากว่าหลังจากที่ตนไปแล้วพี่จี้พบเจอประสบการณ์ใดบ้าง เขาเห็นอีกฝ่ายควบคุมอารมณ์ไม่อยู่และระเบิดออกมา แล้วก็เห็นอีกฝ่ายเสี่ยงภัยจนเกือบโดนน้ำป่าซัด หัวใจของเซียวจยาซู่เหมือนโดนมือยักษ์คู่หนึ่งมาบีบเอาไว้ เขาเจ็บปวดเหลือเกิน พี่จี้เสียกิริยาอย่างนั้นก็เพราะตัวเขา เขาตระหนักถึงจุดนี้ได้อย่างชัดเจนแต่กลับไม่ได้รู้สึกยินดีหรือภาคภูมิเลย
มีคำพูดประโยคหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า ในใจของผู้ชายทุกคนล้วนมีเด็กน้อยคนหนึ่งอาศัยอยู่ ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็มักมีด้านที่อ่อนแออยู่เสมอ และเซียวจยาซู่ก็ดีใจมากที่ตนค้นพบด้านที่อ่อนแอนั้นของพี่จี้ เมื่อเป็นอย่างนี้เขาจึงจะเติมเต็มและปลอบโยนอีกฝ่ายได้
ก็เหมือนกับที่พี่จี้รักเอ็นดูเขานั่นละ เขาเองก็อยากจะรักเอ็นดูพี่จี้เช่นกัน พี่จี้ไม่ใช่คนที่ทำได้ไปเสียทุกอย่าง จุดนี้เขารู้มาตลอด แต่กลับไม่เคยตระหนักอย่างลึกซึ้งเท่านี้มาก่อนว่าตนจะสร้างความเจ็บปวดให้อีกฝ่ายอย่างไรบ้าง ถ้าตอนนั้นเขาไม่ได้ออกจากรายการจะดีเพียงใดกัน หากตอนนั้นเขาไปหาพี่จี้แล้วถามให้แน่ใจจะดีเพียงใด
แต่ตอนนี้พูดอะไรไปก็สายไปแล้ว ในใจของเซียวจยาซู่รู้สึกผิดจนทนไม่ไหว เขากอดศีรษะพี่จี้เอาไว้แล้วพรมจูบไม่หยุดหย่อน จมูกกับหัวใจรู้สึกทั้งแสบทั้งขมขื่น เขาพูดเบา ๆ “พี่จี้ พวกเรามาทำสัญญากันนะ ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เราสองคนจะไม่ปิดบังอีกฝ่ายเด็ดขาด ได้ไหมครับ” เขาจะไม่ทิ้งพี่จี้ไปโดยไม่พูดอะไรสักคำอีกแล้ว!
ตอนที่ความรู้สึกเศร้าเสียใจทรมานเสี่ยวซู่อยู่นั้น จี้เหมี่ยนจะไม่รู้สึกทุกข์ไปด้วยได้อย่างไร ความเศร้าเสียใจของเขามีมากกว่าเสี่ยวซู่ไม่รู้กี่เท่า ดังนั้นเขาจึงยื่นนิ้วออกไปเกี่ยวนิ้วของเสี่ยวซู่แล้วเอ่ยเสียงพร่า “ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะบอกนายทันทีเลย” นอกเสียจากเรื่องนั้น เขาก็จะไม่ปิดบังความลับใดจากเสี่ยวซู่อีก
[1] หมายถึง เวลาที่ดีใจและมีความสุขมากจนแสดงออกมาบนใบหน้าอย่างชัดเจน
[2] หมายถึง คนที่ภายนอกดูเป็นคนงดงาม อ่อนแอ ไร้พิษสง ทำให้คนอื่นรู้สึกเห็นใจและอยากช่วยเหลือ แต่ที่จริงแล้วในใจมีแผนการร้ายกาจแอบแฝงเอาไว้ คำนี้มักใช้กับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
[3] หมายถึง การคอมเมนต์ลงไปเยอะ ๆ เพื่อดันคอมเมนต์อื่นจนตกไป ให้เห็นแต่คอมเมนต์ของตัวเอง