[ทดลองอ่าน] คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง ตอนที่ 112

爱你怎么说
คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง

 

风流书呆 เฟิงหลิวซูไต เขียน
ศีตกาล แปล
MOON วาด

 

— โปรย —

ในที่สุดความเข้าใจผิดระหว่าง เซียวจยาซู่ และ จี้เหมี่ยน ก็คลี่คลาย
ทั้งคู่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกันและกัน และตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
แต่การจะได้การยอมรับจากคนรอบข้างนั้นไม่ง่าย
ไหนจะมารดาที่รักลูกยิ่งชีพ บิดาหัวโบราณชอบวางอำนาจ และพี่ชายสุดเข้มงวด
ที่ทำเอาเซียวจยาซู่ต้องคิดหนัก แม้ว่าเขาอยากจะให้คนอื่น ๆ ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับพี่จี้ก็ตาม
แต่ก็ยังคงต้องเก็บงำไว้ ไม่อาจประกาศออกไปได้

ทว่าถึงจะไม่พูดแต่ใช่ว่าการกระทำของทั้งคู่จะรอดพ้นสายตาของคนเป็นแม่
เมื่อเซวียเหมี่ยวรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอก็รีบจับเซียวจยาซู่แยกจากจี้เหมี่ยนทันที
แต่มีหรือที่คนอย่างจี้เหมี่ยนจะไม่คิดทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบ

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 112

ใครจากใครไม่ได้กันแน่

 

หลังจากอยู่ที่บ้านคุณแม่จี้สองวัน เซียวจยาซู่กับจี้เหมี่ยนก็กลับจีน เซวียเหมี่ยวผู้ไม่ได้พบลูกชายมานานมารับที่สนามบินด้วยตนเอง ทั้งยังเลี้ยงข้าวจี้เหมี่ยนอีกด้วย ระหว่างรับประทานอาหารจี้เหมี่ยนทำตัวสุภาพมาก เขาเรียกน้าเซวียทุกคำ ทั้งยังดื่มเพื่อให้เกียรติเซวียเหมี่ยวอีกหลายแก้ว ท่าทางถ่อมตนมาก

เซียวจยาซู่นั่งอยู่ข้างกายเขา แต่กลับไม่กล้าแสดงความสนิทสนมใด ๆ ได้แต่อาศัยตอนที่แม่ไม่ได้มองอยู่กะพริบตาปริบ ๆ ทำปากยื่นใส่จี้เหมี่ยน จากนั้นก็ก้มหน้ากลั้นยิ้ม หลังจากรับประทานอาหารเสร็จจี้เหมี่ยนก็รู้สึกคันยิบ ๆ ในใจ แต่จนใจกับการที่ถูกคนรักแหย่อยู่เรื่อย ๆ เหลือเกิน เขามองส่งเซวียเหมี่ยวจนรถแล่นออกไปไกลแล้วจึงกลับมาที่รถของตนเองพร้อมถอนหายใจยาว

ตอนอยู่อเมริกาเขาได้ใกล้ชิดกับเสี่ยวซู่เช้าเย็นมาสองเดือนกว่า จู่ ๆ จะให้แยกกันแบบนี้เขาไม่ชินเลยจริง ๆ ที่แล้วมาเวลาออกไปไหนเสี่ยวซู่มักจะตามติดเป็นเงาไม่ห่างกาย แค่ขึ้นรถก็จะกอดแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้ พูดเจื้อยแจ้วอย่างนั้นอย่างนี้อยู่พักหนึ่ง จากนั้นจะจุ๊บเขาสองสามครั้งแล้วจึงค่อยกลับไปนั่งที่เดิมอย่างอาลัยอาวรณ์ ถ้าสภาพถนนดีก็จะแอบยื่นมือข้างหนึ่งมาจับมือที่ว่างอยู่ของเขา ถ้าถนนไม่ดีก็จะนั่งพิงเบาะตัวเองอย่างว่าง่าย ผ่านไปครู่หนึ่งก็หันมามองเขาครั้งหนึ่ง อีกครู่หนึ่งก็จะมองอีกครั้ง ราวกับมองอย่างไรก็ไม่พอ

และเวลานั้นจี้เหมี่ยนก็จะหันไปมองเซียวจยาซู่เช่นกัน เขาจะยิ้มให้อีกฝ่ายบ้าง หรือไม่ก็ลูบศีรษะอีกฝ่ายบ้าง เซียวจยาซู่ก็จะเปลี่ยนจากท่าทีสงบนิ่งเรียบร้อยมาเป็นเด็กร่าเริงมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

คนที่เพิ่งจะซื้อรถเป็นครั้งแรกมักกระตือรือร้นที่จะขับ คนเดียวขับรถไปไกลสองสามร้อยกิโลเมตร หยุดอยู่เพียงไม่กี่นาที และอาจจะขับกลับมาโดยไม่รั้งรอสักวินาทีเดียวเลยก็ยังรู้สึกว่าสนุกมากได้ แต่เมื่อขับรถนาน ๆ เข้าก็จะเริ่มรู้สึกเบื่อการขับรถขึ้นเรื่อย ๆ แค่ได้ยินว่าต้องเดินทางโดยขับรถเองก็แทบจะหนังศีรษะชาแล้ว เมื่อก่อนจี้เหมี่ยนก็อยู่ในสภาพนั้น เขาเบื่อการขับรถมาก โดยเฉพาะการขับรถยาว ๆ หลายชั่วโมง

ทว่าตั้งแต่มีเสี่ยวซู่ เขากลับหลงรักความรู้สึกที่พวกเขาสองคนได้อยู่ในพื้นที่ปิดกันสองต่อสองเสียแล้ว พวกเขาพูดคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยก็ยังรู้สึกสนุกสนาน ไม่มีอะไรให้คุยกันก็จะเอ่ยคำหวานคลอเคลียจู๋จี๋ซาบซึ้งในตัวกันและกัน แลกจูบกันอย่างรวดเร็ว เขาสามารถพาเสี่ยวซู่ไปในเมืองที่ไม่รู้จักแล้วเที่ยวเตร่อย่างไร้จุดหมายได้หลาย ๆ ชั่วโมง และยังนึกอุตริพาไปต่อยังเมืองที่ไกลแสนไกลอีกเมืองได้อีก ระหว่างทางก็พักนั่งตามร้านอาหาร กินพิซซ่าสักชิ้น ดื่มกาแฟสักถ้วย เมื่อตกกลางคืนก็ขับกลับ

บนเส้นทางอันยาวไกลนั้น ขอเพียงมีเสี่ยวซู่ร่วมทางเขาก็จะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย บางครั้งถึงกับรู้สึกด้วยซ้ำว่าเขาคงพาเสี่ยวซู่ขับรถไปข้างหน้าได้เรื่อย ๆ ไกลถึงสุดขอบโลกได้ทีเดียว

ความรักช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์เหลือเกิน มันทำให้ชีวิตที่เคยจืดชืดน่าเบื่อกลับมาดูแปลกใหม่น่าตื่นตาตื่นใจได้ และยังทำให้เรื่องที่เคยไม่ชอบกลายเป็นน่าสนใจได้ด้วย จี้เหมี่ยนค้นพบว่าชีวิตของเขาเกิดการพลิกผันเปลี่ยนแปลงขึ้นมากมายก็เพราะเสี่ยวซู่ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปในทางที่ดี หอมหวาน และอิ่มเอม

ดังนั้น ณ ชั่วขณะนี้ หลังจากส่งเสี่ยวซู่ไปแล้วเขาจึงรู้สึกเหงาเป็นพิเศษ จี้เหมี่ยนนั่งอยู่หลังพวงมาลัยอยู่นาน แต่กลับไม่รู้ว่าตนควรทำอะไร ผ่านไปประมาณสิบนาทีเขาถึงเพิ่งจะสตาร์ตรถขับไปยังที่พักที่เพิ่งจะตกแต่งใหม่ ก่อนเสี่ยวซู่จะย้ายมา สถานที่นี้คงจะเรียกว่าบ้านไม่ได้หรอก

เดิมเขาว่าจะไปอยู่ที่วิลล่าแถบชานเมือง แต่เสี่ยวซู่ไม่เห็นด้วย เขาบอกว่าวิลล่ามันใหญ่โตและว่างเปล่าเกินไป ไม่อาจรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ถ้าพวกเขาคนหนึ่งนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขกชั้นล่าง อีกคนทำงานอยู่ในห้องหนังสือชั้นบน รอบกายก็เหมือนไม่มีใครอยู่เลย ยิ่งทำให้ดูเหงามากเป็นพิเศษ แต่ถ้าอยู่ในอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กก็จะต่างออกไป ต่อให้ยุ่งเรื่องของตัวเองอยู่คนละห้องก็ยังได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของกันและกัน ยิ่งไปกว่านั้น แค่ตะโกนเรียก คนที่คุณรักก็จะมาปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ ทันที มาให้คุณกอด ให้คุณจูบ แบบนั้นจะดีสักเพียงใด

จี้เหมี่ยนฟังคำพูดนี้แล้วก็ได้แต่ยิ้ม เขารู้สึกว่าเสี่ยวซู่เป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นค่อนข้างมาก น่ารักมาก ๆ แต่เมื่อกลับมาถึงอพาร์ตเมนต์และรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าในห้อง เขาก็พลันเข้าใจความหมายที่เสี่ยวซู่พูดขึ้นมา เขาเปลี่ยนมาสวมรองเท้าแตะ เดินช้า ๆ เข้าห้องรับแขก นั่งลงบนโซฟานุ่ม ปลายนิ้วสอดเข้าไปในกระเป๋าด้านในเสื้อสูทก็พบว่าตนไม่ได้สูบบุหรี่นานแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีซองบุหรี่เตรียมเอาไว้ใกล้มือเลย

ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟจึงดูมืดเป็นพิเศษ เครื่องเรือนเป็นของใหม่ทั้งหมดเขาจึงได้กลิ่นหนังเล็กน้อย ไม่ได้กลิ่นแรงอะไร เพียงแต่ขาดกลิ่นของเสี่ยวซู่ไปเท่านั้น นี่มันเป็นบ้านที่ไหนกันเล่า สู้โรงแรมที่พวกเขาพักที่อเมริกาไม่ได้ด้วยซ้ำ

จี้เหมี่ยนดึงเน็คไทออก ถอดเสื้อสูทตัวนอก เขาค้นดูตามตู้ตามกล่องต่าง ๆ ในห้องอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่เจอบุหรี่สักซอง เมื่อนั้นเขาจึงเปิดไฟ ห้องรับแขกโล่งว่างก็ยิ่งดูเคว้งคว้างว่างเปล่าขึ้นไปอีก มันบีบคั้นจนเขารู้สึกแย่ จี้เหมี่ยนกลับลงไปนั่งบนโซฟา เอามือปิดหน้า รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน

ตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงดังขึ้น เป็นเสียงแจ้งเตือนของเสี่ยวซู่คนเดียวเท่านั้น จี้เหมี่ยนสะท้านไปทั้งตัว จากนั้นจึงกดเปิดดูหน้าจอด้วยความเร็วสูงสุดและกดเข้าไปที่หน้าแชท

ต้นอ่อนน้อย ‘พี่จี้ ผมคิดถึงพี่!’

จี้เหมี่ยนที่กำลังหงุดหงิดใจแปลก ๆ พลันหัวเราะเบา ๆ ออกมาทันที เขาตอบไปว่า ‘แต่พวกเราเพิ่งจากกันไม่ถึงชั่วโมงเองนะ’

‘ผมคิดถึงพี่จริง ๆ จากกันชั่วโมงเดียวสำหรับผมมันนานมาก ๆ ๆ เลย จากกันหนึ่งวันผมต้องหมดอาลัยตายอยากแน่ จากกันสองวันผมคงกำลังใจห่อเหี่ยว จากกันสามวันผมคงซึมกะทือ ถ้าสี่วันขึ้นไปผมต้องป่วยหนักมากแน่ พี่จี้ พี่ว่าผมควรทำไงดี’

ใจจี้เหมี่ยนร้อนรุ่มดั่งไฟ เขาอยากจะทะลุผ่านโทรศัพท์เข้าไปดึงตัวคนรักเข้ามากอดจูบให้เต็มที่ ‘ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องแยกจากพี่ เบบี๋ พี่ก็คิดถึงนายเหมือนกัน คิดถึงมาก ๆ เมื่อไรนายจะย้ายมาล่ะ’ เขารอคำตอบด้วยความประหม่าเล็กน้อย

‘พรุ่งนี้ ผมพูดกับแม่ไว้แล้ว แม่ถามว่าทำไมผมถึงอยากย้ายบ้านกะทันหัน ผมเลยบอกว่าผมก็มีอารมณ์อยากจะใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนกัน แม่ก็เลยตกลง ที่จริงแม่เปิดกว้างมากเลยนะ ผมอยากบอกแม่เรื่องของเราสองคนมากเลย’

จี้เหมี่ยนเครียดขึ้นมาทันที เขารีบห้าม ‘อย่าเพิ่งบอกนะ เรื่องนี้ให้พี่จัดการได้ไหม นายไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น’ ตอนนี้เขาแค่อยากจะรีบไปรับเสี่ยวซู่มาอยู่ด้วยเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่กล้ารับประกันว่าต่อไปจะได้พบเสี่ยวซู่หรือเปล่า เซวียเหมี่ยวเปิดกว้างหรือ ก็อาจจะ แต่ถ้าเธอรู้ว่าอารมณ์อยากใช้ชีวิตของลูกชายคือการไปอยู่กินกับผู้ชาย อย่างนั้นก็คงไม่แน่ไม่นอนแล้ว

จี้เหมี่ยนต้องคิดหาวิธีที่จะได้รับคำอวยพรจากครอบครัวของเสี่ยวซู่ให้ได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะเสียเสี่ยวซู่ไปแม้แต่นิดเดียว เขาต้องคิดแผนการที่รอบคอบ ดังนั้นจึงจะรีบไม่ได้

‘ครับ’ คำตอบของเสี่ยวซู่เรียบง่ายมาก แต่เบื้องหลังหน้าจอโทรศัพท์นั้นจี้เหมี่ยนพอจะจินตนาการภาพเสี่ยวซู่กำลังเอียงคอทำตาปริบ ๆ อย่างน่ารักได้เลยทีเดียว น้ำเสียงของอีกฝ่ายต้องอ่อนโยนมาก ๆ แล้วก็เจือความหวานอยู่พอควร ทำให้เขาอยากจะจูบเหลือเกิน

‘เบบี๋’ เขาพิมพ์ไปอีกคำ แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะสื่ออะไร เรื่องที่อยากจะพูดมีมากมายเกินไป ความรู้สึกที่อยากจะส่งต่อให้อีกฝ่ายนั้นก็รุนแรงเกินไป สุดท้ายเมื่อปลายนิ้วสัมผัสลงบนโทรศัพท์มือถือเขาก็คิดอะไรไม่ออก ได้แต่เรียกอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนที่สุดเช่นนี้

‘คุณสามี’ ทางนั้นก็ส่งมาแค่คำเดียวเช่นกัน แต่มันกลับขับไล่ความรู้สึกว่างเปล่าและความว้าวุ่นในใจของจี้เหมี่ยนออกไปได้อย่างรวดเร็ว เขารู้ดี ตอนนี้ความรู้สึกของเสี่ยวซู่ต้องเป็นเหมือนกับเขาแน่ ถ้อยคำเป็นพันเป็นหมื่นล้วนไม่อาจสู้คำเรียกที่อัดแน่นไปด้วยความรักล้นปรี่เช่นนี้ได้เลย

เขานอนอยู่บนโซฟา แนบโทรศัพท์มือถือเอาไว้กับอกแล้วหัวเราะเบา ๆ ออกมาอย่างเป็นสุข หัวเราะแล้วก็จูบแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายไปด้วย เขาไม่เคยตระหนักอย่างลึกซึ้งขนาดนี้มาก่อนเลยว่า…ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าเสี่ยวซู่แยกจากเขาไม่ได้หรอก แต่เป็นเขาเองต่างหากที่แยกจากเสี่ยวซู่ไม่ได้

เดิมเขาคิดจะนอนนิ่ง ๆ ครู่หนึ่ง แต่เสียงโทรศัพท์กลับดังหึ่ง ๆ ไม่หยุด มีทั้งสายเรียกเข้าและข้อความ สายแล้วสายเล่า ข้อความแล้วข้อความเล่า แต่เขาไม่สนใจสักอย่างเดียว ตั้งแต่แยกจากเสี่ยวซู่มา เขาก็ต้องการเวลานานทีเดียวกว่าจะรวบรวมกำลังใจขึ้นมาได้ใหม่ ถ้ามีบุหรี่สักซองก็อาจจะดีกว่านี้ แต่ก็เพราะเสี่ยวซู่อีกนั่นละเขาจึงได้เลิกบุหรี่ไปโดยอัตโนมัติ

เรื่องนี้สำหรับจี้เหมี่ยนถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มาก ต้องรู้ว่าเขาเป็นคนติดบุหรี่อย่างหนัก เวลาติดหนักมาก ๆ วันหนึ่งต้องสูบสักหนึ่งซอง น้อยหน่อยก็ต้องสูบสักวันละสิบมวน

แย่แล้ว จี้เหมี่ยน นายจบเห่จริง ๆ แล้วนะนี่! ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งอยากหัวเราะ จ้องมองแหวนบนนิ้วอยู่เนิ่นนาน เวลานี้เองก็มีข้อความจากเสี่ยวซู่ส่งมาอีกครั้ง ‘พี่จี้ คืนนี้แม่ผมต้องบินไปถ่ายหนังที่หางโจวแล้ว ผมจะย้ายไปเดี๋ยวนี้เลย รอผมนะ!’

จี้เหมี่ยนลุกขึ้นนั่งทันที เขาตอบกลับไปว่า ‘พี่ไปรับ’ จากนั้นก็เอาโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง เขาออกไปโดยแม้แต่เสื้อสูทตัวนอกก็ไม่ทันได้สวมด้วยซ้ำ ใบหน้าที่เดิมอ่อนล้ากลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา แต่เมื่อลงลิฟต์ไปถึงที่จอดรถ เสี่ยวซู่กลับส่งข้อความมาว่าตนกำลังเดินทางมาแล้ว ไม่ต้องมารับ

อีกฝ่ายเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาเพียงเท่านี้ ดูท่าความร้อนรนในใจของเสี่ยวซู่คงจะไม่น้อยไปกว่าเขาเลย จี้เหมี่ยนจ้องมองข้อความในโทรศัพท์มือถือแล้วก็หัวเราะเบา ๆ จากนั้นเลื่อนขึ้นไปดูประวัติการสนทนาช้า ๆ หวนรำลึกถึงบทสนทนาที่ผ่านมาแล้วก็รู้สึกมีความสุขเหลือเกิน

เขาเดินตามทางลาดไปถึงประตูทางเข้าเขตชุมชน ยืนอยู่ใต้ไฟข้างถนน ให้แสงสีส้มแดงสาดส่องใบหน้าของตนให้สว่าง แบบนี้เสี่ยวซู่จะได้มองเห็นเขาทันทีที่มาถึง เขาเดินผ่านซูเปอร์มาร์เก็ตจึงซื้อบุหรี่มาซองหนึ่ง แต่อะไรดลใจก็ไม่รู้ให้หยิบถุงยางอนามัยมากล่องหนึ่งด้วย เมื่อเดินออกมาไกลแล้วจึงค่อยได้สติแล้วเอามือปิดหน้า

มีคนกล่าวว่า คบกันนาน ๆ คู่รักมักจะค่อย ๆ คล้ายคลึงกันมากขึ้น คำพูดนี้ไม่ผิดเลย เขารู้สึกว่าพฤติกรรมของตนใกล้เคียงเสี่ยวซู่ขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีขีดจำกัด ดังนั้นเขาจึงคลำถุงยางอนามัยที่ใส่เอาไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วก็ส่ายหน้าพลางยิ้ม รู้สึกอารมณ์ดีสุด ๆ

รออีกประมาณสิบกว่านาทีรถของเสี่ยวซู่ก็แล่นมา เนื่องจากจี้เหมี่ยนบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นประตูเขตชุมชนจึงเปิดออกอย่างรวดเร็ว เสี่ยวซู่ยื่นศีรษะออกมา เขามองคนที่ยืนอยู่ใต้เสาไฟแล้วก็อยากจะเรียก ‘พี่จี้’ ดัง ๆ แต่ก็กลัวมีปาปารัซซี่ซุ่มแอบถ่ายอยู่รอบ ๆ จึงได้แต่กวักมืออย่างยินดี

จี้เหมี่ยนก้าวยาว ๆ เข้าไปหา เขาเข้าไปนั่งบนที่นั่งข้างคนขับแล้วหยิบถุงยางอนามัยที่เพิ่งซื้อออกมา “เอ้า ของขวัญให้นาย”

เซียวจยาซู่รับกล่องไปดูแล้วก็หัวเราะ “ถ้ารู้ว่าพี่จะซื้อ ผมคงไม่ต้องจอดรถแวะซื้อระหว่างทางหรอก เสียเวลาไปตั้งหลายนาทีแน่ะ” เขาแทบจะติดปีกบินมาหาพี่จี้อยู่แล้ว เวลาเพียงสองสามนาทีก็ยังรู้สึกว่ายาวนานเหมือนสองสามชั่วโมงด้วยซ้ำ! แต่ทำอย่างไรได้ แม้ว่าความสุขทางใจจะสำคัญ แต่ความสุขทางกายก็สำคัญเหมือนกัน ต้องเอาใจใส่ทั้งสองทางเลยสิ!

จี้เหมี่ยนหัวเราะร่าเริง เขามองกระจกมองหลัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปาปารัซซี่เข้ามาในเขตชุมชนได้แล้วจึงโอบศีรษะเสี่ยวซู่เข้ามาจูบแรง ๆ เมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องแล้วก็เริ่มเปิดฉากร้อนแรงกันทันที ทำบนพรมที่ห้องรับแขกรอบหนึ่ง ทำในห้องน้ำอีกรอบหนึ่ง เมื่อนั้นจึงค่อยปลอบโยนความว่างโหวงหงอยเหงาในหัวใจให้สงบลงได้

“อยากนอนหรือยัง” จี้เหมี่ยนกอดคนรักแล้วก็จูบ

“ดูทีวีอีกสักแป๊บค่อยนอนแล้วกันครับ วันนี้เป็นวันออกอากาศฮวงเหยี่ยเม่าเสี่ยนจยาวันแรก พี่จำได้ใช่ไหม” เซียวจยาซู่สวมชุดนอนแล้วก็เอ่ยเร่ง “ไป ๆ พวกเราไปดูทีวีในห้องรับแขกกัน”

“ดูในห้องนอนไม่ดีกว่าหรือ” จี้เหมี่ยนไม่อยากขยับ หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วเขาก็เหมือนสิงโตตัวใหญ่ คือทั้งสำราญและเกียจคร้านอย่างที่สุด

“ผมอยากดูไปกินขนมไปนี่นา ถ้านอนดูบนเตียงขนมก็หกเต็มเตียงหมดสิ” เซียวจยาซู่กระโดดขึ้นเตียง ใช้ฝ่าเท้าถูเบา ๆ ตรงส่วนที่สงบลงไปแล้วของพี่จี้ แล้วก็พบว่าเจ้าตัวน้อยกลับขยายขึ้นด้วยความเร็วอันน่าตกใจ

จี้เหมี่ยนจับข้อเท้าของเขาไว้แล้วเอ่ยเสียงพร่า “ถ้ายังอยากดูทีวีดี ๆ ก็อย่าเล่น เป็นเด็กดีนะ” คนที่เพิ่งจะกลับจีนมาเหนื่อย ๆ อย่างเสี่ยวซู่ ตอนนี้คงจะเหนื่อยแล้ว เขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเหนื่อยขึ้นไปอีก

เซียวจยาซู่ดึงเท้ากลับมา ทว่าก็กระโจนใส่พี่จี้แล้วกัดอีกฝ่ายเล่นสองสามที จากนั้นจึงพูดเอาใจ “ไม่เล่นแล้ว ผมอยากให้พี่นั่งดูทีวีเป็นเพื่อนผมสักพัก ดูจบเราก็ไปนอนกัน ดีไหม” นั่งเครื่องบินมานานขนาดนั้น พี่จี้คงจะเหนื่อยแล้ว ต่อให้ร่างกายยังคงมีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายทำอีก

เมื่อได้ยินเสียงในใจของเสี่ยวซู่ จี้เหมี่ยนก็กอดอีกฝ่ายแล้วจูบอย่างอ่อนโยน ความเคว้งคว้างว่างโหวงตอนกลับบ้านมาใหม่ ๆ ได้รับการเติมเต็ม แม้ว่าร่างกายจะอ่อนล้าไม่น้อย แต่หัวใจของพวกเขายังคงโหยหาในตัวกันและกัน ยังผูกโยงกันและกัน ความรักที่ดีที่สุดก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้

“ไป ลุกขึ้นไปดูทีวีกัน” หลังจากจูบเสี่ยวซู่ย้ำ ๆ ไปหลายครั้ง จี้เหมี่ยนจึงค่อยลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อคลุมมาคลุมกายด้วย

“เริ่มแล้ว ๆ!” เซียวจยาซู่วิ่งออกมาจากห้องครัว ในมือมีมันฝรั่งทอดถุงหนึ่ง

จี้เหมี่ยนกางขากางแขนรับตัวเซียวจยาซู่เข้ามาในอ้อมอกอย่างเป็นธรรมชาติ เขาเอาคางเกยไหล่อีกฝ่ายแล้วก็เอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ป้อนหน่อย” ขอเพียงเสี่ยวซู่อยู่ในอ้อมแขนเขาก็ไม่อยากขยับเลยสักนิดเดียว ร่างกายและจิตวิญญาณรู้สึกอบอุ่นสบายมากเป็นพิเศษ

เซียวจยาซู่กินคำหนึ่ง ป้อนพี่จี้คำหนึ่ง ดวงตาก็มองหน้าจอไม่กะพริบ ก้วนซื่อมีช่องของตัวเองเช่นกัน ซึ่งมีปริมาณการรับชมสูงมาก ยิ่งไปกว่านั้นแขกรับเชิญสัปดาห์นี้ยังเป็นหนุ่มหล่อสาวสวยที่ความนิยมสูงมากด้วย แค่หน้าตาก็ดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้กลุ่มใหญ่แล้ว

ชาวเน็ตพากันส่งใจเชียร์ไอดอลของตนในคอมเมนต์บนหน้าจอยกใหญ่ วินาทีที่จี้เหมี่ยนปรากฏตัวขึ้น เหล่ามงกุฎน้อยก็คอมเมนต์กันจนแทบจะบังหน้าจอมิด เห็นได้ชัดว่าความนิยมของเขาสูงเพียงใด และก็เพราะเหตุนี้ ที่พักนี้เขาออกมาสนับสนุนเสี่ยวซู่อยู่เรื่อย ๆ จึงทำให้เสี่ยวซู่ดึงความนิยมที่เคยมีกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

แม้ว่าแฟนคลับของฉิวตู้กับเจียงปิงเจี๋ยจะยังคอยพูดจาให้ร้ายเสี่ยวซู่อยู่ไม่เลิกรา แต่ถ้อยคำที่ใช้นั้นเลวร้ายมากเกินไปจริง ๆ จนทำให้ชาวเน็ตทั่วไปทนดูต่อไปไม่ไหว พวกเขาคล้ายจะมีบทสรุปกันนานแล้วว่าเรื่องใดจริงเรื่องใดเท็จ แต่การถกเถียงกันว่า ‘ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่’ นั้นก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาทีละน้อย ทุกอย่างแค่รอให้ถึงเวลาที่ละครเรื่องซวงหลงฉวนฉีออกฉายก็จะได้รู้ชัดกันเอง

“พี่จี้ พี่ได้รับความนิยมน่าดูเลยนะเนี่ย” เซียวจยาซู่เคี้ยวมันฝรั่งทอดอย่างเป็นสุข แต่วินาทีต่อมาก็หน้าง้ำทันที “หลินเล่อหยางมองพี่อยู่ตลอดเลย เฮอะ!” แต่หึงไปก็เท่านั้น เขาคงไม่เอาเรื่องในอดีตมากัดไม่ปล่อยหรอก เพราะอดีตเหล่านั้นทำให้เขาต้องทะเลาะกับพี่จี้ ทำสงครามเย็นใส่กัน แล้วก็ไกลห่างจากพี่จี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนะ!

จี้เหมี่ยนหอมแก้มป่อง ๆ ของอีกฝ่ายทันทีแล้วเอ่ยปลอบ “พี่ไม่ได้มองเขา พี่มองนายอยู่ตลอดแหละ”

“เหรอ ไหนดูซิ” เซียวจยาซู่หยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นมาย้อนดูฉากเมื่อครู่อีกครั้ง แล้วก็พบว่าชาวเน็ตส่งคอมเมนต์กันมาว่า ‘เห็นไหมนั่น วินาทีที่อาจารย์จี้ปรากฏตัวขึ้นน่ะ เจ้าต้นอ่อนน้อยตาเป็นประกายเชียว! ตาเป็นประกายจริง ๆ นะ ไม่ได้ใส่เอฟเฟ็กต์เลย!’

ในที่สุดภาพก็ย้อนไปยังวินาทีที่จี้เหมี่ยนปรากฏตัว บนหน้าจอนั้นเซียวจยาซู่หันขวับไปมองจี้เหมี่ยน ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ จากนั้นก็หน้าแดงแล้วยิ้มออกมา กล้องจับภาพตามทิศทางที่เขาหันไปแล้วก็โคลสอัปไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของจี้เหมี่ยน ทั้งยังใส่เอฟเฟ็กต์ออร่าเปล่งประกายไปทุกทิศให้เขาด้วย ราวกับว่าวินาทีนั้นในดวงตาของเซียวจยาซู่มีแต่จี้เหมี่ยน และในดวงตาของจี้เหมี่ยนก็มีแต่เขา

เซียวจยาซู่ไม่พูดอะไรอีก ใบหน้าที่ไม่ได้แดงซ่านมานานค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีระเรื่อขึ้นมา ดวงตากลอกเป็นระยะเพื่อแอบมองปฏิกิริยาของจี้เหมี่ยน จี้เหมี่ยนจูบใบหูของเขาจากด้านหลังแล้วก็กลั้นหัวเราะพลางว่า “ที่แท้ตั้งแต่ตอนนั้นนายก็เริ่มชอบพี่แล้วสินะ”

“ก็ใช่น่ะสิ ผมชอบพี่มานานมากแล้ว!” เซียวจยาซู่อาศัยโอกาสนี้สารภาพเสียเลย

“ความจริงตอนนั้นพี่ก็ชอบนายเข้าแล้วเหมือนกัน เพียงแต่พี่ยังไม่รู้ตัวเองเท่านั้น” จี้เหมี่ยนจูบปลายจมูกคนรักแล้วนวดศีรษะอีกฝ่ายเบา ๆ น้ำเสียงฟังดูเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ตอนที่เขายังไม่รู้ตัวนั้น ที่จริงตากล้องเริ่มจะสังเกตเห็นแล้ว พวกเขามักจะมองเห็นกันและกันในทันทีท่ามกลางกลุ่มคนมากมาย และวินาทีที่สบตากันก็มักจะยิ้มออกมา นี่คงจะเป็นความรู้สึกแบบใจส่งถึงใจสินะ

คอมเมนต์บนหน้าจอของชาวเน็ตเพิ่มขึ้นมากมายทันที บนหน้าจอมีแต่คำเอ่ยแซวว่า ‘อ๊า ๆ ๆ นี่แหละรักจริง!’

จี้เหมี่ยนหัวเราะเบา ๆ เขาเอ่ยอย่างจริงใจ “สายตาของผู้ชมนี่แหลมคมจริง ๆ นะ”

เซียวจยาซู่รู้สึกดีจนแทบจะลอย เขาแนบศีรษะกับอกของพี่จี้แล้วก็ซุกไซ้ไปมา ทั้งยังแอบหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นจึงดูโทรทัศน์ต่อ จี้เหมี่ยนรับมันฝรั่งทอดจากมือของเซียวจยาซู่มาป้อนให้ถึงปากอย่างเอาใจใส่ ทั้งยังไม่ลืมส่งน้ำให้ดื่มเป็นระยะด้วย

รายการต้องการเพิ่มจุดขายจึงตัดต่อโดยเน้นฉากที่จี้เหมี่ยนกับเซียวจยาซู่มีปฏิสัมพันธ์กัน ตอนที่จี้เหมี่ยนเลือกคนเข้าทีม ทีมโพสต์โปรดักชั่นจึงทำรูปลูกศรสีแดงใหญ่ยักษ์ไว้บนศีรษะของเซียวจยาซู่ ข้าง ๆ มีตัวหนังสือขึ้นมาว่า ‘เลือกผม ๆ อาจารย์จี้เลือกผมสิ!’

เซียวจยาซู่ปิดหน้าส่งเสียงคราง จี้เหมี่ยนกลับหัวเราะเบา ๆ เสี่ยวซู่กระโดดเหยง ๆ ซ้ายทีขวาที ทั้งยังยกมือเรียกร้องความสนใจจากเขาไม่หยุด ท่าทางแบบนั้นมันน่ารักเกินไปแล้วจริง ๆ แม้ว่าภาพเหล่านั้นจะเป็นประสบการณ์ที่พวกเขาผ่านมันมาด้วยตนเอง แต่เมื่อมาดูอีกครั้งจี้เหมี่ยนก็ยังรู้สึกสนุกสนานอยู่ดี

ชาวเน็ตทั้งหลายพากันหัวร่องอหาย พวกเขาส่งคอมเมนต์ขึ้นมาบนหน้าจอให้กับอาการของเจ้าต้นอ่อนน้อยไม่หยุดหย่อน ‘อาจารย์จี้ เลือกเจ้าต้นอ่อนน้อยเร็วเข้า! ยังจะมัวมองอะไรอยู่อีกล่ะ’

‘ร้อนใจชะมัด! ถ้าอาจารย์จี้ไม่เลือกเจ้าต้นอ่อนน้อยละก็ ฉันจะไม่เชื่อในความรักอีกแล้วละ!’

‘เลือกแล้ว ๆ ในที่สุดอาจารย์จี้ก็เลือกถูกเสียที! ระวัง ข้างหน้ามีความหวานเต็มพิกัดรออยู่!’ ชาวเน็ตคนนั้นส่งคอมเมนต์มาหลังจากที่เซียวจยาซู่กับจี้เหมี่ยนสวมกอดกัน ทั้งคู่กอดเอวกระซิบที่ข้างหูกันและกัน พูดจบเซียวจยาซู่ก็ยิ้ม ในดวงตานั้นสะท้อนแต่เงาของจี้เหมี่ยนทั้งหมด แม้ริมฝีปากของจี้เหมี่ยนไม่ขยับ แต่ใบหน้าเย็นชานั้นกลับฉายแววอ่อนโยนออกมาให้เห็นอย่างง่ายดาย ดวงตาหลุบลงเล็กน้อย เขามองเซียวจยาซู่ด้วยดวงตาเป็นประกาย

บรรยากาศอบอุ่นคลุมเครือไหลเวียนรอบตัวพวกเขา เดิมทีพวกเขาคิดว่าเรื่องนี้มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่รู้ ทว่าเมื่อรายการออกอากาศไป ชาวเน็ตมากมายต่างก็มองเห็นเช่นกัน

‘หวานจัง! เหมือนกำลังดูพวกเขากอดกันไปจนชั่วฟ้าดินสลายเลย!’ ชาวเน็ตคนหนึ่งรำพึงรำพัน

‘ตอนแรกฉันมาดูเพราะหวงอิ้งเสวี่ยนะ แต่ไม่คิดเลยว่าจะโดนเซียวจยาซู่ตกเข้าแล้ว ปฏิกิริยาของเขาน่ารักมากเลย ตอนกอดอาจารย์จี้หมุนไปรอบ ๆ ก็เหมือนลูกหมาป่าเลยละ!’

‘เธอพูดแบบนี้ฉันก็รู้สึกขึ้นมาเหมือนกันนะเนี่ย!’ ชาวเน็ตมากมายเริ่มคล้อยตาม

เซียวจยาซู่ที่กำลังมีความสุขพลันหน้าง้ำทันที เวรกรรม ลูกหมาป่าอะไรกัน! ทั้งที่เขาน่ะเป็นเบบี๋น้อยของพี่จี้แท้ ๆ เลยนะ! คิดมาถึงตรงนี้ก็หัวเราะพรืดออกมาเสียเอง เขารู้สึกว่าเบบี๋น้อยมันไม่ได้น่าเกรงขามเท่าลูกหมาป่า อย่างนั้นก็ได้ ลูกหมาป่าก็ลูกหมาป่า ขอแค่อยู่ในบ้านพี่จี้ก็พอแล้ว

เขาพลิกตัวในอ้อมแขนของพี่จี้ กอดเอวอีกฝ่ายอย่างถือสิทธิ์แล้วดูโทรทัศน์ต่อ

จี้เหมี่ยนรู้สึกว่าความคิดของเสี่ยวซู่น่าสนใจกว่าคอมเมนต์ของชาวเน็ตตั้งมาก จึงอดยิ้มพลางลูบศีรษะอีกฝ่ายไม่ได้ การได้กอดเสี่ยวซู่เอาไว้ในอ้อมอก แบ่งกันกินมันฝรั่งทอด ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายกันและกัน นอนกอดนอนคุย มันช่างเป็นความรื่นรมย์ที่ยอดเยี่ยมเสียจริง ๆ นี่หรือคือการใช้ชีวิตครอบครัว มันให้ความรู้สึกไม่เลวเลยจริง ๆ นะนี่!

รายการดำเนินไปเรื่อย ๆ สองทีมเริ่มเข้าไปสำรวจเกาะเขตร้อน มีทั้งเรื่องขบขันและความวุ่นวาย เมื่อเห็นว่าจี้เหมี่ยนดูแลเซียวจยาซู่มากกว่าหวงอิ้งเสวี่ย ชาวเน็ตบางคนก็ไม่พอใจ พวกเขาคิดว่าจี้เหมี่ยนไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ จนกระทั่งเห็นเท้าที่เต็มไปด้วยตุ่มน้ำของเซียวจยาซู่แล้วจึงได้เลิกไม่พอใจกัน

ฉากที่เซียวจยาซู่โดนจี้เหมี่ยนแกล้งหยอกจึงยกเท้าขึ้นมาดมนั้นทีมงานไม่ได้ตัดออกไปดังคาด กลับมีการเติมภาพกุ้งเน่าปลาเน่ามากมายลงไปรอบ ๆ เท้าของเขาอีกต่างหาก แถมยังมีตัวการ์ตูนเล็ก ๆ ที่ดวงตาวาดเป็นวงก้นหอยอยู่ด้วย ทำเอาชาวเน็ตหัวเราะกันแทบตาย ต่างบอกว่านี่แหละคือสไตล์ของเซียวจยาซู่ ทั้งขี้เล่น ทั้งติดดิน ข้อมูลดิสเครดิตทั้งหมดก่อนหน้านี้แทบจะได้รายการนี้ชะล้างจนสะอาดเอี่ยม จนกระทั่งวันที่สองที่เขาเป็นลมไปกะทันหันแล้วหมอถอดรองเท้าออกมาเห็นเลือดเต็มเท้าไปหมด เสียงยอมรับในตัวเขาก็แทบจะพุ่งสูงสุดทีเดียว

เท้าบาดเจ็บขนาดนั้นแต่เขาไม่ร้องโอดโอยสักคำ ให้เดินขึ้นเขาก็เดิน ให้ลงทะเลก็ลง ทั้งยังเดินไปไกลขนาดนั้นคนเดียวเพื่อไปเก็บกระดานโต้คลื่นมาอีก นี่เขาทนมาได้อย่างไรกัน

‘เซียวจยาซู่ต้องมีความอดทนที่คนอื่นยากจะจินตนาการได้แน่ ๆ เลย! นับถือ!’

‘เหลวไหล เธอลองหาคลิปที่เขาไปเป็นคนจรจัดข้างถนนดูก็จะรู้แล้วละ มีความยากลำบากอะไรบ้างที่เขาทนไม่ได้ หือ ฉันแปลกใจแล้วนะเนี่ย! ว่ากันตามนิสัยของเขา เขาจะประท้วงเลิกแสดงแค่เพราะผู้กำกับให้ถ่ายฉากลงน้ำสองสามฉากแค่นั้นได้ยังไง ฉากลงน้ำมันลำบากกว่าสภาพในรายการนี้อีกหรือ ฉันไม่เชื่อหรอก!’

‘ได้ยินว่ามีเรื่องแก้บทอีกนะ’

‘เรื่องนี้ก็ไม่น่าเชื่ออีกเหมือนกัน จะแก้หรือไม่แก้บท เดี๋ยวซวงหลงฉวนฉีฉายเมื่อไรก็รู้เองแหละ’

ดูมาถึงตรงนี้ เหมือนชาวเน็ตมากมายจะเปลี่ยนจากคนทั่วไปมาเป็นแฟนคลับเซียวจยาซู่กันแล้ว สถานะครอบครัวใหญ่โต แต่กลับไม่ทะนงตนอวดโอ่ มีมารยาทกับคนอื่น ทนลำบากได้ นิสัยกระตือรือร้นทุ่มเท ทุกคำพูดทุกการกระทำของเขาในรายการนี้ทำให้ผู้ชมค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ไม่ยาก มีคนกล่าวกันว่ารายการเรียลิตี้คือกระจกส่องมาร หากอีคิวไม่สูง นิสัยไม่ดี ก็อย่าได้ประมาทริมาลองออกรายการเรียลิตี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจจะเผยให้เห็นธาตุแท้ออกมาอย่างง่ายดาย

เซียวจยาซู่เองก็โดนเผยธาตุแท้เช่นกัน แต่ธาตุแท้ของเขาแทบจะห่างไกลกับข้อมูลที่ถูกนำมาดิสเครดิตลิบลับ จึงยากนักที่ผู้ชมจะดูแล้วเกลียดเขา กลับดูแล้วจะมาหลงชอบเขาอย่างง่ายดายเสียมากกว่า

ดูมาถึงตรงนี้กระบอกตาของเซียวจยาซู่ก็ร้อนผ่าว ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจที่ทุกคนเข้าใจเขา จี้เหมี่ยนกอดเขาเอาไว้ทันทีแล้วก็เอ่ยเสียงพร่า “ขอโทษนะ เสี่ยวซู่” ถ้าเขารู้ความรู้สึกของตัวเองให้เร็วกว่านี้ เสี่ยวซู่ก็คงไม่ต้องทนรับความทรมานเหล่านั้น

“เสี่ยวซู่ โชคดีที่พี่รู้ตัวเร็ว โชคดีที่พี่ไม่ปล่อยนายหลุดมือไป” เขากอดคนรักไว้ในอ้อมอกแล้วจูบด้วยความอ่อนโยนและความหวาดกลัวที่ยังหลงเหลือ

เขาไม่กล้าจินตนาการจริง ๆ ว่าถ้าตัวเขาไม่รู้ความรู้สึกของตนเลยตั้งแต่ต้นจนจบ เขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในความอ้างว้างและมืดมิดอย่างไรบ้าง หรือบางทีชาตินี้เขาอาจจะต้องเดินอย่างไร้จุดมุ่งหมายไปชั่วชีวิต อาจจะต้องแก่ตายไปในอพาร์ตเมนต์อันแสนเคว้งคว้าง หลับใหลในหลุมศพอันว่างเปล่า หน้าหลุมศพของเขาอาจจะมีช่อดอกไม้วางอยู่เต็มไปหมด แต่ล้วนเป็นช่อดอกไม้ที่มอบให้ซูเปอร์สตาร์จี้เหมี่ยนทั้งสิ้น ไม่มีช่อใดเลยที่เป็นของจี้เหมี่ยนซึ่งเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง และไม่มีช่อใดเลยที่มาจากคนที่เข้าใจเขาและรักเขาจริง ๆ ชีวิตอย่างนั้นมันช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร!

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า