[ทดลองอ่าน] คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง ตอนที่ 111

爱你怎么说
คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง

 

风流书呆 เฟิงหลิวซูไต เขียน
ศีตกาล แปล
MOON วาด

 

— โปรย —

ในที่สุดความเข้าใจผิดระหว่าง เซียวจยาซู่ และ จี้เหมี่ยน ก็คลี่คลาย
ทั้งคู่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกันและกัน และตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
แต่การจะได้การยอมรับจากคนรอบข้างนั้นไม่ง่าย
ไหนจะมารดาที่รักลูกยิ่งชีพ บิดาหัวโบราณชอบวางอำนาจ และพี่ชายสุดเข้มงวด
ที่ทำเอาเซียวจยาซู่ต้องคิดหนัก แม้ว่าเขาอยากจะให้คนอื่น ๆ ได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับพี่จี้ก็ตาม
แต่ก็ยังคงต้องเก็บงำไว้ ไม่อาจประกาศออกไปได้

ทว่าถึงจะไม่พูดแต่ใช่ว่าการกระทำของทั้งคู่จะรอดพ้นสายตาของคนเป็นแม่
เมื่อเซวียเหมี่ยวรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอก็รีบจับเซียวจยาซู่แยกจากจี้เหมี่ยนทันที
แต่มีหรือที่คนอย่างจี้เหมี่ยนจะไม่คิดทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบ

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 111

พวกเราแต่งงานกันเถอะ

 

หลังจากถ่ายทำกันอย่างขันแข็งระยะหนึ่ง อี๋ลู่ขวงเปิน ก็ปิดกล้องในที่สุด จี้เหมี่ยนกับเซียวจยาซู่เตรียมจะพักผ่อนสักสองวันแล้วค่อยกลับจีน

เช้าวันนี้จี้เหมี่ยนปลุกเสี่ยวซู่ ช่วยอีกฝ่ายแปรงฟัน ล้างหน้า สวมชุดสูทที่ดูเป็นทางการมาก ๆ แล้วก็พามานั่งที่โซฟาตรงข้ามตนเอง

“พี่จี้ พี่มีอะไรอยากจะพูดกับผมหรือเปล่า” ในที่สุดเซียวจยาซู่ก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ เขามองสำรวจพี่จี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ยิ้มตาหยีเอ่ยชม “วันนี้พี่จี้หล่อจริง ๆ เลย! หล่อจนผมหุบขาไม่ได้…” เขากางขายาวๆสองข้างแล้ววางทั้งขาขวาขาซ้ายเอาไว้ตรงหว่างขาของจี้เหมี่ยน ก่อนจะใช้ปลายเท้าหยอกเย้าส่วนที่เป็นเนื้อนิ่มของจี้เหมี่ยนด้วย

วันนี้จี้เหมี่ยนตั้งใจแต่งตัวดี ๆ จริงนั่นละ ผมเรียบลื่นนั้นก็ใช้เจลเซตเสยไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อคมเข้ม เขาสวมชุดสูทหรูหราตัดเย็บประณีต ไหล่กว้าง เอวสอบ ยามสวมกางเกงผ้าแนบเนื้อก็ทำให้ขาดูทั้งตรงและยาว

เขาไม่กลัวจั๊กจี้ แต่กลับหัวเราะเอ็นดูแล้วจับสองขาของเสี่ยวซู่ย้ายจากหว่างขามาอยู่บนเข่าของตนแล้วจับเอาไว้ พลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน “อย่าเล่น พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”

เซียวจยาซู่ที่สวมชุดสูทตัดเย็บประณีตเช่นกันรีบพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ได้ครับ ๆ ผมไม่เล่นแล้ว พี่จะพูดอะไรหรือ”

จี้เหมี่ยนจัดเน็คไทเล็กน้อย แล้วก็ลูบปลายแขนเสื้อคล้ายกำลังประหม่านิด ๆ เขาไตร่ตรองอยู่หลายสิบนาทีจึงค่อย ๆ เอ่ย “เสี่ยวซู่ พวกเราแต่งงานกันเถอะ” เขาล้วงกล่องกำมะหยี่ใส่เครื่องประดับกล่องเล็กงามประณีตออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทด้านในแล้วก็พูดต่อ “ถึงพวกเราจะเพิ่งคบกันไม่นาน แต่พี่คิดว่าพี่พร้อมจะใช้ชีวิตเคียงคู่กับนายไปจนตราบชีวิตหาไม่แล้ว นายจะยินดีหรือเปล่า ถ้ารู้สึกว่าเร็วเกินไปพี่ก็รอได้…”

ตอนที่จี้เหมี่ยนพูดประโยคแรกเสี่ยวซู่ก็อึ้งแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงได้สติ แต่กลับได้ยินอีกฝ่ายพูดว่ามันจะเร็วเกินไปหรือเปล่าอีก…โธ่เอ๊ย คบกันสองเดือนกว่าเพิ่งขอแต่งงานนี่ยังจะคิดว่าเร็วเกินไปอีกหรือ เขานี่อยากจะวิ่งไปแต่งงานกับพี่จี้ตั้งแต่คบกันวันแรกแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้เขาก็โถมตัวใส่จี้เหมี่ยนทันที จากนั้นแย่งกล่องเล็ก ๆ นั้นมา เซียวจยาซู่เปิดกล่องแล้วก็เอาแหวนวงที่เล็กกว่ามาสวมเข้าที่นิ้วนางตนเอง จากนั้นก็เอาวงที่ใหญ่กว่าสวมเข้าที่นิ้วนางของจี้เหมี่ยน เขาพูดซ้ำ ๆ “ยินดีครับ ๆ ไม่เร็วไป ๆ! พี่จี้ ผมรักพี่!” พูดพลางใช้จูบปิดปากจี้เหมี่ยนเสียแนบสนิทเพราะกลัวอีกฝ่ายจะกลับคำ

จี้เหมี่ยนยังพูดไม่ทันจบก็โดนเสี่ยวซู่แย่งแหวนไปแล้ว ทั้งยังทำเอาหน้าของเขาเปื้อนน้ำลายเต็มไปหมด เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ตอนแรกก็ว่าจะสารภาพรักดี ๆ สักที แสดงความรู้สึกต่าง ๆ นานาออกมา แต่ตอนนี้ยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ ได้แต่เป็นฝ่ายรับจูบจากเสี่ยวซู่เท่านั้น แล้วจะจูบก็ยังไม่จูบดี ๆ อีกต่างหาก อีกฝ่ายแทบจะจูบหนึ่งครั้งต่อหนึ่งวินาที ลิ้นเลียผ่านริมฝีปากและร่องฟันของเขาอย่างรวดเร็วเหมือนลูกสุนัขที่กำลังตื่นเต้นดีใจสุดขีด

จี้เหมี่ยนลูบก้นอีกฝ่ายทันที เขาจินตนาการว่าถ้าตรงนี้มีหางงอกออกมาจริง ๆ ละก็ อีกฝ่ายจะกำลังกระดิกหางรัวเร็วขนาดไหน

เซียวจยาซู่แทบจะถูกความยินดีปรีดาอันใหญ่หลวงกลืนกินไปทั้งตัวแล้ว ระหว่างที่จูบจี้เหมี่ยนเขาก็ตาแดงจมูกแดง ชีวิตของเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากจะลืมเลือนมามากมาย แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชั่วขณะนี้ได้กลายเป็นชั่วนิรันดร์ในชีวิตเขาไปแล้ว เขารู้สึกว่าตนมีความสุขได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ รู้สึกได้รับการเติมเต็มได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งที่อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ แท้ ๆ แต่กลับมีน้ำตาไหลพรากออกมาโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เรียกว่า ‘มีความสุขจนน้ำตาไหล’ มันคงจะเป็นอย่างนี้เองสินะ

เพื่อไม่ให้พี่จี้มองออก เขาจึงรีบซบหน้าเข้ากับซอกคอของอีกฝ่ายแล้วซุกไซ้เบา ๆ ทั้งยังงับซอกคอนั้นไปสองสามครั้งด้วยเพราะควบคุมความดีใจสุดขีดเอาไว้ไม่อยู่ เขารู้สึกลิงโลดมากจริง ๆ ถ้าไม่ทำอะไรสักหน่อย ตัวเขาอาจจะระเบิดออกมาตรงนี้เลยก็ได้

จี้เหมี่ยนรับรู้อารมณ์ทุกอย่างของเสี่ยวซู่ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นการที่เขากอดอีกฝ่ายเอาไว้ก็เหมือนกำลังกอดลูกไฟลูกใหญ่ เหมือนกับกำลังกอดลูกอมที่หวานสุดขีดเอาไว้ และก็เหมือนกำลังกอดความสุขชั่วชีวิตของตนเอาไว้อีกด้วย เขาจูบใบหูที่โผล่ออกมาของเสี่ยวซู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นิ้วทั้งห้าแทรกเข้าไปในเส้นผม กดนวดท้ายทอยของอีกฝ่ายเบา ๆ ความอบอุ่นอ่อนโยนอันไม่อาจเอื้อนเอ่ยนั้นท่วมท้นเต็มหัวใจ

ก่อนจะขอแต่งงาน จี้เหมี่ยนเองก็เคยคาดเดาปฏิกิริยาตอบรับของเสี่ยวซู่เอาไว้ เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องดีใจมากแน่ แต่ไม่รู้ว่าจะดีใจมากถึงขนาดนี้ เสี่ยวซู่เหมือนเด็กน้อยที่ได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ทั้งปลื้มปีติ ตื่นเต้นยินดี และทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกเช่นนี้ถ่ายทอดมาถึงจี้เหมี่ยนอย่างไม่มีกักเก็บ ทำให้เขารู้ว่าวันนี้ตนเองตัดสินใจถูกมากขนาดไหน และถึงกับรู้สึกเสียใจในความลังเลตัดสินใจไม่ได้เมื่อหลายวันก่อนขึ้นมาทีเดียว

ถ้าทำให้เสี่ยวซู่มีความสุขได้ ไม่ว่าสิ่งใดเขาก็ยินดีทำเพื่ออีกฝ่าย

“เสี่ยวซู่ พี่ก็รักนาย” จี้เหมี่ยนหัวเราะเบา ๆ พลางตอบรับคำสารภาพรักของคนรัก น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนเหลือประมาณ “ตอนนี้ใจเย็นลงแล้วหรือยัง”

“ยัง” เสียงเซียวจยาซู่อู้อี้ เขากัดจี้เหมี่ยนอีกครั้ง วันนี้ทั้งวันเขาคงใจเย็นลงไม่ได้หรอก ต้องให้พี่จี้กอดเขาแบบห้ามปล่อย เพราะถ้าพี่จี้ปล่อย ร่างกายที่มีแต่ความสุขอัดแน่นของเขาคงจะเบาจนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าแน่

แหม นี่สินะคือความรู้สึกแบบ ‘เท้าไม่ติดพื้น’ ใครคิดคำนี้ขึ้นมานะ ตรงชะมัด! คิดอย่างนี้แล้วเซียวจยาซู่ก็กัดปากแอบหัวเราะ

ความคิดน่ารัก ๆ ของคนรักเกือบแหย่ให้จี้เหมี่ยนหัวเราะออกมาเช่นกัน เขาลูบศีรษะเซียวจยาซู่แล้วเอ่ยหยอก “งั้นก็ได้ พี่จะปล่อยให้นายสงบสติอารมณ์อีกหน่อย แล้วพรุ่งนี้พวกเราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”

เซียวจยาซู่นึกขึ้นมาได้ว่า ที่รัฐแคลิฟอร์เนียนั้นการแต่งงานระหว่างบุคคลเพศเดียวกันเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ดังนั้นพวกเขาจึงไปจดทะเบียนสมรสกันได้ แล้วก็จัดงานแต่งงานตามกำหนด จากนั้นยังจะได้รับใบทะเบียนสมรสที่ทางการออกให้ด้วย แม้ว่าทะเบียนสมรสนี้กลับจีนไปแล้วอาจจะไม่ได้รับการยอมรับทางกฎหมาย แต่มันกลับเป็นเหมือนสัญญาอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์

เขารีบเช็ดน้ำตาที่หางตาแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว “พี่จี้ ผมสงบสติอารมณ์ได้แล้ว พวกเราไปกันตอนนี้เลยเถอะ” พูดจบเขาก็ดูนาฬิกาแล้วเอ่ยเร่งทันที “โอ๊ย เก้าโมงครึ่งแล้วนี่นา เร็วครับ เรารีบออกเดินทางกัน ไม่อย่างนั้นเขาจะเลิกงานกันหมดนะ!”

เห็นเสี่ยวซู่ตาแดงจมูกแดง ดวงตาก็ชื้นและยิ่งดูกระจ่างใสเป็นพิเศษเพราะผ่านการชะล้างจากน้ำตามานั้น จี้เหมี่ยนก็สะกดกลั้นหัวใจที่สั่นสะท้านเอาไว้ไม่อยู่จนต้องดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมแขนเพื่อจูบ เขาแทรกช่องว่างระหว่างฟันเข้าไป ใช้ลิ้นลากไล้เรียวลิ้นอีกฝ่ายแล้วเอ่ยเสียงพร่า “ไม่ต้องรีบ เรื่องโบสถ์กับบาทหลวงพี่จัดการเอาไว้แล้ว จดทะเบียนเสร็จเราก็จัดงานแต่งกันเลย รับรองว่าได้ใบทะเบียนสมรสในห้าวันแน่นอน ดูจากการจัดการงานอย่างคล่องแคล่วของพี่แล้ว นายก็ควรจะให้รางวัลพี่สักหน่อยไม่ใช่หรือ”

ความใจร้อนของเซียวจยาซู่ถูกปลอบโยนให้สงบลง เขากอดศีรษะจี้เหมี่ยนแล้วตั้งใจรับจูบ เพื่อวันนี้พี่จี้คงจะเตรียมการวุ่นวายมานานแล้วสินะ ซึ้งจัง อยากร้องไห้…

จี้เหมี่ยนคลึงหางตาแดงเรื่อของเซียวจยาซู่แล้วเอ่ยอย่างจนใจ “ดูเหมือนพี่จะรักเจ้าเด็กขี้แยเข้าแล้วสิเนี่ย ทำยังไงดีนะ”

“ทำยังไงอะไรเล่า หรือพี่จะกลับคำล่ะ” สีหน้าที่เพิ่งร้องไห้กระซิก ๆ ของเซียวจยาซู่เปลี่ยนมาเป็นหน้าดุ ๆ ภายในวินาทีเดียว เขาใช้ฟันขาวสะอาดกัดริมฝีปากของพี่จี้ย้ำ ๆ

จี้เหมี่ยนลูบผมเขาแล้วก็หัวเราะเบา ๆ “ไม่กลับคำไปชั่วชีวิตแน่นอน ใครกลับคำคนนั้นเป็นหมา เอาน่า เลิกขู่ฟ่อได้แล้ว ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วเราจะได้ไปกัน”

เซียวจยาซู่ได้ยินดังนั้นจึงผละออกจากอกของจี้เหมี่ยน รีบไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากเตรียมการไว้นานแล้ว ทั้งยังนัดหมายเอาไว้ล่วงหน้า การจดทะเบียนของทั้งคู่จึงเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อเรียบร้อยก็ตรงไปยังโบสถ์ทันที พวกเขาจัดงานแต่งงานง่าย ๆ โดยมีเหล่าบาทหลวงกับคนที่โบสถ์เป็นพยาน แขกเหรื่อก็เชิญเพียงจ้าวชวน อู๋ฉวนอี้ และจางหลวน แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ความสุขของเซียวจยาซู่ลดน้อยลงเลย ตอนที่บาทหลวงอนุญาตให้พวกเขาจูบกัน เซียวจยาซู่ก็รีบประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของจี้เหมี่ยนทันที ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายแวววับ จี้เหมี่ยนหัวเราะเบา ๆ เขากอดเอวเซียวจยาซู่แล้วอุ้มขึ้นมาหมุนรอบหนึ่ง กระทั่งเวลานี้ถึงเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมถึงมีคำพูดที่ว่า ‘มีความสุขจนอยากจะหมุนตัวไปรอบ ๆ’ ที่แท้เวลาคนคนหนึ่งมีความสุขถึงที่สุด ไม่ว่าเรื่องงี่เง่าขนาดไหนก็ทำได้ทั้งนั้น

 

สามวันให้หลังทั้งคู่ก็ได้รับทะเบียนสมรสในที่สุด แม้ว่าเซียวจยาซู่อยากจะถ่ายภาพทะเบียนสมรสโพสต์ลงเวยป๋อมาก ๆ แต่สุดท้ายก็หักห้ามใจไว้ได้ สำหรับเขาแล้ว การประกาศเรื่องแต่งงานให้สาธารณชนรับรู้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เขาแค่แสดงภาพยนตร์ของตัวเองไป ไม่เหมือนดาราคนอื่น ๆ ที่ต้องการให้แฟนคลับยอมรับ ไม่มีแฟนคลับเขาก็ยังพอมีกินไม่อดตาย ยังมีทรัพยากรมากมายให้ใช้เหมือนเดิม แต่ก่อนจะถึงจุดนั้นเขาต้องไปสารภาพกับคนที่บ้านเสียก่อน นี่ต่างหากคือจุดที่ยากที่สุด

เมื่อนึกถึงมารดาที่รักลูกยิ่งชีพ นึกถึงบิดาที่หัวโบราณผู้กุมอำนาจ และนึกถึงพี่ชายที่แสนจะเข้มงวด เซียวจยาซู่ก็ยิ่งกังวลจนต้องถอนหายใจออกมา

มือของจี้เหมี่ยนที่กำลังกอดเขาชะงักไปเล็กน้อยแล้วก็เสนอขึ้นมาทันที “เสี่ยวซู่ ก่อนกลับจีน กลับบ้านกับพี่สักรอบนะ”

กลับบ้านหรือ เซียวจยาซู่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าแม่ของพี่จี้ก็อยู่ที่อเมริกาเช่นกัน แต่เพราะมีปมในใจมานานหลายปี อีกฝ่ายจึงไม่ค่อยสนิทกับแม่นัก “ได้สิครับ” เขาพยักหน้าทันที “เราจะไปกันเมื่อไรดี”

“วันนี้เลย” จี้เหมี่ยนโทรศัพท์จองตั๋วเครื่องบินสองใบ เขาหัวเราะเบา ๆ “เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานควรจะบอกแม่สักหน่อย” เดิมเขาคิดว่าเรื่องนี้จะบอกแม่หรือไม่ก็ไม่เป็นไร เขากับแม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง บางครั้งก็โทรศัพท์หากันบ้าง พบหน้ากันบ้าง แต่ไม่เข้าไปก้าวก่ายกันเป็นดีที่สุด ตั้งแต่ที่แม่เลือกพ่อแล้วยอมทิ้งอนาคตของเขาหรือยอมทิ้งกระทั่งชีวิตของเขา จี้เหมี่ยนก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับครอบครัวแล้ว

แต่ตอนนี้เมื่อเขามีคนรักและครอบครัวเป็นของตนเอง จู่ ๆ เขาก็ปล่อยวางได้ ไม่สิ ควรจะบอกว่าตั้งแต่รู้จักกับเสี่ยวซู่มา เขาก็ค่อย ๆ ปล่อยวางจากเรื่องนี้ช้า ๆ ไม่เพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น แต่เขายังสามารถพูดคุยกับแม่ด้วยจิตใจที่สงบได้ และยังพาเสี่ยวซู่กลับบ้านไปให้แม่ช่วยดูแลได้ด้วย บาดแผลที่มองไม่เห็นของเขาค่อย ๆ ได้รับการเยียวยาจากเสี่ยวซู่จนสมาน

หากทำให้เสี่ยวซู่รู้สึกว่าได้รับการยอมรับ รู้สึกว่าได้รับคำอวยพร เขาย่อมยินดีที่จะฟื้นความสัมพันธ์กับแม่อย่างแน่นอน

ดังนั้นเวลาห้าโมงเย็นทั้งคู่ก็นั่งเครื่องบินมาถึงลอสแอนเจลิส แล้วขับรถไปถึงบ้านของคุณแม่จี้ จากนั้นก็เคาะประตู

“ใครมานะ” แม่บ้านมองผ่านหน้าต่างออกไปข้างนอกแล้วก็ร้องออกมาอย่างตกใจ “พระเจ้า ทิฟฟานี มาดูเร็วว่าใครมา! จี้ไง ลูกของคุณน่ะ!”

เสี่ยวเหมี่ยนเพิ่งจะมาเมื่อครึ่งปีก่อน ทำไมมาอีกแล้วล่ะ สำหรับคุณแม่จี้ที่นาน ๆ จะเจอหน้าลูกชายสักครั้งแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นเซอร์ไพรส์จริง ๆ เธอรีบเดินกะเผลกไปที่ประตู มองจี้เหมี่ยนอย่างทำอะไรไม่ถูก จี้เหมี่ยนกำลังจะอ้าปาก เซียวจยาซู่ก็โผล่ศีรษะมาจากด้านหลังเสียก่อน เขาเอ่ยเรียกอย่างร่าเริง “แม่ครับ พวกเรามาเยี่ยมแม่ครับ”

จี้เหมี่ยนเอามืออุดปาก แทบกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ การแต่งงานกับสุดที่รักนี่มันเป็นประสบการณ์แบบนี้เองสินะ…เขาอยากจะยิ้มทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น จะหุบยิ้มก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ชวนให้กระอักกระอ่วนเพียงใด อีกฝ่ายก็สามารถคลายมันลงได้ทั้งสิ้น

รอยยิ้มที่ยังไม่ทันแย้มบานของคุณแม่จี้ค้างอยู่อย่างนั้นทันที เธอสงสัยมากว่าตัวเองอาจจะไม่ได้พิการแค่ที่ขา แต่หูก็อาจจะพิการไปด้วย

“แม่ ผมกับเสี่ยวซู่เพิ่งแต่งงานกัน ก่อนกลับจีนก็เลยอยากมาหาแม่น่ะครับ” จี้เหมี่ยนชูมือที่ประสานกับมือของเสี่ยวซู่ ให้คุณแม่จี้ได้เห็นแหวนแต่งงานแบบเดียวกันของพวกเขา

“ลูก…พวกลูกแต่งงานกันแล้วหรือ” คุณแม่จี้ตกใจ จากนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “แต่งงานกันก็ดีเลยสิ แต่งงานก็มั่นคงดี สมหวังแล้วละนะ! มา ๆ ๆ เข้ามานั่งก่อน เจนนี่ รบกวนชงกาแฟให้สักกาสิจ๊ะ”

แม่บ้านอวยพรทั้งคู่อย่างกระตือรือร้นแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปทำงานในครัว

คุณแม่จี้รับของขวัญถุงเล็กถุงใหญ่ที่เซียวจยาซู่ยื่นมาให้ ยิ่งมองเธอก็ยิ่งรู้สึกสบายตากับเด็กคนนี้ เห็นไหมเล่า ก็ลูกชายพาเด็กผู้ชายมาบ้านครั้งแรก ทั้งยังเป็นเด็กผู้ชายที่หน้าตาดีเสียขนาดนี้ จะไม่คิดอะไรกันเลยสักนิดเชียวหรือ เมื่อก่อนเธอกังวลเรื่องการแต่งงานของลูกชายมาตลอด แต่ไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวว่าจะไปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกของเธอกับลูกชายซึ่งก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ อยู่แล้ว

เธอไม่อยู่ในสถานะที่จะอบรมสั่งสอนลูกชายได้อีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจว่าลูกชายจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิง เธอหวังเพียงให้เขาได้อยู่อย่างมั่นคงและมีความสุขไปชั่วชีวิตก็พอ อย่าได้โดนเงามืดในอดีตตามมารังควานอีกเลย ตอนนี้ดีเลย ในที่สุดเขาก็มีครอบครัวเป็นของตนเอง เท่านี้เธอก็วางใจแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้คุณแม่จี้ก็อดน้ำตารื้นไม่ได้ เธอรีบก้มหน้าเช็ดน้ำตาทันที

จี้เหมี่ยนมองมารดาด้วยสายตาสับสน ในที่สุดก็เอ่ยปลอบ “แม่ ผมกับเสี่ยวซู่มีความสุขดี แม่ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรานะ”

เซียวจยาซู่จับมือจี้เหมี่ยนเอาไว้แน่นแล้วเอ่ยเสริม “แม่ ผมกับพี่จี้จะกลับมาเยี่ยมแม่บ่อย ๆ นะครับ”

“จ้ะ ๆ ๆ พวกลูกมีความสุขแม่ก็วางใจแล้วละ แม่รู้ว่าพวกลูกยุ่งอยู่กับงาน ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมแม่บ่อย ๆ ก็ได้ แค่โทร.มาสักหน่อยแม่ก็พอใจแล้วละ เสี่ยวเหมี่ยน เสี่ยวซู่ยังเด็ก มีอะไรก็ยอม ๆ น้องไปนะลูก”

จี้เหมี่ยนยังไม่ทันได้พยักหน้า เซียวจยาซู่ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ พี่จี้ดีกับผมมาก ผมก็จะดีกับพี่จี้มาก ๆ เหมือนกัน พวกเราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตครับ” เขาว่ากันว่าสะใภ้มักกลัวแม่สามี แต่เขาไม่รู้สึกอึดอัดสักนิด แม่ของพี่จี้ก็คือแม่ของเขา เพียงนึกได้อย่างนี้เขาก็เรียก ‘แม่’ ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว

จี้เหมี่ยนทนไม่ไหวแล้ว เขาดึงคนรักเข้ามากอดต่อหน้าแม่แล้วก็จูบหน้าผากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนเหลือเกิน ในที่สุดเขาก็เข้าใจการเลือกของแม่ในวันนั้นแล้ว บางคนอาจมองว่าลูกคือทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สำหรับครอบครัวแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดควรจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยามากกว่า เพราะลูกหรือพ่อแม่นั้นสักวันหนึ่งก็ต้องจากไป แต่สามีหรือภรรยาคือคนที่จะอยู่เคียงข้างคุณไปชั่วชีวิต

การที่แม่รักพ่อมากกว่าเขานั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย ถ้าจะผิดก็คงผิดที่แม่ไปรักคนที่ไม่ควรค่าแก่ความรักของแม่ ถ้าเขาต้องพบเจอสถานการณ์แบบนั้นบ้าง จี้เหมี่ยนก็เชื่อว่าตนคงเลือกเสี่ยวซู่อย่างไม่ลังเล ดังนั้นเรื่องที่ผ่านไปแล้วนั้นจึงไม่มีอะไรให้เขาต้องไปใส่ใจมันเลยจริง ๆ แล้วจะไปจมอยู่กับมันไม่ยอมปล่อยวางเพื่ออะไรเล่า

จี้เหมี่ยนปล่อยความรู้สึกย่ำแย่เสี้ยวสุดท้ายนั้นไป เขากอดเสี่ยวซู่แล้วหัวเราะเบา ๆ

แม้ว่าเซียวจยาซู่จะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์มากนัก แต่ก็ยังโผเข้าไปจูบตอบจี้เหมี่ยนหลายครั้ง ดวงตานั้นสดใสเป็นประกาย เขาชอบรอยยิ้ม ณ ชั่วขณะนี้ของพี่จี้ มันเหมือนกับท้องฟ้าสดใสที่มีแสงแดดสาดส่องลงมาอย่างเต็มที่ ทั้งกระจ่างตาและอบอุ่น เขาชอบยิ่งกว่าที่พี่จี้พามาเยี่ยมแม่ที่ลอสแอนเจลิส ให้เขาได้รู้สึกถึงความสุขของการเป็นที่ยอมรับและได้รับคำอวยพร

วินาทีที่ได้รับทะเบียนสมรสมานั้น เขาจะกอดพี่จี้แล้วร้องตะโกนดังอย่างไรก็ได้ แต่ไม่อาจโพสต์มันลงเวยป๋อให้ทั่วทั้งโลกรับรู้ได้ แบบนี้มันน่าอึดอัดเกินไปแล้ว! การได้แต่งงานกับพี่จี้คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา ตุ๊กตาออสการ์สักร้อยตัวก็ยังเทียบพี่จี้ไม่ได้

เซียวจยาซู่ไม่รู้ตัวเลยว่าตนกำลังยิ้มเหมือนเด็กซื่อบื้อขนาดไหน แต่ในสายตาของจี้เหมี่ยนแล้วกลับรู้สึกว่าเซียวจยาซู่น่ารักอย่างไม่มีใครเทียบได้ เขาบีบจมูกคนรักเบา ๆ ในที่สุดก็ห้ามตัวเองไม่ให้จูบอีกฝ่ายดังที่ปรารถนาได้ เพราะถ้าจูบครั้งหนึ่งแล้ว มันจะนำมาซึ่งจูบอีกนับครั้งไม่ถ้วน ที่นี่ไม่ใช่โรงแรม ไม่มีที่ให้พวกเขาจู๋จี๋กัน

ความรู้สึกลึกซึ้งและความรักในดวงตาของลูกชายนั้นคุณแม่จี้ย่อมมองออก ดังนั้นเธอจึงเอ่ยปนสะอื้น “เห็นพวกลูกเป็นอย่างนี้แม่ก็วางใจแล้วละ การแต่งงานของพวกลูกไม่เหมือนคนอื่น เส้นทางนี้เดินยาก เรื่องทั่วไปก็ให้อภัยกันและกันมาก ๆ นะลูก อีกสองสามปีค่อยรับเลี้ยงเด็กสักคน อย่างน้อยก็จะได้มีทายาท…”

เซียวจยาซู่ค้านขึ้นมาทันที “พวกเราไม่ต้องการลูกหรอกครับ” พูดจบก็หันไปมองพี่จี้อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ท่าทางเหนียม ๆ นั้นดูน่าสงสารเล็กน้อย ตัวเขาเองก็ยังเป็นเด็กอยู่เลย ยังต้องให้พี่จี้คอยดูแลปกป้อง แล้วจะเอาเด็กอีกคนมาแบ่งความสนใจไปจากพี่จี้ทำไมกัน ตอนกลางคืนลูกร้องไห้งอแง พี่จี้ก็ต้องไปอุ้มเข้านอน แล้วยังต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อเปลี่ยนผ้าอ้อม เช็ดตัวให้อีก ตอนกลางวันก็ต้องให้นม เล่นกับลูก โตขึ้นอีกหน่อยก็ต้องตื่นแต่เช้ามาส่งลูกไปโรงเรียน ตอนบ่ายต้องเลิกงานเร็วหน่อยเพื่อไปรับกลับจากโรงเรียน ตอนกลางคืนต้องมาช่วยติวลูกทำการบ้าน…

เวรกรรม แค่คิดว่าพี่จี้จะต้องเอาเวลาที่เหลือทั้งหมดไปทุ่มให้กับเด็กคนเดียว เซียวจยาซู่ก็แทบจะอกแตกตายแล้ว ที่บ้านจะยังมีที่ให้เขายืนอยู่อีกไหมนี่ ตอนกลางคืนถ้าเขาร้องไห้งอแงใครจะสนใจเล่า ตอนเช้าไปทำงานใครจะไปส่ง ตอนกลางคืนอาบน้ำใครจะมาถอดเสื้อผ้า ใครจะมาเช็ดตัว ใครจะมาอุ้มเขาขึ้นเตียงแล้วปรนเปรอเขาให้อิ่มหนำเล่า

เฮ้อ ๆ ๆ พูดไปพูดมาก็เหมือนว่าเรื่องสุดท้ายจะสำคัญที่สุด เขาหน้าแดง จากนั้นสายตาที่แอบมองจี้เหมี่ยนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ นั้นก็เริ่มมีแววดุดันและข่มขู่

จี้เหมี่ยนรีบคว้าตัวคนรักที่กำลังหงุดหงิดขนพองไปทั้งตัวเข้ามากอดแล้วลูบปลอบ เขาฝืนยิ้มแล้วว่า “ได้ พวกเราไม่ต้องการเด็กกันหรอกเนอะ นายก็เป็นเด็กน้อยหนึ่งเดียวชั่วชีวิตนี้ของพี่อยู่แล้ว ดีไหม” เพิ่งเริ่มต้นพูดเท่านั้น เสี่ยวซู่ก็สร้างภาพในหัวออกมาเป็นฉาก ๆ มากมายขนาดนั้นแล้ว จี้เหมี่ยนละยอมแพ้เลยจริง ๆ

แต่เขาก็ยอมรับความคิดของเสี่ยวซู่ จี้เหมี่ยนทุ่มเทความรักและความสนใจทั้งหมดเอาไว้ที่ตัวเสี่ยวซู่แล้ว ไม่มีกำลังและเวลาจะไปดูแลใครอื่นอีก ถ้าเขาจะเป็นพ่อที่ไม่ดี สู้ไม่เป็นเสียแต่แรกเลยจะดีกว่า แผนการในอนาคตของเขาเดิมทีก็ไม่ได้มีเรื่อง ‘รับเลี้ยงเด็ก’ อยู่แล้ว เสี่ยวซู่ยังเป็นเด็กน้อยขนาดนี้ เขาจะปกป้องอีกฝ่ายอย่างคนรักก็ได้ หรือจะทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงอย่างเด็กน้อยคนหนึ่งก็ได้ เสี่ยวซู่คนเดียวคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ไม่มีที่เหลือเผื่อให้ใครอื่นอีกแล้ว

เขาหยิกแก้มป่องๆของเสี่ยวซู่เบา ๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง “แม่ พวกเราจะไม่มีลูกครับ”

คุณแม่จี้ลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็ยังไม่สบายใจ “แต่เวลาพวกลูกแก่ตัวไปแล้วจะทำยังไงล่ะ ไม่มีลูกคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ ก็คงไม่ได้หรอกนะ”

เซียวจยาซู่เสียใจเล็กน้อยที่ตนปากไว เขาควรจะเงียบแล้วหลังจากนั้นค่อยไปปรึกษากับจี้เหมี่ยน แต่คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้วจะเอาคืนกลับมาก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่พูดออกไปจากใจจริง “แม่ครับ ตอนนี้ผมอายุยังน้อย พี่จี้ก็ต้องดูแลผมมากหน่อย แต่พอพี่จี้แก่ตัวไป ผมก็ต้องเป็นฝ่ายดูแลเขาบ้าง ต่อให้มีลูก พอลูกโตเป็นผู้ใหญ่พวกเขาก็ต้องจากไปเหมือนกันไม่ใช่หรือครับ ถ้าดึกดื่นค่อนคืนเกิดเจ็บป่วยกะทันหัน คนที่จะพาผมไปส่งโรงพยาบาลก็ต้องเป็นพี่จี้ที่นอนอยู่ข้างผมอยู่แล้ว ไม่มีคนอื่นหรอก พอพี่จี้แก่จนเดินไม่ไหว คนที่จะประคองเขาออกไปเดินเล่นทุกวันก็ต้องเป็นผม ไม่ใช่ลูกที่ต้องทำงานวุ่นวายกับชีวิตทุกวัน พวกเราประคับประคองซึ่งกันและกัน จูงมือกัน อยู่เคียงข้างกัน เวลาชั่วชีวิตไม่นานมันก็ผ่านไป แม่ว่าจริงไหมล่ะครับ”

ใครกันนะที่บอกว่าเขากับพี่จี้อายุห่างกันมาก ตอนที่เขายังเป็นเด็กน้อย พี่จี้ก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถจะชี้นำเขาได้ ตอนที่พี่จี้แก่ตัวไป เขาก็ยังมีกำลังวังชาดูแลพี่จี้ได้ โลกนี้ยังจะมีคู่รักคู่ไหนเหมาะสมกัน เข้ากันได้ดียิ่งกว่าพวกเขาอีกหรือ จนแล้วจนรอดเขาก็เชื่อว่าชีวิตของพวกเขาจะต้องมีแต่ความสุขและความสมบูรณ์ ไม่หลงเหลือความเสียดายและเสียใจใด ๆ หรอก

คุณแม่จี้นึกถึงชีวิตบั้นปลายอันเดียวดายของตนแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจ นั่นสินะ ลูกนั้นวันหนึ่งก็ต้องจากไป คนที่จะอยู่เคียงข้างไปจนแก่จนตายก็มีแต่คู่ชีวิต คงต้องโทษที่เธอเลือกคนผิด ทำร้ายตัวเองและทำร้ายลูก เธอมองเซียวจยาซู่ที่ทำสีหน้าจริงจังอย่างหาใดเปรียบแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มขื่น “ช่างเถอะ พวกลูกมีแผนการของตัวเอง แม่คงไม่เข้าไปยุ่มย่ามหรอก”

“แม่วางใจได้เลย พวกเรามีความสุขดีครับ!” เซียวจยาซู่จับมือพี่จี้เอาไว้แล้วก็มองตาปริบ ๆ

จี้เหมี่ยนเพิ่งได้สติ เขาพยักหน้ารับ สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็มีแต่เรื่องที่เสี่ยวซู่อายุห่างจากเขามากนี่ละ แต่ที่แท้ในใจของเสี่ยวซู่ แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังมองว่ามันงดงามอย่างนั้นหรือ ยามอายุน้อยก็ดูแลรักใคร่ซึ่งกันและกัน ยามแก่ตัวไปก็พึ่งพาอาศัยกัน ชีวิตอย่างนี้คงไม่เหลือความเสียใจใด ๆ อีกแล้ว

เขามักรู้สึกว่าตนรักเสี่ยวซู่อย่างสุดหัวใจ แต่ก็จะมีสักชั่วขณะหนึ่งเสมอที่พลันตระหนักขึ้นมาว่า…ที่แท้เขายังรักอีกฝ่ายมากขึ้นได้อีก ถ้าเป็นอย่างนี้ยังจะต้องการลูกหลานอะไรอีกเล่า แค่เขามองเสี่ยวซู่ ในใจก็รู้สึกเต็มตื้นพองโตจนเหมือนจะมีอะไรล้นออกมาจากใจอยู่แล้ว

แม้ว่าการมาเยี่ยมแม่สามีครั้งนี้จะเกิดความขัดแย้งขึ้นในบางประเด็น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกดี ๆ ของเซียวจยาซู่เลย เพราะพี่จี้คอยสนับสนุนเขาอยู่เสมอ

เมื่อดื่มกาแฟหมดกา คุณแม่จี้ก็คิดว่าจะลงมือเข้าครัวทำกับข้าวให้ลูกชายทั้งสองด้วยตนเอง แล้วให้แม่บ้านลาหยุดหนึ่งวัน

แต่จี้เหมี่ยนดึงแขนเสื้อเธอเอาไว้แล้วว่า “แม่นั่งเถอะ ผมทำเอง”

“พี่จี้ ผมช่วยนะ” เซียวจยาซู่รีบตามเข้าครัวไป เขาทาบตัวกับหลังพี่จี้เหมือนเด็กเล็ก ๆ สองมือโอบเอว เอ่ยขึ้นเสียงเบา “ตกลงกันแล้วน้า พวกเราจะไม่มีลูกเนอะ!” เขาคัดค้านความคิดนี้มาก บางทีวันหน้าอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้ แต่ใครจะรู้ล่ะ อย่างไรเสียเขาก็คงไม่ยอมให้ใครมาแย่งความสนใจของพี่จี้ไปจากเขาหรอก

“ได้ พี่ฟังนาย” จี้เหมี่ยนหันกลับมาจูบริมฝีปากที่ยกยิ้มกว้างของอีกฝ่ายและมอบรอยยิ้มเอ็นดูให้

“กลับไปก็ไปอยู่ด้วยกันนะ!” เซียวจยาซู่เสนออีก

“ได้ กลับไปสิ่งแรกที่จะทำก็คือย้ายบ้าน เรื่องบ้านพี่ให้คนไปทำความสะอาดไว้แล้ว เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ประจำวันก็มีครบ” จี้เหมี่ยนโบกมือ “หยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ให้พี่หน่อย”

เซียวจยาซู่รีบไปหยิบผ้ากันเปื้อน เขาช่วยสวมผ้ากันเปื้อนให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจใส่แล้วก็รับปาก “กลับไปแล้วผมจะไปสารภาพกับที่บ้าน พวกเราต้องได้คบกันอย่างเปิดเผย”

จี้เหมี่ยนนิ่งงัน จากนั้นก็ดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามาพูดอย่างจริงจัง “เรื่องนี้นายไม่ต้องวุ่นวายใจหรอก พี่พูดเอง สิ่งที่ทำให้พี่เสียใจที่สุดตั้งแต่เคยทำมา ทายซิว่าคืออะไร”

“อะไรครับ” เซียวจยาซู่เงยหน้ามองเขา

“คือตอนที่ถ่ายฮวงเหยี่ยเม่าเสี่ยนจยาบนเกาะเขตร้อน พี่พูดกับนายว่า ‘เลิกทำตัวไม่มีกะจิตกะใจอย่างนี้เสียทีได้ไหม’ ความจริงวินาทีที่พูดออกไปพี่ก็เสียใจทันที ตอนนี้ก็ยิ่งเสียใจเข้าไปอีก พี่อยากให้นายใช้ชีวิตอย่างไม่คิดอะไรแบบนั้นอยู่เสมอ ไม่ต้องวุ่นวายใจกับอะไรทั้งนั้น เมื่อก่อนนายมีครอบครัวคอยปกป้อง ตอนนี้และในอนาคตนายจะมีพี่ นายสนใจทำแค่สิ่งที่ตัวเองชอบก็พอ เรื่องวุ่นวายใจทั้งหมดให้พี่จัดการเอง”

“แต่แม่ผมดุมากนะ ดุกว่าแม่พี่ร้อยเท่าเลย” ในใจของเซียวจยาซู่รู้สึกแสนหวาน แต่ก็ยังทำใจให้พี่จี้ไปเผชิญปัญหาคนเดียวไม่ได้อยู่ดี

“พี่มีวิธี วางใจเถอะ” จี้เหมี่ยนจูบเขาแรง ๆ แล้วก็จงใจเปลี่ยนเรื่อง “มา เดี๋ยวพี่จะสอนย่างสเต๊ก ไปหยิบหอมหัวใหญ่จากในตู้เย็นมาสองสามหัวไป”

“ครับ” เซียวจยาซู่ไม่ได้ปล่อยวางเรื่องในใจง่ายดายขนาดนั้น แต่ก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยเรียกอย่างระมัดระวังแต่แฝงความรู้สึกพลุ่งพล่าน “พี่จี้”

“หืม” จี้เหมี่ยนหันมามอง

เซียวจยาซู่เขย่งขึ้นไปจุ๊บปากพี่จี้แล้วยิ้มหวาน “คุณสามี” ที่จริงเขาไม่ได้อยากจะพูดอะไร แค่อยากประกาศความเป็นเจ้าของเท่านั้น ในที่สุดเขาก็ได้เรียกคุณสามีอย่างเปิดเผยเต็มปากเต็มคำแล้ว คิก ๆ…

จี้เหมี่ยนก้มลงหัวเราะ เขาเอ่ยเสียงพร่า “พี่ว่านายออกไปคุยเป็นเพื่อนแม่เถอะ ไม่อย่างนั้นพี่อาจจะจับนายกดกับโต๊ะกระจกแล้วจัดเสียตรงนี้ก็ได้!” ที่ได้คนรักสุดแสนน่ารักแบบนี้มา ชาติก่อนเขาคงไปกอบกู้ทั้งกาแล็กซีเอาไว้แน่ ๆ

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า