[ทดลองอ่าน] คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง ตอนที่ 66

爱你怎么说
คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง

 

风流书呆 เฟิงหลิวซูไต เขียน
ศีตกาล แปล
MOON วาด

 

— โปรย —

หลังจากภาพยนตร์เรื่อง สื่อถู ภาพยนตร์เรื่องแรกของ เซียวจยาซู่ เข้าฉาย
เขาก็ได้รับความนิยมขึ้นจนมีชื่อเสียง อีกทั้งยังได้ฉายาคู่ชิปพี่น้องกับราชาจอเงิน จี้เหมี่ยน
และดูท่าจะได้รับความเอ็นดูจากอีกฝ่ายมากขึ้นด้วย

ในระหว่างนั้นเซียวจยาซู่ก็ได้รู้ข่าวการคัดเลือกนักแสดงในภาพยนตร์ภาคต่อฟอร์มยักษ์ ฉงจู๋ต้าจ้าน
หนังสงครามอวกาศระหว่างแมลงปรสิตกับเผ่าพันธุ์อัจฉริยะที่เหลือรอด
ที่เขานั้นเป็นแฟนคลับหนังผู้เหนียวแน่น ไม่ว่าอย่างไรก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในหนังเรื่องนี้
และผู้ที่ทำหน้าที่คัดเลือกนักแสดงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจี้เหมี่ยนนั่นเอง

งานนี้คุณชายเซียวผู้อยากคว้าบท CT001 หัวหน้าเอไอ เครื่องจักรสังหารไร้อารมณ์ความรู้สึก
ก็ของัดทุกสิ่งทุกอย่างที่มี โจมตีด้วยความงามเข้าไปให้อีกฝ่ายไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 66

การทดสอบความรู้ใจกันครั้งใหญ่

 

สายตาของผู้ชมเป็นประกาย หลินเล่อหยางเพิ่งจะเผยสีหน้าของคนที่กำชัยชนะเอาไว้ในมือ ก็มีคนสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ชาวเน็ตคนหนึ่งส่งคอมเมนต์มาบนหน้าจอว่า ‘นายหลินเล่อหยางคนนี้เป็นอะไร ทำท่าอย่างกับรู้จักเทพจี้ดีอย่างนั้นละ เขาเป็นแฟนตัวยงของเทพจี้จริง ๆ เหรอ’

หลินเล่อหยางหน้าตาเกลี้ยงเกลา รอยยิ้มสดใส ตอนที่เพิ่งเดบิวต์ใหม่ ๆ จี้เหมี่ยนก็คอยปกป้องคุ้มภัย ความจริงเขาดึงดูดแฟนคลับไปได้มากมาย แต่ภายหลังกลับมีเรื่องไม่ลงรอยกับเหมียวมู่ชิงและเซียวจยาซู่ ทำให้ความนิยมลดลงไปมาก ตอนเปิดให้โหวตผลการออดิชั่นเรื่องจู๋อ้ายเจ่อ ถึงจะซื้อตัวสุ่ยจวินจนชนะไปในท้ายที่สุด แต่ก็โดนหาว่าไปตัดหน้าเซียวจยาซู่ โดนแฟนคลับของฝ่ายนั้นด่าจนพรุน

หลังจากนั้นเขาก็สงบเสงี่ยม ได้แต่เตรียมตัวแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่ได้เล่นเล่ห์เพทุบายอะไรอีก แต่ในใจของผู้คนนั้นได้กำหนดภาพลักษณ์ของเขาไปแล้ว เมื่อพูดถึงเขา คำศัพท์ในเชิงค่อนข้างลบก็จะผุดขึ้นมาก่อน เช่น ผู้ชายที่มีอะไรในใจ พวกชอบสร้างกระแส แอบแทงข้างหลัง เป็นต้น

ทันใดนั้นก็มีผู้ชมคนหนึ่งชี้ช่องคำตอบอย่างแปลก ๆ ‘เมื่อก่อนเขาเคยเป็นผู้ช่วยให้เทพจี้มาก่อน ในเวยป๋อก็ต้องมีข่าวคราวของเทพจี้อยู่แล้วละ แล้วทำไมกลายเป็นแฟนตัวยงไปได้ จะเกาะกระแสก็ต้องมีขอบเขตกันหน่อย!’

‘เขาเคยเป็นผู้ช่วยเทพจี้หรือ มิน่าล่ะ เทพจี้ถึงเซ็นสัญญารับเขาเข้ามาเป็นดารา’

‘เทพจี้ดันเขาจะตาย เพิ่งเดบิวต์ก็ให้เขาร่วมแสดงสื่อถู แต่เขากลับไม่รู้จักรักษาโอกาสเอาเสียเลย ลับหลังเทพจี้ก็ไปดิสเครดิตคนนั้น ดิสเครดิตคนนี้ แล้วยังไปตัดหน้าเจ้าต้นอ่อนน้อยอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไปทำโพลโหวตอะไรนั่น พระเอกจู๋อ้ายเจ่อก็ต้องเป็นเจ้าต้นอ่อนน้อยแน่นอน’

หลินเล่อหยางรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมมาก เดิมทีบทพระเอกของจู๋อ้ายเจ่อก็เป็นเขาอยู่แล้ว ทำไมไป ๆ มา ๆ ถึงได้กลายเป็นเขาแย่งบทเซียวจยาซู่ไปได้ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่เขาเพิ่งเดบิวต์ ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องอุบายในวงการบันเทิงมากนัก ได้แต่นั่งใบ้เสียเปรียบคนอื่นเขาอยู่อย่างนี้ กระทั่งถึงตอนนี้เขาจึงเพิ่งตระหนักได้…ที่พี่จี้พูดเอาไว้ไม่ผิดเลย ที่จริงเขาไม่ต้องทำอะไร แค่ถ่ายหนังไปดี ๆ ใช้ชีวิตไปดี ๆ ทุกอย่างมีพี่จี้คอยช่วยจัดการให้เขาอยู่แล้ว

แต่ตอนนี้ไม่ว่าพูดอะไรก็สายเกินไปแล้ว เขามองพี่จี้ จากนั้นก็มองกระดานคำตอบในมือ แม้ในใจของเขาขมขื่น แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาเป็นคนที่เข้าใจพี่จี้มากที่สุด แล้วก็เคยใกล้ชิดกับพี่จี้มากขนาดนั้น ขอเพียงเกมทดสอบความรู้ใจกันเล็ก ๆ นี้กระตุ้นเตือนความทรงจำอันงดงามระหว่างพวกเขาที่ยังเก็บอยู่ในใจพี่จี้ขึ้นมาได้ก็พอ

ผู้ดำเนินรายการให้จี้เหมี่ยนปรับท่านั่งเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ใครเห็นคำตอบ จากนั้นจึงยิ้มแล้วเอ่ย “คำถามข้อแรก อาจารย์จี้ชอบสีอะไรที่สุด”

เซียวจยาซู่กับหลินเล่อหยางก้มหน้าก้มตาเขียนคำตอบ ชาวเน็ตก็ร่วมสนุกด้วยการส่งคอมเมนต์ของตัวเองผ่านทางหน้าจอ เพื่อให้รายการมีสีสันยิ่งขึ้น คอมเมนต์ของผู้ชมจึงถูกฉายขึ้นไปบนจอใหญ่ด้านหลังแขกรับเชิญแบบเรียลไทม์

ผู้ดำเนินรายการพูด “อา ชาวเน็ตมากมายส่งคำตอบกันเข้ามาแล้วนะครับ จากที่ผมดูคร่าว ๆ คนตอบสีดำมากที่สุด รองลงมาคือสีเทา จากนั้นก็เป็นสีขาว ดูท่าทางจะรู้ใจไอดอลของพวกคุณมาก…” เขาหันไปมองกระดานคำตอบของจี้เหมี่ยนแล้วก็ปิดปากหัวเราะออกมาทันที “แหม แบบนี้ผมก็เขินแย่สิ!”

จี้เหมี่ยนเขียนเสร็จแล้วก็ใช้สายตาแปลก ๆ เหลือบมองเซียวจยาซู่

หลินเล่อหยางจับกระดานเอาไว้แน่นด้วยความมั่นใจเต็มที่

“เชิญทั้งสองท่านเปิดคำตอบครับ แล้วพวกคุณค่อยดูคำตอบที่ถูกต้องจากอาจารย์จี้กันนะครับ ช่วงเวลาทดสอบความรู้ใจกันของพวกคุณมาถึงแล้ว” ผู้ดำเนินรายการเพิ่งจะพูดจบเท่านั้น เซียวจยาซู่กับหลินเล่อหยางก็พลิกกระดานพร้อมกัน จากนั้นก็หันมองกันและกัน

เซียวจยาซู่เขียนว่า ‘สีน้ำเงินไพลิน’ หลินเล่อหยางเขียนว่า ‘ดำ เทา ขาว’ คำตอบนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สีหน้าของทั้งคู่ก็ไม่เหมือนกัน คนหนึ่งดูสบาย ๆ ร่าเริงเหมือนกำลังเล่นสนุก ส่วนอีกคนดูมั่นอกมั่นใจเต็มที่

คอมเมนต์ของชาวเน็ตพร่างพรมอยู่บนหน้าจอใหญ่ราวกับฝนตก ทุกคนล้วนบอกว่าหลินเล่อหยางหว่านแหเผื่อถูกจึงเขียนสีที่มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกทั้งสามสีลงไป! ซึ่งแน่นอนว่าถ้ามีความเห็นโจมตีเขา ผู้กำกับรายการก็จะเอาออกไปจากหน้าจอก่อนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในแง่ลบ

ผู้ชมในห้องส่งต่างพากันตะโกนสิ่งที่ตนคิด ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นสีดำ เพราะเทพจี้ชอบสวมเสื้อผ้าสีดำที่สุด เขาเคยไปร่วมรายการเกี่ยวกับแฟชั่นรายการหนึ่ง ผู้ดำเนินรายการเคยไปดูห้องแต่งตัวของเขา เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายภายในนั้นจัดเรียงตามสี สีดำ ขาว เทายึดพื้นที่ผนังสามด้านเต็ม ๆ ส่วนเสื้อผ้าสีสันสดใสมีน้อยจนน่าสงสาร เห็นได้ชัดว่าสีที่เขาชอบที่สุดนั้นถ้าไม่ใช่สีดำก็สีเทา หรือไม่ก็สีขาว

ผู้ดำเนินรายการให้จี้เหมี่ยนปิดกระดานไว้กับตัวอย่างมิดชิด อย่าให้กล้องถ่ายเห็น จากนั้นจึงหันไปถามนักแสดงหน้าใหม่สองคนว่า “ทำไมพวกคุณถึงเขียนคำตอบนี้กันล่ะครับ”

หลินเล่อหยางยิ้มพลางว่า “ผมเคยเป็นผู้ช่วยของพี่จี้ ถ้าผมเอาเสื้อผ้าสี ๆ กับเสื้อผ้าสีขาวมาให้เขาเลือก เขาจะต้องเลือกเสื้อผ้าสีขาวแน่นอนครับ ถ้าผมเอาเสื้อผ้าสีขาวกับเสื้อผ้าสีเทามาให้เขาเลือก เขาก็ต้องเลือกสีเทาแน่ ๆ แล้วถ้าผมเอาเสื้อผ้าสีเทากับเสื้อผ้าสีดำมาให้เขาเลือก เขาก็ต้องเลือกสีดำอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นสีที่เขาชอบที่สุดคือดำ เทา ขาว สีดำคือสีที่ชอบที่สุด รองลงมาก็สีเทา รองลงมาอีกก็สีขาวครับ”

ผู้ดำเนินรายการยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ผู้ชมในห้องส่งล้วนปรบมือเพราะคิดว่าเขาพูดถูก

ผู้ชมทางออนไลน์พากันส่งคอมเมนต์ขึ้นมาบนหน้าจอ ทอดถอนใจว่า ‘สมกับที่เป็นผู้ช่วยของเทพจี้ เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของเทพจี้อย่างละเอียดเชียว ฉันก็อยากเลือกเสื้อผ้าให้เทพจี้เหมือนกันนะ!’

“เซียวจยาซู่ ทำไมคุณตอบว่าสีน้ำเงินไพลินครับ” ผู้ดำเนินรายการถามต่อ

เซียวจยาซู่มองหลินเล่อหยางด้วยความตกใจ จากนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเอ่ยเน้นไปประโยคหนึ่ง “ก่อนอื่น ผมขอบอกก่อนว่า ผมเองก็เคยเป็นผู้ช่วยให้พี่จี้ครับ”

‘ฮ่า ๆ! ทนไม่ไหวแล้ว! นี่คือแย่งความรักกันใช่ไหม นี่คือกำลังแย่งความรักความเอ็นดูกันชัด ๆ เลยเนี่ย’ ผู้ชมทางออนไลน์ส่งคอมเมนต์หัวเราะขึ้นมาเต็มหน้าจอไปหมด ส่วนผู้ชมในห้องส่งบางคนก็ปรบมือ บางคนก็หัวเราะ บรรยากาศครึกครื้นสุด ๆ

ผู้ดำเนินรายการปิดหน้าเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอหัวเราะออกมา มันใช่เรื่องน่าเอามาอวดแข่งตรงไหนเนี่ย ลูกเศรษฐีอย่างคุณมาเป็นผู้ช่วยดารา แต่ดูท่าทางเหมือนจะภูมิอกภูมิใจ ไม่สิ หรือไม่ในใจของเขาอาจจะเป็นเรื่องที่รู้สึกเป็นเกียรติก็ได้ คงจะเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเอามาอวดกระมัง ดูท่าจะเป็นแฟนตัวยงจริง ๆ นะนี่!

จี้เหมี่ยนพิงพนักเก้าอี้ รอยยิ้มสดใสที่ไม่เคยมีมาก่อน ยามนี้กลับเผยออกมาอย่างไม่ปิดบังต่อหน้าผู้ชม เขาละยอมใจเซียวจยาซู่จริง ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็กน้อยแบบนี้ได้ไหมเล่า

ที่ผ่านมาจี้เหมี่ยนมักจะเคร่งขรึมเก็บตัว ถ้าจะแสดงสีหน้า อย่างมากก็เป็นสีหน้าอบอุ่น น้อยมากที่เขาจะยิ้มออกมาเปิดเผยจริงใจอย่างนี้ เหล่ามงกุฎน้อยที่ชมอยู่หน้าจอโทรทัศน์และทางออนไลน์เห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของเขาแล้ว ความรู้สึกดีที่มีต่อเซียวจยาซู่ก็พุ่งพรวดขึ้นมาทันที

‘เจ้าต้นอ่อนน้อยก็ใสซื่อไม่เสแสร้งเกินไปแล้ว ทายาทเศรษฐีตระกูลดังอย่างเขากลับยินดีมาเป็นผู้ช่วยให้เทพจี้น่ะนะ แล้วยังประกาศต่อหน้าสาธารณชนอย่างภาคภูมิใจขนาดนั้นอีก นี่มันรักจริงเลยนะเนี่ย! ถึงจะเขียนคำตอบผิด แต่จะโทษเขาก็คงไม่ได้ หลินเล่อหยางเป็นผู้ช่วยให้เทพจี้มาตั้งครึ่งค่อนปี ส่วนเขาน่ะเป็นผู้ช่วยนานแค่ไหนกันเชียว’

‘ใช่ จะโทษเขาก็คงไม่ได้ ต่อไปเขาก็คงจะได้รู้จักเทพจี้ในแง่มุมต่าง ๆ มากขึ้นนั่นละ’

‘…’

คอมเมนต์ที่แลดูเอ็นดูของเหล่ามงกุฎน้อยบนหน้าจอทำให้ผู้ดำเนินรายการหัวเราะออกมาอีกครั้ง จี้เหมี่ยนช่วยอธิบาย “เซียวจยาซู่เคยเป็นผู้ช่วยให้ผมสามวันครับ ก็ไม่นานจริง ๆ นั่นละ”

“ใช่ครับ เพราะหลังจากนั้นผมต้องมาถ่ายหนังแล้ว” เซียวจยาซู่ช่วยแก้ความเข้าใจผิดเหล่านั้นแล้วพูดต่อ “ผมคิดว่าสีที่พี่จี้ชอบที่สุดน่าจะเป็นสีน้ำเงินไพลิน เสื้อผ้าของเขาส่วนใหญ่เป็นสีดำ ขาว เทา สามสีนี้ แต่ผมพบว่าพวกเครื่องประดับที่เขาใส่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสีน้ำเงินไพลินทั้งหมด อย่างเช่นกระดุมข้อมือ ที่หนีบเน็คไท คราวาท[1] ถุงเท้า เข็มขัด นาฬิกาข้อมือ แหวน โทรศัพท์มือถือ เคสโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น”

ระหว่างที่เขาพูด ผู้ดำเนินรายการก็สังเกตดูเครื่องประดับบนตัวจี้เหมี่ยนไปด้วย และตากล้องก็โคลสอัปไปด้วยเช่นกัน

จี้เหมี่ยนยกมือขึ้นอย่างให้ความร่วมมือ ทำให้เห็นกระดุมข้อมือสีน้ำเงินไพลิน โทรศัพท์มือถือสีน้ำเงินไพลิน นาฬิกาข้อมือแบบหน้าปัดกลไกสีน้ำเงินไพลิน…เครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยประกอบการแต่งกายของเขาล้วนเป็นสีน้ำเงินไพลินทั้งหมดจริง ๆ ถ้าไม่สังเกตดูอย่างละเอียดก็คงจะมองไม่เห็น

ผู้ชมในห้องส่งพากันฮือฮา ผู้ชมทางออนไลน์กลับเงียบกริบ

สีหน้ามั่นอกมั่นใจของหลินเล่อหยางค่อย ๆ แทนที่ด้วยความกระอักกระอ่วน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นประหม่าไม่สบายใจ

จี้เหมี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพลิกกระดานคำตอบ บนนั้นเขียนด้วยตัวหนังสืองดงามเอาไว้ว่า…สีน้ำเงินไพลิน

‘ตายละ! เป็นสีน้ำเงินไพลินจริง ๆ ด้วย! ต้องเอาใจใส่มากขนาดไหนเนี่ยถึงได้เห็นรายละเอียดพวกนี้น่ะ ฉันละไม่เคยยกย่องใครเท่าเจ้าต้นอ่อนน้อยเลยจริง ๆ นี่รักจริงเลยนะเนี่ย!’ คอมเมนต์บนหน้าจอของชาวเน็ตหลั่งไหลเข้ามา แน่นอนว่ามีคนตอบถูกแต่กลับบอกเหตุผลออกมาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าคงจะเดามั่ว

หลินเล่อหยางหน้าซีดไปทันที แต่ไม่นานเขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทว่าถึงอย่างนั้นทุกคนก็สังเกตเห็น รอยยิ้มของเขาดูฝืนมาก ในดวงตาคล้ายมีประกายน้ำคลออยู่ ดูเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มที

‘เป็นผู้ช่วยให้เทพจี้ตั้งครึ่งค่อนปี ที่แท้ก็แค่ทำไปงั้น ๆ ตกลงว่าใส่ใจหรือไม่กันแน่เนี่ย ที่บอกว่านับถือชื่นชมอะไรนี่ก็เสแสร้งใช่ไหม ขนาดรายละเอียดที่เห็นได้ง่าย ๆ ก็ยังไม่เห็นเลย!’ คอมเมนต์ประเภทนี้โผล่มาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้กำกับรายการก็ลบทิ้งทั้งหมด ถึงอย่างนั้นหลินเล่อหยางก็ยังจินตนาการได้ว่าคนอื่นจะกระทบกระเทียบเขาอย่างไรบ้าง

เซียวจยาซู่กลับไม่ได้มีท่าทางภูมิอกภูมิใจ เขาประสานมือแล้วว่า “ที่แท้ก็เป็นสีน้ำเงินไพลินจริง ๆ ด้วย ผมเดาถูกแฮะ”

ถ้าไม่ได้เอาใจใส่พอ พยายามเข้าใจเทพจี้ ใครจะเดาถูกเล่า เพียงแค่นึกถึงจุดนี้เหล่ามงกุฎน้อยก็ยิ่งเพิ่มพูนความรู้สึกดีที่มีต่อเขามากขึ้นอีก ในทางกลับกัน สำหรับหลินเล่อหยางนั้น ก่อนหน้านี้พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่ควรค่าที่จะมาเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัดของเทพจี้อยู่แล้ว ไม่ควรค่าแก่การมาใช้โอกาสของเทพจี้ ตอนนี้พวกเขาจึงยิ่งมีอคติกับหลินเล่อหยางมากขึ้นไปอีก

ผู้ดำเนินรายการลงคะแนนให้เซียวจยาซู่หนึ่งคะแนน จากนั้นก็ถามคำถามข้อที่สอง “อาจารย์จี้ชอบกินอะไรมากที่สุดครับ”

หลินเล่อหยางกับเซียวจยาซู่ก้มหน้าก้มตาเขียน คอมเมนต์ของชาวเน็ตก็ทยอยปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน คำตอบนั้นเป็นหนึ่งเดียวกันมาก…สเต๊กเนื้อวัว เพราะทุกครั้งที่เทพจี้ถ่ายภาพอวดอาหารเลิศรสในเวยป๋อจะต้องเป็นสเต๊กเนื้อวัว บางครั้งเขาก็ทำอาหารเองที่บ้านบ้าง แต่ก็มีแค่สเต๊กเนื้อวัวทุกครั้ง นอกจากเรื่องซอสที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละครั้งแล้วก็ไม่มีอย่างอื่น

ผู้ดำเนินรายการมองกระดานคำตอบของจี้เหมี่ยนแล้วรอยยิ้มก็ดูมีลับลมคมใน

ผู้ชมสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลทันที พวกเขารีบพูด ‘คงไม่ใช่ว่าตอบผิดอีกหรอกนะ นี่ฉันเป็นแฟนคลับเทพจี้ตัวปลอมหรือเปล่าเนี่ย’

‘ไม่ใช่เธอเป็นแฟนคลับเทพจี้ตัวปลอมหรอก แต่เพราะเทพจี้ไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวต่อหน้าสื่อมาก่อนต่างหาก นี่เป็นครั้งแรกเลย ควรค่าแก่การเก็บไว้เป็นที่ระลึกนะ! รายการนี้ทำดีมากเลย ทำให้พวกเราได้เข้าใกล้เทพจี้มากขึ้นไปอีก จะว่าไป หลินเล่อหยางกับเซียวจยาซู่ตอบว่าอะไรกัน อยากรู้จัง!’

“เอาละ หมดเวลา เชิญเปิดคำตอบครับ” ผู้ดำเนินรายการอ่านคำตอบอย่างรวดเร็ว เซียวจยาซู่เขียนว่า ‘กุ้ง’ หลินเล่อหยางเขียนว่า ‘สเต๊ก เซียหวงเปา’ แต่ครั้งนี้หลินเล่อหยางไม่ได้มีสีหน้ามั่นใจเลย เขาดูไม่มั่นใจเอามาก ๆ

จี้เหมี่ยนมองเซียวจยาซู่อย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็กดกระดานเอาไว้กับตัว

 

[1] Cravat ผ้าผูกคอ ลักษณะคล้ายผ้าพันคอ ใช้เป็นเครื่องประดับผูกเอาไว้ด้านในของเสื้อเชิ้ตให้ดูมีสีสัน ส่วนใหญ่จะเป็นเซตเดียวกันกับผ้าเช็ดหน้าที่ประดับไว้ตรงกระเป๋าเสื้อและกระดุมข้อมือ

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า