[ทดลองอ่าน] รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่ เล่ม 1 ตอนที่ 3

老婆粉了解一下
รู้ไว้ซะ ฉันนี่แหละแฟนคลับตัวแม่

 

ชุนเตาหาน เขียน
เสี่ยวฝาน แปล

 

— โปรย —

กระจกเงาแบบตั้งพื้นสะท้อนภาพหญิงสาวตรงหน้าซึ่งมีใบหน้าขาวซีด
ผมยาวม้วนงอเล็กน้อยในระดับอก ใบหน้านี้เป็นใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยชิงชัง

เธอก้มศีรษะลงโค้งคำนับสามครั้ง

“เซิ่งเฉียว ฉันขอโทษนะ”

ขอโทษที่เมื่อก่อนฉันโจมตีเธอตามใจชอบโดยไม่รู้อะไรเลย
ขอโทษที่ฉันรัวแป้นพิมพ์แบบไม่รับผิดชอบ ทำให้เธอต้องเจ็บปวด
ขอโทษที่โลกออนไลน์ทำลายเธออย่างโหดร้ายไปตามกระแสสังคม

ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงหายตัวไป
อาจเป็นเพราะเธอแบกรับความโหดร้ายของโลกใบนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
และฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ร้ายเสียด้วย

ฉันจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างเอง ฉันจะทำให้ชีวิตที่มืดมนของเธอได้พบกับแสงสว่าง

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

3

 

ฮั่วซีพยักหน้ารับ แล้วกระเถิบไปข้างๆสองก้าวเพื่อเว้นที่ไว้ให้เซิ่งเฉียว เธอเดินเข้าไปในลิฟต์และจ้องเขาตาไม่กะพริบ ราวกับว่าหากไม่ได้มองสักวินาทีเดียวแล้วจะขาดทุน ก็ทั้งคิ้ว ตา จมูก ปาก ลำคอ และลูกกระเดือกของเขา โอ๊ย ตรงไหนก็ดูดีไปหมด  

นี่คือความหล่อเหลาระดับทำลายล้าง เขาคือเทพเซียนที่ลงมาเยือนโลกมนุษย์แท้ๆ ทำไมนะ ทำไมต้องมาทำให้หัวใจของมนุษย์ธรรมดาๆอย่างฉันสั่นคลอนด้วย!

วันนี้เขาหล่อมาก!

แม่จ๋า! คนนี้แหละ! หนูอยากแต่งงานกับเขา!

เซิ่งเฉียวชื่นชมเขาในใจครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าท่าทางลุ่มหลงของตนทำให้ฮั่วซีรู้สึกอึดอัด

แววตาที่โจ่งแจ้งราวกับจะจับเขาแก้ผ้านี่มันอะไรกันนะ

ก่อนหน้านี้เซิ่งเฉียวโดนแฟนคลับฮั่วซีด่าเสียยับเยิน และเธอก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าทีมงานของเธอทำอะไรกับฮั่วซีไว้บ้าง ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกผิด แต่อีกใจเขาก็แสดงออกชัดว่าไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ ดาราสาวจึงมักจะหลบหน้าเวลาที่ต้องเจอกันอยู่เสมอ

แต่วันนี้ไม่รู้ว่ายายนี่สวมวิญญาณแม่เสือมาหรืออย่างไร ถึงได้กล้าหือกับเกาเหม่ยหลิง

ฟางไป๋ซึ่งอยู่ข้างๆทนดูต่อไปไม่ไหวจึงดึงแขนดาราสาวไว้ “พี่เฉียวเฉียว เรากลับกันก่อนดีกว่า สัญญาก็เซ็นไปแล้ว ถ้าพี่ไม่อยากแสดงเรื่องนี้ก็ต้องปรึกษากับพี่เกาให้รู้เรื่องว่าจะทำยังไงให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด”

ในที่สุดเซิ่งเฉียวก็ได้สติหลังจากที่ตกอยู่ในภวังค์พักใหญ่

ใช่แล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือจะปฏิเสธงานละครวายเรื่องนั้นอย่างไรดี ส่วนฮั่วซีนั้นจะมองเมื่อไหร่ก็ได้ เขาคงไม่หนีไปไหนหรอก

เดิมทีที่ยอมมาบริษัท ก็เพราะเธอตั้งใจจะมาคุยกับเกาเหม่ยหลิงถึงข้อดีข้อเสียของการรับงานละครวายเรื่องนี้ เพื่อลองหยั่งเชิงดูว่ามีโอกาสที่จะปฏิเสธได้บ้างไหม ใครจะไปรู้ว่าแค่เอ่ยปากแสดงความคิดเห็นออกไป ก็โดนเกาเหม่ยหลิงซัดกลับเสียงกร้าวว่าไม่ให้เธอยุ่งเรื่องแผนงาน

อย่างน้อยเซิ่งเฉียวก็เคยอยู่ในแฟนด้อม[1]มาก่อน เรื่องในวงการเธอก็พอจะรู้อยู่บ้าง ผู้จัดการส่วนตัวกับศิลปินมีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่เธอยังไม่เคยได้ยินว่ามีผู้จัดการส่วนตัวคนไหนบ้าอำนาจมากจนถึงขั้นเห็นศิลปินเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ตนสามารถบังคับให้ทำอะไรตามใจชอบได้ขนาดนี้

เธอเองก็ไม่ใช่คนใจเย็น ตอนนั้นเธอตบโต๊ะดังปัง แล้วระเบิดอารมณ์ใส่ทันที

เพียงเท่านั้นเกาเหม่ยหลิงก็อาละวาดหนัก เพราะแม่กระต่ายขาวแสนโง่ตัวนี้ไม่เคยพูดคำว่า “ไม่” กับเธอมาก่อน ทว่าตอนนี้กลับปฏิเสธเธอต่อหน้าผู้ช่วย

ช่างวอนหาเรื่องเสียจริง!

เกาเหม่ยหลิงปาสัญญาใส่หน้าเซิ่งเฉียวด้วยสีหน้าที่แสดงให้เห็นว่าตนมีอำนาจเหนือกว่า แถมไม่ยอมเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดแทรก “ไม่ว่าจะอยากเล่นละครเรื่องนี้หรือไม่ เธอก็ต้องเล่น ไม่มีสิทธิ์มาต่อรองอะไรทั้งนั้น! ”

เซิ่งเฉียวจึงกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ฉันไม่อยากเล่น…อย่างมากก็แค่ออกจากวงการ” ก่อนจะปิดประตูกระแทกอย่างแรง แล้วเดินออกจากห้องไป

นึกไม่ถึงจริงๆว่าเกาเหม่ยหลิงจะเป็นคนเผด็จการได้ขนาดนี้ ย้อนนึกไปถึงเรื่องอื้อฉาวของเซิ่งเฉียวแต่ละเรื่อง เธอก็เริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว

เซิ่งเฉียวตบไหล่ฟางไป๋ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เสี่ยวไป๋ นายกลับไปบอกเกาเหม่ยหลิงทีว่าฉันขอยืนกรานไม่แสดงละครเรื่องนี้ ถ้าไม่งั้นฉันจะออกจากวงการ ให้หล่อนเลือกเอา”

ฮั่วซีเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง

“พี่เฉียวเฉียว พี่ลองคิดดูดีๆอีกทีนะ คำบางคำจะพูดพล่อยๆไม่ได้นะครับ”

เซิ่งเฉียวยังไม่ชินกับสถานะใหม่ของตนเท่าใดนัก ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเรียกกันว่าบารมีของการเป็นดารา จึงไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย “ไม่จำเป็น นายไปบอกเธอตามนี้แหละ ขืนยอมแสดงละครเรื่องนี้จนโดนทั้งโลกโซเชียลถล่มด่า ก็ต้องออกจากวงการอยู่ดี แล้วมันจะต่างกันตรงไหน”

ฟางไป๋เห็นท่าทีเด็ดขาดของเธอก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากตอบรับและไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีก จนกระทั่งลิฟต์เคลื่อนลงไปถึงชั้นบีสอง เธอเดินตามฮั่วซีออกไปด้านนอก แถมยังเร่งฟางไป๋ไปด้วย “นายรีบขึ้นไปเถอะ วางใจได้ ฉันมีจุดยืนของฉัน”

ฟางไป๋ได้แต่กดลิฟต์เพื่อกลับขึ้นไปด้านบน พอประตูลิฟต์ปิดลง เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

พี่ไม่มีรถนี่นา แล้วพี่ไปลานจอดรถเพื่อ…

เซิ่งเฉียวเดินตามฮั่วซีออกมาไกลทีเดียวกว่าจะนึกได้ว่าตนเองไม่มีรถ ปกติเธอจะนั่งรถตู้อเนกประสงค์ที่ฟางไป๋เป็นคนขับ ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างนี้มีทรัพย์สินอะไรบ้าง เดี๋ยวกลับบ้านคงต้องขอไปค้นดูเสียหน่อย

ฮั่วซีเดินไปข้างรถคูเป้[2]สีเหลืองของตน ก่อนจะหันหน้ากลับมาถามเธอว่า “คุณตามผมมาทำไม”

เซิ่งเฉียวยิ้มแหย “ฮั่วซี พอดีฉันไม่มีรถน่ะ”

ฮั่วซี “แล้ว…”

เซิ่งเฉียวปรับสีหน้า “ไม่ทราบว่าฉันพอจะมีเกียรตินั่งข้างคุณรึเปล่าคะ”

ฮั่วซี “ไม่มี” เขาทำท่าจะเปิดประตูรถในขณะที่เซิ่งเฉียวตะปบมือเขาไว้

ฮั่วซี “???”

เมื่อถูกศิลปินในดวงใจจ้องหน้า เซิ่งเฉียวก็สลดทันที เธอชักมือกลับแล้วถอยหลังไปสองสามก้าว ด้วยกลัวว่าจะทำให้ดาราดังโมโห แล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “ฮั่วซี คุณช่วยพาฉันออกจากที่จอดรถหน่อยได้ไหม ถ้าคุณไม่ว่าจะให้ฉันนั่งข้างหลังก็ได้ หรือกระโปรงหลังก็ยังได้ค่ะ”

ฮั่วซีจ้องหน้าเธออยู่พักหนึ่ง แล้วเดินขึ้นรถไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เซิ่งเฉียวมองเขาตาปริบๆ เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น ฮั่วซีลดกระจกลง “ไม่ไปรึไง”

“ไปค่ะๆ!”

เธอขึ้นรถไปแบบกระดี๊กระด๊า

เฉียวเฉียวรู้มาตลอดว่าฮั่วซีมีรถคูเป้สีเหลืองอยู่คันหนึ่ง วันๆพวกซีกวง[3]มักจะเอาแต่ฝันว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสได้นั่งรถสปอร์ตของฮั่วซีสุดที่รักเสียที ถึงไม่ได้นั่ง ได้สัมผัสก็ยังดี!

สำหรับคนอย่างเธอที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแม่ของการไล่ตามดารา จึงต้องเรียกว่าเหมือนฝันที่เป็นจริงเลยทีเดียว!

ฮั่วซีขับรถไม่พูดไม่จา รถยนต์แล่นออกจากที่จอดด้วยความเร็ว ก่อนจะค่อยๆออกไปสู่ถนนหลัก เขามองกระจกมองหลัง เห็นเซิ่งเฉียวซุกตัวอยู่บนเบาะราวกับหนูตัวเล็กๆ

ฮั่วซี “…ทำอะไรน่ะ”

เซิ่งเฉียว “ฉันกลัวโดนคนแอบถ่ายภาพ แล้วจะทำให้คุณเดือดร้อนน่ะสิ” ช่างน่าขอบคุณเสียจริง

“ที่อยู่”

“อะไรนะคะ”

“ที่อยู่บ้านคุณไง”

“อ๋อ” เธอรีบบอกที่อยู่ให้เขา พลางคิดว่าศิลปินในดวงใจของเธอนั้นช่างรอบคอบเสียจริง เพราะหากปล่อยเธอลงจากรถในที่โล่งแจ้งเช่นนี้ก็อาจจะมีใครมาเห็นเข้า ไปส่งเธอจนถึงบ้าน แล้วลงตรงที่จอดรถย่อมปลอดภัยกว่าเยอะ

ฮั่วซีกรอกที่อยู่ใส่ระบบนำทางจีพีเอส แล้วเร่งความเร็ว จังหวะนั้นเขามองผ่านกระจกมองหลัง แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคนจึงปรับองศากระจกมองหลังอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เห็น…เซิ่งเฉียวนอนขดอยู่บนพื้นรถด้วยท่าทางประหลาดๆ

“ไม่เมื่อยรึไง”

“ไม่เมื่อยเลยค่ะ คุณขับรถเถอะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”

การไม่หาเรื่องให้ไอดอลโดนด่าเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของการเป็นแฟนคลับ เธอไม่อยากให้สามีสุดที่รักต้องมาเป็นข่าวกับดาราสาวคนไหนทั้งนั้น แม้ว่าจะเป็นตัวเธอเองก็ตาม!

ผ่านไปสักพักเธอชักจะเมื่อยเอว ได้ยินฮั่วซีกล่าวว่า “ที่จริงหน้าต่างรถผมติดฟิล์มรอบคัน มองเห็นได้แค่ด้านเดียว”

“ว่าไงนะคะ”

“มองจากข้างนอกเข้ามาไม่เห็นหรอก”

“…”

เซิ่งเฉียวขยับขึ้นมานั่งบนเบาะเงียบๆ ฮั่วซียกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาทีสีหน้าก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม

เขาถามเธอว่า “คุณวางแผนจะทำยังไงต่อไป”

เธอยกมือประคองใบหน้า อดชื่นชมความหล่อเหลาของศิลปินในดวงใจขณะขับรถไม่ได้ “ไม่มีแผนอะไรนี่คะ อย่างมากก็แค่ยกเลิกสัญญา”

ฮั่วซีปรายตามองเธอแวบหนึ่ง “เกรงว่าจะไม่ง่ายน่ะสิ”

“ทุกเรื่องบนโลกนี้คงหนีไม่พ้นสองทาง ถ้าไม่จากกันด้วยดี ก็จากกันไม่ดี เกาเหม่ยหลิงคงจะพิจารณาคุณค่าที่เหลืออยู่ของฉัน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเจรจาต่อรองกับฉันยังไง ฉันแค่กลับบ้านไปรอฟังข่าวจากเธอก็จบ”

ฮั่วซีเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

หญิงสาวในกระจกมองหลังผู้นี้มีดวงตาสุกใส คำพูดที่เอ่ยมีหลักการชัดเจน ไม่เหมือนยายซื่อบื้อในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นยายนั่นคงยอมทนโดนกลั่นแกล้ง ช่างอ่อนแอและขี้ขลาดให้เขาต้องมาสงสารอยู่เรื่อย

เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้กันแน่ เธอถึงดูเปลี่ยนไปขนาดนี้

เป็นเพราะเรื่องที่ประสบในคืนนั้นหรือ ที่ทำให้เธอเจ็บปวดจนเติบโตขึ้นได้ภายในชั่วข้ามคืน

ฮั่วซีทำหน้าเหมือนจะยิ้ม “คุณไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ”

เซิ่งเฉียวยักไหล่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉันพัฒนาแล้วค่ะ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง”

“…”

 

รถยนต์แล่นมาถึงชั้นใต้ดินของอาคารที่พักเธออย่างรวดเร็ว ฮั่วซีจอดรถแล้วเอ่ยเรียบๆ “ผมคงไม่ขึ้นไปส่งนะ แล้วเจอกัน”

“ไม่ต้องส่งค่ะ แล้วเจอกัน” เธอเกาะกระจกรถแล้วกวาดตามองไปรอบๆด้วยท่าทางลับๆล่อๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครก็เปิดประตูรถ เธอนิ่งไปสักพักแล้วหันกลับมาถามว่า “ฮั่วซี เดือนหน้าคุณต้องเริ่มซ้อมทัวร์คอนเสิร์ตแล้วใช่ไหมคะ”

เธอรู้ตารางงานของเขาละเอียดทีเดียว

ฮั่วซีพยักหน้า “ทำไมเหรอ”

“สู้ๆนะคะ! ฉันก็จะไปดูคุณทัวร์คอนเสิร์ตด้วยค่ะ อุตส่าห์แย่งบัตรมาได้” พูดจบก็ตบหน้าผากตนเองดังป้าบ เซิ่งเฉียวมีบัตรกับผีน่ะสิ คนที่แย่งบัตรมาได้คือเฉียวเฉียวต่างหากเล่า! มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าบัตรคอนเสิร์ตของฮั่วซีหาซื้อยากเย็นขนาดไหน แฟนคลับของเขาล้วนแต่เป็นพวกมือไวกันทั้งนั้น!

เซิ่งเฉียวตัดสินใจไม่ลงจากรถ เธอกลับไปนั่งเหมือนเดิม แล้วกระแอมขึ้นมาสองที “เอ่อ…ฮั่วซี คุณพอจะมีบัตรคอนเสิร์ตของตัวเองบ้างไหม”

ฮั่วซีหมุนพวงมาลัยรถ “แน่นอน”

“งั้น…ฉันขอซื้อจากคุณสักใบได้ไหมคะ” ด้วยกลัวเขาจะปฏิเสธจึงรีบเสริมว่า “ฉันให้ราคาสูงเป็นห้าเท่าเลยก็ได้ ขอเป็นบัตรที่นั่งโซนด้านใน แถวแรกได้ก็ดีค่ะ!”

เงียบพักใหญ่เธอจึงได้ยินฮั่วซีถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณเห็นผมเป็นพวกขายบัตรผีรึไง”

เซิ่งเฉียวชักอยากจะร้องไห้ “ฮั่วซี ขอร้องละค่ะ ขอบัตรเข้างานสักใบเถอะนะ”

ฮั่วซี “ลงจากรถไปได้แล้ว”

เซิ่งเฉียว “ถ้าไม่ได้จริงๆ เอาโซนนอกสุดก็ได้ค่ะ ถ้าฉันไม่ได้เข้างานนี้ ฉันจะร้องไห้อยู่ข้างนอกจนสนามกีฬาถล่มมาทับคนตายเลยคอยดู”

ยายนี่คิดว่าตัวเองเป็นเมิ่งเจียงหนี่ว์[4] รึไง

ฮั่วซีทั้งโกรธทั้งขำ เขาหันกลับไปมองเธอ “เซิ่งเฉียว คุณอยากจะไปงานคอนเสิร์ตผมเพื่ออะไร ถ่ายคลิปโพสต์ลงเวยปั๋วสร้างกระแสคู่จิ้นเหรอ”

เธออึ้งมองเขาตาไม่กะพริบ

ภายในพื้นที่รถแคบๆ ทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก ดวงตาของเขาเป็นประกาย เธอมองเห็นขนตาแต่ละเส้นได้อย่างชัดเจน ไม่ต่างจากยามที่เธอถ่ายรูป ขยาย และตัดแต่งภาพของเขา

ผ่านไปพักใหญ่เธอจึงเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “ฮั่วซี ฉันแค่อยากไปดูการแสดงของคุณด้วยตาของตัวเองทุกครั้ง”

ฉันอยู่ห่างไกลจากคุณเกินไป เป็นเพื่อนก็ไม่ได้ เป็นคนรักก็ไม่ได้ ฉันเป็นเพียงหนึ่งในแฟนคลับนับแสนของคุณ ทางเดียวที่ฉันจะมีส่วนร่วมในชีวิตคุณ ก็คือการได้เป็นพยานรู้เห็นคุณเติบโตในแต่ละครั้ง ได้มองดูคุณเปล่งประกายอยู่บนเวที ก้าวสูงขึ้นทีละก้าวๆ ฉันจะคอยเป็นแรงเชียร์ แม้จะสิ้นเสียงก็ไม่เสียดาย

 

[1] Fandom หมายถึง กลุ่มแฟนคลับของศิลปินแต่ละคนหรือแต่ละวง

[2] รถยนต์ชนิดที่มี 2 ประตู มักมี 2 ที่นั่งหรือมีเบาะหลังแคบๆ

[3] ชื่อเรียกกลุ่มแฟนคลับของฮั่วซี

 [4] ตำนานของเมิ่งเจียงหนี่ว์ ยอดหญิงผู้จากบ้านไปตามหาสามีที่ถูกพรากไปเป็นแรงงานสร้างกำแพงเมืองจีนในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ นางร้องไห้เสียใจที่สามีเสียชีวิตจนกำแพงเมืองจีนถล่มลงมา

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า