[ทดลองอ่าน] I love farming ผมแค่อยากปลูกผัก ส่วนความรักน่ะ เล่ม 1 ตอนที่ 2.1

我愛種田
ผมแค่อยากปลูกผัก ส่วนความรักน่ะ… เล่ม 1

 

ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน
ตัวละครผู้ถูกแทงที่ท้อง แปล

 

ยุคสมัยที่เทคโนโลยีต่างๆ พัฒนาถึงขีดสุด
สายเลือดจักรพรรดิโบราณในตัว ชุยชีฉาว ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
หลินหลิน แห่ง LJJ รีบคว้าตัวทายาทท่านเทพเอาไว้หมับ
คิดว่าจะทำรายได้ให้รายการเรียลลิตี้ในโลกเสมือนอย่างถล่มทลาย
ทว่าสายเลือดเทพโบราณที่ย้อนไปถึงเหยียนตี้เสินหนง
ไม่ค่อยอยู่ในกรอบที่ LJJ หวังไว้สักเท่าไหร่
แต่เทพก็คือเทพ จะหยิบจะจับอะไร
สุดท้ายก็ดึงดูดผู้คนให้สนใจได้ทั้งนั้น
ว่าแต่ … ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของท่านเทพจะเป็นยังไงกันนะ

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 2.1

 

เมื่อวันเปิดเทอมเข้ามาใกล้ เหล่านักศึกษาก็เริ่มทยอยกันกลับมหาวิทยาลัย C

ส่วนมากคนที่เพิ่งกลับมามักจะห่ออาหารจากที่บ้านมาด้วย หรือไม่ก็ยังมีค่าขนมเหลือเพียงพอจะใช้ฟุ่มเฟือย เพราะถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครอยากไปโรงอาหารนักหรอก

ส่วนเมิ่งชั่งคือคนที่ไม่มีสิทธิ์เลือก ฐานะทางบ้านของเขาธรรมดาค่อนไปทางลำบากเล็กน้อย ค่าเทอมอาศัยทุนการศึกษา ส่วนเวลาปกติก็ทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาค่าใช้จ่ายเอง แถมหากมีเงินเหลือยังต้องส่งกลับไปให้น้องสาวที่บ้านอีก

“ใจคอพวกนายจะทิ้งฉันจริงเหรอ?” เมิ่งชั่งถามเพื่อนด้วยความทุกข์ระทม

“นายก็ไปกินเว่ยจือหลินกับพวกเราสิ ช่วงนี้ใกล้เปิดเทอม บัตรนักศึกษาก็ลดราคาได้ ไม่งั้นจะให้พวกเราเลี้ยงนายก็ได้เหมือนกัน” รูมเมทโน้มน้าวเขาอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ใช่ พวกห้องข้างๆ ก็จะไปเหมือนกัน ถ้าคนเยอะ ตอนเช็คบิลจะได้ลดราคาเพิ่มนะ”

“ไม่ดีกว่า” เมิ่งชั่งรู้สึกลำบากใจ ปกติทุกคนก็ดูแลเขามากอยู่แล้ว เขาไม่อยากเอารัดเอาเปรียบคนอื่นนัก

ทุกคนมองกันไปมา มื้อแรกของการเปิดเทอมจะทิ้งเมิ่งชั่งไปก็คงไม่ดีนัก

เมิ่งชั่งหยิบกล่องข้าวเตรียมหิ้วไปโรงอาหาร ตอนกำลังจะเดินออกจากประตู กลับมีคนวิ่งมาคล้องไหล่เขาจากด้านหลัง “พวกเราบอกห้องข้างๆ ว่าจะไม่ไปเว่ยจือหลินแล้ว เดี๋ยวไปโรงอาหารกับนายแทน”

เมิ่งชั่งชะงัก “อย่าเลยเพื่อน อย่าเลยจริงๆ นะ! ฉันล้อเล่น พวกนายบ่นอยากกินเว่ยจือหลินตั้งแต่ตอนปิดเทอมแล้วนี่!”

“ล้อกันเล่นหรือไง เว่ยจือหลินลดราคาตั้งสองอาทิตย์ แต่หมูสามชั้นผัดทับทิมไม่ได้กินกันได้ทุกมื้อหรอกนะ!”

“เวรเอ๊ย ฮ่าๆๆๆๆๆ”

ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

เมิ่งชั่งเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ เขารู้ว่าเพื่อนๆ กำลังเห็นใจเขาอยู่ “ฉันเกรงใจที่ต้องให้พวกนายไปกินข้าวโรงอาหารหนึ่งเป็นเพื่อนฉันจัง… แต่สองวันก่อนฉันเขียนใบร้องเรียนไปให้พวกเขาแล้วนะ ไม่แน่อาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้ โรงอาหารหนึ่งเพิ่งเปลี่ยนเจ้าของไปเอง หนุ่มหล่อที่เคยเล่าว่าผัดกับข้าวเหลือที่โคตรอร่อยให้ฉันกินเมื่อคราวนั้นไง”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนก็เริ่มแขวะขึ้นมาอีกสองสามคำ

“นายแต่งเรื่องต่อไปเถอะ! ที่นายหลอกเหล่าวังกับเหล่าหลี่ไปยังไม่พอหรือไง ได้ยินว่ายอมเปลี่ยนใจจากโรงอาหารสี่มาโรงอาหารหนึ่งตามนายจนเกือบอาหารเป็นพิษตายเลยนะ”

“พวกเขาสองคนคงน้ำเข้าสมองจนสนิมเขรอะ ถึงได้เชื่อคำพูดไร้สาระของนาย ยอมเชื่อว่าจะมีขนมเปี๊ยะร่วงลงมาจากฟ้า[1] ยังดีกว่าไปเชื่อว่าโรงอาหารหนึ่งจะไม่ออกเมนูพิลึกเลย ร่างที่แท้จริงของโรงอาหารหมายเลขหนึ่งคือเมนูพิลึกต่างหากน่ะ!”

เมิ่งชั่งรู้สึกน้อยใจที่ถูกมองว่าเป็นคนขี้โกหกเพียงเพราะเขาเป็นคนเดียวที่เคยได้กินน่องไก่หั่นเต๋าผัดหน่อไม้น้ำนั่น

แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ หลายปีมานี้มีแต่คนเอาโรงอาหารหนึ่งกับโรงอาหารสี่ไปอำคนอื่นอยู่เรื่อย

รูมเมทสี่คนคล้องคอเกาะไหล่พากันเดินไปยังโรงอาหารหมายเลขหนึ่ง ถึงโรงอาหารหนึ่งกับโรงอาหารสี่จะเป็นตัวเก็งผู้นำห้าพยัคฆ์แห่งมหาวิทยาลัย C แต่ใครให้โรงอาหารหนึ่งอยู่ใกล้หอพักชายกันล่ะ ไหนๆ ก็มีเมนูพิลึกเหมือนกันหมด อย่าไปคาดหวังว่าใครจะดีกว่าใครเลยดีกว่า

พอเดินถึงหน้าประตู อีกสามคนที่เหลือเริ่มสนอกสนใจ “ทำไมดินพวกนี้ถูกขุดหมดเลยอ่ะ ปลูกอะไรเหรอ”

“โรงอาหารหนึ่งเริ่มปลูกผักเนี่ยนะ พวกเขาช่วยเอาเวลาว่างมาผัดกับข้าวให้สุกดีกว่าไหม”

“ต้นกล้าพริกน่ะ” พอพูดถึงพริก น้ำลายเมิ่งชั่งก็เกือบไหลอีกรอบ “อาหารที่กินวันนั้นก็ใส่พริกชี้ฟ้านี่แหละ ทั้งหอมทั้งเผ็ด อร่อยชะมัด”

“เรื่องของนายเถอะ ไม่จบไม่สิ้นสักที”

ปรากฎว่าคนทั้งสี่กลับต้องชะงักงันเมื่อเดินเข้าโรงอาหาร

เคาน์เตอร์ซ้ายสุดของชั้นหนึ่งในโรงอาหารหนึ่งมีคนต่อแถวยาวเหยียด แถวดูยาวกว่าเคาน์เตอร์อื่นอย่างเห็นได้ชัด

“นั่นอะไร?” ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความงุนงง พอไปเกาะบานกระจกเคาน์เตอร์ดู ถึงพบว่ามันก็แค่กับข้าวปกติธรรมดาอย่างมันฝรั่งตุ๋นกับบวบผัดไข่สองถาดใหญ่ไม่ใช่หรือไง ด้านข้างยังมีเมนูสุดพิลึกอันคุ้นเคยอย่างพวกปาท่องโก๋ผัดเผือก หรือหมูนึ่งทับทิมอยู่เลย

พอเพื่อนคณะเดียวกันที่ต่อแถวอยู่เห็นพวกเขาก็กวักมือเรียกทันที “เพื่อนๆ มาต่อแถวนี้สิ ฉันมีเพื่อนสองคนที่ตักสองอย่างนี้ไปเมื่อกี้ ให้ตายเถอะ นึกว่าพ่อครัวใหญ่ไปห่อกลับมาจากร้านข้างนอกซะอีก อร่อยเป็นบ้า”

จริงหรือเปล่าเนี่ย?

แม้แต่เมิ่งชั่งยังสงสัย  วัน ๆ คนพวกนี้นึกแต่จะเอาโรงอาหารหนึ่งมาแกล้งอำคนอื่น นี่คงไม่ได้คิดรวมหัวแกล้งเด็กใหม่ใช่ไหม ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้เรื่องล่ะ?

ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้ยินเสียงคนถามพนักงานหลังเคาน์เตอร์ “ป้าคะ ทำไมรสชาติของกับข้าวสองอย่างนี้ถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ล่ะคะ”

ป้าโรงอาหารพูดยิ้มๆ “เจ้านายของเราอ่านใบร้องเรียนเลยปรับสูตรอาหารน่ะจ้ะ นี่เป็นสองอย่างแรกที่ปรับออกมาได้เลย”

คนที่ได้ยินต่างก็มีความคิดเช่นเดียวกัน แม่เอ๊ย ไม่คิดเลยว่าในชาตินี้จะได้เห็นโรงอาหารหนึ่งกลับตัวกลับใจ

คาดไม่ถึงเลยว่าใบร้องเรียนที่ฉันเขียนจะได้ผล! เมิ่งชั่งกับรูมเมทพากันไปต่อท้ายแถวอย่างมึนงง

 

แม้จะเป็นแค่เมนูปกติธรรมดาที่เห็นได้ตามโรงอาหารทั่วไป แต่เมิ่งชั่งกับรูมเมทกลับอดไม่ได้ที่จะถือชามข้าวในมืออย่างถนุถนอม เพราะมีคนที่ตามมาสั่งข้าวตามข่าวลือมากมาย ส่วนที่พวกเขาได้คือไม่กี่ชุดสุดท้ายแล้ว

พอก้มลงมองในชามของตัวเองอย่างละเอียด ถึงสังเกตเห็นถึงความแตกต่างของก่อนหลังการปรับสูตร

มันฝรั่งถูกตุ๋นจนนิ่มไม่ดิบเหมือนแต่ก่อน ตะเกียบแค่แตะก็สามารถเจาะทะลุลงไปได้ทั้งชิ้น มันฝรั่งมีสีเหลืองเข้มหลังปรุงด้วยซีอิ๊ว ตรงผิวด้านนอกไหม้กรอบเล็กน้อย ยามพ่อครัวใหญ่ราดกับข้าวลงในกล่องอาหาร น้ำซอสข้นผสมมันฝรั่งค่อยๆ แทรกซึมเข้ากับข้าวจนชุ่มฉ่ำ

ก่อนที่พวกเขาจะได้กินตัวมันฝรั่ง พวกเขาเลือกคีบข้าวที่อิ่มเอิบไปด้วยน้ำซอสเข้าปากก่อนเป็นอันดับแรก รสชาติกลมกล่อมจากตัวข้าวปลุกสัมผัสรับรสทั้งหมดในชั่วพริบตา ทำให้ลิ้นกับฟันทำงานโลดแล่นกว่าที่เคย พวกเขาแลบลิ้นเลียเศษมันฝรั่งที่ติดอยู่ตรงมุมปากโดยไม่ตั้งใจ

บวบผัดไข่ก็เด็ดไม่แพ้กัน หลังนำออกจากกระทะ บวบที่เคยผ่านการล้างน้ำเย็นยังคงสีเขียวอ่อนไว้ได้เหมือนเดิม ส่วนของกลางบวบนิ่มจนกองรวมอยู่กับไข่สีเหลืองสด รสชาติทั้งสองอย่างผสมผสานเข้าหากัน

ไม่จำเป็นต้องปรุงรสมากนัก รสชาติและเนื้อนิ่มของตัวบวบที่ผ่านอุณหภูมิอย่างพอเหมาะไร้ซึ่งความอมน้ำมัน สัมผัสราวกับสามารถไหลจากปากลงไปยังกระเพาะได้โดยไม่ต้องเสียแรงเคี้ยวด้วยซ้ำ ความอุ่นที่แผ่ซ่านทำให้คนรู้สึกอยากพ่นลมหายใจออกด้วยความอิ่มเอม

ส่วนเมิ่งชั่งก็พรูลมหายใจออกมาจริงๆ เขารู้สึกสบายลิ้นจนไปถึงกระเพาะเลยทีเดียว

“ทำไมจู่ๆ ฝีมือของพ่อครัวใหญ่ก็อัพเกรดเกินเรื่องแบบนี้นะ? นี่ไม่ต่างจากร้านอาหารที่ฉันไปกินด้านนอกเลย อร่อยกว่าด้วยซ้ำ”

เมิ่งชั่งพูดเสียงอู้อี้ “ฉันบอกพวกนายไปตั้งนานแล้วว่าโรงอาหารหนึ่งมีของอร่อยจริงๆ!”

แม้ว่าอาหารที่ได้กินในวันนี้จะไม่น่าตะลึงเท่าวันนั้น แต่ก็นับว่าเป็นอาหารที่เปรียบดั่งแสงสว่างในชีวิตวัยเรียนของเขาแล้วก็ว่าได้ ส่วนสำหรับคนอื่น การที่มีเมนูแบบนี้โผล่ขึ้นในโรงอาหารหนึ่งนั้นแทบจะทำให้น้ำตาไหลได้เลยด้วยซ้ำ

 

ในเวลาเดียวกัน บนเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย C ก็มีกระทู้หนึ่งผุดขึ้นมา

หัวข้อกระทู้: โรงอาหารหนึ่งออกเมนูใหม่! ทุกคนรีบมาชิมเร็ว!!

เนื้อหา: มันฝรั่งตุ๋นกับบวบผัดไข่ เชี่ยเอ๊ย รสชาติแม่งอร่อยมาก!!

ความคิดเห็นที่ 1: แฟนชานท์[2]ให้โรงอาหารหนึ่ง ตอนแรกนึกว่าทำผิดซะอีก

ความคิดเห็นที่ 2: เมนูแบบนี้ยังกล้าที่จะเรียกว่าใหม่อีกหรือไง? มีมาตั้งแต่แปดร้อยปีก่อนแล้วมั้ง โรงอาหารสี่เด็ดกว่าอีก วันนี้มีปลาหมึกตุ๋นมะเขือเทศเลยนะ

ความคิดเห็นที่ 3: ไม่ๆ วันนี้ฉันไปกินที่โรงอาหารหนึ่งมา สองอย่างนี้รสชาติดีจริง ๆ นะ เหมือนเปลี่ยนคนทำแล้วมั้ง แนะนำให้ทุกคนลองไปชิมมากๆ

ความคิดเห็นที่ 4: ไม่ได้เปลี่ยนคนทำ แค่ปรับสูตรเมนูอาหารเฉยๆ ขอให้พวกเขาทำแบบนี้ต่อไปนะ สู้ๆ

ความคิดเห็นที่ 5: อะไรนะ โรงอาหารหนึ่งปรับสูตรเนี่ยนะ? ที่มีอยู่ยังเด็ดไม่พออีกเหรอ

ความคิดเห็นที่ 6: ออกมาน้อยใจแทนโรงอาหารสี่ วันนี้ฉันโชคดีได้กินปลาหมึกตุ๋นมะเขือเทศของโรงอาหารสี่ด้วย อร่อยนะ อร่อยมาก!

ความคิดเห็นที่ 7: ว้าว พวกรุ่นน้องโชคดีจังเลย เพิ่งเข้าเรียนก็ปรับสูตรแล้ว รีบไปกินที่โรงอาหารหนึ่งเร็ว

ความคิดเห็นที่ 50: ทุกคนเป็นปีศาจกันเหรอ? มาสร้างกระทู้หลอกเด็กใหม่กันอีกแล้วหรือไง?

 

โรงอาหารมหาวิทยาลัย C ขึ้นชื่อระดับประเทศว่าเป็นโรงอาหารที่เลวร้ายสุด นักศึกษาปีก่อน ๆ มักจะเอามันมาแกล้งอำกันเสมอ สิ่งที่สนุกที่สุดก็คือการแกล้งหลอกรุ่นน้องที่ไม่รู้เรื่องให้ไปกินข้าวที่โรงอาหารนั่นเอง

เช่นเดียวกันกับตอนที่เมิ่งชั่งบอกว่าได้กินของอร่อยในโรงอาหารหนึ่งแล้วไม่มีคนเชื่อนั่นแหละ กระทู้ที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของโรงอาหารหนึ่งบนเว็บบอร์ดก็ถูกมองว่าเป็นเรื่องหลอกอำเช่นกัน

ทุกคนตอบกระทู้เอาสนุก บ้างก็มาแนะนำเมนูโรงอาหารหนึ่งอย่างจริงใจ บ้างก็แกล้งอำ สิ่งเหล่านี้เหมือนเป็นการกวนน้ำให้ขุ่นกว่าเดิม และทำให้หลายคนคิดว่าเป็นการแกล้งอำกันเฉย ๆ

แต่เพราะความโด่งดังของโรงอาหารหมายเลขหนึ่ง พอผ่านไปได้สักวันสองวัน นักศึกษาหลายคนก็เริ่มตระหนักได้ว่านั่นไม่ใช่การล้อเล่น เมนูทั้งสองอย่างสร้างความแตกตื่นขึ้นภายในมหาวิทยาลัย

หลายคนกลับไปตอบกระทู้นั้นอีกรอบ…

“ฉันจะใสซื่อเกินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้หลอกฉันเล่น!”

“นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า ใครก็ได้มาปลุกฉันที เพื่อนฉันห่อมันฝรั่งตุ๋นกลับมาให้กิน ฉันกินจนเกือบกลืนลิ้นของตัวเองลงไปด้วยแน่ะ!”

“พ่อครัวใหญ่ของโรงอาหารหนึ่งโดนสิงหรือเปล่า?”

“เป็นฉันมากกว่าที่โดนสิง นี่ไม่ใช่โรงอาหารหนึ่งที่ฉันจำได้!”

“ขอบคุณสวรรค์!! ทุกคนมาร่วมเขียนจดหมายเลือด ขอให้โรงอาหารหนึ่งห้ามเลิกเด็ดขาด! ปรับปรุงสูตรต่อไปนะ!”

“ช่วยด้วย เมทของฉันกินจนน้ำตาไหลแล้ว จะหัวเราะเยาะมันก็ไม่ได้ เพราะฉันก็อยากร้องไห้เหมือนกัน”

“เลิกพูดได้แล้วน่า ฉันเพิ่งส่งข้อความไปหารุ่นพี่ที่จบไปแล้ว หลังจากเธอเช็คแล้วว่าไม่ใช่เรื่องอำ ก็เอาแต่เร่งเร้าให้ฉันเลี้ยงข้าวโรงอาหารหนึ่งตอนสุดสัปดาห์นี้เนี่ย”

 

ณ ร้านอาหารชื่อดังอย่างเว่ยจือหลินที่มาเปิดในเมืองมหาวิทยาลัยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลังจากที่นักศึกษาโต๊ะหนึ่งจากมหาวิทยาลัย C มั่นใจเรื่องโรงอาหารหนึ่งปรับสูตรเมนู พวกเขาก็ยอมทิ้งคิวที่ใกล้ถึงแล้วกลับไปต่อคิวที่โรงอาหารหนึ่งทันที

นักศึกษามหาวิทยาลัย C ที่ทำงานพาร์ทไทม์ในเว่ยจือหลินเอ่ยล้อเล่นขึ้นในร้าน “ช่วยไม่ได้นี่นะ โรงอาหารหนึ่งดังในมอจะตาย แถมยังมีประวัติมาอย่างยาวนานอีก ฮ่า ๆ ๆ ฉันยังอยากไปลองด้วยตัวเองดูเองเลย ถึงจะสงสัยว่ามันเป็นเพราะทุกคนเคยกินแต่อาหารย่ำแย่จากโรงอาหารหนึ่ง จนทำให้คะแนนกลายเป็นเก้าสิบจากเจ็ดสิบหรือเปล่า”

พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องการทิ้งคิวของคนแค่คิวเดียว ทุกคนต่างเห็นเป็นเรื่องตลก

ขณะนี้ เหล่าพนักงานเสิร์ฟกับเหล่าลูกค้าที่กำลังกินอาหารจนเหงื่อผุดตามไรหน้าผากด้วยความเผ็ดต่างก็ไม่รู้สึกว่าโรงอาหารในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบอะไรขึ้นได้

คงจะมีแค่โรงอาหารหมายเลขสี่ในมหาวิทยาลัย C ที่รับรู้ได้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น หลายวันมานี้ นักศึกษามหาวิทยาลัย C ต่างพากันแย่งมันฝรั่งตุ๋นกับบวบผัดไข่ของโรงอาหารหมายเลขหนึ่งจนเกลี้ยง

แต่ว่าจำนวนอาหารที่โรงอาหารแห่งหนึ่งสามารถจัดแจงได้ก็มีอยู่เท่านั้น สุดท้ายแล้วคนที่เหลือก็ต้องไปโรงอาหารแห่งอื่นอยู่ดีไม่ใช่หรือไง?

แม้แต่อธิการบดีชุยก็ทราบถึงเรื่องที่โรงอาหารหมายเลขหนึ่งสร้างความแตกตื่นขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัย C

เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักศึกษาเท่านั้น บุคลากรอาจารย์หนุ่มสาวหลายคนของมหาวิทยาลัยก็มักกินข้าวของโรงอาหารเช่นกัน แค่ชิมก็ต้องยอมรับแล้ว ถึงจะไม่ให้คะแนนด้านภาพลักษณ์ แต่ก็ต้องให้คะแนนเมนูทั้งสองอย่างนี้สูงถึงแปดสิบเก้าสิบคะแนนเลยทีเดียว

เหล่าบุคลากรรู้เรื่องบางเรื่องมากกว่าพวกนักศึกษา ยกตัวอย่างเรื่องที่เจ้าของโรงอาหารหมายเลขหนึ่งเป็นญาติอธิการบดีชุย แถมยังมีคนไปล้อเล่นกับอธิการบดีชุย บอกว่าตนเองถูกช่วยชีวิตไว้โดยเถ้าแก่ชุยอีกต่างหาก

หลังจากที่อธิการบดีชุยรู้เรื่อง เขาไม่ได้รู้สึกว่าหลานชายของตนเองหลงใหลในด้านการทำอาหารอะไรมากนัก แต่กลับรู้สึกว่าหลานชายกำลังพยายามพักผ่อนตามที่กล่าว อีกฝ่ายไม่ได้มุ่งจะทำเงินเหมือนกับบริษัทอื่นที่ทำสัญญา  ย่อมไม่เกิดการลดทอนคุณภาพของอาหารลงอยู่แล้ว

ความจริงแล้วอธิการบดีชุยค่อนข้างดีใจที่เห็นเรื่องราวเป็นแบบนี้ เมื่อก่อนโรงอาหารถูกค่อนแขวะจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ มันไม่ได้น่าภูมิใจนักหรอกนะ ตอนนี้ขอแค่ชุยชีฉาวมีความสุขในการทำ ถึงจะทำจนขาดทุนเขาก็ไม่มีความเห็นอะไร

 

“คนต่อไป มันฝรั่งตุ๋นหมดแล้วนะจ๊ะ” หลี่ทิงเหมยบอกนักศึกษาที่อยู่ด้านนอก เสียงที่ตอบกลับมามีเพียงเสียงโอดครวญ แถวที่ต่อด้านหลังยังยาวเหยียดอยู่เลย

บางคนมาเกาะกระจกตรงเคาน์เตอร์พร้อมถามหลี่ทิงเหมย “ป้าคะ ทำมันฝรั่งตุ๋นให้เยอะขึ้นหน่อยไม่ได้เหรอ? ป้าดูสิ มีอีกตั้งหลายคนที่ยังไม่ได้ลองกินน่ะ”

“จริงครับป้า หรือปรับสูตรอาหารอย่างอื่นหน่อยก็ได้”

“ให้ทุกอย่างรสชาติระดับเดียวกันหน่อยสิคะ”

หลี่ทิงเหมยเอ่ยยิ้มๆ “อีกไม่นานจ้ะ เดี๋ยวพวกเราจะมีเมนูที่ปรับสูตรแล้วออกมาอีก”

พูดตามจริง หลี่ทิงเหมยทำงานในโรงอาหารหนึ่งมาตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกที่มีนักศึกษามาร้องขอให้เพิ่มปริมาณขึ้นอีก พอสายตามองไปยังนักศึกษาที่นั่งกันอยู่ตรงโต๊ะอาหารตัวยาว ภาพที่เห็นก็มีแต่การกินข้าวที่ดูมีความสุขกว่าแต่ก่อน แต่แน่นอนว่าเฉพาะแค่นักศึกษาที่ตักได้เมนูที่ปรับสูตรน่ะนะ

หลี่ทิงเหมยในฐานะแม่ครัวของชั้นหนึ่งนั้น มีปริมาณงานเพิ่มขึ้นสูงเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เป็นคนตักอาหารยังไม่พอ ยังต้องให้เธอมาช่วยงานตรงเคาน์เตอร์อีก

โชคดีที่เถ้าแก่ชุยรับปากว่าจะรับคนเพิ่มหลังจากที่ทุกคนเสนอไป เพราะว่าหลังจากนี้ความกดดันในการทำอาหารจะเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่านี้อีก

นักศึกษาท้ายแถวบางคนมาต่อแถวเพื่อซื้อสองอย่างนี้มาหลายมื้อแล้ว แต่ด้วยความโด่งดังจึงซื้อกลับไปไม่ทันสักที การที่โรงอาหารหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นนั้น ได้เรียกความสนใจอยากชิมจากคนที่ไม่เคยกินข้าวในโรงอาหารมาก่อนจนแถวยาวเหยียดไปจนถึงหน้าประตูโรงอาหารโน้นแล้ว

“เคาน์เตอร์ฝั่งพวกอาจารย์น่าจะยังมีเหลือ…”

“ไม่งั้นพวกเราไปขอให้ที่ปรึกษา[3]ช่วยตักให้หน่อยไหม”

ทางฝั่งเคาน์เตอร์บุคลากรก็มีคนเบียดเสียดไม่แพ้กัน เพราะคนคิดเช่นนั้นไม่ได้มีแค่พวกนักศึกษา พวกอาจารย์วัยหนุ่มสาวหรือคนที่ยังไม่แต่งงานก็มีความคิดเช่นเดียวกัน คนเหล่านี้มักไม่มีเวลาทำกับข้าวเองและไม่สามารถสั่งอาหารด้านนอกมากินทุกมื้อได้จึงจำต้องเลือกกินในโรงอาหาร ในเมื่อโรงอาหารหนึ่งปรับสูตร พวกเขาก็ต้องเลือกมากินที่โรงอาหารหนึ่งแน่นอนอยู่แล้ว

แม้แต่พวกบุคลากรก็ยังเอาแต่อ้อนวอนให้พวกพนักงานโรงอาหารทำเมนูอื่นด้วยมาตรฐานนี้อีก เพราะหากมีแค่สองเมนูนี้ต่อไป ผ่านไปอีกสองสามวัน จะอร่อยให้ตายยังไงก็คงกินจนเบื่อแน่ๆ

 

ชุยชีฉาวเปิดกล่องรับความคิดเห็นออก ด้านในมีใบร้องเรียนอยู่เป็นปึกต่างจากกับคราวก่อน

เขาหยิบขึ้นอ่านทีละใบ ส่วนมากเป็นคำชมเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แถมยังมีคนเสนออย่างแรงกล้าให้เพิ่มปริมาณขึ้นด้วย ยังมีคนอีกมากมายในมหาวิทยาลัย C ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ลิ้มลองมันฝรั่งตุ๋นกับบวบผัดไข่ที่รสชาติสูงกว่ามาตรฐานในตำนานเลยเลย

นักศึกษาพวกนี้น่าสงสารเกินไปแล้ว ขนาดแค่สองเมนูนี้ยังต้องแย่งกันอีก ในแววตาของชุยชีฉาวปรากฎร่องรอยของความสงสาร ในเมื่อผลตอบรับดีขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจจะหาเวลาว่างมาปรับสูตรเมนูโรงอาหารอีกสักสองสามอย่าง

นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องอคือพริกชี้ฟ้าของเขาที่ปลูกไว้ตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมนั้นเติบโตขึ้นอย่างน่าพอใจ ตอนนี้สูงถึงสี่สิบเซนติเมตรแล้ว มันมีใบเขียวชอุ่ม ลำต้นหยั่งรากแข็งแรง คนที่ไม่รู้เรื่องผ่านมาเห็น ต่างก็นึกว่าเป็นพืชที่ปลูกไว้ทำพื้นที่สีเขียวเสียอีก

ในทุกๆ วัน ชุยชีฉาวจะคอยเดินสังเกตตรวจตราต้นพริกชี้ฟ้าพวกนี้อย่างละเอียด ก่อนทำการปรับไปเรื่อย ๆ ตามสภาพ เมื่อใกล้ถึงช่วงออกผลก็ต้องเพิ่มสารอาหารให้พวกมัน ต้นพริกชี้ฟ้าสามารถออกผลใหม่ได้หลายครั้ง รอออกผลรอบนี้เสร็จ ชุยชีฉาวก็จะเลือกผลที่ดีที่สุดแล้วนำไปปลูกอีก

ถ้าผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเกษตรมาเห็นที่นี่เข้า ต้องดูออกอย่างแน่นอนว่าพริกชี้ฟ้าเหล่านี้มีการเติบโตอย่างดีและมีชีวิตชีวากว่าแปลงทั่วไปเป็นอย่างมาก

ส่วนต้นพริกชี้ฟ้าของชุยชีฉาวเองกำลังอยู่ในช่วงออกผล แต่นอกจากเมิ่งชั่งก็ไม่มีใครโชคดีได้กินพริกชี้ฟ้าที่เขาปลูกด้วยมือตัวเองอีก

ส่วนกระถางต้นพริกชี้ฟ้าที่ปลูกไว้นอกโรงอาหารนั้น ชุยชีฉาวมีความคิดจะนำพวกมันมาทำเป็นน้ำมันพริก[4]ให้หมด

จุดเด่นของกับข้าวในโรงอาหารหมายเลขหนึ่งนั้น นอกจากการจับคู่สุดพิสดารบ่อยครั้งแล้ว ยังมีการทำอาหารอย่างรีบเร่ง จืดชืดไร้รสชาติ หรือบ้างก็ใส่เกลือกับน้ำมันมากเกินไปอีกด้วย เพราะอย่างนั้นแทนที่จะใช้พริกเป็นวัตถุดิบแล้ว สู้นำมาทำน้ำมันพริกที่เข้ากันได้ดีกับทุกอย่างจะเหมาะสมกว่า ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถเรียกน้ำย่อยจากพวกนักศึกษาได้อีกด้วย

ชุยชีฉาวไม่คิดจะนำน้ำมันพริกพวกนี้มาขาย เขาวางแผนว่าจะตั้งไว้ตรงข้างเคาน์เตอร์ให้นักศึกษาได้ตักเองตามใจชอบ ยังไงก็คงตักกันไม่เยอะอยู่แล้ว

ชุยชีฉาวทดลองทำด้วยพริกชี้ฟ้าที่ปลูกเองกับพริกที่ซื้ออยู่สองรอบ เขาพยายามหาส่วนผสมที่เหมาะสมกันที่สุดออกมาให้ได้ พริกชี้ฟ้าที่ปลูกเองมีความเผ็ดใช้ได้ แม้จะส่งกลิ่นหอม แต่ก็ยังไม่พอ เขายังต้องการพริกอื่นมาช่วยเพิ่มกลิ่นหอมอีก

เสี่ยวไป๋ดมไปมาด้วยความสนใจอยู่ด้านข้างขณะที่ชุยชีฉาวกำลังทำการทดลอง

“ไม่ได้” ชุยชีฉาวก้มหน้าเตือน โดยบอกว่าไม่ได้แทนการพูดว่า “แมวกินพริกไม่ได้” การสื่อว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดจะทำให้แมวเข้าใจได้ง่ายกว่า

ช่วงนี้เสี่ยวไป๋เรียนรู้ไวขึ้นมาก เหมือนจู่ ๆ ก็ตระหนักรู้ได้อย่างไรอย่างนั้น แต่ในด้านการเชื่อฟังยังไม่ค่อยดีนัก หรือพูดตามตรงก็คือบางครั้งชุยชีฉาวก็รู้สึกว่ามันเข้าใจคำสั่ง แต่เลือกที่จะเมินเหมือนกับกำลังตั้งแง่อยู่

ตอนแรกเสี่ยวไป๋แค่ดมพริกไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่พอได้ยินคำว่า “ไม่ได้” จากปากชุยชีฉาว จึงร้องเหมียวทีหนึ่ง ก่อนจะงับพริกเข้าไปทั้งเม็ด

ชุยชีฉาวรีบย่อตัวลงไปประคองหน้าเสี่ยวไป๋ขึ้นทันที น่าเศร้าที่สายเกินไปแล้ว เสี่ยวไป๋สำลักเม็ดพริกออกมา บนหน้าของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาจนทำให้ขนบริเวณนั้นเปียกชุ่มไปหมด

“… เฮ้อ เจ้านายก็บอกแล้วว่าไม่ได้ ทำไมถึงไม่ฟังกันนะ” ชุยชีฉาวเทน้ำให้เสี่ยวไป๋ล้างลิ้น โชคดีที่มันยังไม่ได้กลืนลงไป ความเผ็ดแค่นี้ยังนับว่าแรงสำหรับมนุษย์เลย คงไม่ต้องพูดถึงว่าสำหรับแมวจะเป็นยังไง

“โอ๋ ๆ” ชุยชีฉาวอุ้มแมวน้อยขึ้นมา ค่อยๆ ใช้ทิชชู่ซับน้ำตาให้มันอย่างเบามือ น้ำเสียงอ่อนโยนลงกว่าตอนฝึกคำสั่งปกติ นาน ๆ ทีชุยชีฉาวจึงจะแสดงสีหน้าอ่อนโยนแบบนี้ออกมา เพื่อที่จะสร้างความน่ายำเกรงของเจ้าของแล้ว เขาจะเผยสีหน้าแบบนี้แค่ตอนเอ่ยปากชมเท่านั้น ดวงตาทั้งคู่ในตอนนี้ดูลึกซึ้งราวกับมีความรักใคร่ผสมปนอยู่ในนั้นด้วย

เสี่ยวไป๋เงยหน้ามองชุยชีฉาว ของเหลวในดวงตาส่องประกายแวววับ สายตาดูน้อยอกน้อยใจเป็นอย่างมาก พอโดนลูบเข้าไปสองสามที ลิ้นของมันก็แลบออกมาครึ่งท่อน ก่อนเอนหัวพิงกับชุยชีฉาวอย่างหมดเรี่ยวแรง

พอชุยชีฉาวเห็นว่าเสี่ยวไป๋หายดีแล้วจึงวางมันลง “มาฝึกคำสั่งพื้นฐานกันอีกที”

เสี่ยวไป๋คอตก มันรู้สึกโกรธมาก

“นั่ง”

“จับมือ”

“นอน”

“ร้อง”

เสี่ยวไป๋อ้าปาก “ม้าว——”

ชุยชีฉาวให้ขนมเป็นรางวัลกับเสี่ยวไป๋ “เด็กดี”

เสี่ยวไป๋ลังเลอยู่ชั่วครู่ ถึงอ้าปากงับขนมชิ้นนั้น ท่าทางดูเย่อหยิ่งไม่น้อย

ชุยชีฉาวหัวเราะเสียงเบา “รีบโตเถอะ พอโตขึ้นจะได้ไปทำงานให้โรงอาหารสักที”

เสี่ยวไป๋ “…”

 

[1] ล้อมาจากสำนวนที่ว่าขนมเปี๊ยะไม่มีทางร่วงลงมาจากฟ้า ซึ่งแปลว่าไม่มีของฟรีในโลกนั่นเอง

[2] แฟนชานท์ (fan chant) คือ คำหรือประโยคที่เพิ่มขึ้นมาใหม่จากเนื้อเพลงของศิลปิน เพื่อให้แฟนคลับของศิลปินวงนั้นๆ ร้องตามในช่วงเวลาที่ศิลปินของตนไปแสดงตามที่ต่างๆ เพื่อแสดงแรงซัพพอร์ทจากแฟนคลับ

[3] ที่ปรึกษา (輔導員) ตามมหาวิทยาลัยในประเทศจีนแล้วหมายถึงผู้ที่คอยเป็นที่ปรึกษาให้แก่นักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตใจ ด้านชีวิต ด้านการเรียนต่อ รวมไปถึงด้านสัพเพหระต่างๆ โดยตามปกติแล้วแต่ละห้อง (หากนักศึกษาในแต่ละชั้นปีมีมากไปจะถูกแบ่งออกเป็นห้อง หรือตามความเข้าใจในประเทศไทยก็จะเปรียบเหมือนกับเซคชั่นถาวร) จะมีที่ปรึกษาเป็นประจำอยู่หนึ่งคน อารมณ์คล้ายครูประจำชั้นของโรงเรียน เพียงแต่ไม่สอนหนังสือก็เท่านั้น

[4] น้ำมันพริก คือ เครื่องปรุงอาหารที่ทำจากน้ำมันพืชที่ผสมกับพริก นิยมใช้กับอาหารจีน โดยเฉพาะในอาหารเสฉวน บางครั้งก็ใช้เป็นน้ำจิ้มสำหรับเนื้อสัตว์และติ่มซำ

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า