ฝ่ากฎรักต่างโลก
Law of a Different World
异世之万物法则
焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
BlueFeather แปล
นิยาย 3 เล่มจบ
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
———————————————————–
บทที่ 11
“ฉันเห็นท่าทางที่นายเคลื่อนไหวเมื่อกี้นี้ มันทั้งคล่องแคล่วทั้งเด็ดขาด ไม่ใช่ว่านายตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้วหรอกนะ” อู๋อวิ้นมองประตูที่ใช้การไม่ได้ซึ่งถูกคลุมไปด้วยเมือกของทารันทูล่าสองหัวสลับกับใบหน้าด้านข้างของโจวอวี้
“ถ้ามันไล่ตามเราไม่เลิก แถมเราก็สลัดมันไม่หลุด ก็ต้องมีคนทำอะไรแบบนี้” โจวอวี้ตอบอย่างสมเหตุสมผลในแบบที่มันควรจะเป็น
“พวกมันก็แค่อยากมีลูก นายจำเป็นต้องโหดขนาดนี้เลยเหรอ” อู๋อวิ้นชี้นิ้วไปทางด้านหลังรถ
“งั้นทำไมนายไม่ลงจากรถแล้วอุทิศตัวให้มันซะล่ะ” โจวอวี้ย้อนถาม
“ฉันต้องขับรถไง” อู๋อวิ้นตอบอย่างมีเหตุผล
“ฉันก็ขับได้” โจวอวี้ตอบกลับ
“โอเค ที่ฉันอยากจะพูดก็คือ นายไม่ต้องยิงทารันทูล่าสองหัวโป้งป้างหลายนัดขนาดนั้นก็ได้ มันเปลืองกระสุน นายรู้ไหมว่าไอ้นิวโรทอกซินนี่มันได้มายาก ใช้ให้ประหยัด ๆ หน่อย” อู๋อวิ้นพูด
“ฉันรู้ว่ามันมาจากไขสันหลังของสิ่งมีชีวิตระดับเอสบางตน ใช้เพียงไม่กี่มิลลิกรัมก็สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตตัวอื่นได้แล้ว ตอนนั้นฉันลืมคิดไป แต่หลังจากนี้จะจำไว้แล้วกัน ที่สำคัญคือตอนนี้รถของเรายังขับได้อยู่ไหม”
อู๋อวิ้นพยายามเร่งเครื่องให้ล้อหลังหลุดออกจากเมือกที่ติดอยู่ ทว่าเมือกกลับแข็งตัวปิดล็อกล้อหลังไปเรียบร้อย
“แม่งเอ๊ย…” อู๋อวิ้นสบถเสียงต่ำ
“โชคของนายห่วยแตกจริง ๆ นั่นแหละ ไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อบ้างเหรอ” โจวอวี้ถาม
“จริงอะ งั้นฉันควรเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรดีล่ะ” อู๋อวิ้นพาดมือบนไหล่ของโจวอวี้
โจวอวี้ไม่ตอบคำถามนั้นแต่ปัดมือเขาออกและพูดว่า “ถ้าเป็นแบบนี้เราคงต้องนอนในรถกันไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยออกไปดูว่ารถยังพอที่จะซ่อมได้ไหม แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่นักวิจัยพวกนั้นจะหนีเข้ามาในป่าโบราณด้วยการเดินเท้า ก่อนที่จะโดนทารันทูล่าสองหัวจับกิน พวกเขาน่าจะขับรถเข้ามา จริงไหม เราไปหารถของพวกเขากัน ถ้าโชคดีก็อาจจะเจอ”
“แล้วถ้าโชคไม่ดีล่ะ” หลี่เชียนถาม
“ก็เดินไง” อู๋อวิ้นตอบ
หลี่เชียนไม่อยากได้ยินคำใด ๆ ที่หลุดออกมาจากปากของอู๋อวิ้นเลยจริง ๆ
“ตอนนี้คิดไปก็เท่านั้น ไม่สู้พักผ่อนเอาแรงก่อนดีกว่า” โจวอวี้หลับตาลงคล้ายกับจะนอนแล้ว
“ใช่ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็นอนเถอะ” อู๋อวิ้นปิดไฟและล็อกรถ
“อยู่แบบนี้…ใครจะไปหลับลง…” หลี่เชียนว่าเสียงเบา
หานลี่ไม่พูดอะไรนอกจากยกมือขึ้นปิดหน้า ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนที่ผ่านมาทำให้ผมด้านหลังของเธอที่แต่เดิมหวีไว้อย่างดียุ่งเหยิงไม่เป็นทรง
ดอกเตอร์แดเนียลตรวจอาการของโจวชิงอย่างง่าย ๆ เพื่อเช็กให้แน่ใจว่าสมองของเขาไม่ได้รับการกระทบกระเทือนจากแรงกระแทกที่จะส่งผลไปยังระบบประสาท
เวลาผ่านไปเร็วกว่าที่โจวอวี้คิด ยามที่แสงแรกของวันตกกระทบที่ใบหน้า โจวอวี้ก็ลืมตาตื่น
บริเวณโดยรอบไม่เห็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัยคุกคามใด ๆ นอกจากสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่เขาไม่รู้จัก มันเป็นนกประหลาดหลายตาไม่กี่ตัวที่ยืนเกาะอยู่บนต้นไม้และมองมาทางพวกเขาอย่างสงสัยใคร่รู้
อู๋อวิ้นเองก็ตื่นแล้วเช่นกัน เขาหยิบซองบุหรี่ของตัวเองขึ้นมาและโยนใส่หลี่เชียนที่อยู่เบาะหลังอย่างแรง หลี่เชียนสะดุ้งโหยง สะบัดมือเปะปะไปทั่วอย่างตกใจ “อย่ากินฉัน! อย่ากินฉัน!”
เสียงโหวกเหวกของเขาปลุกให้คนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ด้านหลังตื่นกันหมด
หลี่เชียนลืมตาขึ้นก็พลันเห็นอู๋อวิ้นมองมาที่ตนพลางกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยออกมาสั้น ๆ ว่า “เจ้าบื้อเอ๊ย”
“พักผ่อนกันแล้วเนอะ งั้นก็ลงรถ!” อู๋อวิ้นพูด
“ฮะ? ลงรถ?” หลี่เชียนตะลึงงันไปชั่วขณะก่อนจะเข้าใจคำพูดนั้นของอู๋อวิ้น
รถของพวกเขาเสีย แต่พวกเขายังต้องผ่านป่าทึบนี่ออกไปให้ได้โดยเร็วที่สุดในตอนที่ยาระงับยังออกฤทธิ์อยู่
อู๋อวิ้นและโจวอวี้เปิดประตูลงจากรถไปแล้ว โจวชิงที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำก็ลงจากรถตามพวกเขาไป
ทารันทูล่าสองหัวตัวนั้นยังคงนอนแอ้งแม้งอยู่บนท้ายรถ
“เราต้องย้ายเจ้านี่ออก ไม่งั้นคงเอาน้ำ อาหาร แล้วก็อุปกรณ์ออกมาไม่ได้” อู๋อวิ้นพูดพลางโน้มศีรษะเข้าไปดู “น่าขยะแขยงชะมัด ไม่อยากจะแตะมันเลยจริง ๆ”
“ต้องการให้ฉันทำงั้นสิ” โจวอวี้แค่นเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา
“ใครใช้ให้นายฆ่ามันตอนจังหวะแย่ ๆ ล่ะ”
“งั้นครั้งหน้าฉันจะมอบหน้าที่หาจังหวะเหมาะ ๆ ให้นายก็แล้วกัน” โจวอวี้ว่า
เขาหยิบเชือกออกมาพันรอบร่างของทารันทูล่าสองหัว นำปลายเชือกอีกด้านโยนขึ้นต้นไม้ก่อนจะออกแรงดึง แล้วร่างของทารันทูล่าสองหัวก็ถูกลากลงมาจนเกิดเสียงดังโครม
หลี่เชียนและคนอื่น ๆ ที่หลบอยู่ไม่ไกล ไม่กล้ามองมา
อู๋อวิ้นเปิดท้ายรถ หยิบน้ำและอาหารทั้งหมดออกมาแจกจ่ายให้คนอื่นเอาไปช่วยกันแบก
“หนัก…” หลี่เชียนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เมื่อถูกน้ำหนักของน้ำและอาหารกดลงบนไหล่ ก็แทบทำให้เขาทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
“ไม่แบก ไม่มีของกิน ไม่มีน้ำ แต่การอดตายก็ยังดีกว่าโดนสิ่งมีชีวิตที่นี่กินล่ะนะ” อู๋อวิ้นยกยิ้มชั่วร้าย
โจวอวี้ตั้งใจจะเอาของในส่วนของโจวชิงมาแบกเอง แต่โจวชิงปฏิเสธ “พี่ต้องปกป้องทุกคน แบกของที่สำคัญดีกว่า”
กลุ่มคนเดินทางมุ่งไปข้างหน้าต่อ อู๋อวิ้นแบกของไว้บนหลังมากพอสมควร แต่ก็ไม่ลืมที่จะเอากล่องใส่ตัวอ่อนมาด้วย
“ดูท่าสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นจะสำคัญมาก” โจวอวี้เหลือบมองกล่องใบนั้นก่อนพูดออกมา
“ฮ่า ๆ …ทุกอย่างก็สำคัญหมดนั่นแหละ”
ขณะที่พวกเขากำลังเดิน ๆ กันอยู่ โจวชิงก็สังเกตพืชรอบด้านไปด้วย
ตอนนั้นเองที่หลี่เชียนเหยียบโดนอะไรบางอย่างเข้าจนส่งเสียงร้องออกมาดัง “ว้าก”
เขาก้มหน้าลงก่อนจะพบว่ามันเป็นดอกไม้ที่โปร่งใสราวกับแก้วดอกหนึ่ง
ทว่ากลีบดอกของมันก็ถูกหลี่เชียนเหยียบจนบี้แบนไปแล้ว
“นึกว่า…เป็นตัวอันตรายซะอีก…”
ขณะที่หลี่เชียนหลับตาและพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก โจวชิงก็พลันกระชากร่างเขาออกไปพร้อมร้องเตือน “ระวัง!”
สิ่งเรียวเล็กคล้ายกับงูสีเงินพุ่งออกมาจากใจกลางของดอกไม้จนเกือบจะกัดเข้าที่จมูกของหลี่เชียน ชนิดที่เฉียดไปแค่นิดเดียวเท่านั้น เจ้าสิ่งนั้นทำให้เขาร้องโวยวายออกมา
งูสีเงินตัวนั้นหดกลับเข้าไปยังที่เดิม สะสมพลังโจมตี เสมือนว่าถ้าไม่ได้กัดหลี่เชียนมันก็จะไม่ยอมแพ้อย่างเด็ดขาด
“เร็ว…รีบยิงมันเร็วเข้า…”
“ไม่จำเป็น อีกเดี๋ยวมันก็ตายแล้ว เมื่อกี้มันแค่แก้แค้นคนที่ทำร้ายมันก่อนตายเท่านั้น” อู๋อวิ้นที่ยืนอยู่ไม่ไกลตอบอย่างเฉยชา
“มันคืออะไร…แล้วมันไปอยู่ในดอกไม้ได้ยังไงกัน”
“นายไม่เคยเห็นตงฉงเซี่ยฉ่าว [1] หรือไง” อู๋อวิ้นว่าเสียงขัน “เพียงแต่มันเป็นตงฉงเซี่ยฉ่าวเวอร์ชันอัปเกรดแล้วเท่านั้นเอง”
“หา” หลี่เชียนไม่เข้าใจที่อู๋อวิ้นพูดเลยสักนิด
“นี่คือรูปแบบทางชีวภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของนิเบลุงเกน พืชและสัตว์รวมอยู่ในร่างกายเดียวกัน กลุ่มจวี้ลี่กรุ๊ปตั้งชื่อให้มันว่า ‘โฉมงามอสรพิษ’ ความอันตรายอยู่ที่ระดับซี พอ ๆ กับสัตว์ปรสิต และเพราะพืชกับสัตว์อยู่รวมในร่างเดียวกัน ส่วนที่เป็นสัตว์จึงไม่สามารถแยกออกจากพื้นดินที่พืชหยั่งรากเอาไว้ได้”
“แล้วถ้ามันออกมาได้ ผมจะตายหรือเปล่า” หลี่เชียนไม่รู้สึกแปลกใจกับรูปแบบชีวิตอันน่าทึ่งของที่นี่ เขาแค่รู้สึกดีใจที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่
“ไม่ ถ้านายโดนมันกัด บางทีอาจจะมีพืชงอกออกมาจากตัวนายก็ได้นะ” อู๋อวิ้นพูดยิ้ม ๆ
“คุณขู่ผมอีกแล้ว!” หลี่เชียนรู้สึกเซ็งกับคำพูดของอู๋อวิ้นมาก ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนคนคนนี้ก็เอาแต่ขู่เขาอยู่นั่น
“อู๋อวิ้นไม่ได้ขู่ สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง”
โจวชิงที่แบกเป้หนัก ๆ เดินผ่านหลี่เชียนไปอย่างไม่รีบร้อน
พวกเขาเดินมุ่งหน้าไปกันต่อ ก่อนจะเจอรถคันหนึ่งที่ทำให้ทุกคนดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
รถคันนี้น่าจะเป็นรถของฐานที่ถูกทิ้งเอาไว้
“เจ๋งไปเลย!” หลี่เชียนกำลังจะพุ่งเข้าไปหา แต่ก็ถูกดอกเตอร์แดเนียลดึงตัวกลับมา
โจวอวี้กับอู๋อวิ้นชักปืนออกมาก่อนจะเดินตรงไปที่รถคันนั้นทีละก้าว
ประตูรถถูกเปิดทิ้งไว้
อู๋อวิ้นหันปลายกระบอกปืนเล็งไปยังที่นั่งคนขับ ขณะที่ปืนของโจวอวี้ก็หันไปยังที่นั่งผู้โดยสาร เมื่อไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ พวกเขาก็ไปตรวจสอบเบาะหลังต่อ รวมไปถึงกระโปรงรถด้วย
หลังตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร อู๋อวิ้นก็โบกมือเป็นสัญญาณให้ดอกเตอร์แดเนียล
นั่นแหละพวกเขาถึงได้เดินกันเข้ามา
อู๋อวิ้นลองสตาร์ทรถดู แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใด ๆ
“ไม่เอาน่า…นี่เราต้องเดินกันต่ออีกเหรอ” หลี่เชียนโอดครวญ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางแบกของหนัก ๆ อย่างนี้แล้วเดินต่อไปได้ทั้งวันแน่
อู๋อวิ้นที่ตรวจดูสภาพรถเสร็จเรียบร้อยพลันพูดขึ้นมาว่า “โชคดีที่ชิ้นส่วนบางอย่างแค่หลุดออกไป น่าจะเป็นเพราะโดนทารันทูล่าสองหัวกระแทก ในรถมีของที่พอจะใช้ซ่อมได้อยู่ โจวอวี้มาช่วยฉันหน่อย ถ้าเราทำเสร็จมันน่าจะใช้งานต่อได้ คนอื่น ๆ ก็พักผ่อนแถวนี้ไปก่อน ห้ามเดินเที่ยวเล่นหรือแตะต้องอะไรทั้งนั้น เข้าใจไหม”
“ผมไม่คิดจะเดินไปไหนทั้งนั้นแหละ!” หลี่เชียนทิ้งตัวนั่งลงตรงนั้น และมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดระแวงคล้ายกับกลัวว่าจะมีอะไรพุ่งมาฉกอีก
โจวชิงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้นั่ง เขาเอามือไพล่หลัง หรี่ตาลง สังเกตพืชที่อยู่รอบ ๆ โดยเว้นระยะห่างเอาไว้
ดอกเตอร์แดเนียลมองแผ่นหลังของโจวชิงอย่างนึกขัน แม้จะเพิ่งอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน แต่ดอกเตอร์แดเนียลก็รู้สึกประทับใจอาจารย์มหาวิทยาลัยด้านพฤกษศาสตร์คนนี้มาก เขาเคารพความรู้ทางวิชาชีพของโจวชิงและความเข้มงวดเอาจริงเอาจังของเขา ยิ่งไปกว่านั้นดอกเตอร์แดเนียลยังชื่นชมความสงบเยือกเย็นของเขาในช่วงเวลาคับขันอีกด้วย ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ถึงตัวเขากับโจวอวี้จะไม่ได้มานั่งตกลงพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ แต่ต่างคนต่างก็เข้าใจและช่วยกันปกป้องดูแลศาสตราจารย์โจวอยู่เสมอ เฉกเช่นในเวลานี้ ยามที่โจวอวี้หันหลังกลับไป สายตาของแดเนียลก็จับจ้องอยู่ที่ศาสตราจารย์โจว เขาไม่ได้เข้าไปห้ามการสังเกตพืชของโจวชิง แต่ก็พร้อมที่จะดึงอีกฝ่ายออกมาตลอดเวลาถ้าหากว่ามีอันตราย
โจวชิงถูกลายเส้นของต้นไม้โบราณพวกนี้ดึงดูด พวกมันคล้ายกับไม่ได้ดูดซึมสารอาหารจากการสังเคราะห์แสงเพียงอย่างเดียว เปลือกของพวกมันไม่แข็งแต่คล้ายกับชั้นผิวหนัง มีเส้นเลือดหรือแม้กระทั่งเส้นประสาท
เมื่อก้าวเข้าไปใกล้อีกหน่อย เขาคล้ายกับจะได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาของต้นไม้พวกนี้
“ศาสตราจารย์โจว ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะ” แดเนียลที่อยู่ไม่ไกลยกกาน้ำขึ้น
“โอ๊ะ ขอบคุณมากครับ!” โจวชิงเข้าใจว่าแดเนียลกำลังเตือนตัวเองอย่างอ้อม ๆ ว่าเขาเข้าใกล้ต้นไม้พวกนี้มากเกินไปแล้ว
สิ่งมีชีวิตที่ภายนอกดูเหมือนไม่มีอันตราย อาจจะมีภัยร้ายซ่อนอยู่ก็เป็นได้
โจวชิงนั่งลงข้าง ๆ แดเนียล รับน้ำมาดื่มไปสองอึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดูกิ่งไม้ใบไม้ที่ขยับไหวเป็นลูกคลื่นแลดูเอื่อยเฉื่อย เมื่อดูจนเมื่อยคอแล้ว เขาก็ก้มหน้าลงมองดินทรายที่อยู่ข้างเท้า
ประหนึ่งตกอยู่ในห้วงมายาฝัน เขารู้สึกคล้ายกับมีบางอย่างพันอยู่รอบคอ มันเขี่ยปลายผมเขาเล่น ไล่ไปที่ใบหู และเหมือนมีบางอย่างสวมกอดเข้าที่ด้านหลังเขาอย่างแผ่วเบา
ตอนแรกโจวชิงนึกว่าเป็นเพียงแค่กระแสลม แต่ไป ๆ มา ๆ เขากลับรู้สึกเหมือนมีมือที่อ่อนโยนค่อย ๆ แตะลงที่หลังศีรษะ คล้ายกับจะดูให้แน่ใจว่าการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะทำให้เขาเจ็บหรือไม่
โจวชิงคิดว่าเป็นดอกเตอร์แดเนียล แต่เขาก็เห็นอีกฝ่ายกำลังตรวจเช็กน้ำและอาหารในเป้ ทั้งยังเห็นมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
หลี่เชียนกับหานลี่เองก็นั่งอยู่อีกด้าน ส่วนโจวอวี้ก็ยังคงยุ่งอยู่กับอู๋อวิ้น
โจวชิงพลันรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที เขาหันไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร
โจวชิงพ่นลมหายใจออกมา บางทีมันอาจจะเป็นลมจริง ๆ ก็ได้ เขาก็แค่ความรู้สึกไวเกินไป
ในชั่วเวลานั้นดูเหมือนรถจะสตาร์ทติดแล้ว ดอกเตอร์แดเนียลหันไปมอง หานลี่และหลี่เชียนก็ลุกขึ้นเข้าไปรุมล้อมรถอย่างตื่นเต้น
“เป็นยังไงบ้าง ใช้ได้แล้วใช่ไหม”
“สุดยอดไปเลย! เรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ!”
โจวชิงลุกขึ้นยืน ชั่วขณะนั้น จู่ ๆ โลกของเขาก็จมดิ่งลงสู่ความมืด ไม่อาจมองเห็นอะไรได้อีกเลย
สิ่งที่โจวชิงคิดขึ้นมาในชั่วขณะนั้นคือเนื้องอกสมองชนิดไกลโอมาของเขาโตขึ้นอีกแล้ว และมันก็กดทับเส้นประสาทตาจนเขามองไม่เห็นใช่ไหม
‘นายอยากมองเห็นหรือเปล่า’ เสียงแผ่วเบาที่ไร้ตัวตนและมีเสน่ห์พลันดังขึ้น
[1] ถั่งเช่า