ฝ่ากฎรักต่างโลก
Law of a Different World
异世之万物法则
焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
BlueFeather แปล
นิยาย 3 เล่มจบ
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
———————————————————–
บทที่ 51
“นี่เป็นทางออกที่ดีจริง ๆ ขอบคุณมากครับ แต่ตอนนี้ผมอยากจะเห็นแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินมากกว่า อยากจะรู้ว่าตัวการที่ก่อภัยพิบัติครั้งนี้มีหน้าตาเป็นยังไง”
“ได้ครับ โปรดตามผมมา” ดอกเตอร์รอนพยักหน้า
โจวชิงลุกขึ้น ตบไหล่หลี่เชียนพลางเอ่ย “คุณกับหานลี่เองก็เหนื่อยมามากแล้ว รีบ ๆ ไปพักผ่อนเถอะครับ!”
โจวชิงเดินไปพลางก็พูดคุยเกี่ยวกับความคืบหน้าในงานวิจัยกับดอกเตอร์รอนไปพลาง
ดอกเตอร์รอนชะงักฝีเท้าก่อนจะพูดกับโจวชิงว่า “ศาสตราจารย์โจว ผมมีเรื่องที่บังอาจขอคุณอยู่เรื่องหนึ่ง”
“ว่ามาได้เลยครับ” โจวชิงมองออกว่าสิ่งที่ทำให้ดอกเตอร์รอนคนนี้พูดคำว่า ‘บังอาจขอ’ ออกมาได้ จะต้องเป็นคำขอที่สำคัญมากสำหรับเขาอย่างแน่นอน
“ผมสังเกตเห็นว่าพี่ชายของคุณ โจวอวี้น่ะครับ เขาพาไอโดลันมาด้วยตัวหนึ่ง ผมได้ยินว่าไอโดลันตัวนั้นเติบโตมากับเขาและเชื่อฟังเขาแค่คนเดียว พวกเราอยากศึกษาอะไรง่าย ๆ เกี่ยวกับไอโดลันตัวนี้ ผมเลยหวังว่าคุณจะช่วยพวกเราโน้มน้าวโจวอวี้ พวกเราสัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายใด ๆ กับไอโดลันตัวนี้แน่นอนครับ”
“ได้เลยครับ แต่ถึงพวกคุณอยากจะทำร้ายมัน เรื่องนั้นก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ศักยภาพของไอโดลันไร้ขีดจำกัด จนถึงตอนนี้ดูเหมือนความสามารถของโม่เย่แข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตระดับเอที่เรารู้จักเสียอีก”
“ขอบคุณจริง ๆ ครับ พวกเราได้ยินมาว่าดอกเตอร์คาร์ลอสค้นคว้าเกี่ยวกับสติปัญญาของไอโดลัน เห็นว่าระดับสติปัญญาของมันสูงยิ่งกว่าความสามารถในการเรียนรู้ของมนุษย์เสียอีก พวกเราเลยสงสัยว่ามันจะสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมของมนุษย์ได้ไหม”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะปรับตัวเข้ากับสังคมมนุษย์ได้หรือไม่ แต่เป็นสังคมมนุษย์จะยอมรับมันได้หรือเปล่าต่างหากครับ”
ดอกเตอร์รอนเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากออกมา “นั่นสินะ ถึงสิ่งมีชีวิตของนีเบอลุงเงินจะน่ากลัว แต่พวกมันก็เรียบง่ายกว่ามนุษย์มาก”
เมื่อโจวชิงตามดอกเตอร์รอนมาถึงสถานที่ที่เก็บสตัฟฟ์แมงกะพรุนนีเบอลุงเงิน โจวชิงก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
มันคือภาชนะโปร่งใสขนาดเท่าสระว่ายน้ำ ภายในนั้นมีแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินขนาดใหญ่แช่อยู่ข้างใน มันดูสงบมาก ไม่มีการหมุนหรือสัญญาณการลอยตัวใด ๆ เหมือนกับว่ามันกำลังหลับใหลอยู่ในน้ำ
สิ่งนี้ทำให้โจวชิงนึกถึงนิทานเรื่องเจ้าหญิงนิทรา ราวกับว่าเพียงแค่จูบก็สามารถปลุกมันขึ้นมาจากการหลับใหลได้
ร่างกายโปร่งแสงของมันสะท้อนกับแสงไฟภายในห้อง ประหนึ่งชายกระโปรงขนาดใหญ่ที่ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด ผนังห้องถูกย้อมด้วยชั้นสีทองบาง ๆ
“เพื่อที่จะเก็บรักษามันไว้ เราจึงใช้ฟอร์มาลินที่จัดให้กับฐานนี้มาเกือบปีจนหมด” ดอกเตอร์รอนเอ่ยขึ้น
“พระเจ้า…มันงดงามมาก”
มันดูราวกับเทพยดา เสมือนผลงานชิ้นเอกของพระเจ้าที่ยากจะละสายตา
โจวชิงเงยหน้า เผยอปากอ้าค้างอยู่อย่างนั้น
“ยิ่งสวยงามยิ่งอันตราย อย่าลืมว่ามันเป็นพาหะของไวรัสนะครับ” ดอกเตอร์รอนกอดอกพลางเอ่ยเตือน
“ครับ…ผมเพียงแต่คิดว่าทำไมสิ่งมีชีวิตของนีเบอลุงเงินถึงไม่มีแค่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว”
“เพราะความสวยงามมักถูกทำลายโดยง่าย ถ้าอยากให้ความสวยงามคงอยู่ไปนาน ๆ มันก็จำเป็นจะต้องโหดเหี้ยม” ดอกเตอร์รอนตอบ
“ใครเป็นคนพูดเหรอครับ หรือว่าเป็นข้อสรุปของคุณเอง” โจวชิงหันมาถาม
ดอกเตอร์รอนส่ายศีรษะพลางเอ่ยต่อ “ไม่ใช่ข้อสรุปของผมหรอกครับ มันเป็นคำพูดของดอกเตอร์เจียง อดีตผู้รับผิดชอบที่นี่ เขาเป็นอัจฉริยะในวงการไวรัส เพียงแต่มีการระบาดของไวรัสในโลกมนุษย์ เขาก็เลยกลับไป ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ ผมเชื่อว่าไม่ถึงวันเขาก็ทำวัคซีนออกมาให้พวกคุณได้แล้ว ก่อนจากไปเขาได้ทิ้งข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับไวรัสของแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินเอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว ผมจะเอาพวกมันมาเป็นข้อมูลอ้างอิงให้กับพวกคุณ”
“ขอบคุณมากครับ” โจวชิงเงยหน้าขึ้นมองแมงกะพรุนยักษ์ตัวนั้นต่อ ในใจพลันรู้สึกอยากรู้เกี่ยวกับดอกเตอร์เจียงคนนั้นขึ้นมาทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างไวรัสยกฝาครอบภาชนะขนาดยักษ์ออกช้า ๆ และยื่นเครื่องเก็บตัวอย่างลงไป โจวชิงก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้นมองเครื่องเก็บตัวอย่างที่แตะตัวแมงกะพรุนเบา ๆ ก่อนแมงกะพรุนตัวนั้นจะสั่นเทิ้มราวกับโดนไฟช็อต รัศมีของแสงในพื้นที่พลันสั่นไหวไปตามแรงกระเพื่อม
“ไม่ต้องกังวลครับ มันเป็นเพราะไฟฟ้าสถิตบนเครื่องเก็บตัวอย่างทำปฏิกิริยากับแมงกะพรุน” ดอกเตอร์รอนอธิบาย
“ครับ สิ่งมีชีวิตที่ถูกแช่ในน้ำยาฟอร์มาลินไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้นาน” โจวชิงยิ้ม
ภายในโรงอาหารตอนนี้ นักวิจัยและเจ้าหน้าที่ภาคสนามทั้งหมดกำลังรับประทานอาหารกันอยู่ แม้จะเป็นอาหารง่าย ๆ อย่างขนมปังกับนม แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นอะไรที่อร่อยมาก
โม่เย่หมอบอยู่ที่มุมโต๊ะ มองอาหารที่อยู่ในจานของโจวอวี้อย่างใจจดใจจ่อ บางครั้งมันก็โน้มตัวต่ำและใช้จมูกดมฟุดฟิด เป็นครั้งแรกที่มันได้กลิ่นขนมปังเนย ถึงจะเป็นแค่ขนมปัง แต่ฐานที่สองก็ปฏิบัติกับพวกเขาไม่เลวทีเดียว
“นานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่ได้กลิ่นเนย ครั้งล่าสุดที่ได้กินขนมปังเนยสองชิ้นก็ตอนที่ไปเอารถขนเสบียงกลับมาจากเขตสิบสองกับนาย” อู๋อวิ้นถอนหายใจ
โจวอวี้บิขนมปัง เขาเอาส่วนตรงกลางที่เป็นส่วนที่นุ่มที่สุดออกมาแล้วจ่อไปที่ปากของโม่เย่ซึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ
“ลองดูสิ อย่างน้อยมันก็อร่อยกว่าถั่วลันเตากับแครอทนะ” มุมปากของโจวอวี้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ
หานลี่พูด “หายากจริง ๆ นะเนี่ย ฉันแทบไม่เคยเห็นนายยิ้มเลยโจวอวี้”
โม่เย่หรี่ตาลงคล้ายกับมีความสุขมาก มันแลบลิ้นออกมาเลียขนมปังไปนิดหน่อย ก่อนจะหดไหล่ หรี่ตาคล้ายกับพิจารณารสชาติที่ติดลิ้น
“ชอบไหม ถ้าชอบก็กิน”
ทว่าโม่เย่กลับยื่นอุ้งเท้าออกมาและดันขนมปังไปที่ปากของโจวอวี้ พเยิดคางของตัวเองคล้ายจะบอกว่า ‘ผมไม่หิว คุณกินเถอะ’
“อะแฮ่ม…พวกนายแสดงความรักกันแบบนี้จะดีเรอะ” อู๋อวิ้นแสดงท่าทางไม่พอใจ
โม่เย่หันขวับไปมองคล้ายจะบอกว่า ‘ฉันจะฟาดนาย!’
โจวอวี้ยกมือขึ้นลูบหัวโม่เย่
ตกกลางคืน การวิจัยเกี่ยวกับไวรัสของแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินก็ได้เริ่มต้นขึ้น
นักวิจัยหลายคนสังเกตตัวอย่างไวรัสอยู่ในห้องทดลอง
“พวกคุณมาดูนี่สิ ไวรัสตัวนี้แตกต่างจากไวรัสทั่วไป มันไม่ได้เป็นทรงกลม ทรงมงกุฎ ทรงก้อนอิฐ หรือว่าลูกอ๊อด…มันมีขนาดเล็กแล้วก็ยืดหยุ่นกว่าไวรัสธรรมดา…”
“คุณจะเห็นว่าตรงนี้มีส่วนคล้ายกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ทำให้มันสามารถรวมตัวกับยีนและวิวัฒนาการเป็นสายพันธุ์ใหม่ได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แถมยังเพิ่มการติดเชื้อเป็นสองเท่า แล้วก็ตรงช่วงนี้ลักษณะของไวรัสมีส่วนคล้ายกับโรคไข้เลือดออกอย่างอีโบลาหรือไข้เด็งกี [1] มาก เพียงแต่ไวรัสชนิดนี้รุนแรงกว่าอีโบลา…นี่เป็นไวรัสที่น่ากลัวที่สุดที่ผมเคยเจอมาเลย ได้ยินมาว่าดอกเตอร์เจียงกำลังถอดรหัสไวรัสตัวนี้อยู่และอีกก้าวเดียวเขาก็จะคิดค้นยาต้านไวรัสออกมาได้แล้ว”
“ถ้าเขาอยู่ที่นี่ก็ดีสิ…บางทีตอนนี้พวกเราอาจกลับไปที่ฐานพร้อมกับยาต้านไวรัสแล้วก็ได้”
หลังจากที่ศึกษาอยู่ครึ่งค่อนคืน นักวิจัยเหล่านี้ก็เริ่มง่วง
“ง่วงจัง ดอกเตอร์เหยา…ผมขอพักสายตาสักห้านาทีนะ”
“อืม ดอกเตอร์เสิ่น คุณไปนอนก่อนได้เลย ผมจะดูบันทึกงานวิจัยที่ดอกเตอร์เจียงทิ้งไว้ให้ต่อเอง” ดอกเตอร์เหยาตอบ
ทว่าเวลาผ่านไปไม่ถึงนาที ดอกเตอร์เหยาที่กำลังค้นข้อมูลอยู่ก็รู้สึกง่วงขึ้นมาเช่นเดียวกัน เขาขยี้ตา แต่สุดท้ายก็ทนฝืนไม่ไหวฟุบหลับไปบนโต๊ะ
ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าไรแล้ว หูพลันได้ยินเสียงคล้ายกับกระดิ่งเงิน มันดังแว่วเข้ามาราวกับมาจากอีกโลกหนึ่ง
ดอกเตอร์เหยาลืมตาขึ้น ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงชุดขาวนั่งอยู่ตรงมุมโต๊ะของตัวเอง
คิ้วของเธอราวกับน้ำหมึกที่อยู่ในภาพวาด รอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากพานให้ใจของดอกเตอร์เหยาสั่นไหว ยามที่เธอเอนกายมาหาดอกเตอร์เหยา เส้นผมสีดำยาวสลวยข้างหนึ่งระลงมาปัดผ่านข้างแก้มของเขา สัมผัสเลื่อนลอยแผ่วเบาชวนลุ่มหลง
“คุณ…คุณเป็นใคร คุณเป็นนักวิจัยของฐานเหรอ” ดอกเตอร์เหยาเอ่ยถามอย่างโง่งม
หญิงสาวจุมพิตเข้าที่ริมฝีปากของดอกเตอร์เหยา ความรู้สึกแสนวิเศษในชั่วขณะนั้นแทบจะพรากลมหายใจของดอกเตอร์เหยาให้หลุดลอยไป
กาลเวลาหยุดเคลื่อนไหวอยู่เพียงแค่นั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น โจวอวี้ก็ถูกโจวชิงปลุกให้ตื่นขึ้น
“พี่—พี่—ตื่นเร็ว! ดอกเตอร์เหยาเกิดเรื่องแล้ว!”
โจวอวี้สะดุ้งตื่นทันที เขาไม่คิดว่าตัวเองจะหลับลึกได้ขนาดนี้ เนื่องจากห้องพักมีไม่เพียงพอ เขากับอู๋อวิ้นและเจ้าหน้าที่ภาคสนามคนอื่น ๆ จึงนอนรวมกันที่พื้นของโรงอาหาร
โม่เย่ไม่สนใจการหัวเราะเยาะของอู๋อวิ้นและนอนด้วยกันกับโจวอวี้ โจวอวี้นอนหนุนตัวโม่เย่และโม่เย่ก็กางปีกคลุมตัวโจวอวี้ไว้ อาจเป็นเพราะร่างกายถูกโม่เย่ทำให้อุ่นไปทั้งตัว จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้โจวอวี้ลดการระวังตัวและหลับสนิท
“เกิดอะไรขึ้นกับดอกเตอร์เหยา”
“เขา…ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาตกลงไปในภาชนะที่เก็บแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินเอาไว้และจมน้ำตาย…” โจวชิงเผยสีหน้าเศร้าเสียใจออกมา ดอกเตอร์เหยากับเขาเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมปลายเดียวกัน
“ว่าไงนะ จมน้ำ? เขาไม่ได้กำลังศึกษาไวรัสอยู่เหรอ แล้วเขาจะเข้าไปในสถานที่ที่เก็บตัวสตัฟฟ์ทำไม” โจวอวี้สังหรณ์ใจว่านี่คงไม่ใช่การจมน้ำตายธรรมดา ๆ เสียแล้ว
อู๋อวิ้นลุกขึ้นยืน “ปะ! ไปดูกัน!”
อู๋อวิ้นกับโจวอวี้เป็นผู้คุ้มกันดอกเตอร์เหยามาที่ฐานนี้ด้วยตัวเอง ดอกเตอร์รอนจึงไม่สามารถห้ามไม่ให้พวกเขาทั้งสองคนไปยังสถานที่เกิดเหตุได้
เมื่อได้เห็นตัวสตัฟฟ์ของแมงกะพรุนยักษ์ พวกเขาก็อุทานออกมาอย่างตกใจ
ภายในน้ำยาฟอร์มาลิน ร่างของดอกเตอร์เหยาลอยอยู่ระหว่างชายกระโปรงของแมงกะพรุน สีหน้าของเขาดูสงบคล้ายกำลังหลับอยู่ ทว่าแม้แต่คนโง่ก็ยังดูออกว่าเขาไร้ลมหายใจไปแล้ว
อู๋อวิ้นกลืนน้ำลาย ชี้นิ้วไปที่ดอกเตอร์เหยาพลางพูดขึ้น “เขา…เขาตกลงไปในนั้นได้ยังไง”
ดอกเตอร์รอนถอนหายใจ “ตามผมมา กล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้”
ขณะที่ทุกคนตามดอกเตอร์รอนไปที่ห้องควบคุม โจวอวี้หันกลับไปมองโดยไม่รู้ตัว พบว่าชายกระโปรงของแมงกะพรุนขยับไหวเล็กน้อยราวกับกำลังหมุนอย่างช้า ๆ เพียงแต่เพราะมันมีขนาดใหญ่เกินไป ทั้งหมดที่เห็นจึงดูคล้ายกับผลที่เกิดจากการหักเหของแสง
โม่เย่ไม่ได้ออกไปและเงยหน้าขึ้นดูอยู่เงียบ ๆ
“เป็นอะไรโม่เย่ มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ” โจวอวี้ขยับไปที่ข้างตัวมัน ก่อนโม่เย่จะกัดขากางเกงของโจวอวี้หมายจะให้เขาออกไป
เวลาเดียวกันนั้นเอง เจ้าหน้าที่ในชุดดำน้ำแบบเต็มตัวดำเข้าไปในภาชนะจากฝาที่อยู่ด้านบนและนำร่างของดอกเตอร์เหยาออกมาจากฟอร์มาลิน
ร่างของเขาถูกใส่ไว้ในถุงซิปรอการชันสูตรพลิกศพ
โจวอวี้กับอู๋อวิ้นมาถึงห้องควบคุมและดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ดอกเตอร์เหยาออกจากห้องวิจัยตอนตีสามและมุ่งไปยังสถานที่ที่เก็บตัวสตัฟฟ์แมงกะพรุนนีเบอลุงเงิน เขาเปิดฝาภาชนะขึ้น ในมือของเขาถือเครื่องเก็บตัวอย่างเอาไว้ ทว่าในตอนที่เขาก้มลงเพื่อเก็บตัวอย่าง จู่ ๆ คนทั้งคนก็พลัดตกลงไปในฟอร์มาลิน
“พระเจ้าช่วย…” อู๋อวิ้นปิดตา
อาจเป็นเพราะการตกลงไปของดอกเตอร์เหยาทำลายความนิ่งสงบภายในภาชนะกักเก็บ แมงกะพรุนนีเบอลุงเงินที่แช่อยู่ในของเหลวจึงขยับหมุนอย่างช้า ๆ และลอยขึ้นไป ขณะที่ดอกเตอร์เหยาพยายามดิ้นรนเขาก็ค่อย ๆ ถูกแมงกะพรุนยักษ์ห่อหุ้มเอาไว้ จากนั้นตัวเขาที่สูญเสียความสามารถในการขัดขืนก็ค่อย ๆ จมดิ่งลงไปในน้ำ
ดอกเตอร์เสิ่นที่อยู่ในห้องวิจัยเดียวกันกับดอกเตอร์เหยารู้สึกผิดมาก เขาปิดหน้าตัวเองและร้องไห้ออกมา “ผมไม่ได้ตั้งใจ…ผมแค่เหนื่อยมากและอยากจะนอนพักเพียงครู่เดียวเท่านั้น…ผมบอกเขา บอกว่าจะขอนอนแค่ห้านาที! เขาต้องพบอะไรบางอย่างในข้อมูลงานวิจัยที่ดอกเตอร์เจียงทิ้งเอาไว้ให้และคิดจะเก็บตัวอย่างมายืนยันแน่! ถ้าผมไม่หลับ ผมก็คงไปกับเขาด้วย! ช่วยจับตัวเขาไม่ให้ตกลงไป!”
“มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก…” ดอกเตอร์รอนจับไหล่ของดอกเตอร์เสิ่นพลางปลอบใจ
รอนหันหน้าไปด้านข้าง สบตากับโจวชิงและพยักหน้าให้แก่กัน
ดอกเตอร์รอนกลับไปที่ห้องเก็บรักษาแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินและออกคำสั่งให้ทำการสแกนทางชีวภาพกับตัวสตัฟฟ์
“คุณก็รู้สึกว่าท่าทางการเดินของดอกเตอร์เหยาดูแปลก ๆ ใช่ไหม” โจวชิงเดินไปข้างดอกเตอร์รอนพลางเอ่ยถามเสียงเบา
“ใช่ เขาดูไม่เหมือนคนที่เหนื่อยล้า แต่ดูเหมือนคนเมา” ดอกเตอร์รอนจ้องไปที่ตัวสตัฟฟ์ของแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินด้วยสายตาเย็นเยียบ “เราไม่อาจใช้สิ่งมีชีวิตในโลกมนุษย์มาตัดสินสิ่งมีชีวิตของที่นี่ ผมสันนิษฐานว่าแมงกะพรุนตัวนี้ที่อยู่ในสภาวะจำศีลมาโดยตลอด อาจถูกปลุกขึ้นมาเพราะไปโดนเส้นประสาทของมันในตอนที่เก็บตัวอย่างครั้งก่อน มันอาจจะใช้วิธีอะไรสักอย่างล่อลวงดอกเตอร์เหยา แล้วบางทีอาจเป็นเพราะดอกเตอร์เหยาเข้าใกล้ความลับของมันมากเกินไป แมงกะพรุนตัวนี้จึงจำเป็นต้องฆ่าดอกเตอร์เหยาก่อนที่ไวรัสจะถูกถอดรหัส”
“ความคิดอะไรก็ตามที่ฟังดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ สำหรับที่นี่มันคือข้อสงสัยที่สมเหตุสมผล” โจวชิงเอ่ย
ทว่าหลังจากที่ทำการสแกนทางชีวภาพในภาพรวมแล้ว กลับไม่พบสัญญาณชีพบนร่างของแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินตัวนี้เลย ดัชนีการเคลื่อนไหวของเซลล์ก็เป็นศูนย์
“มันเป็นแค่ตัวสตัฟฟ์จริง ๆ เหรอครับ” โจวชิงถามอย่างไม่มั่นใจ
“ผมจะส่งคนมาตรวจดูการเคลื่อนไหวทางชีวภาพของมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง” ดอกเตอร์รอนตอบ มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วในเวลานี้
โจวอวี้กับโม่เย่อยู่ที่โรงอาหาร นักวิจัยหลายคนมองโม่เย่อยู่ห่าง ๆ ท่าทางอยากจะเข้ามาสำรวจสุด ๆ แต่ก็ไม่กล้า โม่เย่จงใจตั้งปีกขึ้นและทำหน้าตาดุร้ายใส่พวกเขา จนนักวิจัยพวกนั้นหน้าเปลี่ยนสีและเผ่นหนีทันควัน
อู๋อวิ้นที่กำลังเบื่อหน่ายหัวเราะออกมาดังลั่น
โจวอวี้เองก็ลูบหัวโม่เย่ด้วยเหมือนกัน “เจ้าวายร้ายตัวน้อย ระวังดอกเตอร์รอนจะไม่แบ่งของกินให้”
โม่เย่มองไปที่โจวอวี้ตาโต โจวอวี้รู้ว่าเจ้าเด็กแสบนี่ก็แค่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสาเพื่อให้เขาใจอ่อน
“อย่ามองฉันแบบนั้น มันไม่ได้ผลหรอก”
โม่เย่โน้มตัวเข้าหา มันจงใจใช้ปลายจมูกดันหลังมือของโจวอวี้ โจวอวี้จึงเก็บมือกลับมา โม่เย่ตามไปและงับนิ้วของโจวอวี้อย่างรวดเร็ว
มันใช้ลิ้นพันนิ้วของโจวอวี้ทว่าไม่ได้กัดลงไปในทันที มันมองไปที่โจวอวี้ด้วยแววตาเชื่อฟังมาก ท่าทางบ่งบอกว่ามันจะไม่กัดถ้ายังไม่ได้รับอนุญาตจากโจวอวี้ ทว่าโจวอวี้รู้ดีว่าถ้าตัวเองไม่ยอมให้มันกินอิ่ม มันจะติดหนึบอยู่กับตัวจนเขาทำงานอะไรไม่ได้
เวลานี้การผ่าชันสูตรร่างดอกเตอร์เหยาได้เริ่มขึ้นแล้ว
ในพื้นที่มีผู้ชันสูตรทั้งหมดสามคน พวกเขาทุกคนเปิดเครื่องบันทึกวิดีโอ ยามที่ลงมีดแรกเพื่อเปิดช่องท้องของดอกเตอร์เหยา แมงกะพรุนนีเบอลุงเงินสีทองใสจำนวนนับไม่ถ้วนก็ไหลทะลักออกมา
ผู้ชันสูตรที่ลงมีดผงะถอยไปข้างหลัง ศพของดอกเตอร์เหยาละลายหายไปในชั่วพริบตาจนเหลือเพียงโครงกระดูกสีขาวที่อยู่บนเตียงชันสูตรศพ
“พระเจ้าช่วย…นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ทันใดนั้นแมงกะพรุนที่อยู่บนพื้นก็ขยับตัว พวกมันพากันปีนป่ายขึ้นไปบนร่างของผู้ชันสูตรทั้งสามคน
“ออกไปนะ! ออกไป!” ผู้ชันสูตรสะบัดมีดผ่าตัดแทงไปที่แมงกะพรุนพวกนั้น แต่ก็แทงไม่เข้า
พริบตาเดียวผู้ชันสูตรทั้งสามคนก็ถูกแมงกะพรุนปกคลุมไปทั่วร่าง พวกเขาล้มลงกับพื้น มือปัดป่ายหมายจะจับแมงกะพรุนพวกนี้ แต่มือของพวกเขากลับจมเข้าไปในร่างของพวกมัน ร่างกายคล้ายกับถูกละลายจนกลายเป็นน้ำ เหล่าแมงกะพรุนเบียดเข้าไปในเลือดเนื้อของพวกเขาและดูดกลืนสารอาหารอย่างตะกละตะกลาม
“ทำไมถึงยังไม่ได้รับรายงานการชันสูตรศพของดอกเตอร์เหยาอีก” ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ดอกเตอร์รอนก็ติดต่อไปยังห้องชันสูตรด้วยความสงสัย แต่เรียกอยู่นานก็ไม่มีใครตอบกลับมาเลยสักคน
เขาเชื่อมต่อเข้ากับกล้องวงจรปิดของห้องชันสูตรทันที ก่อนจะพบเข้ากับภาพที่น่าสยดสยอง เมื่อผู้ชันสูตรทั้งสามคนกลายเป็นกองเลือดไปแล้ว
“สภาพของพวกเขาเหมือนกับติดเชื้อไวรัสของแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินเลย…” แววตาของโจวชิงจมดิ่ง เรื่องราวจะต้องซับซ้อนกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้แน่ ๆ
ดอกเตอร์รอนปิดตายห้องชันสูตรและแยกคนที่สัมผัสกับห้องทดลองทั้งหมดทันที
“หรือว่าจะติดเชื้อไวรัสแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินมาจากดอกเตอร์เหยา” ดอกเตอร์รอนเม้มปากพลางครุ่นคิด
โจวชิงเอ่ยแนะ “เรารีบตรวจดูขั้นตอนการผ่าตัดทั้งหมดกันเถอะครับ!”
ยามที่พวกเขาเห็นฝูงแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินที่มีขนาดเท่าฝ่ามือฆ่าผู้ชันสูตรทั้งสาม โจวชิงก็เข้าใจในที่สุด
“แมงกะพรุนยักษ์ตัวนั้นยังไม่ตาย แต่อยู่ในภาวะจำศีลมาโดยตลอด”
รอนกัดฟันกรอด “อาจเป็นเพราะฟอร์มาลินไม่เหมาะกับการดำรงชีวิต มันจึงหยุดการทำงานของเซลล์ทั้งหมดและรอสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม พวกเราทั้งหมดถูกมันหลอก! ตั้งแต่ที่ผมรับช่วงต่อฐานนี้ มันก็อยู่ที่นี่แล้ว! ไม่เพียงแต่จะหลอกผม มันยังหลอกดอกเตอร์เจียงที่ศึกษาไวรัสตัวนี้ด้วย!”
โจวชิงมองอีกฝ่าย “ตอนนี้…ดอกเตอร์เหยากลายเป็นอาหารสำหรับการแพร่พันธุ์ไปแล้ว…”
ดอกเตอร์รอนออกคำสั่งทันที “ฉีดนิวโรทอกซินใส่ภาชนะที่เก็บแมงกะพรุนนีเบอลุงเงิน! ส่งคนไปที่ห้องชันสูตรค้นหาแมงกะพรุนที่มันแพร่พันธุ์ออกมา! พวกมันจะต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง!”
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่เข้าไปในห้องชันสูตรเปิดการสแกนทางชีวภาพ ตรวจดูทุกซอกทุกมุมของพื้นที่ เมื่อแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินกางตัวออกเต็มที่และแนบเข้ากับพื้นผิว ด้วยรูปร่างที่โปร่งบางของมันทำให้ยากที่จะหาพบ
ในที่สุดพวกเขาก็เจอแมงกะพรุนตัวใสติดหนึบอยู่ใต้โต๊ะชันสูตร
“เจ้าตัวเล็กพวกนี้เจ้าเล่ห์มาก พวกมันซ่อนตัวอยู่ในจุดอับสายตา” โจวชิงพลันตระหนักได้ว่าสติปัญญาของแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินอาจจะสูงมาก
“ระวัง…ระวังให้มาก ๆ อย่าแตะโดนพวกมันเชียว…” ดอกเตอร์รอนเฝ้าดูมอนิเตอร์อย่างเคร่งเครียด กังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุจนประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับฐานที่ห้าของซ่งจื้อ
ในที่สุดแมงกะพรุนพวกนั้นก็ถูกกำจัด พวกมันถูกใส่ลงไปในสารละลายนิวโรทอกซินอย่างไร้ความปรานีและละลายหายไปในเวลาไม่นาน
ทว่ารอนกลับได้รับข่าวสารอีกอย่างเข้ามา นั่นคือพวกเขาไม่ได้ออกแบบภาชนะเก็บแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินให้มีท่อสำหรับใส่นิวโรทอกซินไว้ตั้งแต่แรก แล้วแบบนี้ใครจะอยากเป็นคนทำหน้าที่ฉีดสารพิษล่ะ
ด้วยเหตุนี้ฐานจึงส่งผู้ดําเนินการเข้าไปฉีดนิวโรทอกซิน ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ดําเนินการคนนี้จะไปหยุดอยู่ตรงหน้าตัวสตัฟฟ์และเงยหน้าขึ้นมองอย่างหลงใหล ไม่ว่าเพื่อนร่วมงานจะร้องเรียกให้เขาลงมืออย่างไร เขาก็ไม่ตอบสนอง
ท่าทางของเขาใกล้เคียงกับผู้แสวงบุญ สายตาของเขาราวกับทะลุผ่านแมงกะพรุนโปร่งใสขนาดใหญ่ไปยังอีกโลกหนึ่ง
ท่ามกลางเสียงร้องเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็หยิบปืนออกมาและจ่อไปที่ศีรษะของตัวเอง รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปรารถนาพาดผ่านใบหน้าพร้อมกับไกปืนที่ถูกเหนี่ยว…
ไหล่ของรอนสะท้านตามเสียงปืนจากมอนิเตอร์
“นี่…นี่มันอะไรเกิดอะไรขึ้น…”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่โจวชิงดูมอนิเตอร์ด้วยกันกับเขาและวิเคราะห์เหตุการณ์ดังกล่าว “ผมคิดว่าแมงกะพรุนชนิดนี้มีความสามารถในการทำให้มนุษย์เกิดภาพหลอน คุณยังจำท่าทางตอนที่ดอกเตอร์เหยาเข้าไปเก็บตัวอย่างได้ไหม คุณบอกว่าเขาดูเหมือนคนเมา ผมคิดว่าเขาคงโดนผลกระทบจากแมงกะพรุน”
“ระบบไม่สามารถฉีดนิวโรทอกซินเข้าไปได้และถึงจะส่งใครสักคนเข้าไปตอนนี้ก็คงไม่มีใครกล้า!” รอนคลึงขมับตัวเองอย่างปวดเศียรเวียนเกล้า
“เราระเบิดพื้นที่ตรงนั้นได้ไหมครับ” โจวชิงเสนอขึ้น
“ถ้าระเบิด น้ำยาฟอร์มาลินที่ใส่ไว้จะเป็นตัวช่วยลดทอนแรงระเบิด เราจะทำได้แค่ปล่อยให้แมงกะพรุนออกจากภาชนะ ที่มันไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จนมาถึงตอนนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะฟอร์มาลินสามารถยับยั้งมันได้ประมาณหนึ่งและการระเบิดจะเป็นการมอบอิสระให้แก่มัน ความสามารถในการเคลื่อนที่บนบกของมันดีมาก เหมือนอย่างที่คุณเห็นในแมงกะพรุนตัวเล็กพวกนั้น”
[1] ไข้เลือดออกชนิดหนึ่ง มียุงเป็นพาหะ มักพบในประเทศเขตร้อน