[ทดลองอ่าน] ม่านหมอก (ไร้สิ้นสุด) บทที่ 4 อูโรโบรอส

薄雾[无限]
ม่านหมอก (ไร้สิ้นสุด)

微风几许 เวยเฟิงจี๋สวี่ เขียน
ธมน แปล
라일 (Lyle) วาด
Zinlin Xin ไทโป

– โปรย –

ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไฮเปอร์ธีมีเซียจะสามารถจดจำทุกรายละเอียดในชีวิตได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่จุดเปลี่ยนของโลกไปจนถึงทุกความคิดเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในหัว
ความจำอันดีเยี่ยมและความกระหายในความรู้ของพวกเขา
ทำให้พวกเขากลายเป็นอัจฉริยะในแง่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
ว่ากันว่า ‘จี้อวี่สือ’ คืออัจฉริยะอย่างที่กล่าวมา แถมยังหน้าตางดงามมากเสียด้วย
และข่าวที่ว่าเขาจะไปช่วยงานหน่วยเจ็ดแห่งโดมท้องฟ้าก็แพร่สะพัดไปทั่ว

ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่า ‘ซ่งฉิงหลาน’ ผู้เป็นหัวหน้าของหน่วยเจ็ดนั้นเก่งกาจมากความสามารถ และมีบุคลิกดุดัน
เขาใช้ความสามารถอันเหนือชั้นของตัวเองจนกลายเป็นม้ามืดแห่งสนามรบได้ภายในสองปี

และเขายังเกลียดพวกไม้ประดับที่โดนเบื้องบนยัดเข้ามาในทีมเขาเป็นที่สุด

แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อทราบข่าวเรื่องการมาของจี้อวี่สือ ซ่งฉิงหลานแสดงความเห็นต่อหน้าทุกคนว่า
“มาแล้วช่วยอะไรได้ พวกเราจะออกไปเสี่ยงตาย
ไม่ได้ต้องการอัจฉริยะที่อ่านหนังสือเร็วแบบควอนตัมได้!”

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

 

วันออกเดินทาง

[1456.5.17 09:51:40]

ภายในศูนย์บัญชาการที่สามของโดมท้องฟ้า ระบบฉายภาพขนาดมหึมาแสดงพิกัดเวลาในปัจจุบัน ผู้คนต่างยุ่งกับหน้าที่ของตนเองกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ต่างจากการปฏิบัติภารกิจของผู้พิทักษ์ที่ผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน

ภารกิจกำลังจะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการในแปดนาทีข้างหน้า ผู้พิทักษ์ทุกคนในหน่วยเจ็ดของโดมท้องฟ้าเปลี่ยนมาอยู่ในชุดปฏิบัติการสีดำของผู้พิทักษ์แบบเดียวกัน  โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบกำลังตรวจสอบยืนยันสภาพร่างกายของแต่ละคนอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นระหว่างการเดินทางข้ามเวลา

ซ่งฉิงหลานที่เสร็จสิ้นการตรวจเรียบร้อยแล้วตรวจตราลูกทีมทุกคนตามวิถีปฏิบัติ

หลังจากเห็นจี้อวี่สือก็ต้องนิ่วหน้า ก่อนตบบ่าสมาชิกในหน่วยที่อยู่ข้าง ๆ “ไปดูซิ”

ท่ามกลางเหล่าผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่ง มีร่างกายผอมบางร่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา

จี้อวี่สือฝังอุปกรณ์สื่อสารใต้ผิวหนังไว้ข้างลำคอเมื่อวันก่อน  และตอนนี้ผู้สั่งการกำลังเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ควบคุมบนสายรัดข้อมือของเขา เนื่องจากร่างกายที่สูงกว่าผู้สั่งการเล็กน้อย ทำให้เขาต้องก้มหน้า แพขนตายาวบดบังแววตาที่ดูสงบและเยือกเย็นเอาไว้

“ผู้จดบันทึกมักปฏิบัติภารกิจกันตามลำพัง  ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมทีม ส่วนผู้พิทักษ์นั้นตรงกันข้าม” ผู้สั่งการเอ่ยบอกอีกฝ่ายอย่างเอาใจใส่ “ที่ปรึกษาจี้เพิ่งฝังอุปกรณ์สื่อสารเป็นครั้งแรก อาจรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก และอาจจะยังตกใจตอนได้ยินเสียงเพื่อนร่วมทีมดังในหัวเป็นครั้งแรก แต่ไม่ต้องกังวล พอผ่านไปนานเข้า คุณก็จะชินจนลืมว่ามีมันอยู่”

“ครับ” จี้อวี่สือตอบ

หลังจากผู้สั่งการผละไป จี้อวี่สือได้ยินใครบางคนเอ่ยถามขึ้น “ที่ปรึกษาจี้ คุณรู้สึกยังไงบ้าง วันนี้สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย”

ผู้ที่ถามคือหนึ่งในฝาแฝดประจำทีม

จี้อวี่สือหน้าซีดอย่างที่ใครอีกคนว่า แต่แววตากลับยังคงเปล่งประกาย “ไม่เป็นอะไร เมื่อคืนแค่นอนดึกไปหน่อยเท่านั้น”

“อย่างนั้นเหรอ” เพราะไม่คุ้นเคย เพื่อนร่วมทีมจึงเอ่ยค่อนข้างห้วน “งั้นที่ปรึกษาจี้ก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก การเดินทางครั้งนี้ไม่ต่างกับภารกิจที่คุณเคยทำก่อนหน้านี้เลย อีกอย่างภารกิจก็ง่ายสุด ๆ พรุ่งนี้พวกเราก็ได้กลับแล้ว”

จี้อวี่สือรับรู้ถึงความหวังดีของเพื่อนร่วมทีม เขาพยักหน้า “ขอบใจนะทังเล่อ”

 

ตอนที่เดินกลับไป ทังเล่อมีท่าทางแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด

ซ่งฉิงหลาน  “เป็นอะไร”

“หัวหน้า!” ทังเล่อทำหน้าเหมือนเห็นผี “ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะแยกฉันกับพี่ชายได้! เขาเรียกชื่อฉันถูก! อยู่มาตั้งนาน หลายคนในกองยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำ  วันนี้  เมื่อกี้! โจวหมิงเซวียนเพิ่งจะทักผิดไปหนหนึ่ง!”

ทังเล่อกับทังฉีมีความคล้ายกันถึงเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์  ไม่ว่าจะในแง่ของส่วนสูง น้ำหนักหรือรูปลักษณ์ คนที่ไม่ได้คลุกคลีใกล้ชิดไม่มีทางแยกทั้งคู่ออกได้เลยว่าใครเป็นใคร

แต่แนะนำไปเพียงครั้งเดียว จี้อวี่สือกลับจำได้แล้ว แถมยังอยู่ในสถานการณ์ที่ทั้งคู่แต่งตัวเหมือนกันเปี๊ยบอีก ทำเอาซ่งฉิงหลานประหลาดใจไปเหมือนกัน

“แค่บังเอิญละมั้ง” ซ่งฉิงหลานเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

ทังเล่อตอบ “ไม่เป็นอะไร! บอกว่าแค่นอนน้อย”

ซ่งฉิงหลาน “ไม่เป็นอะไรก็ดี กลัวจะออกไปเป็นตัวถ่วง”

 

นับถอยหลังสามนาที

ทุกคนเข้าสู่แท่นวาร์ปขนาดใหญ่  แคปซูลสีขาวเงินเชื่อมติดกันอย่างแน่นหนาเหมือนกับเม็ดบัวบนฝัก

จี้อวี่สือเข้าไปในแคปซูลของตัวเอง นั่งบนเก้าอี้นิรภัยแล้วปิดประตูห้องโดยสาร

[ยินดีต้อนรับ จี้อวี่สือ คุณกำลังออกเดินทางเพื่อปฏิบัติภารกิจระดับ A ชิ้นแรกให้สำเร็จ]

เสียงจอแจของผู้คนในศูนย์บัญชาการถูกตัดออกไปอย่างสิ้นเชิง เงียบจนได้ยินเพียงเสียงหายใจและเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง

ตัวล็อกบนเก้าอี้นิรภัยคาดรัดร่างจี้อวี่สือไล่ไปทีละส่วนตั้งแต่น่อง แนวกลางลำตัว ไหล่และลำคอ ก่อนจะเห็นว่าอุปกรณ์ควบคุมบนสายรัดข้อมือเรืองแสงสีเขียวออกมา

นั่นเป็นสภาพร่างกายและตำแหน่งปัจจุบันของเพื่อนร่วมทีมทั้งหกคน

จี้อวี่สือตระหนักได้ว่าครั้งนี้เขาไม่ได้เดินทางข้ามมิติเวลาเพียงลำพัง ข้างกายเขายังมีเพื่อนร่วมทีมอีกหกคน

[คุณได้เชื่อมต่อช่องสัญญาณร่วมเรียบร้อยแล้ว]

หลังจากการแจ้งเตือนสั้น ๆ บนหน้าจอโปร่งใสก็แสดงกฎของโดมท้องฟ้าขึ้นมา

“ผมเป็นพยานแห่งกาลเวลา ผมขอสาบาน ณ ที่แห่งนี้ว่า”

“จะไม่เปลี่ยนแปลงอดีต!”

“จะไม่พูดถึงปัจจุบัน!”

“จะไม่หมกมุ่นอยู่กับอนาคต!”

เสียงก้องกังวานและทรงพลังของเพื่อนร่วมทีมดังมาจากช่องสัญญาณร่วมอย่างพร้อมเพรียง

จี้อวี่สือจำคำสาบานนี้ได้ขึ้นใจแล้ว แต่เมื่อต้องสาบานพร้อมกับคนจำนานมากกลับให้ความรู้สึกกดดันและจริงจังกว่าที่ผ่านมาเล็กน้อย

สิบวินาทีสุดท้ายของการนับถอยหลัง

จี้อวี่สือไม่ทันตั้งตัว ฉับพลันเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายก็ทะลุผ่านเข้ามาในหัว ทำเอาเส้นประสาทการได้ยินของเขาชาไปทันที

น้ำเสียงของซ่งฉิงหลานฟังดูผ่อนคลาย “ทุกคนเตรียมพร้อม ผู้พิทักษ์หน่วยเจ็ดแห่งโดมท้องฟ้า ภารกิจระดับ A ครั้งที่สิบสาม ออกปฏิบัติการ!”

เสียงน่าฟังของชายหนุ่มยังคงก้องอยู่ข้างหู

เช่นเดียวกับการเดินทางข้ามเวลาหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา จี้อวี่สือสูดหายใจเข้าลึก ประมาณสองถึงสามวินาทีให้หลัง จู่ ๆ แคปซูลที่แต่เดิมควรจะสงบคงที่กลับสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างแรง

[คำเตือน! คำเตือน! คุณเบี่ยงออกจากพิกัดปลายทาง! คุณเบี่ยงออกจากพิกัดปลายทาง!]

ไฟสัญญาณเตือนในแคปซูลยังคงกะพริบต่อเนื่อง ภาพหลากสีมากมายนับไม่ถ้วนส่องวาบบนหน้าจอโปร่งใสด้านหน้าอย่างรวดเร็ว แสงสีหลายหลากทั้งประหลาดทั้งอัศจรรย์

แสงสีขาวเปล่งประกายวาบขึ้นตรงหน้า

พลันมีเสียงหวีดแหลมดังขึ้นในหู ก่อนความรู้สึกไร้น้ำหนักที่มาพร้อมกับอาการเวียนศีรษะและคลื่นไส้จะเข้าโจมตีอย่างรุนแรงจนเขาแทบหายใจไม่ออก

[ตรวจพบการเดินทางผิดกฎ!] [ตรวจพบการเดินทางผิดกฎ!]

มีปัญหาแล้ว !!

จี้อวี่สือกัดฟัน พยายามกดปุ่มสัญญาณเตือนอยู่หลายครั้ง แต่แคปซูลกลับหมุนคว้างและสั่นอย่างรุนแรง

ท่ามกลางเสียงแจ้งเตือน เขาจำต้องออกแรงทั้งหมดจับที่พักแขนของเก้าอี้นิรภัยไว้ สลักนิรภัยรัดตัวเขาให้อยู่กับที่อย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้เขาถูกเหวี่ยงออกจากที่นั่งแล้วกระแทกกับผนังห้องโดยสารจนหัวร้างข้างแตก

มันกินระยะเวลานานจนอาจจะนานถึงหนึ่งศตวรรษกว่าแคปซูลจะค่อย ๆ สงบและหยุดนิ่ง

เมื่อแคปซูลอยู่ในสภาวะนิ่งสนิทโดยสมบูรณ์ จี้อวี่สือก็รีบคว้าเครื่องดื่มบำรุงที่แขนกลยื่นมาให้แล้วกรอกเข้าไปหลายคำ นานกว่าสิบวินาทีกว่าเขาจะฝืนปรับสภาพกลับมาได้

[??p0754%$#37] [:《“LRR”/’l’89”]

 

บนหน้าจอปรากฏอักขระยุ่งเหยิงที่อ่านไม่เข้าใจ คล้ายกับเครื่องขัดข้องไปแล้วโดยสมบูรณ์

เมื่อไม่มีพิกัดเวลา จี้อวี่สือไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าตอนนี้เขาเดินทางมาถึงปีไหน แล้วกำลังเผชิญกับเหตุการณ์ใด

แต่จากหน้าต่างกระจกของแคปซูลสามารถมองเห็นจุดที่พวกเขาลงจอดได้ว่าเป็นป่าแห่งหนึ่ง เห็นท้องฟ้าสีเทาเข้มผ่านยอดไม้เขียวชอุ่มได้รางๆ

จี้อวี่สือปลดสลักล็อกบนเก้าอี้นิรภัยแล้วก้าวออกจากประตูแคปซูล

“แหวะ”

มีเพื่อนร่วมทีมบางคนอาเจียนพุ่งออกมากลางอากาศ

คนที่เริ่มอาเจียนทันทีที่เดินออกจากแคปซูลคือหลี่ฉุน  เพื่อนร่วมทีมที่อายุน้อยที่สุด เขาเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นผู้พิทักษ์ไม่ถึงหนึ่งปี  ในยามปกติ เขาเป็นเด็กชายตัวใหญ่ที่มีสมรรถภาพทางร่างกายดีมาก แต่มีเพียงปัญหาเดียวเท่านั้นคือ  “เมารถ”

เมื่อได้ยินเสียงเขาอาเจียน  เหล่าเพื่อนร่วมทีมต่างถอยห่างจากอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติราวกับฝึกมาอย่างดี

ซ่งฉิงหลานเองก็ถูกกลิ่นโจมตีจนถอยออกมาสองสามก้าว “ฉันสั่งให้นายไปขึ้นไอ้เครื่องเล่นตุ้มถ่วงยักษ์ให้ครบสิบรอบก่อนถึงจะอนุญาตให้ออกปฏิบัติภารกิจได้ บอกมาตามตรงว่าจริง ๆ แล้วนายนั่งไปกี่รอบ”

หลี่ฉุนยังไม่ทันได้พูดก็อาเจียนออกมาเป็นระลอกที่สอง “สองรอบ…แหวะ”

เพื่อนร่วมทีมพากันตกใจ

“ฟังสิ มันใช่เรื่องที่ควรไหม”

“วันหยุดยาวขนาดนั้น  นายเอาแต่ไปตามจีบสาวเรอะ”

“เครื่องจำลองเอานายไม่อยู่แล้ว นายยังกล้าเมินตุ้มถ่วงยักษ์อีกเหรอ”

ในที่สุดหลี่ฉุนก็หยุดอาเจียน  เขาเอ่ยอย่างหมดเรี่ยวแรง “…ไม่ใช่ พวกพี่ไม่ได้กลิ่นเหรอ ที่นี่กลิ่นเหม็นจะตาย”

ต้วนเหวินบีบจมูกพร้อมกับส่งน้ำที่เปิดฝาแล้วขวดหนึ่งไปให้ “ฉุนเอ๋อร์ ไม่ต้องแก้ตัว ล้างปากก่อน”

หลี่ฉุน “ขอบคุณมากพี่เหวิน…เอ๊ะ ที่ปรึกษาจี้ล่ะ”

แคปซูลของจี้อวี่สืออยู่ใกล้กับแคปซูลหลี่ฉุนที่สุด  ประตูแคปซูลเปิดกว้างทว่าไร้เงาเจ้าของ

ขณะที่ทุกคนเป็นห่วงว่าเขาจะถูกเหวี่ยงไปยังมิติเวลาใดสักแห่งแล้วหรือเปล่านั้น น้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น “ผมอยู่นี่”

ไม่รู้ว่าจี้อวี่สือถอยไปยืนห่างจากหลี่ฉุนถึงสี่ห้าเมตรตั้งแต่เมื่อไหร่  ภายใต้แสงสว่างที่ส่องออกมาจากแคปซูล สามารถมองเห็นแววผิดปกติได้จากใบหน้าขาวเนียนของจี้อวี่สือ

ทุกคน “…”

ต้องไปหลบไกลขนาดนั้นเลยหรือไง

คนทำงานนั่งโต๊ะเป็นพวกรักความสะอาดมากจริง ๆ ด้วยแฮะ

ซ่งฉิงหลานเหลือบมองจี้อวี่สือแวบหนึ่ง ไม่มีเวลาสนใจท่าทีห่างเหินของลูกทีมคนใหม่

ทุกคนประสบเหตุการณ์ทำนองเดียวกันตอนอยู่ในแคปซูล บนหน้าจอโปร่งใสแสดงอักขระยุ่งเหยิง ซ่งฉิงหลานเปิดอุปกรณ์สื่อสารบนข้อมือของตัวเองก็พบว่าเวลาได้ถูกอัปเดตเป็นเวลาปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว :  [1470.8.05 04:41:31]

เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่พิกัดเวลาของภารกิจระดับ A ในครั้งนี้  ยิงกว่านั้นก็ไม่ใช่ช่วงเวลาเดิมของพวกเขาด้วย

การสั่นสะเทือนรุนแรงฉับพลันนั้นมาพร้อมกับข้อความแจ้งเตือนว่า “เดินทางผิดกฎ” ซ่งฉิงหลานตัดสินว่า พวกเขาอาจจะเจอความผิดพลาดบางอย่างเข้าแล้ว—และตั้งแต่ปฏิบัติภารกิจมานี่ยังเป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่เขาเจอเหตุการณ์เช่นนี้

“ต้วนเหวิน” ซ่งฉิงหลานออกคำสั่งเสียงฉะฉาน “ตรวจสอบแผงควบคุมหลัก ดูว่ามีข้อมูลรั่วไหลหรือการโจรกรรมข้อมูลหรือไม่ แล้วติดต่อศูนย์บัญชาการทันที”

“รับทราบ” ต้วนเหวินรีบลงมือแล้วมารายงานด้วยความรวดเร็ว “หัวหน้า ดูเหมือนอุปกรณ์ของพวกเราจะถูกล็อก”

ซ่งฉิงหลานขมวดคิ้ว “ล็อกยังไง”

ต้วนเหวินตอบ “แผงควบคุมหลักขาดการเชื่อมต่อ ติดต่อศูนย์บัญชาการไม่ได้ แคปซูลไม่ทำงาน ดูเหมือนเป็นเพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับสนามแม่เหล็กของที่นี่จะต่างออกไปนิดหน่อย แต่ยังบอกแน่ชัดไม่ได้ บางทีเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับการเดินทางมาเมื่อครู่ ตอนนี้เหลือแค่อุปกรณ์สื่อสารเท่านั้นที่ยังใช้การได้ พวกเราติดแหง็กอยู่ที่นี่แล้ว”

“ฉิบหาย” เมื่อทุกคนได้ฟังเรื่องนี้ก็พากันสบถคำหยาบ

“แล้วเรื่องภารกิจจะทำยังไงกันดี”

“ฉันยังพูดอยู่เลยว่า พรุ่งนี้หลังเสร็จภารกิจจะชวนสาวคนใหม่ไปกินข้าว”

“นายนี่มันฟันแล้วทิ้งไปทั่ว จะพอได้หรือยัง”

ตอนนั้นเองจู่  ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากในป่า

ตีสี่ ใครที่ไหนจะมาอยู่ในป่าลึกอันห่างไกลเช่นนี้

ทุกคนเงียบเสียงลงโดยไม่ต้องให้บอก

ยึดตามหลักการที่ว่า จะให้ผู้คนในพื้นที่พบเห็นนักเดินทางข้ามเวลาไม่ได้  ต้วนเหวินผู้รับหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์จึงปิดแผนที่โฮโลแกรมเรืองแสงทางสายรัดข้อมือทันที และแคปซูลทั้งเจ็ดที่ตั้งอยู่ตรงนั้นก็เข้าสู่สภาวะซ่อนตัวภายใต้การควบคุมของเขาเช่นกัน เป็นการล่องหนอย่างสมบูรณ์

เมื่อลำแสงสุดท้ายหายไป ป่าลึกวังเวงก็ตกอยู่ในความมืดและความเงียบอีกครั้ง จนสามารถได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหล่น

คงจะเดินมาผิดทาง

เมื่อผ่านพ้นวิกฤติ ทุกคนรอผู้บุกรุกจากไปอย่างเงียบ ๆ ราวกับกลุ่มวิญญาณที่อยู่ภายใต้การคุ้มกันของป่าทึบ

ชายจรจัดมองเห็นพวกเขาแล้ว

จู่ ๆ ก็มีบุคคลลึกลับกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในป่าทึบมืดมิดกะทันหัน หากเป็นคนทั่วไปคงจะตกอกตกใจไปแล้ว แต่ชายจรจัดคนนั้นกลับไม่ได้รู้สึกตกใจเลยสักนิด เขาไม่หยุดฝีเท้าด้วยซ้ำ ตรงกันข้าม เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ เขาพลันตะโกนร้องอย่างเสียสติด้วยความตื่นเต้น และกระโจนเข้าหาเร็วขึ้น

หลี่ฉุนยืนอยู่ด้านนอกสุด เขาเพิ่งอาเจียนจนหมดสภาพยังอ่อนแรงเล็กน้อย

กลิ่นเหม็นปะทะจมูก หลี่ฉุนเอ่ยคำผรุสวาทก่อนมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็ว แล้วจับอีกฝ่ายเหวี่ยงลงบนพื้นได้อย่างง่ายดาย

“ฮื่อ !! ฮื่อ !!”

ชายจรจัดส่งเสียงคำรามแปลกประหลาดออกมา และกระโจนเข้ามาอีกครั้งในพริบตา

“อะไรวะเนี่ย!” หลี่ฉุนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังกล้าจู่โจม  รู้สึกถึงเพียงกลิ่นคาวที่ตีวูบขึ้นมา เพิ่งได้กลิ่นเหม็นสุดคลื่นเหียน  เขาก็พลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาตรงหัวไหล่ “เชี่ย!!!”

ชายจรจัดกัดลงมาบนไหล่ของหลี่ฉุนอย่างแรง

“ปั้ก” ชายจรจัดถูกซ่งฉิงหลานเตะออกไปไกลสามสี่เมตร

ต้วนเหวินฉุดหลี่ฉุนขึ้นมา “ฉุนเอ๋อร์! เป็นไงบ้าง”

หลี่ฉุนเจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน  โชคดีที่ชุดสำหรับต่อสู้ของผู้พิทักษ์มีแผ่นสนับไหล่  การกัดนี้จึงทิ้งไว้เพียงรอยฟันเท่านั้น ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงผิวเนื้อ

คนทั่วไปหากถูกลูกเตะนี้ของซ่งฉิงหลานเข้าละก็  เกรงว่าคงจะลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว แต่ชายจรจัดกลับส่งเสียง “ฮื่อๆ” แล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง!

คราวนี้เป้าหมายของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นซ่งฉิงหลาน

เมื่อเผชิญหน้ากับการจู่โจมระลอกใหม่  ซ่งฉิงหลานก็ไม่บุ่มบ่าม ท่ามกลางความมืด ร่างของเขาเหมือนเสือดำกำยำที่มีความชำนาญปราดเปรียว เขาอ้อมไปด้านหลังในพริบตาเดียว แล้ววาดศอกโจมตีอีกฝ่ายกองลงกับพื้นอย่างคล่องแคล่ว เอาชนะได้ราบคาบโดยไร้เสียงใด ๆ

อาจเป็นเพราะการรับมือกับคนธรรมดานั้นง่ายเกินไป  ซ่งฉิงหลานจึงไม่แสดงอาการหอบเลยสักนิด เพียงพยักพเยิดหน้า “ฉุนเอ๋อร์ นี่มันแฟนที่นายเคยคั่วเหรอ ตามมาถึงนี่เลย”

เพื่อนในทีมบางคนหลุดขำ “อุ๊บ”

จี้อวี่สือที่อยู่ข้าง ๆ “…”

หน่วยนี้เหมือนจะต่างจากภาพที่เขาคิดไว้ไปสักหน่อย

หัวหน้าทีมกับลูกทีม ดูไม่เหมือนคนได้เรื่องได้ราวเลยสักคน

หลังจากถูกล้อเลียน  หลี่ฉุนก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำอีก  เขาอดทนต่อกลิ่นเหม็นแล้วคว้าเชือกไปมัด “แฟนที่เขาเคยคั่ว” ไว้แต่โดยดี กรรมตามสนองแท้ ๆ ใครใช้ให้เมื่อครู่เขากลั้นอาเจียนไว้ไม่อยู่ จนเป็นมลพิษต่อโพรงจมูกของเพื่อนร่วมทีมกันเล่า

หลังจากชายจรจัดถูกคุมตัวไว้แล้วก็ยังคงแผดเสียงอย่างบ้าคลั่ง เขาดิ้นราวกับเสียสติ เสียงคำรามแหบแห้งและแปลกประหลาดดังก้องอยู่ในป่าอันเงียบสงบ ฟังดูไม่เหมือนเสียงมนุษย์ แต่เหมือนสัตว์ป่าที่กินคนในภาพยนตร์สยองขวัญเกรดต่ำมากกว่า

ซ่งฉิงหลานสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ก่อนเอ่ยสั้น ๆ “ไฟฉาย”

ทว่าคนที่เข้ามากลับเป็นจี้อวี่สือ

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมกับไฟฉาย ซ่งฉิงหลานถึงนึกได้ว่าที่ปรึกษาพิเศษที่อยู่ในทีมผู้นี้ ความจริงแล้วเป็นผู้สังเกตการณ์ในทีมของเขา

แต่สภาพจิตใจของผู้สังเกตการณ์คนใหม่ไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก เพิ่งเหลือบมองชายจรจัดตรงหน้าได้เพียงครู่เดียวก็ละสายตาออกทันที

มองออกว่าครั้งนี้ที่ปรึกษาจี้ ซึ่งเป็นผู้ดีที่รักสะอาดอยากอาเจียนออกมาจริง ๆ

ซ่งฉิงหลานมองเขา “ทนไหวไหม ถ้าทนไม่ไหวก็เปลี่ยนให้พวกเขามาแทน”

ในความมืด ลำคอขาวผ่องของจี้อวี่สือเกร็งเชิดอย่างดื้อรั้น มองออกว่าเจ้าตัวกำลังฝืน “ผมจะพยายาม”

ซ่งฉิงหลานไม่ออกความเห็นอะไร เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “งั้นคุณก็ต้องอดทน”

ท่ามกลางความมืดมิดทั่วทั้งบริเวณ แสงสว่างจ้าจากไฟฉายทำให้ทุกคนมองเห็นสภาพของชายจรจัดได้อย่างชัดเจน

ใบหน้านั้นซีดเผือด เส้นเลือดสีเขียวคล้ำกระจายคล้ายร่างแหอยู่ทั่วผิวหนัง ลูกนัยน์ตาในเบ้าตาทั้งสองข้างเป็นสีขาวขุ่น  มันล่องลอยไร้การโฟกัส ไม่เหลือเค้าความเป็นมนุษย์อยู่เลย และสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือในช่องปากและบนเสื้อผ้าของชายจรจัดเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงเข้ม หนำซ้ำยังมีเศษเนื้อชิ้นเล็ก ๆ ติดอยู่ด้วย!

ไม่เฉพาะแค่จี้อวี่สือ บรรดาเพื่อนร่วมทีมเองก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป

เศษเนื้อพวกนั้นมีลักษณะเฉพาะที่พอจะมองออกราง ๆ ว่าเป็นเนื้อเยื่อของมนุษย์

หลี่ฉุนผู้มีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดอย่างแรงกล้าเอ่ยเสียงเบา “ฉันบอกพวกพี่แล้วว่า กลิ่นที่นี่มันโคตรเหม็น”

กลิ่นเหม็นคาวมาจากร่างโชกเลือดนี้นั่นเอง

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า