[ทดลองอ่าน] ม่านหมอก (ไร้สิ้นสุด) บทที่ 7

薄雾[无限]
ม่านหมอก (ไร้สิ้นสุด)

微风几许 เวยเฟิงจี๋สวี่ เขียน
ธมน แปล
라일 (Lyle) วาด
Zinlin Xin ไทโป

– โปรย –

ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไฮเปอร์ธีมีเซียจะสามารถจดจำทุกรายละเอียดในชีวิตได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่จุดเปลี่ยนของโลกไปจนถึงทุกความคิดเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในหัว
ความจำอันดีเยี่ยมและความกระหายในความรู้ของพวกเขา
ทำให้พวกเขากลายเป็นอัจฉริยะในแง่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
ว่ากันว่า ‘จี้อวี่สือ’ คืออัจฉริยะอย่างที่กล่าวมา แถมยังหน้าตางดงามมากเสียด้วย
และข่าวที่ว่าเขาจะไปช่วยงานหน่วยเจ็ดแห่งโดมท้องฟ้าก็แพร่สะพัดไปทั่ว

ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่า ‘ซ่งฉิงหลาน’ ผู้เป็นหัวหน้าของหน่วยเจ็ดนั้นเก่งกาจมากความสามารถ และมีบุคลิกดุดัน
เขาใช้ความสามารถอันเหนือชั้นของตัวเองจนกลายเป็นม้ามืดแห่งสนามรบได้ภายในสองปี

และเขายังเกลียดพวกไม้ประดับที่โดนเบื้องบนยัดเข้ามาในทีมเขาเป็นที่สุด

แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อทราบข่าวเรื่องการมาของจี้อวี่สือ ซ่งฉิงหลานแสดงความเห็นต่อหน้าทุกคนว่า
“มาแล้วช่วยอะไรได้ พวกเราจะออกไปเสี่ยงตาย
ไม่ได้ต้องการอัจฉริยะที่อ่านหนังสือเร็วแบบควอนตัมได้!”

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

 

“ทุกคนเตรียมพร้อม ผู้พิทักษ์หน่วยเจ็ดแห่งโดมท้องฟ้า ภารกิจระดับ A ครั้งที่สิบสาม ออกปฏิบัติการ!”

เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายลอยผ่านหู

ส่งผ่านเข้ามาในสมองอย่างชัดเจน ทำเอาเส้นประสาทการได้ยินชาวาบ

[คำเตือน! คำเตือน! คุณเบี่ยงออกจากพิกัดปลายทาง! คุณเบี่ยงออกจากพิกัดปลายทาง!]

ไฟแจ้งเตือนสีแดงในแคปซูลกะพริบถี่รัว ภาพพิลึกกึกกือมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนหน้าจอโปร่งใส ก่อนแสงสีขาวจะสว่างวาบขึ้นตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีเสียงหวีดแหลมดังขึ้น

[ตรวจพบการเดินทางผิดกฎ!] [ตรวจพบการเดินทางผิดกฎ!]

มีบางอย่างผิดพลาด!!

จี้อวี่สือกัดฟันพยายามไปกดปุ่มสัญญาณเตือน แต่จู่ ๆ แคปซูลก็เกิดหมุนคว้าง เขาจำต้องออกแรงทั้งหมดคว้าที่พักแขนของเก้าอี้นิรภัยไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเหวี่ยงออกจากที่นั่งแล้วไปกระแทกจนหัวร้างข้างแตก

หลังจากการสั่นสะเทือนอันยาวนานผ่านพ้นไป วินาทีที่แคปซูลกลับมาสงบ จี้อวี่สือก็คว้าเครื่องดื่มบำรุงที่แขนกลส่งมาให้แล้วกรอกเข้าปากไปหลายอึก เขาใช้เวลาปรับสภาพอยู่สิบกว่าวินาทีเต็ม ๆ

เดี๋ยวก่อนนะ…

ทำไมเหตุการณ์นี้…เหมือนเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

อย่างกับว่าเขาเคยผ่านมันมาครั้งหนึ่งแล้วอย่างไรอย่างนั้น

แต่ความรู้สึกนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว จี้อวี่สือยังไม่ทันคว้าเศษเสี้ยวของมันไว้ มันก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว

[??p0754%$#37] [:《“LRR”/’l’89”]

บนหน้าจอใสปรากฏสัญลักษณ์ยุ่งเหยิง เครื่องขัดข้องโดยสมบูรณ์

เสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมทีมดังมาจากด้านนอกแคปซูล

จี้อวี่สือก้าวออกจากแคปซูลก็พบว่าจุดที่พวกเขามาถึงนั้นเป็นป่าแห่งหนึ่ง ท้องฟ้าสีเทาเข้ม ป่ามืดทึบเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ นอกจากแสงไฟที่กะพริบจากแคปซูลทั้งเจ็ดลำแล้วก็ไม่มีแสงอื่นใดอีก ห่างไกลและเงียบสงัด

เพื่อนในทีมกำลังตำหนิอะไรบางอย่าง

เสียงของซ่งฉิงหลานดังมาให้ได้ยิน “ฉันสั่งให้นายไปขึ้นไอ้เครื่องเล่นตุ้มถ่วงยักษ์ให้ครบสิบรอบก่อนถึงจะอนุญาตให้ออกปฏิบัติภารกิจได้ บอกมาตามตรงว่าจริง ๆ แล้วนายนั่งไปกี่รอบ”

เสียงของใครอีกคนฟังดูทรมานเล็กน้อย “สองรอบ…แหวะ—”

ที่แท้ก็มีคนอ้วกนี่เอง

จี้อวี่สือ “…”

อาศัยแสงสว่างจากแคปซูล เขาถึงระบุได้ว่าคนที่กำลังอาเจียนอยู่นั้นคือหลี่ฉุนที่อยู่แคปซูลถัดไปจากตัวเอง ยิ่งกว่านั้นมวลสารเลือนรางบางส่วนยังสาดกระเซ็นไปบนแคปซูลของเขาอีกด้วย

จี้อวี่สือกลั้นหายใจในพริบตาพลางถอยหลังไปหลายก้าว

รู้สึกอยากอาเจียนออกมาเหมือนกัน

เพื่อนร่วมทีมยังคงติเตียนหลี่ฉุนต่อไป จี้อวี่สือรับลมเย็น ๆ อยากจะรอให้กลิ่นจางหายไป และรอให้การต่อว่าของพวกเขาจบลงเช่นกัน

ดูเหมือนในที่สุดหลี่ฉุนก็หยุดอาเจียน เสียงของเขาอ่อนแรง “…ไม่ใช่ พวกพี่ไม่ได้กลิ่นเหรอ ที่นี่กลิ่นเหม็นจะตาย”

ใครบางคนเอ่ยขึ้น “ฉุนเอ๋อร์ ไม่ต้องแก้ตัว รีบไปล้างปาก”

“ขอบคุณมากพี่เหวิน…เอ๊ะ? ที่ปรึกษาจี้ล่ะ”

ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกจากปากของหลี่ฉุน จี้อวี่สือก็ขานรับโดยไม่รู้ตัว “ผมอยู่นี่”

ตอบเร็วจนเหมือนกับว่าเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลี่ฉุนจะถามเช่นนี้

จี้อวี่สือ “…”

ความรู้สึกเดจาวู[1]ที่หายไปแล้วก่อนหน้านี้ย้อนกลับมาอีกครั้ง

ซ่งฉิงหลานคล้ายเหลือบมองมาทางเขาแวบหนึ่งด้วยท่าทีเย็นชาก่อนจะก้มหน้าดูอุปกรณ์สื่อสาร

จี้อวี่สือเลยดูอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองด้วยเช่นกัน

[1470.8.05 04:41:31]

นี่ไม่ใช่พิกัดเวลาที่พวกเขาควรจะมา

ซ่งฉิงหลานเองก็คงรู้ถึงเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน จึงได้ยินเขาออกคำสั่ง “ต้วนเหวิน ตรวจสอบแผงควบคุมหลัก ดูว่ามีข้อมูลรั่วไหลหรือการโจรกรรมข้อมูลหรือไม่ แล้วติดต่อศูนย์บัญชาการทันที”

“รับทราบ” ต้วนเหวินรายงาน “หัวหน้า ดูเหมือนอุปกรณ์ของพวกเราจะถูกล็อก”

จี้อวี่สือเดินเข้าไป

อุปกรณ์ถูกล็อก?

รูปหน้าด้านข้างของซ่งฉิงหลานนั้นแสนดูดี หัวคิ้วเขาขมวดเป็นปม “ล็อกยังไง”

ต้วนเหวินเอ่ย “แผงควบคุมหลักขาดการเชื่อมต่อ ติดต่อศูนย์บัญชาการไม่ได้ แคปซูลไม่ทำงาน ดูเหมือนเป็นเพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสนามแม่เหล็กของที่นี่จะต่างออกไปนิดหน่อย แต่ยังบอกแน่ชัดไม่ได้ บางทีเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับการเดินทางมาเมื่อครู่ ตอนนี้เหลือแค่อุปกรณ์สื่อสารเท่านั้นที่ยังใช้การได้ พวกเราติดแหง็กอยู่ที่นี่แล้ว”

สมาชิกในทีมที่อยู่รอบ ๆ ต่างตั้งใจฟัง เมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็พากันสบถว่า “ฉิบหาย”

“แล้วเรื่องภารกิจจะทำยังไงกันดี”

“ฉันยังพูดอยู่เลยว่าพรุ่งนี้หลังเสร็จภารกิจจะชวนสาวคนใหม่ไปกินข้าว”

“นายนี่มันฟันแล้วทิ้งไปทั่ว จะพอได้หรือยัง”

พอสิ้นเสียง จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากในป่า

การปฏิบัติการของผู้พิทักษ์เป็นไปตามหลักการไม่ทำตัวให้เป็นจุดเด่น ยามไม่จำเป็นก็ห้ามให้คนในพื้นที่ที่อยู่ในช่วงเวลานั้นล่วงรู้ตัวตนเด็ดขาด ดังนั้นทุกคนจึงพร้อมใจกันเงียบเสียง

ต้วนเหวินซึ่งรับหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ตอบสนองอย่างฉับไว เขาปิดแคปซูลที่เรืองแสงพร้อมกับปรับให้อยู่ในโหมดซ่อนตัว

ทุกคนยืนกันเงียบ ๆ อยู่ในป่า ไม่ขยับเขยื้อน

พร้อม ๆ กับเสียงฝีเท้าอลหม่านที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทันใดนั้นจี้อวี่สือก็เกิดลางสังหรณ์รุนแรง…ดังคาด เมื่อเขาปรับตัวเข้ากับความมืดได้แล้ว ก็ระบุได้อย่างชัดเจนว่าผู้ที่มาใหม่เป็นชายจรจัดสภาพเลอะเทอะ

“ฮื่อ ฮื่อ—”

ชายจรจัดกระโจนเข้าหาหลี่ฉุน ทว่าถูกหลี่ฉุนเหวี่ยงลงบนพื้นก่อนที่จะพุ่งเข้ามาอีกครั้ง

“อะไรวะเนี่ย!” หลี่ฉุนถูกกระโจนใส่จนล้มโดยไม่ทันตั้งรับ เขาร้องเสียงแหลม “เชี่ย!!!”

ชายจรจัดคนนั้นกัดเข้าที่ไหล่ของหลี่ฉุนอย่างแรง !

ซ่งฉิงหลานใช้เท้าข้างหนึ่งถีบชายจรจัดออกไปไกลสามถึงสี่เมตรจนเกิดเสียงดัง “ปั้ก”

ต้วนเหวินฉุดหลี่ฉุนขึ้นมาแล้วเอ่ยอย่างร้อนใจ “ฉุนเอ๋อร์! เป็นไงบ้าง”

ชุดปฏิบัติการมีแผ่นสนับไหล่ หลี่ฉุนเจ็บจนแยกเขี้ยวเห็นฟันที่ขบกัน โชคดีมากที่การถูกกัดในครั้งนี้เหลือทิ้งไว้แต่เพียงรอยฟันเท่านั้น เจ้าตัวไม่ได้รับบาดเจ็บอื่นใด

ในความมืด ซ่งฉิงหลานปราบชายจรจัดได้สบาย ๆ ก่อนพยักพเยิดไปทางหลี่ฉุน “ฉุนเอ๋อร์ นี่มันแฟนที่นายเคยคั่วหรือไง ตามมาถึงนี่เลย”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนของบรรดาเพื่อนร่วมทีม จี้อวี่สือดูเงียบผิดปกติ เขายืนอยู่ด้านข้าง คล้ายกับ…กำลังใจลอย

เมื่อได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง หลี่ฉุนก็จับชายจรจัดคนนั้นมัดไว้กับต้นไม้เรียบร้อยแล้ว

จี้อวี่สือจึงเปิดไฟฉายแล้วเดินไปหาชายจรจัดโดยไม่ปรึกษาใคร

ภายใต้แสงสว่างจ้าจากไฟฉาย ปรากฏลูกตาสีขาวขุ่นทั้งยังขุ่นมัว ผิวซีดขาวที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีเขียวโยงใยคล้ายร่างแห รวมไปถึงร่างกายที่มีแต่คราบเลือดสีแดงเข้มและเศษเนื้อชิ้นเล็ก ๆ ส่งกลิ่นเหม็นคาวรุนแรงชวนคลื่นเหียน

“ฮื่อ—” ลักษณะของชายจรจัดแทบจะไม่เหมือนมนุษย์ อีกทั้งยังอ้าปากกว้างและพยายามกัดคนที่อยู่รอบ ๆ พร้อมกับดีดดิ้นด้วยความคลั่ง

เหล่าเพื่อนร่วมทีมมีสีหน้าแตกต่างกันไป

ภาพตรงหน้านี้เข้าจู่โจมอย่างแรง ทว่าจี้อวี่สือกลับมองตาไม่กะพริบ คล้ายกับว่าไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย

ทุกคนได้ยินหลี่ฉุนพูดขึ้นเสียงเบา “ผมบอกพวกพี่แล้วว่ากลิ่นที่นี่โคตรเหม็น”

ซ่งฉิงหลานนิ่วหน้า หลังจากสำรวจชายจรจัดครู่หนึ่งถึงได้ปิดไฟฉายแล้วเอ่ยบอก “ให้ตายสิ ก่อนออกจากบ้านน่าจะดูปฏิทินสักหน่อย ดันทำลายสถิติผู้พิทักษ์ที่ถูกคนพื้นที่พบเห็นเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ไปซะได้ กลับไปห้ามรายงานใครทั้งนั้น ถ้าโดนหักคะแนนละก็ ไอ้พวกเวรหน่วยเก้านั่นได้แซงหน้าพวกเราแน่”

เขาลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยอีกครั้ง “ทิ้งเขาไว้แถวนี้ก่อน ต้องมีคนมาเจอเขาแล้วแจ้งตำรวจแน่ มืดตื๋อจนมองไม่เห็นอะไรเลย พวกเราต้องออกไปแล้วหาทางติดต่อกับโดมท้องฟ้าในมิติเวลานี้ ตอนออกไปก็คอยสังเกตสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ด้วย ยกระดับการระวังตัว เป็นไปได้ว่าจะต้องผ่านจุดเกิดเหตุฆาตกรรม”

ทุกคน  “รับทราบ!”

ท่าทางของทุกคนตอนติดอาวุธเป็นไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว

เพียงไม่นานก็ถึงตาจี้อวี่สือเลือกอาวุธ เขาเลือกปืนพกกระบอกหนึ่งที่เคยใช้ในห้องฝึกซ้อมช่วงหลายวันมานี้

ซ่งฉิงหลานยืนข้างกายเขาแล้วพูดชื่อของปืนกระบอกนั้น “ไดมอนด์เบิร์ด”

ผู้ชายคนนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกตอนไม่ยิ้มดูดุดัน ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามยากจะมองข้าม

เมื่อถูกมองลงมาจากมุมสูงเช่นนี้ จี้อวี่สือต่อคำพูดของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว “ออกแบบตามสไตล์ PPK ในศตวรรษก่อน ทั้งฮิตเลอร์ ทั้งบอนด์ต่างก็เคยใช้กันทั้งนั้น”

ซ่งฉิงหลานคงคิดจะพูดอย่างนี้พอดี หลังจากถูกอีกฝ่ายชิงพูดเสียก่อนจึงเลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมเผยให้เห็นท่าทีไม่ยอมใคร “ที่ปรึกษาจี้ คุณโบราณมาก”

จี้อวี่สืองุนงงเล็กน้อย “…”

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

คำพูดของซ่งฉิงหลานขัดจังหวะความคิดแปลกๆ ของเขา “สถานการณ์แบบนี้ถ้าเป็นผม ผมจะพยายามเลือกอาวุธที่สามารถปกป้องตัวเองได้ดีกว่านี้”

จี้อวี่สืออดเงยหน้ามองอีกฝ่ายไม่ได้

“คำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ” ซ่งฉิงหลานเลิกคิ้วแล้วเลือกอาวุธโดยไม่สนใจ “แต่ก็นะ เหมาะกับคุณดี”

ซ่งฉิงหลานเลือกมีดพกทหารสองเล่ม จี้อวี่สือมองอีกฝ่ายเสียบมีดพกเข้าไปในแถบรัดบนหน้าแข้ง จากนั้นก็มองเจ้าตัวเลือกอาวุธไปตามลำดับที่ตัวเองนึกภาพไว้ตั้งแต่ถุงมือหนึ่งคู่ กรงเล็บเหล็กหนึ่งคู่ ปิดท้ายด้วยการเลือกปืนลูกซองหนึ่งกระบอก

“เสินเหมียน?” จี้อวี่สือขยับริมฝีปาก

ไม่ว่าจะเคยอยู่ในกองกำลังหรือไม่ การรู้จักอาวุธสังหารเลื่องชื่อก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

ซ่งฉิงหลาน “ใช่ เหมาะกับผม”

ก่อนออกเดินทาง จู่ ๆ ซ่งฉิงหลานก็หันกลับมา “ใช้อาวุธเมื่อควรใช้ รู้ไหมว่าต้องทำยังไงถ้าเกิดถูกคนพื้นที่เห็นว่าคุณพกอาวุธ”

ภายใต้การจ้องมองจากนัยน์ตาสีดำคู่นั้น สามารถมองเห็นแววเหน็บแนมอยู่ภายในได้ไม่ยาก

เหมือนกำลังสื่อว่า คนอย่างนายไม่เหมือนตำรวจ

จี้อวี่สือต่อคำพูดของอีกฝ่าย “แค่บอกว่าผมเป็นตำรวจไง”

หลังเดินออกจากป่าทึบ จี้อวี่สือพบว่าที่นี่เป็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง

ระหว่างทาง พวกเขาเห็นร่างไร้ชีวิตครึ่งท่อนที่ผ่านการกัดกินอยู่บนถนนสายหลัก ดูเหมือนจะมีคำอธิบายสำหรับเศษเนื้อและรอยเลือดบนร่างของชายจรจัดแล้ว

สวนสาธารณะแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด ทว่าภายในสวนช่วงเวลาตีห้ากลับร้างไร้ผู้คน นอกจากเศษขยะปลิวว่อนไร้คนเก็บกวาดกับรอยเลือดสีแดงเข้มที่พบเห็นเป็นระยะ ๆ ระหว่างทาง พวกเขาก็ไม่พบใครเลยสักคน อาคารสูงที่ตั้งอยู่รอบสวนสาธารณะก็ไร้แสงไฟเช่นกัน ทั้งเมืองเงียบสงัดราวกับป่าช้า

ภายใต้บรรยากาศลึกลับ สวนสาธารณะอึมครึม ทุกคนเข้าแถวเรียงหนึ่ง

“หัวหน้าซ่ง สิบเอ็ดนาฬิกา ที่ทำการอุทยาน”

คล้ายกับกังวลอะไรบางอย่าง จู่ ๆ จี้อวี่สือก็เอ่ยเสียงเบาขึ้นมาเช่นนั้น

จี้อวี่สือเงียบมาตลอดทาง ซ่งฉิงหลานมองไปตามทิศที่อีกฝ่ายบอก

จี้อวี่สือเตรียมจะพูดต่อว่า “เหมือนจะมีแสงจากข้างใน” แต่ซ่งฉิงหลานกลับพยักพเยิดหน้าแล้วพูดว่า “แยกย้ายกันไปข้างหน้า ลองไปดูก่อน”

สมาชิกในทีมกระจายตัวออกไปตามคำสั่ง

บนถนนสายหลักเลยเหลือแค่จี้อวี่สือกับซ่งฉิงหลานเพียงสองคน

ลมยามเช้าระลอกหนึ่งพัดผ่านมาทำให้เส้นผมของซ่งฉิงหลานตกลงมาปรกหน้าผากเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำที่ดูฉลาดและดื้อรั้นในยามปกติหรี่ลง

จี้อวี่สือกังวลเล็กน้อย อาการเดจาวูรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หรือว่าซ่งฉิงหลานเองก็…

เขาหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น

แต่ซ่งฉิงหลานเพียงแค่ถามโดยไม่อ้อมค้อม “ที่ปรึกษาจี้ คุณรับแรงกดดันได้มากแค่ไหน”

จี้อวี่สือ “…”

เขาหน้าเผือดสีในทันที หัวใจเต้นโครมคราม ราวกับกำลังเผชิญฝันร้าย คล้ายกับถูกขังอยู่ในตาข่ายที่เหมือนบาเรียเวทมนตร์อันหนักอึ้งจนดึงตัวเองขึ้นมาไม่ได้

ทว่าไม่ใช่เพราะซ่งฉิงหลานถามคำถามนี้

ใบหน้าของจี้อวี่สือดูสงบนิ่ง แต่ไม่มีใครรู้ว่าฝ่ามือของเขามีเหงื่อเย็น ๆ ผุดซึม เขาได้ยินตัวเองตอบว่า “อาจไม่เท่าไหร่”

ทำไมหัวหน้าซ่งที่ตัดสินคนจากรูปร่างหน้าตาถึงได้เริ่มใส่ใจเขาล่ะ

หรือนี่คือการปฏิบัติต่อเด็กใหม่

ซ่งฉิงหลานเงยหน้ามองตึกสูงเงียบสงัดที่อยู่รอบ ๆ ครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “การติดอยู่ที่นี่ในครั้งนี้ ไม่รู้ว่านานเท่าไรถึงจะได้กลับไป เกรงว่าคนที่บ้านคุณคนนั้นคงจะรอจนร้อนใจแย่แล้ว แต่ผมหวังว่าคุณจะปรับตัว”

จี้อวี่สือถาม “หัวหน้าซ่ง เวลาทำภารกิจ คุณพูดคุยกับเด็กใหม่เป็นพิเศษแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ”

และซ่งหลานก็ไม่คิดจะตอบตามมารยาท “เปล่า”

ที่แท้ก็เป็นการเตือนเป็นพิเศษให้ “ไม้ประดับ” ได้เตรียมใจล่วงหน้า

จี้อวี่สือ “…ผมเข้าใจแล้ว”

หลังจากซ่งฉิงหลานผละไป

จี้อวี่สือยืนอยู่ที่เดิมนานหลายวินาที หวังจะรอให้ความรู้สึกหนาวเยือกบนร่างจางหายไป

อย่างไรก็ตาม เสียงอื้ออึงมากมายยังคงดังอยู่ข้างหูของเขา หัวใจเต้นเร็วจนแทบกระดอนออกมาจากลำคอ ยากที่จะสงบจิตสงบใจลงได้ในช่วงเวลาอันสั้น

“เจี๋ยนเจี่ยน เธอต้องตื่นขึ้นมา…เธอต้องสู้ อย่าถูกมันเอาตัวไป”

“เลิกคิด ! เลิกคิด ! เจี๋ยนเจี่ยน เธอดูที่นี่สิ ข้าวของที่นี่มีแต่ของใหม่ พวกมันไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน เธอลองดูสิ !”

“จี้อวี่สือ ครั้งนี้เธอสอบไม่ผ่านทั้งการสอบแผนภาพและการทดสอบทางจิตวิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลคะแนนการทดสอบทางจิตวิทยาของเธอต่ำจนน่ากลัว ยิ่งทำยิ่งแย่!”

“จี้อวี่สือ! ร่าเริงหน่อย! นายต้องรู้จักแยกแยะความทรงจำในหัวที่มากเกินไป! ไม่งั้นนายก็อยู่ห่างจากคำว่าบ้าแค่นิดเดียว!”

“เจี๋ยนเจี่ยน เธอต้องแยกความแตกต่างระหว่างความเป็นจริงกับความทรงจำให้ชัดเจนนะ ความทรงจำที่ทับซ้อนมันไม่ส่งผลดีอะไรกับเธอเลย”

ที่ทำการอุทยาน

จี้อวี่สือมาถึงเป็นคนสุดท้าย

ทังเล่อกำลังรายงาน “หัวหน้า! พบศพอยู่ในห้องน้ำ!”

ซ่งฉิงหลานเจออุปกรณ์สื่อสารเครื่องหนึ่งซึ่งปิดเครื่องไว้ เขากำลังกดไปกดมาก็ได้ยินเสียงรายงานจึงวางมันลงแล้วมุ่งหน้าไปห้องน้ำเพื่อตรวจสอบ

พวกเขาพลิกศพขึ้น ท่ามกลางกลิ่นเหม็นของเนื้อที่เน่าเปื่อย ซ่งฉิงหลานใช้มีดพับทหารเปิดเปลือกตาที่ปิดแน่นของศพขึ้น—การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของศพนี้เหมือนกับชายจรจัดที่พวกเขาเจอในป่าไม่ผิดเพี้ยน ทุกคนเริ่มแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ ไม่มีใครสนใจจี้อวี่สือที่เพียงแต่ยืนมองอยู่ตรงประตูครู่หนึ่งก็ผละออกไปเงียบ ๆ

ภาพภายในสำนักงานของเจ้าหน้าที่สั่นไหวอยู่ตรงหน้า จี้อวี่สือมองข้ามโต๊ะที่มีข้าวของวางระเกะระกะ ไม่สนใจกุญแจ หนังสือพิมพ์หรือใบลงทะเบียน สายตาของเขาจับจ้องไปยังเครื่องมือสื่อสารจอดำเครื่องนั้น

คล้ายกับได้รับการชี้นำบางอย่าง จี้อวี่สือเปิดลิ้นชักแล้วเจอพอร์ตชาร์จของเครื่องมือสื่อสารอยู่ด้านใน

อุปกรณ์สื่อสารที่ปิดเครื่องอยู่ถูกเปิดขึ้นมา

จี้อวี่สือเลื่อนดูแค่หนึ่งถึงสองนาทีก็วางมันลงทันที!

เขากวาดสายตาไปในสำนักงานอย่างรวดเร็วก็เจอน้ำแร่ลังหนึ่งวางอยู่ตรงมุม

“เป็นอะไร”

ซ่งฉิงหลานและสมาชิกในทีมกลับมาที่ห้องทำงานและบังเอิญเห็นภาพนี้เข้าพอดี

จี้อวี่สือถือน้ำแร่ขวดหนึ่งไว้ในมือ ใบหน้าซีดขาว แพขนตาสีดำเข้มทอดเงาลงบนเปลือกตา ทั้งร่างสั่นเทาเล็กน้อยอย่างยากจะสังเกตเห็น คล้ายกำลังอดกลั้นต่อความรู้สึกไม่ดีบางอย่าง

หารู้ไม่ว่าท่าทางเช่นนี้ของเขาเหมือนกับเครื่องลายครามชิ้นหนึ่งซึ่งเปราะบางยิ่งนัก เพียงแค่แตะเบา ๆ ก็พร้อมจะแตกสลาย

ต่อหน้าทุกคน จี้อวี่สือยื่นน้ำแร่ให้ซ่งฉิงหลานโดยไม่ได้คิดอะไรมาก แววตาใสแจ๋ว “หัวหน้าซ่ง ช่วยหน่อยได้ไหม ผมรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย”

เขาเหมือนยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง

และไม้ประดับก็ต้องการการปกป้อง

ทุกคน “…”

ฉิบหาย

เกรงว่าหญ้าบนหลุมศพของเกย์คนก่อนที่ทำแบบนี้ต่อหน้าซ่งฉิงหลานน่าจะเริ่มแตกยอดแล้วกระมัง

แค่ฝาขวดน้ำยังเปิดไม่ได้ ผู้ชายประสาอะไร!

โดยไม่มีใครคาดคิด  ซ่งฉิงหลานเพียงแต่มองอีกฝ่ายอยู่สองวินาทีด้วยแววตาสงบนิ่ง ก่อนจะคลายเกลียวฝาขวดแล้วส่งคืนให้ “เจออะไรไหม”

จี้อวี่สือจิบน้ำแล้วกลืนเม็ดยาที่อยู่ในปากลงไป

“ผมเจอพอร์ตชาร์จอุปกรณ์สื่อสารของเจ้าหน้าที่ในลิ้นชัก แล้วก็เจอคลิปบางอย่าง”

 

[1] ความรู้สึกราวกับว่าเคยอยู่ในเหตุการณ์ สถานที่ หรือเคยมีบทสนทนาเกิดขึ้นแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ เป็นครั้งแรก

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า