[ทดลองอ่าน] ม่านหมอก (ไร้สิ้นสุด) บทที่ 8

薄雾[无限]
ม่านหมอก (ไร้สิ้นสุด)

微风几许 เวยเฟิงจี๋สวี่ เขียน
ธมน แปล
라일 (Lyle) วาด
Zinlin Xin ไทโป

– โปรย –

ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไฮเปอร์ธีมีเซียจะสามารถจดจำทุกรายละเอียดในชีวิตได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่จุดเปลี่ยนของโลกไปจนถึงทุกความคิดเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในหัว
ความจำอันดีเยี่ยมและความกระหายในความรู้ของพวกเขา
ทำให้พวกเขากลายเป็นอัจฉริยะในแง่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
ว่ากันว่า ‘จี้อวี่สือ’ คืออัจฉริยะอย่างที่กล่าวมา แถมยังหน้าตางดงามมากเสียด้วย
และข่าวที่ว่าเขาจะไปช่วยงานหน่วยเจ็ดแห่งโดมท้องฟ้าก็แพร่สะพัดไปทั่ว

ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่า ‘ซ่งฉิงหลาน’ ผู้เป็นหัวหน้าของหน่วยเจ็ดนั้นเก่งกาจมากความสามารถ และมีบุคลิกดุดัน
เขาใช้ความสามารถอันเหนือชั้นของตัวเองจนกลายเป็นม้ามืดแห่งสนามรบได้ภายในสองปี

และเขายังเกลียดพวกไม้ประดับที่โดนเบื้องบนยัดเข้ามาในทีมเขาเป็นที่สุด

แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อทราบข่าวเรื่องการมาของจี้อวี่สือ ซ่งฉิงหลานแสดงความเห็นต่อหน้าทุกคนว่า
“มาแล้วช่วยอะไรได้ พวกเราจะออกไปเสี่ยงตาย
ไม่ได้ต้องการอัจฉริยะที่อ่านหนังสือเร็วแบบควอนตัมได้!”

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

 

จี้อวี่สือเปิดคลิปวิดีโอที่เจอในเครื่องมือสื่อสาร ทำเอาทุกคนกลัวจนสั่นสะท้าน

ผู้ชายที่อยู่ในคลิปแสดงอาการเดียวกับชายจรจัดและเจ้าหน้าที่—ลูกตาสีขาวขุ่น ผิวซีดขาวที่มีเส้นเลือดสีเขียวกระจายไปทั่ว กำลังร้องเอ็ดตะโรหวังจะขย้ำภรรยาของตัวเอง

“คลิปนี้ถูกถ่ายเมื่อหนึ่งเดือนก่อน”

เทียบกับความตื่นตระหนกที่คนอื่นแสดงออกมา น้ำเสียงของจี้อวี่สือฟังดูใจเย็นมาก

ท่าทางของเขาดูกล้าหาญและเป็นผู้ใหญ่ ราวกับว่าคนที่เปิดไม่ได้แม้กระทั่งฝาขวดน้ำเมื่อครู่ไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้น

“ซอมบี้!!”

“ถ้าเป็นซอมบี้จริง ๆ งั้นด้านนอกต้องมีแบบนี้อยู่อีกแน่!”

“เวรเอ๊ย มินาล่ะที่นี่ถึงได้แปลกขนาดนี้!”

“นี่เป็นคลิปตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว!”

บทสนทนาที่เหมือนเคยได้ยินมาก่อนดังขึ้นในสำนักงาน

ท่ามกลางการถกเถียงของเพื่อนร่วมทีม จี้อวี่สือเพียงแต่ดื่มน้ำอยู่เงียบ ๆ ความรู้สึกอ่อนแรงอันน่ากลัวถึงได้ค่อย ๆ หายไป เขาเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ “อุปกรณ์สื่อสารไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่เมื่อกี้ผมเพิ่งได้รับข้อความใหม่ที่น่าจะส่งถึงพวกเรา”

“ข้อความอยู่ในอุปกรณ์สื่อสารของผู้ตาย แต่กลับจะส่งถึงพวกเราเนี่ยนะ”

“ใช่”

“เปิดดู”

ซ่งฉิงหลานเอ่ย

จี้อวี่สือเอาข้อความขึ้นฉาย

[ยินดีต้อนรับเหล่าผู้ทักษ์จากศักราชซิงหยวน ปี 1456 สู่ PU-31] [การเดินทางครั้งนี้ถูกล็อกไว้แล้วและจะปลดล็อกหลังจากภารกิจสำเร็จ] [โหมดภารกิจ : อูโรโบรอส] [กฎของภารกิจ : ตายคัดออก]

ตอนนั้นเองที่ทังเล่อตะโกนขึ้นมา “พวกนายดูนั่น!!”

จู่ ๆ ด้านนอกหน้าต่างก็มีกำแพงสีดำทะมึนผุดขึ้นมาจากพื้นจรดท้องฟ้าและขยายยาวไปตลอดทางที่พวกเขาเพิ่งมา

“ติ๊ด—” เครื่องมือสื่อสารแสดงการแจ้งเตือนบรรทัดสุดท้าย

[วัตถุประสงค์ของภารกิจ : ผู้ไล่ล่าความมืด]

ทุกคนตกตะลึงอย่างต่อเนื่่อง

ท่ามกลางเสียงแย่งกันพูดจนฟังไม่รู้เรื่อง ซ่งฉิงหลานเจอไม้กวาดด้ามหนึ่ง เขาใช้มันจิ้มเข้าไปในกำแพงสีดำ เมื่อดึงออกมา ส่วนของไม้กวาดที่ยื่นเข้าไปในกำแพงนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หน้าตัดเรียบกริบ มันถูกกำแพงสีดำ “กิน” เข้าไปโดยสมบูรณ์

“เมื่อกี้กฎของภารกิจบอกไว้ว่ายังไง”

“ตาย ตายคัดออก” ใครบางคนเอ่ยตอบ

“รู้ก็ดีแล้ว” ซ่งฉิงหลานเอ่ยถ้อยคำจริงจัง “ถืออาวุธของตัวเองให้ดี และจะดีที่สุดถ้าไม่มีใครตาย ถึงยังไงก็กลับไปไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าไอ้ PU-31 นี่คืออะไร พวกเราจะไปเจอมันสักตั้ง”

 

“ที่ปรึกษาจี้เป็นอะไรไป”

ต้วนเหวินหันกลับไปมองจี้อวี่สือครู่หนึ่ง อีกฝ่ายเดินมากึ่งกลางทีมแล้ว รูปร่างสูงโปร่ง แผ่นหลังเหยียดตรง ดูเงียบขรึมเป็นอย่างยิ่ง มองไม่เห็นท่าทางหวาดกลัวซากศพเน่าเปื่อยเหมือนตอนอยู่ในที่ทำการเมื่อครู่เลยแม้แต่นิดเดียว

ในช่องสัญญาณส่วนตัว ซ่งฉิงหลานตอบส่ง ๆ “นายลองไปถามดูไหมล่ะ”

ต้วนเหวินส่งเสียง “เฮ้อ” แล้วเอ่ย “ช่างเหอะ ถ้าเกิดเขาให้ฉันเปิดฝาขวดให้ล่ะ”

น้ำเสียงของซ่งฉิงหลานฟังดูลุ่มลึกขึ้นเล็กน้อย “แล้ว…​ ”

กระตุกหนวดเสือเข้าให้แล้ว ต้วนเหวินไม่กล้าเย้าแหย่หัวหน้าหน่วยอีกต่อไป “ฉัน ฉันก็จะช่วยเปิดให้ไง การช่วยเพื่อนร่วมทีมเป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้วนี่”

ซ่งฉิงหลานตำหนิ “พูดจาเพ้อเจ้อให้น้อย ๆ หน่อย”

ต้วนเหวินเอ่ย​ “ความจริงฉันก็แค่หวังว่าเราจะเป็นมิตรกันมากขึ้น ตอนที่เขียนรายงานหลังจากกลับไป อย่าให้ความไม่ลงรอยของคนในทีมมาฉุดคะแนนประเมินให้ต่ำลง…”

ขณะที่ต้วนเหวินยังคงพูดจ้อไปเรื่อย จู่ ๆ ซ่งฉิงหลานกลับหยุดฝีเท้าแล้วทำท่ากำมือ

“เดี๋ยวก่อน”

เสียงของเขาดังขึ้นในช่องสัญญาณร่วม

ทุกคนต่างมองไปข้างหน้า

บนถนนของเมืองที่รกร้างไร้ผู้คน เหลือแต่ซากปรักหักพัง ปรากฏร่างของคนกลุ่มหนึ่ง

ในช่วงปลายฤดูร้อน แสงอาทิตย์ยามหกโมงเช้าสาดส่องเข้ามายังป่าคอนกรีตแห่งนี้ และทอดแสงสีทองลงบนถนนยางมะตอยสีดำ

แสงเจิดจ้านั่นคล้ายกับเส้นกั้นเส้นหนึ่งที่แบ่งโลกมนุษย์กับขุมนรกออกจากกัน

มันคือฝูงซอมบี้

พวกมันไม่เห็นพวกเขาที่เดินเงียบ ๆ อยู่แถวที่เปลี่ยวร้าง ต่างกำลังรุมล้อมร่างเน่าเฟะร่างหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ ส่งเสียงตื่นเต้น “ฮื่อ ฮื่อ” จากในลำคอ แย่งกันกินอาหารเหมือนกับสัตว์ป่า

เนื้อหนัง แขนขา รวมถึงอวัยวะภายในถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ระหว่างการกินอย่างตะกรุมตะกราม เสียงเคี้ยวอันน่าสยดสยองจากจุดที่ห่างออกไปไม่เกินเจ็ดถึงแปดเมตรดังเข้าหูพวกเขาทุกคนชัดเจน

“กรี๊ด!!!!”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น

ทางด้านหลังของพวกเขา ผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากในตัวอาคารแล้ววิ่งห้อตะบึง มีซอมบี้ยี่สิบถึงสามสิบตัวตามอยู่ด้านหลัง ซึ่งกำลังจะตามเธอทันในอีกไม่ช้า

เสียงกรีดร้องนี้ไปรบกวนพวกที่กำลังกินอยู่ด้านหน้า

พวกเขายืนอยู่ตรงกลางเหมือนคุกกี้ที่สอดไส้ มองฝูงซอมบี้ด้านหน้าที่ทิ้งซากศพแล้วกระโจนมาทางพวกเขาทันทีด้วยความตะลึงงัน!

“เชี่ย!”

ไม่รู้ว่าใครสบถออกมา ใครบางคนตะโกนบอก “ช่วยเธอ!”

“ปัง ปัง ปัง” เสียงปืนดังขึ้นติดต่อกัน ซอมบี้สามสี่ตนที่ตามอยู่ด้านหลังผู้หญิงคนนั้นล้มลง และในเวลาเดียวกันนั้น เพื่อนร่วมทีมอีกคนก็ระดมยิงสังหารฝูงซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาด้านหน้า

เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วเมืองอันวิเวกวังเวง คล้ายกับมีน้ำหยดหนึ่งกระเด็นลงไปในกระทะที่ตั้งน้ำมันร้อน ๆ แล้วเดือดปะทุดัง “เป๊าะแป๊ะ—” ขึ้นอีกครั้งอย่างฉับพลัน ซอมบี้มากมายนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกมาจากเงามืด!

“ไป ไป ไป!!”

“เร็ว!”

เสียงปืนดังอื้ออึง

“หัวหน้า?” ต้วนเหวินตะโกน “รีบไป!”

ซ่งฉิงหลานยืนอยู่ที่เดิมคล้ายกำลังรออะไรบางอย่าง รังสีเยือกเย็นกดดันแผ่ออกมาจากร่างของเขา

จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว แสงจากคมมีดก็ทอประกายวาบ ทันใดนั้นหญิงสาวก็คุกเข่าลงกับพื้นและล้มตุ้บลงบนถนน

ภายใต้การคุ้มกันของเพื่อนร่วมทีม ซ่งฉิงหลานก้าวยาว ๆ เข้าไปดึงมีดพับของเขาออกมาจากหน้าผากของผู้หญิงคนนั้น

เลือดสด ๆ ไหลนองไปบนดวงตาสองข้างที่เบิกโพลงของหญิงสาว ภายในไม่กี่วินาที ลูกตานั่นก็กลายเป็นสีขาวขุ่นเหมือนกับฝูงซอมบี้ที่ไล่ตามเธอไม่ผิดเพี้ยน ใบหูของเธอขาดหายไปบางส่วน สามารถมองเห็นรอยฟันได้อย่างชัดเจน

ซ่งฉิงหลานเสียบมีดพับทหารกลับเข้าที่เดิม จี้อวี่สือที่อยู่ด้านหลังหันกลับไปยิงซอมบี้ตนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาทางด้านหลัง การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วเกินกว่าที่ซ่งฉิงหลานคาดไว้

เขาคิดว่าคนที่ยิงปืนในการต่อสู้จริงเป็นครั้งแรกจะลังเลเสียอีก

คลื่นฝูงชนไหลบ่าราวกับเป็นวันสิ้นโลก

จี้อวี่สือหันกลับไปมองผู้หญิงที่อยู่บนพื้นครู่หนึ่งก่อนจะมองซ่งฉิงหลานด้วยความแปลกใจ

ในที่สุดเมื่อหันไปมองก็ทำให้แน่ใจถึงสาเหตุที่เขารู้สึกตงิดใจ ความร้อนระอุพวยพุ่งออกมาจากดวงตาคู่สวยของจี้อวี่สือ คล้ายกับว่าท้ายที่สุดตัวเขาก็มีความรู้สึกของมนุษย์กับเขาบ้าง เขาตะโกนด้วยความโมโห “ข้างหน้าซ้ายมือ! ร้านสะดวกซื้อ! รีบไป!”

จำนวนของซอมบี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังคงหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่องจากจุดที่สายตามองเห็นได้

พวกเขาอยู่ห่างจากร้านสะดวกซื้อไม่ไกลนัก มองเห็นประตูเหล็กกั้นทั้งบานของร้านได้อย่างชัดเจน

การเจอหลุมหลบภัยทันท่วงทีเป็นการซื้อเวลาให้พวกเขาได้มากโข

ท่ามกลางห่ากระสุน ทุกคนพร้อมใจกันพุ่งตัวไปหน้าร้านสะดวกซื้ออย่างพร้อมเพรียงภายในเวลาอันรวดเร็ว

จี้อวี่สือไม่แม้แต่จะมอง เขายิงไปที่หน้าจอยืนยันตัวตนของร้านดัง “ปัง” ภายใต้เสียงสัญญาณเตือนภัยดังบาดหู หลี่ฉุนและโจวหมิงเซวียนช่วยกันออกแรงดึงบานเหล็กกั้นขึ้น

ทันทีที่ช่องกว้างมากพอให้คนคนหนึ่งกลิ้งผ่านไปได้ จี้อวี่สือก็ไถลตัวเข้าไปอย่างรวดเร็วราวกับปลาที่ลื่นเป็นมันตัวหนึ่ง

“ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!”

เพียงชั่วครู่ เสียงปืนหลายนัดก็ดังมาจากภายในร้าน

เมื่อเสียงปืนสงบลง

จี้อวี่สือปรากฏตัวอยู่ด้านหลังบานเหล็กกั้นอีกครั้ง ใบหน้าขาวผ่องของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดไม่เว้นแม้กระทั่งขนตา

เขาหอบเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่นิ่งนัก “เข้ามา!!”

ทุกคน : “???”

เมื่อพวกเขาทยอยกันเข้ามาในร้านสะดวกซื้อก็เจอกับซากศพสดใหม่เกลื่อนพื้น ทุกคน : “…”

นี่คือที่ปรึกษาจี้ที่เปิดฝาขวดน้ำไม่ได้จริง ๆ น่ะเหรอ

ภายในร้านสะดวกซื้อเละเทะกระจัดกระจาย ชั้นวางสินค้าว่างเปล่า แต่นอกจากนี้แล้วก็ยังนับว่าปลอดภัย—ถึงจะมีอันตรายก็ถูกจี้อวี่สือบุกเดี่ยวจัดการเรียบไปแล้วในพริบตา

ความเร็วและความเด็ดเดี่ยวนั่นคล้ายกับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าอย่างไรอย่างนั้น

พูดตามตรง ถึงจะเป็นผู้พิทักษ์ที่เก่งที่สุดก็คงไม่เหนือไปกว่านี้เท่าไหร่

ทุกคนรู้สึกเหมือนควรไปเสียค่าโง่

“หัวหน้าล่ะ?!” โจวหมิงเซวียนถามขึ้นมากะทันหัน

ตรงนั้นมีเพียงหลี่ฉุน ต้วนเหวินและจี้อวี่สือสามคน ขาดฝาแฝดและซ่งฉิงหลาน

จี้อวี่สือขมวดคิ้ว “เปิดประตู รอพวกเขาก่อน!”

ทันทีที่เอ่ยจบก็มีเสียงปืนถี่รัวดังมาจากด้านนอก

ซ่งฉิงหลานผลักทังเล่อกลิ้งเข้ามาภายในร้านโดยมีทุกคนที่อยู่ในร้านคอยคุ้มกัน

ทังเล่อสติหลุดลอย ขณะที่ซ่งฉิงหลานมีสีหน้าโกรธจัด บานเหล็กกั้นถูกดึงลงจนเกิดเสียงดัง “กึง” ใครบางคนตะโกนขึ้น “รอทังฉีก่อน!”

“ไม่ต้องรอแล้ว” ซ่งฉิงหลานลุกขึ้นยืน เปื้อนเลือดไปทั้งตัว “ทังฉีถูกกัดแล้ว หลังจากเขาติดเชื้อ เวลาในการกลายร่าง…ไม่เกินสิบวินาที”

ทังเล่อร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่พวกเขาอยู่ข้างนอก ทุกคนต่างสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กายเมื่อได้ฟังคำตอบนั้น

ห่างออกไปใกล้แค่เอื้อม ฝูงซอมบี้มากมายนับไม่ถ้วนกำลังคลุ้มคลั่งทุบตีบานเหล็กกั้น พวกมันอ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือด รูม่านตาสีขาวขุ่นจ้องเขม็งไปยังคนในร้าน คล้ายกับจะแห่กันเข้ามาฉีกทึ้งพวกเขาเป็นชิ้น ๆ ในวินาทีถัดมา

สิบวินาที

เชื้อไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

ประกอบกับอัตราการกลายพันธุ์หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ของคนที่ถูกกัด จึงยังไม่มีเมืองไหนในโลกนี้ที่สามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์นี้ได้แม้แต่แห่งเดียว

“จะนั่งรอความตายไม่ได้ บานเหล็กต้านไว้ได้ไม่นาน” ซ่งฉิงหลานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเย็น​ “โกดังสินค้าในร้านมีกำแพงหลอกด้านหนึ่งที่สร้างจากอิฐมวลเบา พังมันแล้วออกไปทางนั้น”

จี้อวี่สือเงยหน้าขึ้นทันควัน

ทั้งสองคนประสานสายตากันพอดี

ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดคุย ใบหน้าของจี้อวี่สือชุ่มโชกไปด้วยเลือด ดวงตาสองข้างเป็นประกายอย่างยิ่ง

ท่าทีของซ่งฉิงหลานสงบนิ่ง แต่คำถามกลับแฝงความหมายลึกซึ้ง “ที่ปรึกษาจี้ ด้านหลังกำแพงคืออะไร”

จี้อวี่สือกำหมัดแน่น จิกเล็บเข้าไปในฝ่ามือ

ต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมที่ไม่รู้อะไรเลย เขาเองก็เอ่ยตอบอย่างสุขุม “ตรอกด้านหลัง”

คนที่เหลืองุนงง และยิ่งงงหนักเข้าไปอีกว่าทั้งสองคนกำลังเล่นปริศนาทายคำอะไรกันอยู่ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตราบใดที่มีหนทางรอดก็ไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่น

บานเหล็กกั้นที่รับแรงกระแทกมหาศาลโยกคลอนเสียงดังจนน่าหวาดหวั่น พวกเขาต้องแข่งขันกับเวลาในการหนีออกไปจากที่นี่

ผนังถูกระดมยิงจนเปิดออก แสงสาดส่องเข้ามา

หลังจากเพื่อนร่วมทีมคนสุดท้ายกระโดดออกจากหน้าต่างได้ ในที่สุดบานเหล็กกั้นที่รับน้ำหนักเกินพิกัดก็พังลงบนพื้นเสียงดัง “กึง—”

โจวหมิงเซวียนกราดยิงซอมบี้ที่อยู่ในตรอกด้านหลังเพื่อคุ้มกันเพื่อนร่วมทีม “รีบขึ้นรถ!!!”

ซ่งฉิงหลานยัดทังเล่อที่จิตใจใกล้จะแตกสลายเต็มทีเข้าไปที่เบาะด้านหลัง

ฝูงซอมบี้พุ่งเข้ามาในร้านสะดวกซื้อแล้วกระโดดลงจากหน้าต่างของโกดังสินค้าที่พวกเขาหนีออกมา

โจวหมิงเซวียนก็ขึ้นรถแล้วเช่นกัน ชายวัยฉกรรจ์หกคนอัดกันอยู่ในรถเก๋งซึ่งไม่ได้กว้างขวางนัก เบียดเสียดจนร่างแนบชิดติดกัน

ได้ยินเพียงเสียงต้วนเหวินตะโกนว่า “บัตรยืนยันตัวตนล่ะ!! รีบหาเร็ว!”

ระหว่างซ่งฉิงหลานกับจี้อวี่สือถูกคั่นกลางไว้ด้วยทังเล่อ

ทว่ามันก็ใกล้จนสามารถมองเห็นไรขนอ่อนบนต้นคอขาวผ่องของจี้อวี่สือได้อย่างชัดเจน ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านกระจกรถเข้ามา

จี้อวี่สือเบียดตัวเข้าไปเปิดช่องเก็บของแล้วส่งบัตรยืนยันตัวตนไปให้​ “อยู่นี่!”

หลี่ฉุนที่อยู่บนที่นั่งคนขับรับบัตรยืนยันตัวตนนั้นมาแล้วรีบสตาร์ตรถออกไปด้วยความรวดเร็ว

รถยนต์ส่งเสียงดังกระหึ่ม ล้อยางบดเบียดไปกับพื้นถนนจนเกิดควันสีขาวก่อนจะพุ่งชนซอมบี้ที่อยู่ด้านหน้าแล้วลากไปจนเกิดรอยเลือดสีแดงเข้มเต็มพื้น

พวกเขาพุ่งออกจากตรอกด้านหลัง

ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ยานพาหนะก็ขับเคลื่อนมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง สีหน้าของจี้อวี่สือเปลี่ยนไปทันที​ เขาตะโกนบอก “เลี้ยวซ้าย!!”

ห่างออกไปไม่ไกลนัก สเปซทรัคขนาดมหึมาคันหนึ่งกำลังพุ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว!

จี้อวี่สือร้องบอกได้ทันเวลา เสียงตะโกนนี้กระตุ้นให้หลี่ฉุนหักพวงมาลัย รถเก๋งพุ่งเข้าไปในตึกแห่งหนึ่ง

“ตึง ตึง ตึง—!!”

เบรกรถช่วยชะลอความเร็ว หลังจากพุ่งชนประตูกระจกหลายบานติดต่อกันถึงได้ค่อย ๆ หยุดนิ่ง

กระจกหน้ารถแตกเป็นใยแมงมุม มีควันลอยขึ้นจากส่วนหน้าของรถ ด้วยกฎของแรงเฉื่อยทำให้ทุกคนกระแทกไม่เบานัก

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซ่งฉิงหลานก็ถีบพนักพิงของเบาะคนขับ “ฉุนเอ๋อร์ เหมือนนายจะยังไม่ได้ใบขับขี่นี่”

หลี่ฉุนหมดเรี่ยวแรง “ผมไม่ได้จะเถียงนะ ลูกพี่ แต่ตอนนี้ไม่ต้องมาสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้แล้ว”

ทุกคน “…”

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า