โอตาคุวันสิ้นโลก
重生宅男的末世守则
暖荷 หน่วนเหอ เขียน
เมิ่งเหวิน เเปล
นิยาย 7 เล่มจบ
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
____________________________________
บทที่ 128 โถชักโครก
โถชักโครกกับตึกถล่ม
“เฮ้ย!”
“อะไรวะเนี่ย” หวังตั๋วไม่ทันเห็นสิ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าจนเกือบสะดุดล้ม หานลี่ซึ่งอยู่ข้างๆ จึงส่องไฟฉายไปที่พื้น ทุกคนเห็นแล้วถึงกับผงะถอยหลัง…คนตาย
ที่จริงถ้าเป็นศพคนตาย พวกเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร เพราะต่างก็ฆ่าซอมบี้ เก็บกวาดซากศพซอมบี้มาไม่รู้ตั้งเท่าไรต่อเท่าไรแล้ว แต่ว่า…
“ถูกฆ่าตั้งแต่ตอนที่ยังมีชีวิต” หลัวซวินตรวจดูสภาพศพ “น่าจะตายยังไม่ถึงเดือน ศพยังเน่าไม่เยอะ” เขาพูดพลางปัดไม้ปัดมือแล้วชี้ไปยังทางเดินอีกด้าน “คงขัดแย้งกันเอง ไม่ได้ถูกซอมบี้ฆ่าหรอก ไปกันเถอะ”
ทุกคนต่างสั่นสะท้านในใจ พวกเขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบเดินอ้อมบริเวณนี้ไป พวกเขาช่วยกันยกโถชักโครกที่เป็นสินค้าตัวอย่างสองรุ่นนี้ไปที่โกดังด้วย…ควรออกมาทำภารกิจนอกฐานกับทีมที่เชื่อใจกันได้จริงๆ ไม่งั้นถ้าพวกเขาไปรวมกลุ่มกับทีมอื่นส่งเดช บางทีก็บอกไม่ได้ว่าจะต้องเจอกับสถานการณ์ถูกฆ่าตายข้างนอกเอาตอนไหน แบบนั้นสู้หางานทำอยู่แต่ในฐานที่มั่นเสียยังดีกว่า
โกดังของที่นี่หลายคนในทีมโอตาคุก็เคยมากันแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนั้นไม่เจอคลังเครื่องสุขภัณฑ์ ดังนั้นคราวนี้พวกเขาจึงเดินผ่านบริเวณที่พวกเขาเคยสำรวจไปแล้วเมื่อคราวก่อน เพื่อข้ามไปค้นหายังจุดอื่น
แต่ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในนี้ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า ‘คนหมู่มากสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ได้โดยแท้’
ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนสนใจอยากได้ ทำให้ประตูโกดังล้วนถูกเปิดทิ้งไว้ทุกบาน
โกดังของสินค้าบางอย่างที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น กระเบื้องปูพื้น ไม้ฝาต่างๆ ล้วนว่างเปล่าไปนานแล้ว จะเหลืออยู่แค่บางโกดังซึ่งเป็นส่วนน้อยอย่างเช่นโกดังเครื่องสุขภัณฑ์ที่พวกหลัวซวินหมายตาไว้
“ช่วยกันหาดูดีๆ นะ ว่าอันไหนเป็นรุ่นที่เราต้องการ เอาอันที่สภาพสมบูรณ์ไม่ได้รับความเสียหาย”
ในโกดังเครื่องสุขภัณฑ์มีของเยอะมาก แต่แย่ตรงที่บรรจุภัณฑ์หายไปหมดเลย!
แค่คิดก็รู้แล้ว โถชักโครกพวกนี้ใช้อะไรเป็นบรรจุภัณฑ์กันละ ลังกระดาษเอย บับเบิ้ลกันกระแทกเอย บับเบิ้ลพลาสติกนั่นไม่ต้องไปเอ่ยถึงละกัน แต่ลังกระดาษพวกนั้นล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น สามารถเอามาจุดไฟได้ ดังนั้นผู้คนที่มาที่นี่จึงขนลังกระดาษไปจนหมด ทิ้งไว้แต่โถชักโครก คนพวกนั้นไม่นึกถึงเจ้าโถชักโครกที่น่าสงสารบ้างเลยหรือไง
ดังนั้นที่นี่จึงมีโถชักโครกล้มระเนระนาดอยู่เต็มไปหมด
มีเศษซากโถชักโครกที่แตกหักเสียหายกระจายเต็มพื้น แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมากมาย เพราะยังมีโถชักโครกที่สภาพสมบูรณ์เหลืออยู่อีกเพียบ ทุกคนรีบช่วยกันตรวจเช็กและค้นหาเป้าหมายของตัวเองอย่างว่องไว
ที่แตกแล้วไม่เอา อันไหนมุมบิ่นก็ไม่เอา ที่มีร่องรอยขีดข่วน…เก็บไว้ก่อนค่อยมาคัดใหม่อีกที
หลังจากตรวจดูแล้วสุดท้ายทุกคนต่างก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่า…ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีโถชักโครกรุ่นฉีดชำระอัตโนมัติแบบที่พวกเขาต้องการ…
“เป็นไปได้ยังไง”
ทุกคนต่างคิดหนักด้วยความแปลกใจ จู่ๆ เหยียนเฟยก็ชี้ไปที่ของกองหนึ่งตรงมุมโกดังพลางบอกว่า “น่าจะอยู่ตรงนั้นมั้ง ฝาชักโครกอัจฉริยะน่ะ”
“ฝา?”
“ฝา?!”
“ไม่ใช่โถชักโครกหรอกเหรอ?”
เจ้าสิ่งนั้นก็ไม่มีบรรจุภัณฑ์และบับเบิ้ลกันกระแทกห่อหุ้มไว้เหมือนกัน หลังจากทุกคนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงพบว่าที่นี่มีฝาชักโครกสองแบบ ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้กับโถชักโครกที่เป็นสินค้าตัวอย่างสองตัวนั้น
“…อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง แค่ติดตั้งระบบน้ำระบบไฟก็ใช้ได้แล้วสินะ” พวกบ้านนอกเข้ากรุงทั้งกลุ่มต่างจ้องมองฝาชักโครกกองนั้นกันอย่างเงียบๆ
นานสองนานกว่าหลัวซวินจะตั้งสติได้ รีบโบกมือสั่งลูกทีม “ขนไปให้หมดเลย!” เกิดใช้ๆ ไปแล้วเสียขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ เอาไปสำรองไว้เปลี่ยนไม่ดีกว่าเหรอ
เมื่อนับจำนวนของทั้งหมด บวกกับชุดโถชักโครกที่ขนมาจากโถงแสดงสินค้าสองตัวนั้นด้วย ตอนนี้พวกเขาหาฝาชักโครกอัจฉริยะเจอทั้งหมดยี่สิบสองชิ้น
พอมีตัวเลือกมากขึ้น พวกเขาจึงตัดสินใจได้ในทันทีว่า…ขนกลับไปให้หมดแล้วค่อยว่ากัน! ถ้าหากออกมาทำภารกิจนอกฐานคราวนี้พวกเขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้เลย อย่างน้อยเจ้าฝาชักโครกรุ่นที่สามารถควบคุมการฉีดชำระ ควบคุมอุณหภูมิของน้ำ ควบคุมองศาและการพ่นน้ำได้ทุกทิศทางเหล่านี้ก็จะเป็นผลการเก็บเกี่ยวเพียงอย่างเดียวของพวกเขา
“พี่หลัว พี่เหยียน! กระจก ที่นี่มีกระจกด้วยพี่!” จู่ๆ หานลี่ก็กระโดดโลดเต้นอยู่ตรงมุมหนึ่งของโกดัง
วันนี้เป็นวันที่ดีมากจริงๆ พวกหลัวซวินต่างเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นในใจ เมื่อเห็นกระจกสีเขียวแบบที่ใช้ทำตู้ปลาซึ่งมีรอบตัดถูกซ่อนอยู่หลังกองขยะข้าง
แม้ว่ากระจกเหล่านี้จะไม่ใช่กระจกสองชั้น หรือกระจกฉนวนความร้อน และไม่ได้ผ่านการแปรรูปอะไรเป็นพิเศษ แต่ในโลกปัจจุบันมีให้ใช้เท่านี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ขาดแคลนกระจก แต่แนวโน้มสถานการณ์ในฐานที่มั่นเวลานี้การเก็บกระจกนี่ไว้ในบ้านบ้างก็ย่อมดีกว่า จะได้ไม่ต้องควักเงินก้อนโตไปซื้อหาถ้าเกิดวันไหนกระจกหน้าต่างแตก หรือกระจกรถเสียหายอีก ในเมื่อของที่ซื้อได้ก็ไม่มีที่ตรงรุ่นตรงความต้องการอยู่แล้ว ทำไมพวกเขาถึงจะไม่ขนเอาของฟรีไปสำรองไว้เสียเลยล่ะ
ครั้นแล้วทุกคนจึงรีบช่วยกันขนทั้งกระจกและฝาชักโครกเหล่านี้ขึ้นรถอย่างกระตือรือร้น แม้แต่กระจกแผ่นนอกสุดที่มีร่องรอยความเสียหายอยู่แล้ว พวกเขาก็ขนกลับไปทั้งหมด
ระหว่างที่พวกเขากุลีกุจอช่วยกันขนของ ก็คอยกำจัดพวกซอมบี้ที่ตามกลิ่นหอมของเนื้อมนุษย์เข้ามาไปด้วย หลัวซวินบอกจางซู่ สวีเหมยและอวี๋ซินหรันว่าไม่ต้องช่วยขนย้ายของ แต่ให้รับผิดชอบหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของทุกคนแทน เมื่อพวกเขาสามคนผลึกกำลังกัน พลังทำลายล้างก็น่ากลัวอย่างยิ่ง การให้พวกเขาสามคนคอยคุ้มกันคนที่เหลือถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างที่สุด
หลังจากขนของแบ่งขึ้นรถแต่ละคันเรียบร้อย พวกเขาก็เดินวนดูในโกดังอีกรอบหนึ่ง และได้เจอของอย่างซิลิก้าเจล[1] และปูนซีเมนต์ถุงเล็กซึ่งอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตา จึงขนขึ้นรถมาด้วยกัน
ในสถานการณ์ที่ตามอาคารส่วนใหญ่ของเขตตัวเมืองซึ่งอยู่ใกล้กับฐานที่มั่นไม่เหลืออะไรให้เก็บเกี่ยวมากนัก แต่พวกเขายังสามารถกอบโกยผลประโยชน์ได้มากมายขนาดนี้ ทำให้ขวัญกำลังใจของสมาชิกทีมโอตาคุเพิ่มสูงขึ้นหลายขั้นเลยทีเดียว
ก็เหมือนกับทีมอื่นๆ ที่ตอนพวกเขาขนของขึ้นรถก็มักเจอพวกซอมบี้โผล่มาทักทายเป็นระยะ แต่เพราะพวกเขามีสมาชิกทีมขาโหดคอยประกบดูแลเรื่องความปลอดภัยอยู่ข้างกายจึงรับมือได้สบาย ของที่พวกเขาตั้งใจขนกลับไปรอบนี้ไม่ใช่วัสดุขาดแคลน จึงทำให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว ระหว่างเดินกลับไปขึ้นรถพวกเขายังกำจัดซอมบี้และควักคริสตัลของพวกมันมาอีกยี่สิบสามสิบก้อน หลังจากนั้น… พวกเขาก็เริ่มหารือกันว่า… แล้วจะเอายังไงต่อดีล่ะ
“พวกเราออกมาคราวนี้ยังคงรับภารกิจรวบรวมคริสตัลมาเหมือนเดิม ดังนั้นเราก็ต้องหาคริสตัลขั้นหนึ่งให้ได้สองร้อยก้อน ถ้ามากกว่านั้นได้ก็ไม่จำกัดอยู่แล้ว” หลัวซวินพูดพลางกวาดตามองทุกคน…ตอนนี้พวกเขาอยู่ตรงกลางวงล้อมของรถสามคัน โดยด้านนอกสุดคือแผ่นโลหะที่เหยียนเฟยใช้พลังพิเศษรวบรวมมาสร้างเป็นแนวป้องกันชั่วคราว
ทุกคนสุมหัวระดมความคิด “เราหาตึกหนึ่งทำเป็นฐานทัพแล้วล่อซอมบี้มาฆ่าไม่ดีเหรอ”
“จะล่อมาเยอะไปหรือเปล่า ทางเส้นนี้มีผู้คนสัญจรไปมาอยู่เป็นประจำ ถ้าจะทำหลุมกับดักอาจไม่ค่อยเหมาะ”
“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก เราแค่กวาดล้างพวกซอมบี้ที่อยู่รอบๆ นี้ ถ้าเก็บคริสตัลได้จำนวนมากพอแล้วก็กลับไม่ใช่เหรอ ยังไงซะเราก็บรรลุเป้าหมายหลักของการออกมาครั้งนี้แล้ว”
ทุกคนต่างช่วยกันออกความคิดเห็น หลัวซวินใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนตัดสินใจอย่างเฉียบขาด “หาตึกมุมถนนสักหลัง เอาที่มีสองชั้นขึ้นไป แล้วเหยียนเฟยปิดตายประตูหน้าต่างชั้นล่างให้หมด จากนั้นก็ใช้ถุงเลือดล่อพวกมันมา แล้วดูสถานการณ์อีกที ถ้าฆ่าพวกมันได้เยอะมากพอก็กลับฐานกันเร็วหน่อย” ในขณะที่พวกเขากำลังหารือกันอยู่นั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงขบวนรถแล่นฉิวดังมาจากอีกถนนทางหลวงอีกด้านหนึ่ง และมีเสียงใช้พลังพิเศษดังขึ้นเป็นระยะ ถ้าพวกเขาอยากหาที่ล่าคริสตัลกันอย่างเงียบๆ เห็นทีที่นี่คงไม่เหมาะจริงๆ
ถนนในเขตตัวเมือง ยิ่งก่อนวันสิ้นโลกมีขนาดกว้างเท่าไร ในยุควันสิ้นโลกก็ยิ่งมีโอกาสเป็นเส้นทางสัญจรไปมามากขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้ามกับถนนเล็กๆ บางสายซึ่งอาจถูกสิ่งกีดขวางปิดเส้นทางจนเป็นเหตุให้รถขับผ่านเข้าไปไม่ได้ ตอนนี้เป้าหมายของพวกหลัวซวินก็คือถนนหรือตรอกซอกซอยแบบนั้น หรือแม้แต่เขตชุมชนที่ยานพาหนะเข้าไปไม่ถึง
พวกเขาหยิบแผนที่ออกมาและเลือกเส้นทางกันอยู่นาน ก่อนตัดสินใจขับรถไปบนถนนสายเล็กซึ่งไม่เป็นที่สะดุดตา
พอขับไปได้ครึ่งทางก็เห็นรถเมล์สองสามคันจอดคว่ำขวางอยู่กลางถนน โชคดีที่รถมีเหล็กเป็นส่วนประกอบหลัก เหยียนเฟยจึงย้ายมันไปไว้ข้างทางได้ จากนั้นทุกคนก็ขับผ่านไป
ถนนสายนี้เป็นทางไปสู่เขตชุมชนแห่งหนึ่ง และเป็นย่านที่มีร้านรวงเต็มสองข้างทาง แต่ห้างร้านใต้อาคารที่ติดถนนถูกคนรื้อค้นกวาดข้าวของไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบไปจนหมดแล้ว
ทุกคนตกลงเลือกอาคารสองชั้นหลังหนึ่งตรงมุมถนน และให้เหยียนเฟยสร้างบันไดโลหะขึ้นไปบนชั้นสองได้โดยตรง พวกเขาพบว่ามีซอมบี้ขั้นหนึ่งถูกขังอยู่ในบ้านหนึ่งตัว ดูลักษณะแล้วคงติดอยู่ในนี้มาตั้งแต่หลังวันสิ้นโลก นอกจากนี้ในบ้านยังมีแขนข้างหนึ่งที่เน่าเฟะและมีร่องรอยถูกกัดแทะ คาดว่าน่าจะเป็นญาติของซอมบี้ตัวนี้เอง
เหยียนเฟยจัดการฆ่าซอมบี้ตัวนี้แล้วใช้โลหะปิดตายประตูบ้าน… แถวนี้มีโลหะอยู่เยอะมาก เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีโลหะไม่พอใช้ ส่วนรถบรรทุกคันเล็กที่เขาใช้โลหะบริสุทธิ์สร้างเลียนแบบของจริงนั่น เวลานี้ก็จอดอยู่ตรงริมถนนไว้กับรถอีกสามคัน ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไปประมาณหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้รถได้รับผลกระทบจากการต่อสู้และการใช้พลังของทุกคน
“เอาไปไว้กลางถนนแล้วค่อยเปิดออก” ด้านล่างของตึกต่างๆ และตามท้องถนนละแวกนี้มีซอมบี้เริ่มเดินเข้ามาล้อมรอบกำแพงที่เหยียนเฟยใช้แผ่นโลหะตั้งไว้ตรงหน้าร้านชั้นหนึ่ง
เหยียนเฟยรับกล่องเหล็กที่บรรจุถุงเลือดนั่นมาจากหลัวซวิน เขาควบคุมให้มันลอยไปอยู่กลางทางแยกเบื้องหน้า…ที่นี่เป็นทางสามแยก อาคารหลังนี้ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี
ทันทีที่กล่องเลือดเปิดออก ซอมบี้ที่อยู่ใกล้ก็มีสภาพเหมือนกับหมาป่าได้กลิ่นเนื้อ จากเดิมที่เดินชนกำแพงซ้ำๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สาก็หันขวับเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปหากล่องเหล็กนั่น พร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
เพื่อให้บรรลุผลตามที่คาดหวังไว้ เหยียนเฟยจึงควบคุมให้กล่องเหล็กลอยสูงขึ้นกลางอากาศก่อนที่พวกมันจะไปถึง คล้ายกับการล่อให้ลาวิ่งไล่ตามแครอตที่อยู่ตรงหน้า ได้กลิ่นแต่กินไม่ได้ ทำได้เพียงเบียดออกันไล่ตาม
‘โฮก โฮก’ เสียงคำรามดังอย่างต่อเนื่อง ซอมบี้หลายตัวที่ยังอยู่ในตึกในเขตชุมชนพอได้กลิ่นและได้ยินเสียงก็กรูกันออกมา รวมตัวกับพวกซอมบี้ตามท้องถนนแถวนั้นที่ยกโขยงมุ่งหน้ามาทางนี้
“ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะเป็นซอมบี้ขั้นหนึ่งนะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ละ” ทุกคนยืนมองเหยียนเฟยล่อซอมบี้อยู่ตรงช่องหน้าต่าง ปากก็ส่งเสียงงึมงำด้วยความแปลกใจ พวกเขาเจอกับกองทัพซอมบี้ขั้นสูงมาจนชิน พอตอนนี้มาเจอซอมบี้ขั้นหนึ่งเป็นหลัก ส่วนซอมบี้ขั้นสองปะปนมาแค่ประปรายคล้ายกับเป็นจ่าฝูง ถ้าพวกเขาไม่รู้สึกประหลาดใจนั่นสิแปลก
“หรือว่าสถานที่ที่มีซอมบี้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ก็จะยิ่งเกิดซอมบี้ระดับสูงได้ง่าย?” หลังจากคิดถึงความแตกต่างระหว่างสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ ทุกคนจึงได้รับข้อสรุปที่ตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย พื้นที่ทางใต้ของตัวเมืองถูกระเบิดทำลายกลายเป็นซากปรักหักพัง ซอมบี้บาดเจ็บล้มตายไปเป็นเบือ การสังหารหมู่ซอมบี้ไปกระตุ้นวิวัฒนาการของพวกมันอย่างนั้นหรือ?
“แบบนี้ก็หมายความว่า ถ้าเราอยากล่าคริสตัลขั้นสูงต้องไปแถวซากอาคารรกร้างทางใต้จะดีกว่าสินะ แต่ถ้าจะหาของหรือรวบรวมทรัพยากรค่อยมาทางเหนือนี่ใช่ไหม” หลี่เถี่ยพูดพลางหันไปมองหลัวซวินโดยอัตโนมัติ
หลัวซวินคิดทบทวนสักพักก็พยักหน้าแล้วบอกว่า “นี่เป็นแค่สมมติฐานของพวกเราเอง แต่ถ้าออกมานอกฐานคราวหน้าก็ลองใช้หลักการดูก็ได้นะ”
ส่วนใหญ่ที่พวกเขาเจอซอมบี้ขั้นสาม กระทั่งสัตว์กลายพันธุ์ก็ล้วนอยู่ในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยซากปรักหักพังของเขตเมืองทั้งนั้น จึงสามารถบอกได้ว่าสมมติฐานของพวกเขามีความเป็นไปได้สูงมาก
เนื่องจากบริเวณนี้มีตึกรามบ้านช่องมากมาย ขยะและสิ่งกีดขวางกลางถนนก็มีมากยิ่งกว่า แม้แต่ทิศทางลมก็พลอยแปลกไปด้วยเพราะได้รับผลกระทบจากตัวอาคาร สรุปคือเหยียนเฟยล่ออยู่สักพักก็เก็บกล่องเหล็กที่บรรจุถุงเลือดนั้น แต่จำนวนซอมบี้ที่มาถึงทางแยกด้านล่างกลับมีไม่มากเท่าไร ทว่ามีซอมบี้ติดแหงกอยู่ในเขตชุมชน ในอาคารห้างร้านที่ขวางกั้น ทำให้พวกมันข้ามมาไม่ได้อีกเป็นจำนวนมาก
พวกเขาไม่ได้สนใจซอมบี้ที่เข้ามาไม่ถึงเหล่านั้น และเริ่มจัดการพวกซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้าก่อน การกวาดล้างซอมบี้จำนวนหลักร้อยย่อมไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้มีประสบการณ์อย่างพวกเขา หลัวซวินพาพวกหลี่เถี่ยเลือกกำจัดซอมบี้ขั้นสองขึ้นไป… พวกเขล่อซอมบี้อยู่ตั้งนาน ถึงตอนนี้เพิ่งจะมีซอมบี้ขั้นสามหลงมาแค่สองตัว
จางซู่ สวีเหมยและอวี๋ซินหรันร่วมมือกันกำจัดซอมบี้ตัวอื่นๆ
หลังสิ้นเสียงพลังพิเศษ พวกเขาแบ่งกำลังออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปจัดการซอมบี้ที่ติดอยู่ในเขตชุมชนและตามถนนที่ข้ามผ่านมาไม่ได้ ส่วนอีกกลุ่มก็เริ่มควักคริสตัลและรวบรวมสิ่งของที่พวกเขาต้องการ
การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว ใช้เวลารวบรวมผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย พวกเขากำจัดซอมบี้ทั่วบริเวณนี้หมดตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดเลย แถมผลการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ก็คุ้มค่ากับความยากลำบากที่พวกเขาลงแรงไป… ได้คริสตัลมาทั้งหมดหกร้อยกว่าก้อน ในจำนวนนั้นเป็นคริสตัลขั้นสองไม่ถึงหนึ่งร้อยก้อน และได้คริสตัลขั้นสามมาสองก้อน
“ไป กลับบ้านกันเถอะ” หลัวซวินดูเวลาแล้วก็คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยในการค้างแรม ตอนกลางคืนตึกอาคารในเมืองร้างน่าจะอันตรายกว่าที่โล่งกว้างกลางซากปรักหักพัง
“เยี่ยมเลย! กลับบ้านกัน! แบบนี้ก็จะมีวันหยุดพักผ่อนเพิ่มอีกหนึ่งวันแน่ะ” เมื่อทุกคนได้ยินคำสั่งจากหลัวซวินก็เฮลั่นขึ้นพร้อมกัน แม้จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ไม่เยอะเท่าครั้งก่อนๆ แต่พวกเขาหาของที่อยากได้มากที่สุดเจอแล้ว แถมยังโชคดีได้กระจกมาแบบเหนือความคาดหมายอีกต่างหาก มีของพวกนี้แล้ว แม้จะได้คริสตัลน้อยไปสักหน่อยก็ไม่เป็นไร
ทุกคนรีบกลับขึ้นไปบนรถของตัวเอง แล้วมุ่งหน้ากลับฐานที่มั่นด้วยความยินดี
บางทีอาจเพราะตอนกลางวันทุกอย่างราบรื่นเกินไป พอตกเย็นระหว่างทางกลับฐานเลยเจออุปสรรคใหญ่เข้าให้… เสียงระเบิดดังมาจากตึกสูงข้างทางหลังหนึ่ง จากนั้นตัวตึกก็เอียงลงมา ทำท่าจะล้มลงบนถนน!
“พระเจ้า!”
“ตึกถล่ม!”
เสียงร้องตกอกตกใจดังมาจากห้องโดยสารด้านหลัง ยังไม่ทันพูดคุยอะไรกัน เหยียนเฟยก็เปลี่ยนโลหะบริสุทธิ์จากรถบรรทุกที่สร้างขึ้นให้กลายเป็นโล่กำบังทรงครึ่งวงกลมครอบคลุมอยู่เหนือรถทั้งสามคันของพวกเขา หลัวซวินรีบคว้าวิทยุสื่อสารขึ้นมาสั่งการ “ตามฉันมานะ ห้ามจอดรถเด็ดขาด!”
เสียงโครมครามสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น ทุกคนต่างหันมองฝุ่นควันหนาทึบรอบตัวด้วยความตกตะลึง โล่กำบังที่เหยียนเฟยกางออกมาถูกตัวตึกล้มใส่จนเกิดเสียงของตกกระแทกดังต่อเนื่องหลายครั้ง โล่โลหะเสียรูปทรงแต่ยังคงคุ้มกันเหนือหลังคารถทุกคันได้อยู่ ส่วนตัวรถถูกเศษวัสดุที่ร่วงหล่นกระแทกจนส่ายไหวเป็นระยะ
หลัวซวินสีหน้าเคร่งเครียด ขณะขับรถก็ล้วงหยิบคริสตัลออกมายัดใส่มือเหยียนเฟยเพื่อให้อีกฝ่ายได้ฟื้นฟูพลัง จากนั้นก็รีบพูดใส่วิทยุสื่อสารบอกรถที่ขับตามมาข้างหลังว่า “ให้ซินหรันแปรสภาพก้อนอิฐที่หล่นใส่รถกับที่กีดขวางบนถนนด้านหน้านั้นที! จางซู่ ใช้ลมพัดฝุ่นควันออกไป!”
กระแสลมแรงระลอกหนึ่งพัดมาจากรถคันสุดท้ายเปิดทัศนวิสัยรอบทิศทางในทุกคนอีกครั้ง อวี๋ซินหรันรีบยกมือเล็กๆ ของเธอขึ้นเพื่อเริ่มแปรสภาพก้อนอิฐก้อนปูนขนาดใหญ่ที่เธอมองเห็นให้กลายเป็นทราย แต่เพราะมีโล่โลหะบดบังด้านบนอยู่ เธอจึงพยายามกำจัดสิ่งกีดขวางที่อยู่ตรงหน้าตามคำชี้นำของซ่งหลิงหลิงก่อน
ก้อนอิฐก้อนปูนหล่นจากที่สูงกระแทกใส่ถนนไม่หยุด กระทั่งพื้นถนนหลายจุดแตกเสียหาย พวกหลัวซวินได้แต่ขับผ่านบริเวณนี้ไปด้วยความยากลำบาก
“อ๊ากกกก! พี่หลัว กระจก กระจกของพวกเรา!”
เมื่อได้ยินเสียงโอดครวญดังมาจากวิทยุสื่อสาร หลัวซวินก็รู้สึกหนังหัวชาหนึบ รีบบอกให้เด็กหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังช่วยตรวจดู ยังดีๆ ที่ก่อนออกจากฐานที่มั่นพวกเขากลัวว่าตอนขนของกลับมาของจะกระทบกระเทือนเสียหายอยู่เหมือนกัน…เดิมทีพวกเขาวางแผนว่าต้องบรรทุกโถชักโครกเซรามิกกลับมา ของพวกนี้ทนแรงกระแทกเสียที่ไหน อีกอย่างพวกเขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าถึงจะหาโถชักโครกเจอ แต่ก็ไม่น่าจะมีหีบห่อหลงเหลืออยู่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงขนฟองน้ำที่เก็บไว้ในบ้านใส่รถมาเพื่อใช้กันกระแทกด้วย
และแล้วก็ได้ใช้ประโยชน์จริงๆ…ทั้งเอามาใช้ห่อกระจก และหนุนรองป้องกันฝาชักโครกเหล่านี้ไว้อีกชั้น
เมื่อครู่เกิดการสั่นสะเทือนและการกระแทกอย่างแรง หลังจากพวกเขาตรวจดูแล้วก็พบว่ามีเพียงกระจกที่อยู่ด้านนอกสุดเท่านั้นที่แตก ส่วนกระจกที่อยู่ตรงกลางไม่เป็นอะไรเลย
“มะ… เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ” เสียงสั่นเครือของสวีเหมยดังมาจากวิทยุสื่อสาร
“ไม่รู้เหมือนกัน ขับตรงกลับฐานที่มั่นก่อน!” หลัวซวินรีบออกคำสั่งพร้อมกับเร่งความเร็วมุ่งตรงสู่ฐานที่มั่นทันที โดยไม่สนใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ มีต้นตอมาจากฝีมือมนุษย์ (เช่น มีคนต่อสู้กันในบริเวณใกล้เคียง) หรือเกิดจากซอมบี้ หรือเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกันแน่… สรุปก็คือพวกหลัวซวินไม่คิดจะย้อนกลับไปตรวจสอบสถานการณ์ตรงนั้นเด็ดขาด
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว ตกกลางคืนไม่มีใครรู้ว่าจะมีซอมบี้สัตว์อะไรโผล่มาบ้าง อีกอย่างมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แบบนี้ต้องดึงดูดพวกซอมบี้มาแน่นอน ยิ่งพวกเขากลับฐานที่มั่นได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
ทุกคนใจเต้นไม่เป็นส่ำ รถแต่ละคันเปิดไฟหน้าขับบึ่งไปยังเป้าหมายปลายทางโดยไม่มีใครพูดอะไร แต่จู่ๆ เหอเฉียนคุนที่คอยหันไปมองสถานการณ์ด้านหลังรถอยู่ตลอดก็เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “พี่หลัว พี่เหยียน ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตรงตึกริมถนนมีเงาอะไรบางอย่างก็ไม่รู้”
หลัวซวินไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ เขาต้องจดจ่อสมาธิอยู่กับการขับรถ ส่วนเหยียนเฟยซึ่งใช้พลังพิเศษควบคุมโล่กำบังรับแรงกระแทกจากตึกขนาดใหญ่โดยตรง ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาด้วย เขาจึงมีอาการหน้าซีดเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหยียนเฟยก็หันไปสำรวจดูสองข้างทางอย่างละเอียด สักพักเขาจึงตอบเสียงแผ่วเบาว่า “ซอมบี้ แต่ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เรา น่าจะมุ่งไปทางทิศที่เราเพิ่งผ่านมาเมื่อกี้ ดูเหมือนมีบางส่วนขนาดเล็กมาก อาจเป็นซอมบี้สัตว์”
หลัวซวินเบ้ปาก “ฉันก็ว่าการเคลื่อนไหวใหญ่โตเกินไปไม่ค่อยเป็นผลดีเท่าไร ดูอย่างเป็ดยักษ์คราวก่อนนั่นสิ…” เขาพูดพลางหันไปมองเหยียนเฟยด้วยความเป็นห่วง “นายพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวกลับไปถึงฐานแล้วไปตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลกัน” เขาไม่รู้ว่าตึกใหญ่ที่พังถล่มลงมาเมื่อครู่ทำให้เหยียนเฟยได้รับบาดเจ็บอะไรหรือเปล่า แต่คิดว่าเหยียนเฟยคงได้รับผลกระทบแน่ๆ
เหยียนเฟยส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่เป็นไรมากหรอก แค่รู้สึกเหมือนหน้าอกถูกกระแทกเท่านั้น เดี๋ยวให้จางซู่ช่วยดูให้ก็ได้” ความรู้สึกในตอนนี้ของเขาเหมือนกับตอนที่ถูกคนรุมทำร้ายก่อนได้เจอหลัวซวินครั้งแรกนั้น ต่างกันตรงที่คราวนั้นถูกโจมตีที่ตัวเขาโดยตรง แต่ครั้งนี้ตึกใหญ่ล้มทับใส่โลหะที่เขากำลังควบคุมอยู่ แล้วส่งผลกระทบมาที่ตัวเขา ดูเหมือนว่าที่ตึกพังลงมาเมื่อครู่ไม่ได้ถล่มลงมาเฉยๆ แต่มีพลังพิเศษแฝงมาด้วย
ต้องบอกว่าโชคดีที่มีจางซู่ผู้เป็นศัลยแพทย์มือดีอยู่ในทีม แต่เขาเป็นศัลยแพทย์จะรักษาอาการบาดเจ็บภายในแบบนี้ได้หรือเปล่านี่สิ
เมื่อกลับเข้าฐานที่มั่น พวกเขาก็ลงทะเบียน รับการตรวจสอบ และส่งมอบคริสตัลตามภารกิจให้แก่ฐานที่มั่นจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็กลับบ้านพร้อมกัน และความจริงก็เป็นที่ประจักษ์ว่า… วิชาความรู้ของจางซู่ใช้ได้จริงๆ ต่อให้เป็นอาการบาดเจ็บที่ทรวงอก เขาก็สามารถรักษาได้… ก็เพราะจัดอยู่ในขอบข่ายของวิชาศัลยศาสตร์อย่างไรเล่า!
หลังจากจางซู่ฟังคำบอกเล่าอาการของเหยียนเฟยแล้ว เขาก็ใช้มือคลำไปคลำมาที่หน้าอกเหยียนเฟยเพื่อตรวจดู สักพักก็โบกมือปัดๆ และบอกว่า “ถ้าไม่ไอไม่อ้วกออกมาเป็นเลือดก็ไม่เป็นอะไรมาก น่าจะเพราะถูกกระแทกนิดหน่อย ส่วนหัวใจตับม้ามและปอดยังปกติดี ไม่บุบสลาย กระดูกก็ไม่หัก แต่ถ้ายังไม่สบายใจพรุ่งนี้เช้าไปเอ็กซ์เรย์ที่โรงพยาบาลเองอีกทีก็ได้นะ”
เมื่อได้ฟังคำวินิจฉัยของหมอผู้ไม่ค่อยจะรับผิดชอบอะไร หลัวซวินก็ได้แต่กลอกตามองบนใส่ แต่คาดว่าเหยียนเฟยคงจะไม่เป็นอะไรมากจริงๆ นั่นละ ไม่อย่างนั้นจางซู่คงไม่พูดจาด้วยน้ำเสียงชิลล์ๆ แบบนี้หรอก
ตอนนี้หลัวซวินถึงค่อยถอนหายใจโล่งอกได้เสียที และเตรียมแยกย้ายกลับบ้าน
หลัวซวินชี้ไปที่กองฝาชักโครกและกระจกพร้อมกับบอกว่า “ตอนนี้เราคงยังไม่ได้เอากระจกไปใช้ทำอะไร ก็เก็บไว้เป็นของกองกลางไปก่อน ถ้าจะใช้เมื่อไรค่อยมาเอาไป ส่วนฝาชักโครกก็แบ่งไปตามจำนวนห้อง บ้านใครมีชักโครกเท่าไรก็หยิบไปตามจำนวนนั้น ที่เหลือก็เก็บสำรองไว้ เผื่อของบ้านใครเสียก็มาแลกอันใหม่ไปเปลี่ยน”
“โอเค…!” ดึกดื่นเที่ยงคืน ทุกคนกลับส่งเสียงขานรับพร้อมเพรียงกันราวกับเสียงหมาป่าหอน ทำเอาเพื่อนบ้านที่กำลังนอนหลับอยู่ตกใจสะดุ้งตื่นกันเป็นแถว
โชคดีที่บ้านของหลัวซวินยังมีกระดาษทิชชู่นุ่มๆ คุณภาพดีที่เก็บตุนไว้ตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลกให้ใช้ได้อีกนาน แต่คนอื่นซึ่งจับพลัดจับผลูอพยพมาอยู่ในฐานที่มั่นกันแบบมือเปล่าจะไปมีอะไรให้ใช้ละ ช่วงเริ่มแรกพวกเขายังพอหาซื้อกระดาษทิชชู่ซึ่งมีคนไปรวบรวมมาจากนอกฐานที่มั่นได้บ้าง แต่ต่อมาทางฐานที่มั่นไปหาสายการผลิตกระดาษทิชชู่มาได้ด้วยความยากลำบาก ครั้นแล้ว ผู้ที่ต้องเป็นหนูทดลองใช้กระดาษทิชชู่ที่ผลิตเองขายเองแบบนี้ก็หนีไม่พ้นผู้รอดชีวิตในฐานที่มั่นนั่นเอง
ฝาชักโครกอัจฉริยะเหล่านี้จึงนับเป็นของดีที่ช่วยชีวิตพวกเขาได้
แต่ละคนรีบคว้าฝาชักโครกกลับบ้านตัวเองไปบ้านละอัน มีเพียงหลัวซวินกับเหยียนเฟยที่คว้าไปทีเดียวสองอัน ทำไงได้ ก็บ้านพวกเขามีห้องน้ำสองห้องนี่นา
ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังมีเหลืออีกตั้งสิบเจ็ดอัน ดังนั้นทุกคนจึงไม่มีทีท่าว่าต้องเสียดายอะไร… รอไว้วันพรุ่งนี้ตอนกลางวันพวกเขาค่อยช่วยกันเปลี่ยนฝาชักโครกห้องอื่นๆ ที่เหลือด้วย เผื่อบางทีเกิดต้องการใช้ห้องน้ำพร้อมกันขึ้นมาจะได้ไม่ต้องต่อคิวแย่งกัน ไปเข้าห้องอื่นแทนก็สิ้นเรื่อง
กระทั่งทุกคนหอบฝาชักโครกแยกย้ายกลับบ้านตัวเอง ก็เป็นเวลาตีสองแล้ว เรื่องน่าดีใจอีกอย่างก็คือพวกเขากลับบ้านมาทันในคืนนี้เลย ไม่งั้นต่อให้กลับมาพรุ่งนี้ตอนช่วงกลางวันก็ต้องผ่านเส้นทางนั้นอยู่ดี เมื่อถึงตอนนั้นแม้จะไม่ถูกตึกถล่มล้มทับ แต่พวกเขาก็ต้องช่วยกันหาทางเคลียร์ก้อนอิฐและเศษปูนต่างๆ บนถนนก่อน ถึงจะขับรถผ่านไปได้ แต่ถึงเวลานั้น อาจมีซอมบี้รายล้อมอยู่แถวนั้นเป็นจำนวนมากแล้วก็เป็นได้ หากคิดจะฝ่าวงล้อมนั้นออกมาคงไม่ใช่เรื่องง่าย
[1] Silica Gel เป็นสารดูดความชื้นชนิดหนึ่ง สกัดจากทรายขาวผสมกับกรดกำมะถัน มีลักษณะเป็นเม็ดกลม