[ทดลองอ่าน] โอตาคุวันสิ้นโลก เล่ม 6 บทที่ 161 : ชีวิตและความตาย

โอตาคุวันสิ้นโลก
重生宅男的末世守则

 

暖荷 หน่วนเหอ เขียน
เมิ่งเหวิน เเปล

 

— โปรย —
โทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้จักนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในชีวิตอีกครั้ง
ของเหยียนเฟยและหลัวซวิน…
ไม่สิ ของสมาชิกทุกคนในทีมโอตาคุเลยต่างหาก!
ในเมื่อล่มหัวจมท้ายกันมาขนาดนี้ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันมาตั้งเท่าไร
ถ้าคนใดคนหนึ่งต้องการความช่วยเหลือ มีหรือที่พวกเขาจะทอดทิ้งกัน
เพียงแต่… ทีมโอตาคุจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกแล้วเรอะ คราวนี้ใครล่ะเนี่ย

เพื่อให้มีเสบียงอาหารเลี้ยงปากท้องทุกคนได้อย่างพอเพียง
ทีมโอตาคุตั้งใจแล้วว่าจะต้องหาทางขยายพื้นที่เพาะปลูกให้จงได้
แต่ดูเหมือนกฎระเบียบใหม่จะไม่เอื้อให้พวกเขาทำอะไรได้เลย
แถมยังมีประกาศว่า ทางการเตรียมจะมาสำรวจสำมะโนประชากร?!
ใครจะยอมให้คนบุกมาถึงบ้านกันเล่า… จะให้ใครมาเห็นสมบัติ
ในบ้านชั้นสิบห้าและสิบหกของพวกเขาไม่ได้เด็ดขาด!
หรือบางที ฐานที่มั่นแห่งนี้จะไม่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาแล้ว?

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 161 ชีวิตและความตาย

 

ในยุควันสิ้นโลก การเกิดและตายเป็นเรื่องธรรมดา

 

ทารกผู้คลอดก่อนกำหนดร้องไห้เสียงเบามากจนพยาบาลต้องตีก้นถึงจะส่งเสียงจ้าให้ได้ยิน ส่วนคนเป็นแม่…ตอนหลัวซวินและเหยียนเฟยเดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นหลิวเซียงอวี่อยู่ในสภาพสะลึมสะลือ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง

ภาพของคุณน้าที่เคยทำสีผมสวยสะดุดตา ชอบชี้นิ้วสั่งเจ้ากี้เจ้าการ กลายเป็นคุณป้าหน้าขาวซีดร่างบวมฉุ ขนาดหลัวซวินเห็นแล้วยังรู้สึกสังเวช

ฝ่ายเหยียนเฟยกลับไม่พูดอะไร ซ้ำยังไม่ทำอะไรด้วย เขามองหลิวเซียงอวี่ซึ่งท่าทางเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่รู้สึกตัวว่าลูกชายคนโตมาเยี่ยม จากนั้นเขาก็เลื่อนสายตาไปมองเด็กทารกตัวแดงๆ ที่นอนหลับใหลอยู่ข้างกายเธอ เขาได้ยินคุณหมอพูดอะไรบางอย่างกับผู้ชายที่อยู่ข้างนอกคนนั้น…หมอไม่ได้มาทำคลอดให้ฟรีๆ ถึงเป็นหมอก็ต้องกินข้าวเหมือนกัน

ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่นั้น หลัวซวินจมูกไวได้กลิ่นอะไรบางอย่าง “ทำไมกลิ่นคาวเลือดแรงมากขนาดนี้เนี่ย”

“เลือด?” เหยียนเฟยอึ้งไปเล็กน้อย “ผู้หญิงคลอดลูกก็ต้องมีเลือดไหลไม่ใช่เหรอ”

“มันไม่ใช่แบบนี้… เดี๋ยวนะ!” หลัวซวินพลันขยับขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าวแล้วเปิดผ้าที่ห่มคลุมตัวหลิวเซียงอวี่… เลือดสดๆ สีแดงฉานไหลทะลักเปรอะชุดนอนเนื้อบางของหลิวเซียงอวี่ อาบย้อมท่อนล่างของเธอจนเป็นสีแดงเกือบทั้งหมด

“หมอ! มานี่เร็วเข้า คนไข้เสียเลือดมาก!” หลัวซวินรีบตะโกนเรียกหมอ แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงดังโครมครามทางด้านนอก ตามด้วยเสียงแฟนหนุ่มคนปัจจุบันของหลิวเซียงอวี่ร้องโวยวายขึ้น

“เฮ้ย พวกแกจะหนีไปไหน!”

ยังต้องถามอีกเหรอ เดาว่าพวกหมอพยาบาลพวกนั้นคงรู้เรื่องที่คนไข้มีอาการเลือดออกไม่หยุดหลังคลอดลูกดีอยู่แล้ว แต่กลัวจะซวยเลยไม่บอกให้ญาติคนไข้รู้แต่แรก

ที่มากันคราวนี้มีหมอหนึ่งคนกับพยาบาลที่เป็นผู้ช่วยอีกสองคน คนธรรมดาอย่างแฟนหนุ่มของหลิวเซียงอวี่จะรั้งตัวคนทั้งสามไว้ได้อย่างไร ทันทีที่สามคนนั้นได้ยินเสียงตะโกนของหลัวซวินดังมาจากข้างใน ก็รีบหันขวับเผ่นหนี แต่สิ่งที่พวกเขาไม่มีทางคาดถึงก็คือ สองหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้าไปในห้องนอนเมื่อครู่ มีคนหนึ่งเป็นผู้มีพลังพิเศษ!

โลหะทั้งหมดในห้องพุ่งมาสกัดขวางทางคนที่คิดหนีพวกนั้นไว้ในพริบตา และลากตัวพวกเขากลับไปราวกับมีชีวิต

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราจริงๆ นะ… คนไข้หกล้มกระทบกระเทือนครรภ์ของเธอ ตอนนี้เครื่องไม้เครื่องมือก็มีจำกัดด้วย…”

“ในเมื่อไม่พร้อม ทำไมพวกคุณไม่บอกพวกเรา แต่กลับคิดหนีไปดื้อๆ ล่ะ” เวลานี้เหยียนเฟยโมโหขึ้นมาจริงๆแล้ว ถึงอย่างไรผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงก็เป็นแม่แท้ๆ ของเขา ต่อให้เขาโกรธเกลียดหรือรำคาญเธอมากกว่านี้ หรืออยากจะตัดแม่ตัดลูกกับเธอมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อาจทนเห็นเธอตายไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่ทำอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะหลัวซวินสังเกตและเอะใจทันละก็…

ถ้าหมอไม่มีปัญญารักษาคนไข้ ทางที่ดีก็ควรรีบแจ้งญาติผู้ป่วยให้พาเธอไปส่งโรงพยาบาลเพื่อให้ได้รับการรักษาทันท่วงที

แต่เมื่อเกิดภาวะเสียเลือดมากหลังคลอด พวกเขากลับไม่รีบห้ามเลือดและให้เลือดในทันที ทั้งยังไม่รีบจัดการส่งตัวคนไข้ให้ทันการณ์ เป็นเหตุให้หลิวเซียงอวี่หมดสติ และช็อกหัวใจหยุดเต้นไปในที่สุด…

การคลอดก่อนกำหนดเพราะอุบัติเหตุเหลือรอดเพียงทารกน้อยคนหนึ่งผู้มีชีวิตเปราะบางอย่างที่สุด จนแทบจะปลิดปลิวหายไปได้ทุกเมื่อ

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่มีแดดจัด แสงแดดเจิดจ้าสาดส่องเข้ามาในห้อง ทำให้บรรยากาศที่แสนเหน็บหนาวเปลี่ยนเป็นหงอยเหงามากขึ้นไปอีก

พวกสวีเหมยรีบมาที่นี่กันตั้งแต่เช้า เมื่อคนในครอบครัวของเพื่อนร่วมทีมเสียชีวิตทั้งที ย่อมต้องมีเรื่องให้จัดการต่อจากนี้มากมาย พวกเขานำคริสตัลและคูปองสะสมมาส่งให้หลัวซวินและเหยียนเฟย พร้อมทั้งมาดูด้วยว่าทั้งคู่ต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง

ในเช้าวันเดียวกันนี้ ไม่ต้องรอให้เหยียนเฟยติดต่อไปหา เหยียนเก๋อซินก็เป็นฝ่ายโทร.มาถามเอง เมื่อรู้ข่าวว่าหลิวเซียงอวี่ตายแล้วเขาก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง สักพักเหยียนเก๋อซินก็ถามในสิ่งที่เหนือความคาดหมายกับเหยียนเฟยว่า “อยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปหา”

เหยียนเฟยประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนบอกที่อยู่แก่อีกฝ่าย จากนั้นก็วางสาย

งานศพในยุควันสิ้นโลก ผู้คนส่วนใหญ่มักจัดพิธีแบบเรียบง่าย หรืออาจถึงขั้นไม่ต้องมีเลย เพียงแค่ส่งศพไปเผาที่ฌาปนสถานในฐานที่มั่น จากนั้นก็นำภาชนะอะไรก็ได้มาบรรจุเถ้ากระดูกไปฝังไว้ที่สุสานใหม่นอกฐานที่มั่นที่เพิ่งสร้างขึ้นหลังวันสิ้นโลก

ป้ายหลุมฝังศพ กระดาษเงินกระดาษทอง หรือขบวนแห่ศพอะไรทั้งหลายแหล่ล้วนถูกตัดทิ้งไม่เหลือหลอ และเนื่องจากสุสานอยู่นอกฐาน ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าออกจากฐานที่มั่น ดังนั้นจึงต้องฝากกล่องเก็บเถ้ากระดูกของญาติให้ทหารช่วยนำไปจัดการที่สุสานแทน เพียงแต่กว่าทหารที่ช่วยเป็นธุระจัดการให้จะออกไปนอกฐานสักครั้งหนึ่งนั้นก็ต้องรอกำหนดเวลาเช่นกัน ที่สำคัญ พวกเขาจะรวบรวมกล่องเก็บเถ้ากระดูกจำนวนมากไปฝังในหลุมพร้อมกันทีเดียว จึงเลิกคิดถึงขั้นตอนอื่นๆ ไปได้เลย แถมค่าใช้จ่ายยังสูงมากอีกด้วย

หลังวันสิ้นโลกทุกอย่างล้วนเปลี่ยนเป็นเรียบง่ายขึ้น ทุกคนเพียงแค่แต่งกายสุภาพ พาร่างผู้ตายไปเผาที่ฌาปนสถาน รอจนเผาศพเสร็จแล้วค่อยหาโอกาสไหว้วานคนให้เอาเถ้ากระดูกไปฝังเท่านั้น

 

หลังจากเหยียนเก๋อซินโทร.หาเหยียนเฟย สองชั่วโมงต่อมาเขาก็มาทันเจอคนทั้งกลุ่มที่เพิ่งรับเถ้ากระดูกกลับมาพอดี เหยียนเฟยเหลือบมองที่จอดรถ แต่กลับไม่เห็นรถคันที่เหยียนเก๋อซินเคยใช้ และก็ไม่เห็นผู้ช่วยคนนั้นของเขาด้วยเหมือนกัน จึงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

คนทั้งหมดขึ้นมาบนห้องชั้นสาม เหยียนเก๋อซินเพียงมองกล่องบรรจุเถ้ากระดูกที่แสนเรียบง่ายใบนั้นโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเขาก็จูงเหยียนเฟยไปคุยธุระกันตรงระเบียง

หลัวซวินอุ้มน้องชายของเหยียนเฟย…ใช่แล้ว หลิวเซียงอวี่ได้ลูกผู้ชาย เพิ่งคลอดออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งวัน แต่เพราะไม่มีนมแม่ให้กิน พ่อแท้ๆ ของทารกน้อยคนนี้ทำได้เพียงเอาข้าวสารไปต้ม แล้วนำน้ำข้าวมาป้อนให้ลูกชายกินประทังความหิว

สวีเหมยรู้สึกถูกชะตาเด็กคนนี้มาก ทว่าแม้เธอกับซ่งหลิงหลิงจะมีประสบการณ์เลี้ยงดูอวี๋ซินหรันมาแล้ว แต่กับเด็กทารกแรกเกิดที่บอบบางราวกับว่าถูกสะกิดหน่อยเดียวก็อาจได้รับบาดเจ็บได้แล้วแบบนี้ เธอกลับไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้อง อย่าว่าแต่พวกเธอเลย ขนาดพ่อแท้ๆ ยังไม่กล้าอุ้มลูกตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะเด็กคนนี้เป็นทารกที่คลอดก่อนกำหนดตัวจึงเล็กมาก…

ตรงระเบียง สองพ่อลูกกำลังเผชิญหน้ากันอย่างสงบนิ่ง เหยียนเฟยมีรอยยิ้มเย้ยหยันฉายชัดบนใบหน้า “ที่คุณมาวันนี้ก็เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ผมเข้าร่วมกับกองทัพสินะ”

เหยียนเก๋อซินไม่ได้ดูดีเหมือนอย่างเมื่อก่อน ภายนอกดูแก่ขึ้นเป็นสิบปี แต่ร่างกายที่โรยราและสภาพที่ดูทรุดโทรมของเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่อดีตภรรยาล่วงลับจากโลกนี้ไปเลยสักนิด ทว่า…สาเหตุหลักมาจากชีวิตที่พลิกผันเร็วเกินไป

เหยียนเก๋อซินดูเหนื่อยล้า น้ำเสียงเวลาพูดกับเหยียนเฟยก็ไม่ได้เหมือนการบังคับสั่งการอย่างแต่ก่อนแล้ว “เสี่ยวเฟย พ่ออับจนหนทางจริงๆ แล้วถึงต้องบากหน้ามาหาลูก…ตอนนี้ในกองทัพมีปัญหาใหญ่ พวกผู้มีพลังพิเศษกับผู้มีอำนาจในกำมือพวกนั้นกำลังเหยียบย่ำคนทำงานฝ่ายพลเรือนอย่างพ่อจนแทบมีชีวิตอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว ลูกเป็นผู้มีพลังพิเศษ มีแต่ลูกคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพ่อได้!”

เหยียนเฟยยืนกอดอก พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ผมเคยคุยเรื่องนี้กับคุณชัดเจนแล้ว”

“ตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน” เหยียนเก๋อซินพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความอ่อนล้าเรียกร้องความเห็นใจ “ในค่ายตอนนี้มีแต่พวก…พวกคนโหดเหี้ยมป่าเถื่อน ฝ่ายบริหารอย่างพวกพ่อจึงถูกเหยียบจนแทบจะจมดินอยู่เแล้ว ถึงเวลานี้พวกเขาจะยังไม่ได้ลงมือไล่พ่อตรงๆ แต่อีกไม่กี่วันนี่สิ…แกลองคิดดูนะ พ่ออายุเท่าไรแล้ว แกจะทนเห็นพ่อถูกไล่ให้ไปอยู่ข้างนอก…เอ่อ ไปคอยรับลงทะเบียนที่จุดลงทะเบียนข้างนอก หรือต้องไปกวาดถนนอะไรแบบนั้นได้เหรอ” เขาพูดแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนเบือนหน้าหันไปมองรอบห้องด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “แม่แกก็จากไปแล้ว…ส่วนพ่อจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสักกี่ปี อย่างน้อยช่วยพ่อสักหน่อยก็ยังดี อย่าให้บั้นปลายชีวิตพ่อต้องระเหเร่ร่อนเลยนะ…”

เหยียนเฟยแค่นเสียงขึ้นจมูก “พวกเขาจะไล่คุณออกจากค่ายทหารงั้นเหรอ”

เหยียนเก๋อซินทำหน้ากระอักกระอ่วนออกมาแวบหนึ่งแล้วตอบว่า “พะ…พวกเขาจะยึดบ้านพักของพ่อคืน…แล้วจัดให้ไปอยู่ที่อื่นแทน…”

“ถูกจัดสรรให้ไปอยู่ห้องรวมร่วมกับคนอื่นสินะ” เหยียนเฟยหรี่ตาลง เขาเห็นเหยียนเก๋อซินทำสีหน้าอึดอัดใจจึงถามต่อว่า “ถ้าผมไปกับคุณ คุณคิดจะให้ผมทำอะไร”

ดวงตาของเหยียนเก๋อซินเป็นประกายขึ้นมาทันที “แกไม่รู้หรอกว่าพลังพิเศษของแกตอนนี้มีความสำคัญต่อกองทัพมากแค่ไหน ฉันได้ยินข่าวว่า หน่วยโลหะมีสมาชิกเหลือแค่คนสองคน ถ้าแกยอมเข้าร่วมกับกองทัพ ก็สามารถเป็นหัวหน้าหน่วยได้เลย แกยังหนุ่มยังแน่น แถมมากความสามารถ มีฝีมือเก่งกาจ พอเข้าไปก็ใช้จุดแข็งและพลังพิเศษไต่เต้าไป ไม่ถึงสามปีแกต้องได้ขึ้นเป็นคนระดับสูงๆ ของกองทัพแน่…ตอนนี้กับเมื่อก่อนมันต่างกัน คำพูดของผู้มีพลังพิเศษในกองทัพมีอำนาจเพิ่มขึ้นไม่รู้ตั้งกี่เท่าเลย”

แค่ถามลองเชิงเพียงนิดเดียวเอง ก็ได้รับคำตอบให้ตัดสินใจได้แล้ว

สายตาของเหยียนเฟยซึ่งปกติยากจะอ่านความรู้สึกนึกคิดได้กลับปรากฏแววผิดหวัง ใช่แล้ว เขาผิดหวัง วันนี้ วันที่อดีตภรรยาของเหยียนเก๋อซิน แม่บังเกิดเกล้าของเหยียนเฟยเพิ่งตายไป จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเหยียนเก๋อซินก็เพื่อเรื่องพวกนี้ ต่อให้เมื่อก่อนพวกเขาจะไม่ได้รู้สึกห่วงหาผู้ล่วงลับอะไรมากนัก แต่อย่างน้อยๆ การเคารพให้เกียรติหรือแสดงความผูกพันต่อผู้ตายสักนิด กระทั่งความหดหู่เศร้าใจสักหน่อย เหยียนเฟยก็ไม่เห็นบนใบหน้าของผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว

เหยียนเฟยหันหลังเดินเข้าไปในห้อง พูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกประโยค “งานของฝ่ายทะเบียนก็ไม่เลวนี่ครับ ก็เป็นงานรับใช้ประชาชนไม่ใช่เหรอ” ส่วนงานกวาดถนน ทีมของเขาเองก็เพิ่งไปทำภารกิจนี้มาหมาดๆ เหมือนกัน

เขาทิ้งให้เหยียนเก๋อซินยืนอึ้งตะลึงอยู่ตรงระเบียงที่ว่างเปล่าเพียงลำพัง

“เรากลับกันก่อนเถอะ” เมื่อเหยียนเฟยเดินกลับมาหาหลัวซวิน เขาก็เห็นเด็กทารกตัวเล็กผอมบอบบางอยู่ในอ้อมแขนคนรักของเขา ความหดหู่เศร้าหมองในใจยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี… ตั้งแต่คลอดออกมาเด็กคนนี้แทบไม่ส่งเสียงร้องไห้ดังๆ ให้ได้ยินเลย ในยุควันสิ้นโลกที่แสนโหดร้ายนี้ ไม่รู้ว่าจะ…

ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็เป็นลูกของผู้ชายที่อยู่กินกับแม่ของเหยียนเฟย แม้ว่าพวกหลัวซวินจะเป็นห่วงหรือสงสารเห็นใจมากแค่ไหนก็ไม่สามารถพรากลูกไปจากพ่อแท้ๆ ได้หรอก แถมเด็กเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ขืนอุ้มออกไปเจออากาศที่เหน็บหนาวขนาดนี้ คงถูกแช่แข็งจับไข้กันพอดี

พวกเขาร่ำลาแฟนของหลิวเซียงอวี่ และบอกว่าพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่ แล้วค่อยหารือกันว่าจะเอาเถ้ากระดูกของหลิวเซียงอวี่ไปฝังที่นอกฐานเมื่อไร จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป ไม่ทันไรเหยียนเก๋อซินก็ทำหน้าบึ้งตึงพรวดพราดจากไปเหมือนกัน…เขามาที่นี่ก็เพื่อมาคุยกับเหยียนเฟยแบบซึ่งหน้าอีกครั้ง ไม่ได้สนใจเรื่องที่อดีตภรรยาเสียชีวิตเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงชายชู้ที่สวมเขาให้เขามานานนั่นหรอก

ครั้งนี้เจ้าหมอนี่กล้าโทร.หาเขาเพราะเรื่องหลิวเซียงอวี่ ถ้าไม่ห่วงว่าเหยียนเฟยอาจยังผูกพันห่วงใยหลิวเซียงอวี่อยู่ละก็ แค่เขาไม่ลอบจัดการทั้งหลิวเซียงอวี่และลูกในท้องก็นับว่าเมตตามากพอแล้ว ส่วนชายชู้นี่น่ะเหรอ หึๆ…

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า