[ทดลองอ่าน] โอตาคุวันสิ้นโลก เล่ม 6 บทที่ 215 : ข่าวใหม่

โอตาคุวันสิ้นโลก
重生宅男的末世守则

 

暖荷 หน่วนเหอ เขียน
เมิ่งเหวิน เเปล

 

— โปรย —

การย้ายบ้านออกมานอกเขตกำแพงแกร่งกร้าวของฐานที่มั่น
ตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ทีมโอตาคุต้องผจญกับโลกกว้างใหญ่
ที่ถึงจะมีอิสรภาพ แต่ก็มีอุปสรรค และบททดสอบมากมายรออยู่
ไหนจะสัตว์กลายพันธุ์แปลกๆ ที่สื่อสารกันไม่เข้าใจ
ไหนจะกลุ่มคนที่จ้องจะหาประโยชน์เอารัดเอาเปรียบ
ไหนจะความหลงระเริงส่วนตัว พากันเล่นสนุกกันอย่างเมามัน…
เอ๋ มันเกิดอะไรกันขึ้นกับทีมโอตาคุกันล่ะเนี่ย!

ชาติที่แล้วหลัวซวินใช้เวลาร่วมสิบปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์
ในยุควันสิ้นโลกมาพลิกชะตาชีวิตของชาตินี้ได้ใหม่
แต่ความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อๆไป ทำให้หลายเหตุการณ์
ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่การฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกับทีมโอตาคุ
หลายต่อหลายครั้งได้พิสูจน์ให้เขามั่นใจแล้วว่า
อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร… ก็มาดิค้าบ~

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 215 ข่าวใหม่

 

มีข่าวใหม่ ข่าวล่าสุด ข่าวใหญ่มากๆ เลยพี่!

 

ขณะที่พวกหลัวซวินส่วนหนึ่งกำลังทำงานก่อสร้างกันอย่างขมีขมัน ด้านเหอเฉียนคุนกับอู๋ซินผู้รับผิดชอบงานตรวจสอบข้อมูลข่าวสารและภาพถ่ายจากดาวเทียมเป็นประจำทุกวันก็มีความคืบหน้าอีกครั้ง ตอนที่เห็นข้อมูลซึ่งอดตาหลับขับตานอนคัดกรองออกมาอย่างยากลำบากนั้นทั้งคู่ต่างช็อกกันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบหอบของวิ่งไปหาทุกคนที่ ‘ไซต์งาน’… ใช่แล้ว ตอนนี้บนพื้นดินถูกทุกคนขุดเจาะจนกลายเป็นหลุมใหญ่ๆ ดูคล้ายพื้นที่ก่อสร้างไม่มีผิด

“หัวหน้าครับ หัวหน้า! มีข่าวใหม่ ข่าวล่าสุด ข่าวใหญ่มากๆ เลยพี่!” เหอเฉียนคุนวิ่งจนพุงกระเพื่อม เนื้ออวบๆ สั่นไหวเป็นจังหวะไปทั้งตัว สีหน้าเขาดูตื่นเต้นดีใจมาก

เมื่อบรรดาคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานเงยหน้าขึ้นมาเห็นภาพนี้เข้าต่างก็พากันหลุดขำออกมาแบบกลั้นไม่อยู่ บางคนถึงขั้นทำทรายกระเด็นเข้าปากเลยก็มี

แม้แต่เถาปีศาจนอกกำแพงก็โบกสะบัดมือเกาะอยู่ริมผนังโลหะที่เรียบลื่นทันทีที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากด้านใน แต่พอพวกมันลองดูแล้วว่าไม่มีทางยื่นเข้าไปจับเหยื่อข้างในได้ถึงยอมล้มเลิกไป

“ทำไมเหรอ” หลัวซวินลูบหน้าตัวเองทีหนึ่งก่อนเอ่ยถามสองหนุ่ม โดยไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าตัวเองเวลานี้มีรอยเปื้อนคราบดินเป็นรูปนิ้วมือ

“นี่ครับพี่ พวกผมเพิ่งได้รับข้อมูลจากดาวเทียม!” เหอเฉียนคุนหอบหายใจแฮกๆ อู๋ซินที่อยู่ข้างๆ แข็งแรงกว่าเขามาก แม้จะรีบวิ่งมาเหมือนกัน แต่อย่างมากอู๋ซินก็แค่หายใจแรงขึ้นเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้พวกผมปลดล็อกรหัสไม่ได้ ก็เลยเข้าไม่ถึงข้อมูลพวกนี้ สองวันมานี้ผมกับเจ้าอ้วนเพิ่งจะเข้ารหัสได้… เลยเพิ่งเจอกล่องข้อมูลทั้งหมดที่ฐานที่มั่นแต่ละแห่งใช้แลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกัน วันนี้พวกผมเจอจดหมายที่ทางฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้เพิ่งตอบกลับหาฐานที่มั่นอื่น ดูเหมือนว่าฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้กำลังดำเนินการปฏิรูปครั้งใหญ่ และหลังจากเหตุการณ์คลื่นซอมบี้บุกล้อมฐานผ่านพ้นไปแล้ว ฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้จะไปร่วมปฏิบัติการขุดเหมืองแร่กับฐานที่มั่นอื่นด้วยครับ”

ข้อมูลเหล่านี้มีปริมาณมากเหลือเกิน อู๋ซินเองก็บอกเล่าในระยะเวลาสั้นๆ ได้ไม่ชัดเจนนัก ดังนั้นเขาจึงนำข้อมูลที่เพิ่งจัดเรียงเป็นระบบระเบียบแล้วโยนใส่ไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของอาคารปฏิบัติการ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าดูข้อมูลด้วยเครื่องมือของตัวเองได้ตลอดเวลา

ตอนนี้เองเหอเฉียนคุนเพิ่งจะดีขึ้นจากอาการเหนื่อยหอบ ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยแววตื่นเต้น “ช่องสัญญาณใหม่มีอะไรเยอะมากจริงๆ ครับ พวกผมยังเจอว่าตอนนี้มีรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมด้วย แถมข้อมูลก็สมบูรณ์ครบครันกว่ามาก แต่บางอย่างก็ต้องเข้ารหัสในการเปิดดูด้วยเหมือนกัน ไว้พวกผมจะค่อยๆ กลับไปศึกษาดูก่อน ต้องปลดรหัสได้แน่ แต่อาจจะต้องหาอุปกรณ์มาเพิ่ม จะได้สร้างห้องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่สำหรับฐานของเราไปเลย”

หลัวซวินพูดกลั้วหัวเราะ “เรื่องพวกนี้ไม่มีปัญหาหรอก พอสร้างฐานเสร็จแล้ว เราจะเข้าไปในตัวเมืองลึกขึ้นเพื่อหาอุปกรณ์บางอย่างกลับมาสร้างห้องคอมพิวเตอร์ให้พวกนายโดยเฉพาะ พวกนายอยากได้แบบไหนก็จัดเลยเต็มที่” คราวก่อนตอนพวกเขาไปศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทขนส่งก็เจอกล้องเว็บแคมอยู่บ้าง เพียงแต่เป็นของคนละรุ่นคนละแบบกัน แถมขนาดก็ไม่เท่ากัน ถึงแม้จะยังใช้การได้ ทว่าอุปกรณ์แต่ละตัวก็มีวิธีใช้และประสิทธิภาพที่ต่างกัน อีกอย่าง พวกเขาหาเจอแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น หลังจากเจอของพวกนี้แล้ว หลัวซวินจึงเกิดความคิดอยากจะเข้าเมืองไปขนอุปกรณ์เหล่านี้จากแหล่งขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กลับมาสักครั้ง

ของแบบนี้มักมีอยู่ในดิจิทัลมอลล์ ซึ่งย่อมมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่หลากหลาย ไปที่นั่นที่เดียวรอบเดียวก็น่าจะได้ของที่ต้องการกลับมาเพียบแล้ว

เมื่อได้ยินคำพูดของหลัวซวิน หนุ่มๆ สายไอทีทั้งหลายต่างเฮลั่น ปรบมือดีใจกันยกใหญ่ หลัวซวินจึงประกาศให้หยุดพักสักครู่ ทุกคนจะได้ใช้เวลานี้ดูข้อมูลข่าวสารที่เพิ่งได้รับมาใหม่เหล่านี้

คนทั้งกลุ่มกลับมาพักผ่อนดื่มน้ำดื่มท่าที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง จากนั้นก็มานั่งดูข่าวใหม่อยู่บนเก้าอี้… เป็นอย่างที่เหอเฉียนคุนพูดไว้จริงๆ ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฐานที่มั่นต่างๆ ซึ่งยังคงรับสัญญาณดาวเทียมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลหากัน กระทั่งบางฐานแม้จะห่างกันไม่ไกล แต่ก็แลกเปลี่ยนสื่อสารกันไปมาด้วยวิธีนี้ เพียงแต่ข้อมูลประเภทนี้มักถูกลบทิ้งไวมาก ดังนั้น พอพวกเหอเฉียนคุนเจอเข้าก็จะรีบคัดลอกเก็บไว้ทันที

ในบรรดาเอกสารเหล่านั้น เหอเฉียนคุนกับอู๋ซินได้ทำเครื่องหมายเน้นว่าเป็นเอกสารของฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้ไว้หลายไฟล์ พวกหลัวซวินกำลังดูเอกสารเหล่านี้กันอยู่

ไฟล์หนึ่งคือเรื่องหลังจากผ่านสงครามป้องกันฐานที่มั่นครั้งนี้แล้ว เนื่องจากอาวุธในฐานเกลี้ยงคลัง จำเป็นต้องเร่งไปขนทรัพยากรต่างๆ จากเหมืองและโรงงานผลิตที่อยู่ใกล้ๆ โดยเร็วที่สุด จึงส่งข้อความแจ้งฐานที่มั่นแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เหมืองก่อน อีกไฟล์หนึ่งก็คือข่าวเรื่องที่ฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้กำลังปฏิรูปแก้ไขสิ่งต่างๆ ใหม่หมดเหมือนอย่างที่พวกเหอเฉียนคุนบอก

ข่าวเรื่องการปฏิรูปนั้นมีเหตุปัจจัยมาก่อนหน้าแล้ว ไม่ใช่เพียงเพราะเกิดจากการพบปัญหาภายในหลังต่อสู้ป้องกันฐานที่มั่นอะไรแบบนั้น แต่เพราะก่อนหน้าการสู้รบครั้งนี้ ฐานที่มั่นบางแห่งในประเทศบริหารจัดการโดยกองทัพแบบเบ็ดเสร็จ ทุกคนต้องปฏิบัติตามคำสั่งของฐานที่มั่นเท่านั้น เป็นการจัดการแบบรวมศูนย์ที่เมื่อเกิดภาวะสงครามก็ต้องทำตามความต้องการของทางการ

ทุกคนจะได้รับแจกจ่ายอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และพลังงานตามโควตา ไม่อนุญาตให้เก็บเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล ทรัพยากรทั้งหมดต้องมอบให้ทางฐานจัดสรรแบบรวมศูนย์อำนาจ ผู้มีพลังพิเศษทุกคนต้องลงทะเบียนเพื่อประโยชน์ในการควบคุมจัดการ และถูกกำหนดให้ทำภารกิจตามระยะเวลา คนธรรมดาทั่วไปต้องเข้ารับการอบรมฝึกฝนวิชาทหารทุกคน และเชื่อฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเสมอ หากมีเหตุจำเป็นต้องออกรบก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์ คนที่ฝ่าฝืนกฎต้องถูกกองทัพลงโทษตามวินัยทหาร ถ้าละเมิดกฎขั้นรุนแรงจะถูกไล่ออกจากฐานที่มั่น หรือถูกตัดสินโทษตามกฎของกองทัพ

แรกเริ่มเดิมทีการจัดการแบบนี้ใช้กับฐานที่มั่นขนาดเล็กซึ่งมีประชากรเพียงหลักพันหรือหลักหมื่นคน ฐานที่มั่นเหล่านี้มีขนาดพื้นที่เล็กมาก ถ้าในฐานไม่มีความสมานฉันท์เป็นปึกแผ่น หากแค่เกิดเรื่องขัดแย้งเล็กน้อยก็แตกคอกันรุนแรงละก็ ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกซอมบี้ฆ่าตายหมด หรือไม่คงตีกันเองภายในจนตายเข้าสักวัน

ปัจจุบันเข้าสู่ยุควันสิ้นโลกมาเกือบสองปีแล้ว อัตราการอยู่รอดของฐานที่มั่นที่ใช้ระบบนี้มีสูงกว่าฐานอื่นๆ หลายเท่า ดังนั้นฐานที่มั่นใหญ่ๆ บางแห่งก็เริ่มใช้มาตรการเดียวกันนี้หลังจากทราบข่าว ขับไล่ผู้ที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งออกไปจากฐานทั้งหมด คนอื่นๆ ก็ให้ดำเนินการตามมาตรการทางการทหารอย่างเคร่งครัด แม้จะมีปัญหานั้นปัญหานี้ตามมา แต่เวลาที่ต้องเผชิญกับอันตรายขึ้นมาจริงๆ ฐานที่มั่นเหล่านี้ก็อยู่รอดปลอดภัยมากกว่าฐานที่มั่นอื่นอย่างเห็นได้ชัด

นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมจนถึงป่านนี้จึงยังมีผู้รอดชีวิตจากฐานที่มั่นอื่นอพยพมาอยู่ในฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้ ผู้คนที่ถูกฐานที่มั่นอื่นเนรเทศออกมาพวกนี้ไม่มีที่ไป จึงต้องแสวงหาที่ซึ่งไม่มีกฎเกณฑ์ขับไล่คนแบบนั้น

เพียงแต่ตอนนี้ฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้เองก็ไม่อาจหย่อนยานระเบียบวินัยได้อีกต่อไป ขืนยังไม่ยกระดับการจัดการภายใน แล้วรอให้คลื่นซอมบี้บุกมาอีกครั้ง ก็คงมีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้จะยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้เนื่องจากอำนาจในการปกครองถูกแบ่งส่วนการบริหารจนไม่ชัดเจน ทว่าปัจจุบันอำนาจของผู้นำระดับสูงรวมศูนย์อยู่ที่จุดเดียวกันแล้ว ทีมที่ดื้อแพ่งส่วนใหญ่ก็ถูกกำจัดไปจนหมด พวกผู้นำจะยังปล่อยให้มีสถานการณ์แบบนี้ต่อไปได้อย่างไร

หลังจากทุกคนอ่านข้อมูลนี้จบก็หันมามองหน้ากัน ไม่มีใครส่งเสียงใดๆ นานพักใหญ่ กระทั่งสักพักจึงได้ยินเสียงจางซู่แค่นหัวเราะพลางโบกโทรศัพท์มือถือ “ควรบอกว่า โชคดีที่พวกเราชิ่งออกมาก่อนสินะ”

ใช่แล้ว โชคดีที่พวกเขาเผ่นออกมาไว และโชคดียิ่งกว่าที่ได้รู้ข้อความนี้ล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นถ้าทะเล่อทะล่ากลับเข้าฐานที่มั่นไปตอนที่กำลังมีการจัดการภายในละก็ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถดิ้นหลุดและหลบหนีออกมาได้หรือไม่

“เรายังกลับฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้ไม่ได้ชั่วคราว” หลังจากหลัวซวินตั้งสติครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกกับทุกคนว่า “สถานการณ์ตอนนี้ ถ้าเรากลับไปไม่รู้ว่าพวกเราจะถอนตัวออกมาได้ง่ายๆ ไหม ไม่ต้องกลัวว่าพืชผักและธัญพืชในบ้านจะมีมากจนกินไม่ทัน อย่างมากก็แค่ตากแห้งเก็บไว้ ถ้ามีมากจนเหลือเก็บอีก คราวหน้าเราไปจับเป็ดห่านกลายพันธุ์พวกนั้นมาเลี้ยงก็ไม่เลวเหมือนกัน ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการสร้างฐานของเราก่อน จากนั้นค่อยหาโอกาสเข้าไปในเขตตัวเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อหาอุปกรณ์ดิจิทัลกลับมา และดูด้วยว่าจะหาเฟอร์นิเจอร์กลับมาด้วยได้ไหม เสร็จแล้วก็ปิดประตูอยู่กันแต่ในบ้าน”

คำพูดของเขาได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกทีมทุกคนอย่างเต็มที่ แม้ตอนที่จากฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้มาจะรู้สึกหดหู่ ไม่ยินดีปรีดาอยู่บ้าง แต่พอนึกย้อนกลับไปตอนนี้ ก็นับว่าเป็นโชคดีที่พวกเขาย้ายออกจากที่นั่นมาสร้างฐานทัพใหม่ของตัวเองกันตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าขืนชักช้ากว่านี้สักสองสามเดือน คาดว่าต่อให้พวกเขาอยากย้ายออกก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ

 

เมื่ออยู่กันตามลำพังเพียงสองคน หลัวซวินก็กระซิบบอกเหยียนเฟยว่า “อนาคตต่อจากนี้ฉันไม่รู้แล้วจริงๆ ว่าจะเป็นยังไง… ถ้าฐานที่มั่นตะวันตกเฉียงใต้ดำเนินการตามข้อมูลที่เราได้รับมาละก็ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันข้างหน้าจะเปลี่ยนไปยังไง…”

ชาติที่แล้วเขาไม่เคยได้ยินเรื่องการปฏิรูปการปกครองในฐานที่มั่นทำนองนี้มาก่อน แม้ว่าในฐานที่มั่นตอนนั้นจะยังอยู่ภายใต้การบริหารของกองทัพเหมือนช่วงแรกหลังวันสิ้นโลก และต่อมาบรรดาผู้มีพลังพิเศษทั้งหมดรวมตัวกันไปสร้างเขตเมืองใหม่ แต่พลเรือนในฐานก็ยังคงเป็นพลเรือน ไม่อย่างนั้นเมื่อชาติก่อนเขาจะใช้ชีวิตเป็นโอตาคุอยู่ได้นานเกือบสิบปีได้อย่างไร

เหยียนเฟยหลุดขำแล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ความแตกต่างก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ ในแต่ละวันมีเรื่องเกิดขึ้นตั้งมากมาย ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็อาจส่งผลให้อนาคตแตกต่างออกไปได้ทั้งนั้น ถ้ามันเหมือนกับสิ่งที่นายฝันเห็นไปหมดทุกอย่าง ชีวิตแบบนั้นจะยังมีความหมายอะไร” แม้ในอนาคตจะต่างจากสิ่งที่หลัวซวินรู้มา แต่เหยียนเฟยกลับไม่กังวลเลยสักนิด ไม่เหมือนกันสิดี ไม่เหมือนกันหลัวซวินจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระความกดดันในใจกับสถานการณ์ที่เห็นในความฝัน

ยิ่งไปกว่านั้น เพราะชีวิตคนเราเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนต่างๆ นี่แหละถึงจะเรียกว่าชีวิต ถ้ารู้ทุกอย่างล่วงหน้า แล้วเราก็ยังได้แต่เดินตามสิ่งที่รู้มาแบบนั้น พอเจออันตรายก็ไม่สามารถเดินอ้อมหลีกหลบไปได้ มีเรื่องเสียใจก็ต้องฝืนผ่านประสบการณ์นั้นซ้ำอีกครั้ง ใครจะไปทนไหว

ดังนั้นแม้ว่าฝันบอกเหตุของหลัวซวินจะสำคัญมาก แต่ตอนนี้พวกเขาได้สร้างชีวิตของตัวเองแล้ว การรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจึงไม่ได้สำคัญขนาดนั้นอีกต่อไป

ครั้นได้ฟังคำปลอบโยนจากคนรัก หลัวซวินก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย เมื่อปรับอารมณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว เขาก็เริ่มทุ่มเทให้กับงานก่อสร้างต่อเติมฐานทัพใหม่ของตนต่อ

ปริมาณงานที่เหอเฉียนคุนและอู๋ซินรับผิดชอบลดลงไปมากแล้ว แต่ทุกคนยังเห็นตรงกันว่าควรให้พวกเขาสองคนดูแลเฉพาะการเก็บรวบรวมข้อมูลก็พอ ทว่าสองหนุ่มกลับตอบอย่างใจกว้างว่า งานเก็บข้อมูลใช้เวลาไม่มากแล้ว เมื่อพวกเขาทำงานส่วนนั้นของตัวเองเสร็จก็จะแบ่งเวลามาช่วยขนดิน ซึ่งสามารถทำควบคู่กันสองงานได้เหมือนอย่างที่สวีเหมยกับซ่งหลิงหลิงช่วยกันทำกับข้าวให้พวกตนด้วย ถ้างานก่อสร้างในแต่ละวันลดน้อยลงแล้ว พวกเขาค่อยกลับไปขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์ต่อ

หลุมขนาดใหญ่ภายในฐานทัพขุดเสร็จเร็วมาก เหยียนเฟยตรวจดูระดับความลึกของพื้นดิน จากนั้นก็เริ่มลงมือสร้างพื้นโลหะเหนือเพดานของชั้นใต้ดิน พื้นชั้นนี้หนาประมาณหนึ่งเมตรเพื่อรองรับระบบทำความร้อนใต้พื้นเต็มพื้นที่ของลานโล่งทั้งหมด ทำให้โรงเรือนแห่งนี้กลายเป็นเรือนกระจกอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากวางระบบทำความร้อนใต้พื้นเสร็จเรียบร้อย ทุกคนจึงเริ่มงานขั้นต่อไป นั่นก็คือ…ถมดิน

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า