โอตาคุวันสิ้นโลก
重生宅男的末世守则
暖荷 หน่วนเหอ เขียน
เมิ่งเหวิน เเปล
นิยาย 7 เล่มจบ
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
____________________________________
บทที่ 7 คืนก่อนวันสิ้นโลก
โอตาคุสายกี๊ก [1] จะสอนคุณเอาตัวรอดจากวันสิ้นโลก โดย โอตาคุจอมห่วย
เหนือห้องรับแขก ไก่ เป็ด และห่านตากแห้งห้อยแขวนรับลมอยู่บนนั้นเป็นตัวๆ ข้างๆ กันเป็นไส้กรอกกับกุนเชียงเรียงแถวเป็นเส้นๆ แขวนระโยงระยางประหนึ่งธงสี…
หลายวันก่อนมีเสียงสว่านดังให้ได้ยินทุกวัน พอมาช่วงนี้ก็เปลี่ยนเป็นกลิ่นหอมของกับข้าวโชยมาทุกวัน วิถีชีวิตของเจ้าของห้องชั้นสิบหกเปลี่ยนไปไวมาก
คนงานหลายคนที่กำลังตกแต่งห้องบนชั้นสิบสี่ต่างพากันยืนสูดกลิ่นอยู่ตรงระเบียง มีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “เมื่อวานเมนูแป้งย่าง วันนี้เป็นกลิ่นอะไรน่ะ”
“ข้าวตังทอด! ยายฉันทำเป็น อร่อยกว่าซื้อในซูเปอร์มาร์เก็ตมากด้วย”
“นายว่าบ้านพวกเขาทำอะไรกันเหรอ ทำไมสองสามวันมานี้ถึงได้ทำกับข้าวทุกวันเลย”
“อาจขายข้าวกล่องละมั้ง”
“ขายข้าวกล่อง? ทำไมต้องทอดข้าวตังด้วยล่ะ”
“แถมไม่ยักกะได้กลิ่นผัดกับข้าวอะไรเลย”
“ใครบอก เมื่อวานยังได้กลิ่นอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
“นายไม่ดูเวลาเลยหรือไงว่ามันกี่โมงแล้ว นี่ห้าโมงครึ่ง เขาก็ต้องทำมื้อเย็นกินกันสิ!”
…
หลัวซวินคีบข้าวตังชิ้นสุดท้ายขึ้นจากน้ำมันอย่างมีความสุข ภารกิจวันนี้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว
เมื่อเห็นถุงข้าวสารกับถุงแป้งที่แบ่งซื้อมาพร่องลงไปเกือบครึ่งก็รู้สึกสบายใจ พวกของแห้งแบบแบ่งขายนี้มักเก็บได้ไม่นาน โดยเฉพาะในบ้านที่ปลูกพืชและมีดินที่เพิ่งขุดมาจำนวนมากอย่างที่นี่ หากมีมอดหรือแมลงเล็ดลอดเข้าไปได้ก็จบเห่แน่ ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจเอาพวกมันออกมาจัดการ ทำอะไรได้ก็ทำไว้ล่วงหน้า
ภายในห้องครัวมีแค่เตาแก๊ส ไม่ได้ติดตั้งเครื่องดูดควัน แต่หลัวซวินติดตั้งพัดลมระบายอากาศเอาไว้แทน แหล่งพลังงานไม่ว่ายุคไหนล้วนเป็นสิ่งขาดแคลน โดยเฉพาะกับยุควันสิ้นโลก ดังนั้นนอกจากสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันแล้ว จุดไหนที่ช่วยประหยัดไฟได้เขาก็จะไม่ยอมสิ้นเปลืองเด็ดขาด
อย่างเช่นตู้แช่ทั้งสามตู้ในบ้าน ตู้หนึ่งเป็นแบบตู้เย็น ส่วนอีกสองตู้เป็นตู้แช่แข็ง ทั้งสามตู้นี้เป็นตู้ใหม่ทั้งหมด จุของได้เยอะและประหยัดไฟ ตอนนี้เขาเปิดใช้เพียงตู้เดียว ในนั้นมีเนื้อสัตว์ที่เขาเพิ่งซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตและตลาดสดเมื่อไม่กี่วันก่อนบรรจุอยู่เต็ม
หลอดไฟในบ้านเปลี่ยนเป็นรุ่นประหยัดไฟหมดทุกดวงแล้ว ทั้งยังซื้อเทียนไขมาสำรองไว้อีกเป็นกะตั้ก นอกจากนี้ยังมีแอลกอฮอล์อีกด้วย
ตอนกลับเข้ามาในห้องรับแขก เจ้าตัวเล็กตื่นอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นหลัวซวินเดินออกมาก็ส่ายหางด้วยความดีใจ กระโดดมาเกาะแข้งเกาะขาเขา หวังให้หลัวซวินอุ้มมันขึ้นบินกลางอากาศ
หลัวซวินอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา เกาคางมันพร้อมกับทิ้งตัวนั่งพักหายใจอยู่บนโซฟา
แม้กลิ่นน้ำมันจะติดตามตัว แต่เวลานี้หลัวซวินเพลียมากจนขี้เกียจลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงยังไงในบ้านก็มีแค่เขากับเจ้าตัวเล็ก เขาไม่รังเกียจตัวเองหรอก เจ้าตัวเล็กยิ่งแล้วใหญ่ เพราะงั้นขอนอนอืดก่อนแล้วกัน
หลัวซวินเงยหน้าเคาะตู้ปลาที่ตั้งอยู่ข้างโซฟาสองที ในตู้มีปลาว่ายไปมาอยู่นิดหน่อย ส่วนตู้อีกใบมีกุ้งอยู่อีกไม่กี่ตัว ปลาและกุ้งเหล่านี้ไม่ได้เลี้ยงไว้ดูเล่น แต่เพราะก่อนหน้านี้เขาไปตลาดเลยถือโอกาสซื้อติดมือกลับมาด้วย พวกมันตัวเล็กนิดเดียว หลัวซวินก็ไม่รู้ว่าเขาจะเลี้ยงพวกมันรอดหรือเปล่า แต่ตอนอยู่ที่ตลาดเห็นพวกมันยังเป็นๆ แถมราคาไม่มากไม่มาย เลยซื้อกลับมาด้วย
ปลากับกุ้งยังตัวเล็กจิ๋วจึงไม่รู้ว่าเป็นพันธุ์อะไร วันรุ่งขึ้นหลังซื้อกลับมาก็ตายไปเกือบครึ่ง ที่เหลือก็ทยอยตายไปทีละตัวสองตัว จนตอนนี้เหลือปลาอยู่สี่ตัวกับกุ้งสามตัว
หน้าต่างข้างระเบียงติดตั้งตู้กระจกใบเล็กที่ดัดแปลงแล้ว ภายในเลี้ยงนกกระทาไว้แปดตัว เพื่อเลี้ยงเจ้าสิ่งมีชีวิตแปดตัวนี้ หลัวซวินถึงขั้นลงทุนซื้อหนอนนกมาเลี้ยงไว้ในตู้กระจกอีกใบ ถึงอย่างไรเจ้าพวกนี้ก็เลี้ยงง่ายมาก แค่โรยดินเอาใบผักใส่ลงไปนิดหน่อยพวกมันก็อยู่ได้แล้ว เพื่อเจ้านกกระทาแปดตัวที่ไม่รู้ว่าพวกมันจะออกไข่เมื่อไร หลัวซวินรู้สึกว่าตัวเองลงทุนไปไม่ใช่น้อยเลย
เขากวาดตามองไปรอบๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองไส้กรอก กุนเชียง กับเป็ด ไก่ ห่านที่ห้อยโตงเตงอยู่ด้านบน หลัวซวินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาท่องอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยเปื่อย
ตอนนี้ยังมีเงินสดเหลืออยู่สองพันแปดสิบหยวน หลัวซวินตั้งใจไว้ว่าวันสุดท้ายก่อนวันสิ้นโลกค่อยออกไปซื้ออาหารกินเล่นสำเร็จรูป ส่วนระหว่างนี้น่ะเหรอ…ทุกวันนี้นอกจากทำอาหารแห้งเตรียมไว้เป็นเสบียงและเล่นกับเจ้าตัวเล็ก ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำแล้ว…
เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบวันโลกใบนี้ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่รู้ว่าผู้คนต้องเสียชีวิตในมหันตภัยร้ายครั้งนี้กันเท่าไร…
หลัวซวินเผลอพิมพ์คำว่า ‘วันสิ้นโลก’ ลงไปในช่องค้นหาอย่างไม่ได้ตั้งใจ สายตาเขาพลันหยุดค้างอยู่ที่หนึ่งในผลลัพธ์ของการค้นหาทั้งหมด
วันที่ 22 พฤศจิกายน มีกระทู้ชื่อโอตาคุสายกี๊กจะสอนคุณเอาตัวรอดจากวันสิ้นโลกเผยแพร่อยู่บนกระดานสนทนาแห่งหนึ่ง
เจ้าของกระทู้มีความเชี่ยวชาญสูงมาก เขาเริ่มจากข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่ทุกคนรู้กันดี จากนั้นก็สอนว่าจะดัดแปลงข้าวของเครื่องใช้ในบ้านมาผลิตน้ำสะอาดได้อย่างไร สอนวิธีใช้ประโยชน์จากธัญพืชและของใช้เบ็ดเตล็ดที่มีอยู่ในบ้านมาเพาะปลูก และอื่นๆ อีกมากมายสารพัด ดึงดูดผู้ติดตามกระทู้ได้เป็นจำนวนมาก
เนื่องจากเป็นกระทู้ที่เผยแพร่เนื้อหาแบบเรียลไทม์ เมื่อเจ้าของกระทู้เกิดนึกอะไรขึ้นได้ก็มักจะกลับมาอัปเดตเนื้อหาใหม่ๆ อยู่ตลอด ทำให้ผู้ติดตามอ่านกระทู้นี้กันอย่างสนุกสนาน
อีกทั้งกระทู้นี้ก็ไม่มีการอ้างคำทำนายหรือปล่อยข่าวลือไร้แก่นสาร ไม่มีเนื้อหาโฆษณาขายของแอบแฝง เพียงแค่โชว์ของที่มีอยู่ในบ้านตัวเอง สอนให้ทุกคนรู้วิธีดัดแปลงและ DIY จากวัสดุที่มีอยู่แล้ว ทำให้กระทู้ถูกเหล่าสมาชิกเว็บบอร์ดดันขึ้นไปอยู่อันดับสูง
เพราะของส่วนใหญ่ก็เป็นของที่มีในบ้านอยู่แล้ว ถึงทุกคนจะคิดว่าวันสิ้นโลกเป็นเรื่องไกลตัว แต่ถ้าลองทำตามวิธีในกระทู้นี้ ปลูกถั่วงอก ปลูกกระเทียม ฟักทอง มะเขือเทศ หรืออะไรพวกนี้ ก็ไม่แย่หรอกมั้ง ต่อให้ไม่เอามากิน เอามาตั้งไว้ข้างคอมพิวเตอร์ก็ยังพอถูไถว่าใช้พืชสีเขียวป้องกันรังสีจากจอคอมพิวเตอร์ได้
สมัยนี้การปลูกพืชผักสวนครัวเริ่มค่อยๆ กลายเป็นที่นิยมในสังคม เพราะของที่ซื้อจากข้างนอกทั้งไม่ถูกสุขอนามัยและไม่ปลอดภัย ทำให้เหล่าแม่บ้านที่อยู่ว่างกลายเป็นผู้ติดตามอันดับต้นๆ ตอนนี้ยิ่งมีคำที่เกี่ยวโยงกับ ‘วันสิ้นโลก’ ก็ยิ่งดึงความสนใจของเหล่าโอตาคุให้เข้ามาติดตามด้วย
หลังจากที่คนเข้ามาสอบถามเจ้าของกระทู้กันเยอะ กระทู้ก็ถูกชาวเน็ตแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก ยิ่งดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนที่มีประสบการณ์การปลูกพืชสวนครัวมากขึ้นไปอีก
เห็นกระทู้ที่ยิ่งโพสต์ก็ยิ่งมีคอมเมนต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หลัวซวินพลันแอบรู้สึกเสียใจขึ้นมานิดหน่อยว่าเขาตั้งกระทู้นี้ช้าเกินไปหรือเปล่า หากตั้งเร็วกว่านี้อีกสักหน่อย…บางทีอาจช่วยเหลือผู้คนได้มากยิ่งขึ้น
ไม่หรอก นี่ยังไม่ถือว่าสายเกินไปเสียหน่อย…
หลังโพสต์เนื้อหาเท่าที่เขาพอจะนึกออกในวันนี้เสร็จ หลัวซวินก็ถอนหายใจพลางเกาหัวเจ้าตัวเล็กที่นอนหงายขาชี้ฟ้าอยู่บนอกของตน สำหรับคนที่สนใจเรื่องนี้คงจะทดลองทำตามเนื้อหาที่เขาสอนไว้ในกระทู้เพื่อตระเตรียมการบางอย่างไม่มากก็น้อย
ส่วนคนที่ไม่ได้สนใจ ต่อให้ได้ยินคนบอกว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันสิ้นโลก เกรงว่าก็คงไม่ทำอะไรอยู่ดี
เพราะผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ผ่านเหตุการณ์นั้นด้วยตัวเองก็คงไม่มีใครเชื่อข่าวที่ไม่มีมูลอะไรพวกนี้หรอก ขนาดตัวเขาเองถึงจะรู้วันเวลาของการเกิดเหตุวันสิ้นโลก แต่ตราบใดที่วันที่ 28 พฤศจิกายนยังมาไม่ถึง เขาก็เต็มใจที่จะเชื่อว่าเรื่องราวในชาติก่อนเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
สุดท้ายเขามองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือชั่วครู่ ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มของวันที่ 26 พฤศจิกายนแล้ว พรุ่งนี้ค่อยออกไปข้างนอกอีกรอบ แล้ววันมะรืน…ยุควันสิ้นโลกก็จะมาถึง
วันที่ 27 พฤศจิกายน เวลาสองทุ่มตรง ในเวลานี้เจ้าของกระทู้ได้บอกไว้ตั้งแต่คราวก่อนว่าจะโพสต์ข้อมูลเป็นครั้งสุดท้าย
ผู้ติดตามกระทู้หลายคนเข้ามาก่อนเวลาโพสต์ พอผ่านไปสักพักก็จะกดปุ่ม F5 รีเฟรชหน้าจอครั้งหนึ่ง ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาเพื่อรอว่าโอตาคุสายกี๊กจะมีเนื้อหาอะไรใหม่ๆ มาเผยแพร่อีกบ้าง ช่วงไม่กี่วันมานี้มีคนจำนวนไม่น้อยลองเอาวัสดุที่มีอยู่แล้วในบ้านมาลองปลูกพืชผัก ยิ่งไปกว่านั้นถึงขั้นมีกลุ่มพวกชอบทดลองสุดเจ๋งลงมือทำเครื่องกลั่นแบบครบชุดออกมาได้
นี่เหมือนเป็นกิจกรรมของคนส่วนใหญ่ที่เรียนจบแล้วก็ไม่ได้ทำกิจกรรมทดลองทางวิทยาศาสตร์พวกนี้อีกเลย
เวลาสองทุ่มตรง ข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมา คนจำนวนมากยังไม่ทันได้อ่านเนื้อหาก็รีบชิงกดโหวตกระทู้กันไปก่อน แล้วถึงจะไล่อ่านเนื้อหาตั้งแต่ต้นอีกที
เนื้อหาที่โพสต์ทำให้คนอ่านช็อกกันสุดขีด
จาก โอตาคุจอมห่วย :
วันนี้เจ้าของกระทู้จะโพสต์ข้อความเป็นครั้งสุดท้าย
หลังเที่ยงคืนวันที่ 27 พฤศจิกายน …ซึ่งก็คือวันที่ 28 พฤศจิกายน อุบัติการณ์ยุควันสิ้นโลกจะมาเยือน
เจ้าของกระทู้ขอแนะนำทุกท่าน หากอาศัยอยู่ร่วมกับผู้อื่นในบ้าน ถ้าเป็นไปได้ ทางที่ดีควรแยกกันอยู่เดี่ยวๆ คนละห้อง แล้วปิดล็อกประตูให้แน่นหนา เพราะซอมบี้เปิดประตูเองไม่ได้
ถ้าในบ้านมีสัตว์เลี้ยง ควรจับพวกมันใส่กรงไว้จะดีที่สุด หรือไม่ก็ขังแยกไว้ในห้องตัวเดียว เพราะถ้ามันกลายเป็นซอมบี้ ความอันตรายของมันมีมากเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้
ถึงเพื่อนๆ ทุกท่านที่ได้อ่านข้อความนี้ โปรดรีบกักตุนน้ำไว้โดยเร็วที่สุด เพราะเจ้าของกระทู้ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าแหล่งน้ำจะเกิดการปนเปื้อนขึ้นมาตอนไหน การกักตุนน้ำไว้ล่วงหน้าไม่ใช่เรื่องเปลืองแรงอะไร ทุกคนก็ถือว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่น้ำไม่ไหลทั่วประเทศวันหนึ่งก็แล้วกัน
เรื่องอื่นที่ต้องระวัง เจ้าของกระทู้ได้อธิบายไว้ในต้นกระทู้อย่างสุดความสามารถแล้ว ถึงในบ้านจะไม่ได้เตรียมสิ่งของ ยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงอาหารตามที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ แต่ขอเพียงทุกคนทำตามขั้นตอนมาตรการการเอาตัวรอดกรณีฉุกเฉินที่ได้สอนไป ก็น่าจะยืนหยัดอยู่รอดจนทีมกู้ภัยมาถึงได้
เชื่อมั่นเข้าไว้ ทีมกู้ภัยจะต้องไปช่วยอย่างแน่นอน เพราะนี่คือบ้านที่พวกเราทุกคนอยู่ร่วมกัน
ป.ล. : เจ้าของกระทู้หวังจากใจจริงว่าคำพยากรณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นจริง และวันพรุ่งนี้เจ้าของกระทู้หวังอย่างยิ่งว่าจะได้พบกับทุกคนอีก… อย่างที่ไม่มีใครเป็นอะไรไป
ข้อความใหม่ที่เพิ่งโพสต์ล่าสุดทำให้ทุกคนที่ได้อ่านตะลึงงันไปตามๆ กัน จากนั้นก็เกิดความคิดว่า ‘นึกไว้อยู่แล้วเชียว’ ผุดขึ้นมาในหัว
ก่อนหน้านี้เคยมีคนคาดเดาไว้ว่า บางทีเจ้าของกระทู้อาจใช้วิธี ‘ล่อทุกคนให้มาติดเบ็ด แล้วค่อยปล่อยสายฟ้าฟาดเปรี้ยง’ ว่าอำเล่น มุกทำนองนี้มีให้เห็นอยู่ดาษดื่นในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะกระทู้คำทำนายและกระทู้เรื่องวันสิ้นโลกที่เห็นกันจนชินตา
ฉะนั้นก่อนหน้านี้ที่เจ้าของกระทู้เอาแต่สอนสิ่งต่างๆ ให้กับทุกคนจนทำให้เหล่าคนมีไหวพริบทั้งหลายต่างสงสัย สุดท้ายก็ได้รับคำตอบออกมาในรูปแบบนี้ จึงทำให้คนมองเป็นเรื่องปกติว่านี่คือ…กระทู้ดัก… ไม่ผิดไปจากที่คาดไว้สักนิด
ดังนั้นพอแอดมินผู้ชาญฉลาดทั้งหลายหารือกันสักพัก ก็ลงมติให้ลบโพสต์ล่าสุดของเจ้าของกระทู้ทิ้งตอนสองทุ่มยี่สิบเอ็ดนาที
วันที่ 28 พฤศจิกายน เวลา 00.00 น.
ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นจุดนี้ ถึงจะมีคนเห็นว่าท้องฟ้าเป็นสีแดง แต่ท้องฟ้ายามราตรีในเขตตัวเมืองก็สีแบบนี้เป็นเรื่องปกติ คนส่วนใหญ่เลยไม่ได้เห็นเป็นเรื่องน่าแตกตื่นจนต้องร้องแรกแหกกระเชอ
หลัวซวินยืนอยู่ตรงหน้าต่างห้องนอน เจ้าตัวเล็กถูกขังอยู่ในกรงชั้นล่าง เวลานี้กำลังซุกตัวหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดตุ๊กตาหมาขนฟูตัวโต ส่วนปลากับกุ้งถูกจับแยกใส่ขวดพลาสติกขวดละตัว
พวกนกกระทาเองก็ถูกจับแยกครอบด้วยแกลลอนพลาสติกที่ตัดแบ่งครึ่งไว้ตัวละอัน
ส่วนพวกหนอนนกกับไส้เดือนก็ถูกจับแยกไปต่างหาก แม้แต่กระถางดอกไม้หรือชั้นรางปลูกผักตรงระเบียงก็ถูกขยับให้อยู่ห่างจากกันในระยะที่ปลอดภัย
คืนนี้แล้วสินะ…ท้องฟ้าสีแดงแบบเดียวกัน กับบรรยากาศแสนกดดันที่ไม่ต่างกัน…
ท่ามกลางท้องฟ้าสีแดงค่อยๆ ปรากฏจุดแสงสีเขียวหม่นกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศราวกับเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ
หลัวซวินมองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย จากนั้นเดินกลับมาข้างเตียงอย่างเงียบงัน แล้วเอนตัวลงนอน
ชาติก่อนเขาไม่ได้กลายเป็นซอมบี้ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีพลังพิเศษใดๆ
ชาตินี้เขาก็ไม่วิงวอนขอให้ตัวเองมีพลังพิเศษอะไรทั้งนั้น หวังแค่ว่าวันพรุ่งนี้เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ตัวเองจะไม่กลายเป็นซอมบี้ แค่นี้ก็พอแล้ว…
[1] Geek เป็นคำเรียกคนที่มีความเชี่ยวชาญและหมกมุ่นหลงใหลในวิทยาการหรือศาสตร์บางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยี คล้ายคลึงกับคำว่า Nerd (เนิร์ด) ชาวจีนบางกลุ่มนำไปใช้และแยกความแตกต่างให้ กี๊ก ว่าหมายถึงคนที่สนใจในเชิงเทคนิคหรือเชิงปฏิบัติ ส่วนเนิร์ดสนใจในเชิงตำราหรือเชิงข้อมูล