[ทดลองอ่าน] กลยุทธ์การเอาตัวรอดของตัวเบี้ยผู้กลับมาเกิดใหม่ บทที่ 5

กลยุทธ์การเอาตัวรอดของตัวเบี้ยผู้กลับมาเกิดใหม่
炮灰重生自救攻略

 

ผูเถาหย่างเล่อตัว เขียน
葡萄养乐多

จิงจิง แปล

 

— โปรย —

ชาติก่อน เย่หนานถูกจับให้แต่งงานเป็นชายารองแทนพี่สาว สุดท้ายสามีสั่งขังและพระชายาเอกก็หยิบยื่นยาพิษให้จนเขาตายในคุก ชาตินี้เขาจึงตั้งใจจะแก้แค้น! เป้าหมายของเขาคือ ฉู่เซียวหรัน ผู้เป็นเซ่อเจิ้งอ๋อง!

ช่างเถอะๆ เขาคงฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้หรอก งั้นต้องหนี! หนีไปให้ไกลจะได้ไม่ต้องพบคนใจทรามผู้นั้นอีก

แต่ยังไม่ทันจะเก็บผ้าผ่อน คนใจทรามที่ว่าก็มาสู่ขอเขาถึงจวนเสียแล้ว เดี๋ยวนะ มาสู่ขอเขา ไม่ใช่พี่สาวของเขาหรอกเหรอ!

เหตุใดชาตินี้เซ่อเจิ้งอ๋องผู้เคยเย็นชาจึงทำตัวแปลกนักเล่า เย่หนาน “ท่านป่วยหรือ”

ฉู่เซียวหรัน “เราป่วยหนัก ไม่เจอพระชายาเพียงหนึ่งเค่อ หัวใจก็เจ็บปวดราวถูกมีดจ้วงแทง พระชายาช่วยรักษาเราได้หรือไม่” เย่หนาน “ฉู่เซียวหรัน ท่านจะทำอะไร! นี่มันห้องหนังสือ หากผู้อื่นมาเห็นเข้าจะทำเช่นไร!”

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 5
ฝัน?

 

“คุณชาย นี่คือเบี้ยประจำเดือนที่จ่ายในวันนี้ขอรับ” อาฉงยื่นถุงเงินในมือให้

เย่หนานยื่นมือออกไปรับ “ทำไมถึงน้อยอย่างนี้ล่ะ”

“คุณหนูรองบอกว่างานวันเกิดของนายท่านมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก จึงต้องหักจากค่าเบี้ยเลี้ยงประจำเดือนของสมาชิกในจวนขอรับ” อาฉงกล่าวพลางลูบศีรษะป้อยๆ

เย่หนานชั่งน้ำหนักถุงเงินด้วยมือเปล่า เงินเท่านี้น่าจะพอคืนให้ฉู่เซียวหรันได้ ทว่าจะคืนอย่างไรดีเล่า เขาไม่อยากพบหน้าฉู่เซียวหรันอีก หรือว่าเขียนจดหมายเล็กๆ ใส่ลงไปในถุงเงินแล้วโยนข้ามกำแพงไปดีนะ

“วิธีนี้เข้าท่า” เย่หนานพยักหน้าพึมพำกับตนเอง

“ไป อาฉงออกไปข้างนอกกับข้าหน่อย” เย่หนานกล่าวขณะก้าวไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ

“ไปไหนหรือ คุณหนูรองเรียกข้าไปช่วยงานน่ะสิขอรับ”

พอได้ยินว่าพี่รองเป็นคนเรียกใช้ เย่หนานย่อมไม่กล้าขัด “เช่นนั้นเจ้ารีบไปเถิด ขืนชักช้าพี่รองคงมีวิธีทำให้เจ้าเดือดร้อนมากมายเชียวละ”

เย่หนานหยิบพู่กันออกมาเขียนข้อความสั้นๆ ก่อนจะยัดลงในถุงเงิน แล้วหยิบถุงเงินเดินไปจนถึงบริเวณนอกจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเพียงลำพัง เขาหยุดยืนตรงมุมกำแพงแล้วโยนถุงเงินเข้าไปในจวนอ๋อง

“โอ๊ย ผู้ใดกัน” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น เสียงนี้มัน! จบกัน เหตุใดถึงซวยเยี่ยงนี้ เขาโยนมันไปกระแทกโดนฉู่เซียวหรันเต็มๆ

เย่หนานรีบกลับหลังหันหมายจะออกตัววิ่ง แต่ทันทีที่เขาหมุนตัว คมกระบี่ก็วางพาดบนช่วงลำคอ เย่หนานจึงย่นคอหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ

“ท่านอ๋อง จัดการอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงนี้เป็นของฉู่หลี องครักษ์ข้างกายฉู่เซียวหรัน ชาติที่แล้วเย่หนานกับฉู่หลีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ฉู่หลีไม่ค่อยพูดจา ทักษะวรยุทธ์สูงส่ง เขามาถ่ายทอดคำพูดของฉู่เซียวหรันอยู่บ่อยครั้ง และยามออกไปเดินเล่นข้างนอกก็มักจะคอยติดตามเขาไปด้วยเสมอ

เมื่อเย่หนานลืมตาขึ้นช้าๆ ก็เห็นฉู่เซียวหรันยืนอยู่ข้างกายตนเอง ฉู่เซียวหรันอยู่ใกล้เขามาก ใกล้จนเย่หนานสามารถได้ยินเสียงหายใจของอีกฝ่าย ส่วนฉู่หลีนั้นเก็บกระบี่ลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“คือว่า…ข้ามาคืนเงิน” เย่หนานเงยหน้ามองฉู่เซียวหรัน ดูจากพื้นอารมณ์ของฉู่เซียวหรันแล้ว การโยนถุงเงินไปโดนเขาย่อมต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เย่หนานจึงได้แต่โค้งตัวกล่าวคำขอโทษ “ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

เย่หนานเอ่ยจบก็ลอบสำรวจท่าทีของฉู่เซียวหรัน อีกฝ่ายไม่เอื้อนเอ่ยคำใด ทว่าใบหน้ากลับเจือไปด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนได้หรือไม่”

ในสายตาของฉู่เซียวหรันตอนนี้ เย่หนานเหมือนหนูติดจั่น ขี้ขลาดทว่าน่าเอ็นดู ฉู่เซียวหรันยืดตัวตรงแล้วกล่าวอย่างไม่จริงจังนัก “ไม่ได้ เจ้าทำร้ายเราแล้วคิดจะหนีหรือ ต้องชดใช้ให้เราถึงจะถูก”

เย่หนานมองฉู่หลีแวบหนึ่ง เริ่มมั่นใจแล้วว่าอย่างไรก็คงไม่รอด “ท่านอ๋องอยากให้ข้าชดใช้อย่างไรหรือ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านอ๋องพอใจ”

ฉู่เซียวหรันได้ยินคำตอบเช่นนี้ก็พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง “อืม ดีมาก เช่นนั้นเจ้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเราหน่อย ฉู่หลี เจ้ากลับไปก่อนเถิด ไม่ต้องตามมา” ฉู่เซียวหรันเอ่ยจบก็กลับหลังหันมุ่งหน้าไปยังทิศทางของตลาด

“เดินเล่น? แค่นี้หรือ” เย่หนานกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ

ในตลาดผู้คนคึกคัก มีของเล่นของใช้ต่างๆ ตามต้องการมากมาย

“เราอยากกินสิ่งนี้ เจ้าซื้อให้เราหน่อย” ฉู่เซียวหรันเอ่ยพลางชี้ไปยังแผงขายถังหูลู่เบื้องหน้า

เย่หนานลูบคลำกระเป๋าเสื้อของตนเอง ยังมีเงินเหลืออยู่นิดหน่อยน่าจะพอซื้อถังหูลู่ได้ เพียงแต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเซ่อเจิ้งอ๋องผู้อยู่เหนือคนนับหมื่นจะชอบกินเจ้าสิ่งนี้ หากบอกเรื่องนี้ไปก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ

เย่หนานตอบรับ จากนั้นเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าแผงแล้วซื้อถังหูลู่มาหนึ่งไม้โดยไม่คิดซื้อเผื่อตนเอง เขามีเงินอยู่เพียงน้อยนิดจึงต้องใช้อย่างประหยัด จากนั้นก็ยื่นถังหูลู่ในมือให้ฉู่เซียวหรัน

ฉู่เซียวหรันไม่ใช้มือรับ หากแต่ก้มลงกัดไปหนึ่งคำ เย่หนานมองอย่างฉงน จะกินทั้งทียังไม่อยากถือเองอีกหรือ

“อืม…เปรี้ยวเกินไป ไม่อร่อย เราไม่อยากกินแล้ว” ฉู่เซียวหรันคายถังหูลู่ในปากแล้วกล่าว

พอเย่หนานได้ยินว่าฉู่เซียวหรันไม่ต้องการ หากจะทิ้งก็เสียดาย จึงกัดเข้าไปหนึ่งคำ “ก็อร่อยดีนี่! ถังหูลู่เย็นๆ ก็ควรมีรสเปรี้ยวอมหวานถึงจะอร่อยมิใช่หรือ” เย่หนานพึมพำเสียงบางเบา

ฉู่เซียวหรันเดินตรงไปยังแผงลอยที่อยู่เบื้องหน้า เย่หนานรีบก้าวตามไป

ฉู่เซียวหรันหยุดตรงหน้าแผงขายเครื่องประดับแผงหนึ่งแล้วหยิบพู่ห้อยกระบี่ขึ้นมาดูเล่น

“พู่กระบี่ชิ้นนี้เป็นงานฝีมือที่งดงามประณีตทีเดียว” เย่หนานกล่าว

“อืม ค่อนข้างงดงามทีเดียว” ฉู่เซียวหรันหันมองเย่หนาน

เย่หนานอ่านความนัยของฉู่เซียวหรันออก จึงจำใจเอ่ยถามไปว่า “เถ้าแก่ ชิ้นนี้เท่าไหร่หรือ”

“รู้งานเหมือนกันนี่!” ฉู่เซียวหรันกำพู่กระบี่ไว้ในมือ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปข้างหน้า

ฉู่เซียวหรันแวะตลอดเส้นทาง ชอบของชิ้นไหนก็เดินหยิบขึ้นมาหน้าตาเฉย ส่วนเย่หนานทำได้เพียงเดินตามจ่ายเงินต้อยๆ ทั้งสองคนเดินเล่นจนถึงเวลาบ่ายคล้อย เย่หนานในตอนนี้เงินหมดถุงเสียแล้ว ซ้ำยังเหนื่อยอ่อนอีกด้วย

“ท่านอ๋อง ท่านดูสิ ฟ้าจวนจะมืดแล้ว ข้าเดินเล่นเป็นเพื่อนท่านมาทั้งวัน ท่านอ๋องน่าจะยกโทษให้ได้แล้วกระมัง” เย่หนานเอ่ยถามหยั่งเชิง

“อืม เราหิว เจ้ากินมื้อเย็นเป็นเพื่อนเราเสร็จค่อยกลับแล้วกัน” ขณะที่เอ่ยฉู่เซียวหรันก็เดินเข้าไปยังภัตตาคารซึ่งใหญ่โตที่สุดในเมือง ส่วนเย่หนานทำได้เพียงเดินตามเข้าไปเท่านั้น

“เชิญด้านในขอรับ พวกท่านรับอะไรดีขอรับ” เพิ่งเดินพ้นประตู เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งก็ปรี่เข้ามาทันที

ฉู่เซียวหรันสั่งอาหารเต็มโต๊ะใหญ่ เย่หนานลูบถุงเงินเบาโหวงของตนเอง ในสมองเต็มไปด้วยความคิดที่ว่าอีกสักพักจะหนีอย่างไร จึงไม่มีกะจิตกะใจขยับตะเกียบ

“ทำไมไม่กินเล่า ไม่อร่อยหรือ เช่นนั้นเราจะเรียกให้คนเอาไปเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด” ฉู่เซียวหรันเอ่ยถามพลางมองเย่หนานที่กำลังขบเม้มตะเกียบ

“ไม่ใช่ๆ ข้าเพียงเห็นว่าอาหารพวกนี้จัดมาอย่างประณีต จึงทำใจกินไม่ลง” อย่าสั่งเพิ่มอีกเลย เดิมทีก็ไม่มีเงินพอจ่ายอยู่แล้ว หากสั่งเพิ่มอีก เมื่อถูกจับได้เกรงว่าจะโดนรุมเละน่ะสิ

เย่หนานคีบเนื้อเข้าปากหนึ่งชิ้น รสชาติเผ็ดร้อนอร่อยมากทีเดียว มิน่าเล่าถึงเป็นภัตตาคารที่ดีที่สุดในเมือง เย่หนานกินข้าวสองชามใหญ่เคล้าน้ำตา

ฉู่เซียวหรันกินเพียงน้อยนิด แล้วนั่งอยู่ตรงนั้นคอยมองเย่หนานที่กินเหมือนสุนัขป่าหิวโซ “จุดแดงๆ บนคอและข้อมือเจ้าคืออะไรหรือ ทำไมถึงขึ้นเยอะแยะเพียงนี้”

เย่หนานยกมือเกาลำคอโดยไม่รู้ตัว “เมื่อวานข้าช่วยพี่รองจัดช่อดอกกุหลาบ จากนั้นก็มีผื่นแดงเช่นนี้”

ฉู่เซียวหรันมองโดยไม่เอ่ยคำใดอีก เย่หนานเองก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อเช่นกัน

เมื่ออาหารหมดเกลี้ยง ฉู่เซียวหรันก็ลุกขึ้นหมายจะเดินออกไปหน้าตาเฉยดังเช่นที่แล้วมา ขณะเหลือบมองพนักงานที่ยืนอยู่ด้านข้าง เย่หนานพลันคิดว่าตนคงวิ่งหนีไม่พ้น

เขาจึงทำได้เพียงรั้งฉู่เซียวหรันเอาไว้ “ท่านอ๋อง…คือว่า ทั้งตัวข้าไม่มีเงินเหลือแล้ว ท่านช่วย…จ่ายให้ก่อนได้หรือไม่…”

ฉู่เซียวหรันสบตาเย่หนาน “จวนอัครมหาเสนาบดีให้เบี้ยประจำเดือนคุณชายอย่างพวกเจ้าน้อยนิดเช่นนี้ หรือมีเพียงเจ้าที่ได้น้อยนิดอยู่ผู้เดียว”

เย่หนานถึงกับเอ่ยตอบไม่ถูกไปชั่วขณะ เปรียบเทียบกับคุณชายคุณหนูทั้งสี่คนแล้ว เบี้ยเลี้ยงประจำเดือนของเขาก็น้อยจนน่าเวทนาจริงๆ นั่นละ เกือบพอๆ กับข้ารับใช้ในจวนก็ว่าได้

คุณหนูรองเย่จิ่นเซวียนดูแลรายรับรายจ่ายทั้งหมดภายในจวน นางสามารถหาเหตุผลต่างๆ นานามาหักเบี้ยเลี้ยงประจำเดือนของเย่หนานได้เสมอ เย่หนานเองก็ไม่กล้ามีปากมีเสียง มิเช่นนั้นเย่จิ่นเซวียนจะนำเรื่องไปฟ้องฮูหยินใหญ่ พานให้ถูกตำหนิและถูกลงโทษอีก

“ไปเถิด” ฉู่เซียวหรันมองเย่หนานที่ยังยืนอยู่ที่เดิมแล้วเอ่ยขึ้นมา

“ไปเลยหรือ ยังไม่ได้จ่ายค่าอาหารเลยนะ” เย่หนานเอ่ยพลางมองฉู่เซียวหรัน

“ไม่ต้อง ภัตตาคารนี้เป็นของเรา”

เย่หนานเดินตามฉู่เซียวหรันออกจากภัตตาคาร โดยมีฉู่หลีซึ่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ยืนรออยู่ด้านนอก

“เจ้าพาเขากลับไปส่งด้วย” ฉู่เซียวหรันสั่งฉู่หลี จากนั้นก็หันหลังให้แล้วเดินกลับไปยังจวนอ๋อง

เย่หนานนึกอยากปฏิเสธ แต่เมื่อมองไปยังฉู่หลีผู้เย็นชาดุจน้ำแข็งตรงหน้านี้แล้ว ก็ได้แต่กลืนคำพูดกลับลงไปดังเดิม อีกฝ่ายต้องปฏิบัติตามคำสั่ง เขาไม่สร้างความลำบากให้คงเป็นการดีกว่า

เย่หนานเดินนำอยู่ด้านหน้า “เจ้ากินมื้อเย็นหรือยัง”

“ยังขอรับ” ฉู่หลียังคงมีนิสัยเหมือนชาติที่แล้วไม่เปลี่ยน กล่าววาจารวบรัด ช่างพูดน้อยเสียจริง

เปรียบเทียบกับฉู่เซียวหรัน เย่หนานรู้สึกว่าอยู่กับฉู่หลีแล้วค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองได้มากกว่า แม้ฉู่หลีดูเหมือนเย็นชา ทว่าแท้จริงเป็นเพียงคนพูดไม่เก่ง ทั้งๆ ที่ชาติที่แล้วชอบเสี่ยวเถาแทบคลั่ง แต่กลับเป็นตายร้ายดีก็ไม่ยอมปริปากพูด เย่หนานเห็นเช่นนั้นก็ร้อนรนกังวลใจ สุดท้ายหลังจากเสี่ยวเถาสิ้นใจ ฉู่หลีก็ไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่เนิ่นนาน ค่ำมืดดึกดื่นออกไปดื่มเหล้าเมามายอยู่หน้าหลุมฝังศพของเสี่ยวเถา

พอคิดมาถึงตรงนี้ เย่หนานจึงเอ่ยกับฉู่หลีที่เดินตามอยู่ด้วยรอยยิ้ม “เจ้าพูดให้มันเยอะๆ หน่อย อย่าเอาแต่เก็บไว้ในใจ เรื่องบางเรื่องหากเจ้าไม่พูดออกมานางก็ไม่มีทางรับรู้หรอก ชีวิตคนเราไม่ควรต้องมานึกเสียใจภายหลังถึงจะเป็นการดี”

ฉู่หลีไม่เข้าใจนักว่าทำไมจู่ๆ เย่หนานถึงเอ่ยเช่นนี้ หากแต่ก็พยักหน้าตอบรับเหมือนเข้าใจ

“จะว่าไป ฉู่หลี เจ้าเห็นหรือไม่ว่า…ฉู่เซียวหรัน เอ่อ ไม่สิ…ท่านอ๋องมีบางอย่างแปลกไป” เย่หนานกล่าว ทว่าพอกล่าวไปแล้วกลับเพิ่งตระหนักได้ว่า องครักษ์ฉู่หลีจะนำเรื่องส่วนตัวของฉู่เซียวหรันมาพูดกับคนนอกตามอำเภอใจได้อย่างไรกัน

“ชอบยิ้มขอรับ” ฉู่หลีกล่าว เขาหยุดเว้นจังหวะไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “โดยเฉพาะยามที่ได้พบคุณชาย”

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ เย่หนานก็อดขนลุกขนชันทั่วทั้งร่างไม่ได้ นี่ฉู่เซียวหรันกำลังคิดจะก่อเรื่องอะไรอีก

 

**********

 

ฉู่หลีพาเย่หนานมาส่งถึงหน้าประตูจวนก่อนจะขอตัวกลับ หลังจากเย่หนานอาบน้ำชำระล้างเหงื่อไคลเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับไป วันนี้เที่ยวเล่นทั้งวัน เหนื่อยจะตายชัก ยอมรับว่าฉู่เซียวหรันแรงดีไม่มีตกจริงๆ เดินเล่นมาทั้งวันทว่ามองไม่เห็นความเหนื่อยล้าจากเขาเลย

เย่หนานผล็อยหลับไปภายในเวลาอันรวดเร็ว ในภวังค์แห่งความฝันคล้ายมีคนส่งเสียงเรียกเขาแผ่วเบา “อาหนาน” ราวกับมีคนกำลังถอดเสื้อผ้าเขาออก ความเย็นชืดบางอย่างประทับลงบนลำคอและบนแผ่นอกของเขา

เขายกมือขึ้นไปลูบคลำอย่างงัวเงีย แต่กลับถูกคนผู้นั้นคว้ามือจับไว้ “อย่าซนสิ”

มือของคนผู้นั้นเย็นเล็กน้อย เย่หนานบีบมือเขาไว้แน่น “ปล่อยมือ เราจะได้ทายาให้เจ้าถนัดๆ” เย่หนานที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันทำตามอย่างว่าง่าย ค่อยๆ ปล่อยมือออกอย่างเชื่องช้า กลิ่นอ่อนๆ ของยานั้นหอมมาก ไม่นานเย่หนานก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทราอีกครา

 

**********

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เย่หนานหวนนึกไปถึงเรื่องราวเมื่อคืนทันทีที่ลืมตา “ฝันหรอกหรือ” เย่หนานลูบศีรษะแล้วยกมือขึ้นสูดดมกลิ่นหอมที่แสนคุ้นเคย ซึ่งก็คือกลิ่นหอมในความฝันเมื่อคืน เม็ดผื่นบนร่างกายจางหายไปกว่าครึ่ง เย่หนานยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ

อาฉงผลักประตูเข้ามา จึงเห็นเย่หนานกำลังนั่งใจลอยอยู่บนเตียง “คุณชาย ท่านตื่นแล้วหรือ กำลังคิดอะไรอยู่ขอรับ”

“อาฉง เมื่อคืนมีคนเข้ามาในจวนกลางดึกหรือไม่” เย่หนานเอ่ยถาม

“ถึงแม้จวนอัครมหาเสนาบดีจะไม่อาจเทียบเท่าวังหลวง แต่ก็นับว่ามีทหารเฝ้ายามแน่นหนา อีกอย่างองครักษ์ประจำจวนก็มิได้กินหญ้านะขอรับ ทำไมหรือคุณชาย เมื่อคืนท่านเจอมือสังหารหรือขอรับ” อาฉงเอ่ยพลางช่วยเย่หนานเก็บที่นอน

“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย หรือว่าจะฝันไปจริงๆ แต่กลิ่นหอมนี้เล่าจะอธิบายอย่างไร” เย่หนานเอ่ยพึมพำ

“ฝันอะไรหรือ เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิขอรับ” อาฉงปรี่เข้ามาหาเย่หนาน

หลังจากเย่หนานเล่าอย่างละเอียดจนจบ อาฉงก็หัวเราะฮ่าๆ ท้องคัดท้องแข็งยกใหญ่ “คุณชาย ช่วงเริ่มต้นเข้าสู่วัยรักๆ ใคร่ๆ ก็ผ่านพ้นมาแล้วนี่ขอรับ เหตุใดท่านยังฝันถึงเรื่องพวกนี้อยู่อีก หรือให้พูดอีกอย่างก็คืออายุท่านน่ะถึงคราวตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝาได้แล้ว อ้อ ไม่สิ พูดอีกอย่างก็คือท่านน่ะเป็นผู้ที่ใกล้จะออกเรือนแล้ว ไม่ต้องรีบร้อนเพียงนี้ก็ได้นะขอรับ”

เย่หนานกลอกตาอย่างหมดคำพูด “เจ้าคิดอะไรน่ะ ข้าพูดเรื่องจริงกับเจ้า แต่เจ้าคิดไปถึงไหนแล้ว ถ้าเป็นความฝันจริงแล้วเหตุใดตัวข้าถึงมีกลิ่นหอมนี้ติดอยู่ด้วย”

“หรือมีเทพจุติลงมาเกิดถูกใจคุณชายเข้า ฮ่าๆๆ” อาฉงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงดัง

“สรุปแล้วเป็นเทพองค์ใดกันแน่นะขอรับ ถึงใจดีปานนี้” ยิ่งอาฉงส่งเสียงดังเอะอะ ความทรงจำเรื่องเมื่อคืนของเย่หนานก็ยิ่งเลอะเลือนสับสน

รู้แต่เพียงว่าคนผู้นั้นช่างอ่อนโยนเหลือเกิน หัวใจเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นประดุจได้เกิดใหม่

เจ้าเป็นใครกันแน่

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า