[ทดลองอ่าน] เชิญร่ำสุรา 將進酒 บทที่ 252 : งูเปียนซา

เชิญร่ำสุรา
將進酒

 

ถังจิ่วชิง
唐酒卿

กอหญ้า แปล

 

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าปีนั้น” เสิ่นเจ๋อชวน สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่เอ่ยช้าๆ “เหตุใดข้าจึงรับปาก เช่ออัน สวมต่างหูอันนี้”
เฟ่ยเซิ่งยืนอยู่ข้างหลังไกลออกไปมาก “เพราะนายท่านกับท่านรองรักใคร่ผูกพัน”
เสิ่นเจ๋อชวนยกมือขึ้นเด็ดดอกเหมยที่บังตัวเองออก เอ่ยว่า
“เพราะข้ารู้ว่ามีคนต้องจากไป
คนที่หายลับไปในหิมะจะไม่มีวันกลับมาอีก เว้นเพียงเช่ออัน”
.
เซียวฉือเหย่ สวมต่างหูให้หลันโจว สิ่งที่ประกาศชัดแจ้งคือความเผด็จการ
แต่สิ่งที่ซ่อนแฝงอยู่คือความรักใคร่ทะนุถนอม
ทุกครั้งเวลาเขาประคองดวงหน้าหลันโจวขึ้นมา
สายตาจะเร่าร้อนถึงเพียงนั้น นี่เป็นความรักที่มิอาจถอนตัว
เป็นความปรารถนาที่มิอาจเก็บซ่อน
.
เสิ่นเจ๋อชวนสวมต่างหูที่เช่ออันมอบให้ เป็นการประกาศความเป็นเจ้าของเช่นกัน
ในความเจ็บปวดและความแค้นของเขายังหลงเหลือความอบอุ่น
นี่คือความอ่อนโยนของเขา เขาจะมอบให้เซียวเช่ออันคนเดียวเท่านั้น

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 252 งูเปียนซา

 

สายฝนซาลง เซียวฉือเหย่ถอยกลับไปที่ประตูเมืองตวนโจว ทหารรักษาการณ์เริ่มทำความสะอาดสมรภูมิโดยไม่หยุดพัก น้ำในคูเมืองล้นออกมา ขังอยู่บนพื้นดินหน้าประตูจนเละเทะ กีบเท้าม้าย่ำไปมีแต่ดินโคลน ทุกคนสกปรกมอมแมม

เสิ่นเจ๋อชวนยืนอยู่หน้าประตูเมือง มองลั่งเถาเสวี่ยจินควบเข้ามาใกล้ เซียวฉือเหย่โน้มตัวลงจากหลังม้า เสิ่นเจ๋อชวนยกแขนขวาขึ้นแตะกับเขาเบาๆ หนึ่งที เซียวฉือเหย่มองอีกฝ่ายโดยมิได้หดแขนกลับ เขาพลิกมือเชยคางเสิ่นเจ๋อชวนขึ้น หลุบตากลางสายฝนและเอาหน้าผากแตะกัน

สองคนใกล้ชิดกันกลางสายฝน

เสิ่นเจ๋อชวนหลุบตาลง น้ำฝนไหลตามขนตาเขาหยดลงบนสันจมูกเซียวฉือเหย่ เขาระบายยิ้มช้าๆ จากนั้นเปล่งเสียงหัวเราะออกมา

เฉียวเทียนหยาควบม้าเข้ามา ถึงกลางทางก็รั้งเชือกบังเหียนหยุดม้า เอี้ยวตัวไปมองจี้กัง “อาจารย์หายไปไหน”

จี้กังยืนอยู่ปากทางลอดนานแล้ว โยนเสื้อคลุมตัวใหญ่ในมือให้เฉียวเทียนหยาและมองไปยังม่านฝน

เฉียวเทียนหยาคลุมเสื้อลงบนร่าง เอ่ยว่า “อาจารย์ วิชาหมัดมวยสกุลจี้จะมีชื่อเลื่องลืออีกครั้งหลังสงครามครั้งนี้ หากบิดาสกุลจี้ในปรโลกทราบเข้า จะต้องนอนตายตาหลับแน่”

จี้กังแหงนหน้ามองท้องฟ้า น้ำฝนกระเด็นใส่ดวงตา เนิ่นนานผ่านไปเขาจึงเอ่ยว่า “ปีนี้ตวนโจวจะมีผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์เสียที”

เฉียวเทียนหยาหัวเราะ

จี้กังเอาสองมือไพล่หลัง หมุนตัวถอนหายใจยาว ไม่มองเสิ่นเจ๋อชวนอีก สั่งว่า “เจ้ารีบไปตามหมอเถิด!”

 

ฝนตกต่อเนื่องจนถึงยามเหม่าวันรุ่งขึ้นจึงหยุด กระบอกไม้ไผ่ในลานเรือนเคาะก้อนหินที่ปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำดัง “ป๊อกๆ” ติงเถาสวมเสื้อบุนวม เฝ้าอยู่หน้าห้องกับลี่สยง มองหมอเข้าๆ ออกๆ

ลี่สยงพูด “ข้าหิวน้ำ”

ติงเถาถือสมุดบันทึก ตอบเสียงเบา “เช่นนั้นเจ้าไปรินน้ำดื่มเอง ข้าต้องเฝ้าอยู่ตรงนี้”

ลี่สยงทำหน้าลำบากใจ เขายืนขวางระเบียงทางเดิน ส่ายหน้ายิก ไม่ยอมไปคนเดียว

ขงหลิ่งข้างในเลิกม่านพาหมอออกมาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง เฟ่ยเซิ่งเพิ่งตื่นนอนรุดมาผลัดเวร เห็นคนออกมาก็รีบเข้าไปต้อนรับ สั่งให้ลูกน้องพาหมอไปที่ห้องโถงข้างและถามขงหลิ่ง “เซียนเซิง นายท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

ขงหลิ่งส่ายหน้า เดินเข้าไปในห้องพร้อมเขาอีกครั้ง พูดเสียงเบา “ประเดี๋ยวเข้าไปแล้วอย่าส่งเสียงดังรบกวนฝู่จวิน ท่านรองกำลังเป็นกังวล เฝ้าอยู่ข้างในไม่ได้นอนทั้งคืน”

เฟ่ยเซิ่งไม่กล้าพูดมากอีก เดินตามขงหลิ่งเข้าไปในห้อง เห็นห้องชั้นในปล่อยม่านมู่ลี่ลงมา เซียวฉือเหย่ที่ถอดชุดเกราะแล้วกำลังดูใบสั่งยา หมอที่ยังไม่ไปยืนอยู่ตรงข้ามท่านรองอย่างนอบน้อมระวัง โค้งกายพูดเสียงแผ่ว “…วันหน้าไม่ควรจับดาบอีกแล้ว…นิ้วสองนิ้วนั้น…”

เฟ่ยเซิ่งได้ยินคำพูดสองประโยคนี้แล้วรู้สึกไม่ดี หัวใจเขาจมดิ่ง เห็นเซียวฉือเหย่สีหน้าเยียบเย็น สร้างแรงกดดันจนคนที่ปรนนิบัติอยู่ในห้องเงียบกริบทั้งหมด

“ตรงเอว…ขา…” ยังมีแขนขวาที่เกือบจะถูกฮาเซินหักทิ้ง

เมื่อวานตอนเสิ่นเจ๋อชวนกลับมาถึงใหม่ๆ คนยังดูปกติดี รอจนล้างหน้าสะอาดแล้วจึงเห็นว่าใบหน้าเขาซีดเผือด นิ้วมือขวาสองนิ้วเดิมทีบวมเป่ง ตอนต่อสู้กับฮาเซินเนื่องจากตกลงไปในน้ำจึงเสียดสีจนถลอก ทั้งยังแช่อยู่ในน้ำสกปรก สุดท้ายดาบหย่างซานเสวี่ยยังต้องถือด้วยมือซ้าย มือขวาขยับไม่ได้แล้ว เขาไม่ได้ขึ้นม้ากลับเข้าเมือง แสร้งวางท่าสบายๆ แท้จริงแล้วเป็นเพราะแผลที่เอวฉีกขาดตอนยืดตัวขึ้น การขึ้นหลังม้าสำหรับเขายากเกินไป ได้แต่ฝืนทำเหมือนไม่เป็นอะไร สั่งให้ฮั่วหลิงอวิ๋นจูงม้า

เมื่อประสาทอันตึงเครียดของเสิ่นเจ๋อชวนคลายลง ร่างกายที่ตากฝนก็แสดงอาการ เขาคิดว่าตัวเองหลับไป แต่อันที่จริงกึ่งหมดสติต่างหาก เมื่อคืนไข้ขึ้นสูงมากจวบจนตอนนี้ยังไม่ลด กินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด ในกระเพาะมีแต่หมั่นโถวแข็งๆ พออาเจียนอาหารออกมาหมดก็อาเจียนน้ำย่อยออกมาแทน

ม่านที่ปล่อยลงมาแสงส่องผ่านมิได้ เซียวฉือเหย่รอให้หมอจากไปแล้วจึงแหวกม่านเป็นรอยแยกมองหลันโจว

เรือนผมของหลันโจวแผ่อยู่บนฟูก คนมิอาจขดตัวจึงได้แต่นอนตะแคงฝั่งที่ไม่เป็นแผล เผยใบหน้าด้านข้างออกมาเล็กน้อย หางตาที่เชิดขึ้นไม่มีแววเย้ายวนเหมือนยามปกติราวกับกำลังนอนหลับ เซียวฉือเหย่ลูบหางตาแต่เขาไม่ขยับ เมื่อมีเซียวฉือเหย่อยู่ข้างกาย เขาจึงกล้าปล่อยตัวตามสบายเช่นนี้ เขาดูตัวเล็กมาก ถูกเงาร่างของเซียวฉือเหย่ปกคลุมจนมิด

เซียวฉือเหย่หายใจอย่างลำบาก ในโพรงอกเจ็บไปหมด เขาโน้มตัวลงจุมพิตจอนผมของหลันโจว ปลายนิ้วเคลื่อนไหวแผ่วเบาราวกับกำลังลูบไล้สัตว์ตัวน้อยที่มีขน

หมอในลานเรือนไปๆ มาๆ ฝู่จวินถูกป้อนยาไปหม้อหนึ่ง ยามซื่อเสิ่นเจ๋อชวนอาเจียนอีกครั้ง จี้กังเห็นแล้วไม่ได้การ หิ้วตัวหมอมาตรวจดูอาการเขาต่อ ห้องโถงข้างผู้คนเบียดกันแน่น ความยินดีจากการพ้นเคราะห์รอดชีวิตมาได้ยังมิทันผ่านไป จวนแห่งนี้ก็ปกคลุมด้วยเมฆครึ้มเสียแล้ว

ยามเซินรายงานทางทหารถูกส่งมาจากเขตสมรภูมิ วางกองไว้กับรายงานทางทหารจากเปียนจวิ้น ทุกคนต่างเร่งให้เซียวฉือเหย่ไปอ่าน แต่เขาไม่กล้าจากเสิ่นเจ๋อชวนไป จึงสั่งให้ส่งเอกสารไปที่ห้องโถงข้างทั้งหมด ใช้เวลาตอนดื่มน้ำยืนอยู่ในนั้น ทางหนึ่งฟังหมอทั้งหลายพูดถึงใบสั่งยาคนละคำสองคำ อีกทางหนึ่งอ่านรายงานทางทหาร

ติงเถาไม่กล้าโวยวายเวลานี้ ดึงแขนเสื้อลี่สยงและบอกว่า “ใต้ระเบียงทางเดินมีกาน้ำอยู่ ข้าจะไปรินน้ำมาให้เจ้าหนึ่งถ้วย”

ลี่สยงเท้าไม่ขยับ เขาถูจมูก พยักหน้าอย่างหงุดหงิด

ติงเถาดึงอย่างไรลี่สยงก็ไม่ขยับ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมไม่ไปเล่า”

ลี่สยงไม่ตอบ เขาเห็นมีคนเดินมาจากประตูโค้ง เฟ่ยเซิ่งกำลังพาหมอคนใหม่เดินมาทางนี้ พริบตาเดียวก็ผ่านระเบียงทางเดินเลิกม่านเข้าไปในห้อง ในนั้นยังมีขงหลิ่งและเซียนเซิงคนอื่นๆ เฝ้าอยู่ในห้องชั้นนอก

หมอที่มาใหม่ผู้นี้ใบหน้าซื่อตรง พูดด้วยสำเนียงฝานโจว “ร่างกายของฝู่จวินจะตากฝนมิได้ อาเจียนเช่นนี้ยาคงกินเข้าไปไม่ได้แน่” เขาสะบัดแขนเสื้อ สั่งให้เด็กรับใช้ที่ตามมาเปิดล่วมยาและหยิบกระเป๋าเข็มออกมา เอาให้เกาจ้งสยงที่อยู่ด้านข้างดู “ข้าจะฝังเข็มให้”

ขงหลิ่งลุกขึ้นเอ่ยว่า “ยังมิต้องรีบ รอท่านรองมาก่อนค่อยตัดสินใจ”

หมอแบมือทั้งสองข้าง พูดต่อว่า “การช่วยคนเร่งด่วนเหมือนการดับเพลิง มิอาจปล่อยเวลาให้ล่าช้าได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเจ้ารีบส่งคนไปเร่งท่านรองมาที่นี่ ข้าจะเตรียมเครื่องมือไว้ก่อน”

เกาจ้งสยงรีบรับคำ เดินออกไปข้างนอก พอถึงหน้าประตูกลับเห็นลี่สยงยืนขวางอยู่

หมอหันหลังเลิกม่านขึ้นเล็กน้อย เดินเข้าไปในห้องชั้นใน ปากยังคงกำชับเด็กที่ตามมาว่า “หิ้วล่วมยาเข้า…”

เฟ่ยเซิ่งตระหนักถึงบางสิ่งในจังหวะที่เด็กรับใช้เก็บกระเป๋าเข็ม เขากำด้ามดาบทันที ตวาดว่า “ช้าก่อน!”

ทว่าเด็กรับใช้กลับสะบัดมือทันใด ประกายเยียบเย็นในกระเป๋าเข็มสาดออกมา เฟ่ยเซิ่งหลบทันแต่เซียนเซิงทั้งหลายหลบไม่พ้น เขาได้แต่ชักดาบออกมาสกัดไว้ ชนขงหลิ่งกระเด็นออกไปท่ามกลางเสียงอาวุธลับกระทบกันดัง “แกล๊งๆ”

โต๊ะเก้าอี้ในห้องชั้นนอกล้มโครมคราม ขงหลิ่งยืนไม่มั่นคง ล้มลงบนพรมแล้วยังยื่นมือออกไป ตะโกนอย่างร้อนใจ “ช่วยด้วย ใครก็ได้!”

หมอปราดเข้าไปในห้องชั้นในแล้ว ม่านมู่ลี่ถูกปล่อยลงมาบดบังสายตาของทุกคน เฟ่ยเซิ่งตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็น เพิ่งก้าวเท้าออกไปก็ถูกเด็กรับใช้เหวี่ยงเก้าอี้มาขวาง

แย่แล้ว!

เฟ่ยเซิ่งร้องเสียงหลง “คุ้มกันฝู่จวิน!”

องครักษ์ใกล้ชิดใต้ระเบียงทางเดินกระโจนเข้ามาทางหน้าต่างก็ไม่ทัน เกาจ้งสยงถูกกระแทกล้มลงกับพื้นทันใด เห็นเพียงลี่สยงปราดเข้าไปโดยเร็ว ร้องเสียงดังพลางพุ่งเข้าไปในห้องชั้นใน กระโจนเข้าใส่หมอจนล้มลงกับพื้น สองคนกระแทกแท่นเหยียบหน้าเตียง ม่านเตียงสั่นไหว เข็มเหล็กที่หมอผู้นั้นคีบอยู่ระหว่างนิ้วจู่โจมดวงตาสองข้างของลี่สยง ลี่สยงยื่นมือไปคว้าไว้ ใช้ศีรษะกระแทกหัวหมอจนล้มลงกับพื้นอีกครั้ง

หมอถูกชนกระแทกจนเวียนหัวตาลาย พลิกมือกอดคอลี่สยงและบิดตัวทุ่มลงกับพื้น รัดคอลี่สยงไว้ สองคนกลิ้งชนโต๊ะเตี้ยในห้องชั้นในล้มระเนระนาด ป้านชาหล่นลงมาจนชาร้อนกระเซ็นใส่ลี่สยงเต็มหน้า เขาหอบหายใจ เหวี่ยงหมัดไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายแต่สุดท้ายกลับพลาดเป้า

หมอกดตัวลี่สยงกระทั่งใบหน้าด้านข้างถูเศษกระเบื้องที่แตก ถูกบาดจนเต็มไปด้วยรอยเลือด ลี่สยงตะโกนออกมา “งู! งู!”

หมอเงื้อเข็มเหล็ก คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ แผ่นหลังจะหนักอึ้ง ร่างกายเขาถูกจับเหวี่ยงออกไป กลิ้งไปบนพื้น เขากุมหน้าครึ่งหนึ่ง ใช้ภาษาเปียนซาตะโกนอะไรบางอย่าง พลางควานหาเข็มเหล็กที่หล่นกระจายอย่างรวดเร็ว เซียวฉือเหย่คว้าคอเสื้อของงูสี่ขาขึ้นมาทันใด จากนั้นกระแทกลงกับพื้น

ห้องชั้นนอกได้ยินเพียงเสียง “โครม” ทึบหนักไม่กี่ที จากนั้นก็เงียบสนิท

เหล่าองครักษ์กดตัวเด็กรับใช้ไว้ เฟ่ยเซิ่งยังหายใจไม่ทั่วท้อง ม่านมู่ลี่ก็ถูกชนจนสั่นไหว หมอที่ศีรษะเต็มไปด้วยโลหิตกลิ้งออกมาบนพรมของห้องชั้นนอก สิ้นใจตายแล้ว

เซียวฉือเหย่สีหน้าเย็นชาเฉียบขาด ฝืนข่มโทสะในใจ เอ่ยเสียงเย็นว่า “จากลานเรือนไปจนถึงประตูใหญ่ จัดคนตรวจตราทุกสิบก้าว ใครพาคนผู้นี้มา ไสหัวไปรับโทษเอง!”

ผู้คนทั้งในและนอกลานเรือนคุกเข่าลงเป็นแถบ

องครักษ์มีอยู่เต็มจวน แต่กลับปล่อยให้อีกฝ่ายบุกเข้ามาถึงห้องชั้นในได้อย่างเปิดเผย! เฟ่ยเซิ่งหลั่งเหงื่อเย็นไม่หยุด ศีรษะโขกลงบนพื้น ไม่กล้าปริปากพูดแม้แต่คำเดียว

 

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า