他从火光中走来
อุ่นหัวใจด้วยไฟรัก
เอ่อร์ตงทู่จื่อ 耳东兔子 เขียน
มู่หลินเซิน แปล
_______________________________
ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“
สำนักพิมพ์อรุณ
(ทดลองอ่านนี้ไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)
บทที่ 1.6
หลินลู่เซียวหันมองเซี่ยหว่าน “เธอพูดอะไรกับคุณงั้นเหรอ”
เซี่ยหว่านยิ้มบาง “จากที่ฟังเธอพูดแล้วดูพวกคุณสนิทสนมกันดี ฉันเลยคิดว่าพวกคุณสองคน…”
พูดได้ครึ่งหนึ่ง เซี่ยหว่านก็ตั้งใจไม่พูดต่อ แล้วแอบเหลือบตาขึ้นมองเขา หลินลู่เซียวยิ้มเยาะ
เซี่ยหว่านพูดขึ้นอีก “เธอเป็นคนสวยนะคะ แต่สูบบุหรี่จัด ถ้าคุณสนิทกับเธอก็ต้องบอกเธอนะคะว่าสูบบุหรี่ไม่ดีกับร่างกาย”
หลินลู่เซียวพูด “ไม่ค่อยสนิทหรอก”
“อ้อ”
ทั้งสี่คนกลับมาที่ห้องอาหารอีกครั้ง เมื่อจุดเทียนตัดเค้กแบ่งกันเสร็จ ส่วนหนึ่งก็ถูกโปะลงบนหน้าหลินฉี่ พอทำทุกอย่างเรียบร้อยก็เตรียมตัวเก็บของกลับบ้าน
เซี่ยหว่านถามหลินลู่เซียว “คุณขับรถมาหรือเปล่าคะ ถ้าไม่ได้ขับมาเดี๋ยวฉันไปส่งไหม”
แต่หลินฉี่ที่กำลังเดินไปห้องน้ำได้ยินเข้าเลยพูดว่า “พี่หว่านครับ พี่กลับไปก่อนเลย ผมเรียกให้คนขับรถมารับแล้ว”
เซี่ยหว่านมองหนานชูอีกครั้ง “แล้วคุณหนานล่ะคะ ให้ฉันไปส่งไหม”
ไม่ต้องรอให้หนานชูตอบ หลินฉี่พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ผมบอกให้คนขับรถมารับแล้วเหมือนกันครับ”
เซี่ยหว่าน “…”
พอเซี่ยหว่านกลับไป หลินฉี่จึงไปล้างหน้าในห้องน้ำ
ด้านนอกฟ้าเริ่มมืดลง ดวงจันทร์เสี้ยวลอยเด่นอยู่กลางนภา
แสงสีละลานตาส่องระยิบระยับ ฝั่งตรงข้ามโรงแรมคือแม่น้ำหลินของเมืองเป่ยสวิน แม่น้ำสายนี้มีประวัติเป็นร้อยปี มีเรือประมงลำเล็กใหญ่ลอยลำอยู่กลางแม่น้ำเต็มไปหมด สองฝั่งแม่น้ำติดตั้งดวงไฟหลากสี แสงไฟสะท้อนลงบนผิวน้ำให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย
ภายในห้องอาหารส่วนตัวเหลือเพียงพวกเขาสองคน ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากัน
อยู่ดีๆบรรยากาศก็เงียบลง อีกฝ่ายต่างจ้องหน้ากันและกัน จะว่ายังไงดีล่ะ…
แปลกจัง
หลินลู่เซียวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขานั่งกางขาก้มหน้าหมุนไฟแช็กในมือเล่น หนานชูตัดเค้กมาหนึ่งชิ้น ถามเขาว่า “กินไหม เมื่อกี้พี่ไม่ได้กินเลยสักชิ้นนี่”
หลินลู่เซียวไม่ชอบกินของหวานมาแต่ไหนแต่ไร เขาปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ไม่กิน”
หนานชูพยักหน้า ไม่ฝืนเขา เธอดึงกลับมาวางไว้ตรงหน้าแล้วกินเอง
“พี่เกิดวันที่เท่าไรเหรอ” หนานชูใช้ส้อมตัดเค้กกินแล้วมองเขา หลินลู่เซียวไม่ตอบ
“เรื่องนี้คงไม่เป็นความลับด้วยใช่ไหม”
หลินลู่เซียวเก็บไฟแช็กลงในกระเป๋ากางเกง เงยหน้ามองอีกฝ่าย “เก้าสิงหาคม”
หนานชูนับเวลา “งั้นก็เดือนหน้าแล้วนี่”
“อืม” หลินลู่เซียวพูดต่ออีก “แต่ฉันไม่ฉลองวันเกิดตัวเองหรอก”
“ฉันก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะฉลองให้พี่” หนานชูกะพริบตาใส่เขา
“…”
ถ้าดันทุรังเถียงต่อไป ยังไงก็เถียงไม่ชนะเธออยู่ดี รู้ดังนั้นเขาก็ไม่สนใจหนานชูอีก คว่ำปากแล้วหยิบกล่องบุหรี่บนโต๊ะ ใช้ปากงับบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน แล้วหยิบไฟแช็กในกระเป๋ากางเกงออกมา ทำมือป้องปาก ส่งสายตามองหนานชู ราวกับว่ากำลังขออนุญาตเธออยู่
หนานชูผายมือบอกเป็นนัยว่า “เชิญเลย”
แสงไฟแช็กสว่าง บุหรี่ถูกจุด หลินลู่เซียวสูดหายใจเข้าลึก ควันบุหรี่ลอยอวล เขาโยนไฟแช็กลงบนโต๊ะ แล้วหันไปมองบรรยากาศนอกหน้าต่าง
หนานชูกินเค้กไปมองเขาไป
ในวงการบันเทิงมีเด็กหน้าใหม่ที่หล่อกว่าเขาตั้งเยอะ แต่ไม่มีใครที่น่ามองอย่างเขาเลย
หลินลู่เซียวหุ่นดีโครงร่างชัดเจน เครื่องหน้าก็ไร้ที่ติ เวลาสูบบุหรี่คิ้วจะเลิกขึ้นเล็กน้อย ไหล่กว้างสะโพกแคบ ไม่เล่นเวตแต่มีกล้าม เขาเอนทั้งตัวพิงพนักเก้าอี้ ห่อไหล่ หน้าท้องแอ่นขึ้น เสื้อยืดแนบเนื้อ ทำให้แอบเห็นซิกซ์แพ็คอยู่บ้าง แต่ไม่ชัดมากเท่าไร
ถ้าถลกเสื้อขึ้น ภาพตรงหน้าคงน่าดูไม่น้อยเลยทีเดียว
หมอกควันสีขาวแผ่กระจายราวกับมีผนังกั้น หนานชูคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้
เธอเอื้อมมือไปป้ายครีมบนเค้ก เด้งตัวลุกขึ้นยืน เอนไปด้านหน้าในขณะที่มีโต๊ะคั่นกลางอยู่ เตรียมป้ายครีมลงบนหน้าหลินลู่เซียว
หลินลู่เซียวตอบสนองว่องไว เขาเห็นอะไรบางอย่างกำลังพุ่งเข้ามาทางหางตา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็คว้าไว้ได้อย่างแม่นยำ
นี่มันแขนผู้หญิง แขนเรียวเล็กนุ่มนวล
ความคิดแรกของเขาคือทำไมถึงเล็กขนาดนี้ ถ้าเขาออกแรงมากกว่านี้หน่อยคงจะหักได้ง่ายๆ
ฝ่ามือของชายหนุ่มหนาใหญ่ อุ่น แถมยังหยาบกร้าน ข้อมือของหญิงสาวผอมบาง แถมยังลื่นด้วยนิดหน่อย ความคิดแต่ละฝ่ายเตลิดเปิดเปิง
“เธอทำอะไรน่ะ” หลินลู่เซียวพูดเสียงแหบเล็กน้อย หนานชูเห็นสีหน้าเขาแล้ว รู้สึกราวกับว่าจะโดนเค้กทั้งก้อนโปะลงใส่หัวได้ตลอดเวลา
“ป้ายเค้กเป็นประเพณีมาแต่ไหนแต่ไร เป็นการอวยพรให้กับผู้ที่เกิดในวันนั้น”
“พูดต่อสิ” หลินลู่เซียวรั้งข้อมือของเธอไว้แล้วมองประชด
หนานชูยื่นมือไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ “ลองดูไหม”
แรงที่กำข้อมือนั้นไว้เริ่มมากขึ้น หลินลู่เซียวลากเธอไปด้านข้าง พูดเสียงเบา “นี่ว่างมากเหรอ”
หนานชูถูกลากมาจนตัวงอไหล่ห่อ ปกคอเสื้อเผยอออกเล็กน้อย เธอเป็นคนผอม ปกติแล้วหากเลื่อนสายตามองต่ำจากกระดูกไหปลาร้าลงไปก็จะเห็นทรวดทรงอันงดงามของผู้หญิง
ปกติหนานชูมีเสื้อชั้นในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบผูก แบบลูกไม้ แบบดันทรง…
แต่วันนี้เธอเพิ่งไปปีนเขามาก็เลยใส่สปอร์ตบรา หน้าอกจึงแบนราบ
พอหนานชูรู้สึกตัวก็รีบยกมือดึงเสื้อขึ้นปิด หลินลู่เซียวเลิกคิ้ว สีหน้านั้นราวกับกำลังบอกว่า…มีอะไรให้ฉันดูงั้นเหรอ
แน่นอนว่าที่หนานชูปิดเสื้อไว้ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะโดนมอง ถ้าวันนี้เธอใส่เสื้อชั้นในเซ็กซี่ เธอคงเปิดโชว์ให้เขาชื่นชมสักหน่อยแล้ว
“พี่ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง” หนานชูพูด
“เปล่านี่”
เขาปล่อยมือออก พิงพนักเก้าอี้แล้วสูบบุหรี่เข้าปอดอีกเฮือก
“ขี้ขลาดนี่”
“…”
“มองก็บอกว่ามองสิ”
“…”
หลินลู่เซียวเหล่มองเธอ “อืม มองไปแล้วละ”
หนานชูเงียบ “…”
หลินลู่เซียวพ่นลมหายใจออกมา พูดเสียงค่อย “ฉันคิดว่าเธอยังอายุสิบหกอยู่ซะอีก”
“…”
นี่มันหยามกันชัดๆ!