[ทดลองอ่าน] โชคลาภหมื่นล้านบันดาลรัก ตอนที่ 2

โชคลาภหมื่นล้านบันดาลรัก
天降横财一百亿

เจียงจื่อกุย 江子归 เขียน
เหวินหรง แปล

 

— โปรย —

ถ้าระบบให้เงินคุณหนึ่งหมื่นหยวน คุณจะใช้มันยังไง
ถ้าต้องใช้ให้หมดภายในสิบนาทีล่ะ
แล้วถ้าใช้ไม่หมดก็ต้องตายล่ะ คุณจะยอมรับได้ไหม

สวี่รุ่ย อดีตคุณหนูไฮโซต้องตกระกำลำบากทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ
ยังไม่ทันจบมหาวิทยาลัยกลับต้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

สวรรค์บันดาลให้เธอย้อนเวลากลับมาเจ็ดปีก่อน ตอนเรียนมัธยมปลายปีหนึ่ง
พร้อมกับระบบผลาญเงินที่แต่ละครั้งจะเพิ่มจำนวนเงินและระยะเวลาในการใช้เงินขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับคุณหนูที่เคยร่ำรวย การใช้เงินมือเติบอย่างนี้นับเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว

ที่สำคัญ หากทำภารกิจสำเร็จ เธอจะได้รับโบนัสพิเศษ
และนั่นก็ทำให้เธอช่วยชีวิต ลั่วหาน เพื่อนวัยเยาว์ที่ชาติก่อนจากไปตั้งแต่เด็กไว้ได้

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

 

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

2

ปี 2017 สวี่รุ่ยเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยในเมือง S

ปี 2010 สวี่รุ่ยเพิ่งขึ้นชั้นมัธยมปลายของโรงเรียนเอกชนหัวหย่าในเมือง C

ช่วงเวลาเจ็ดปีนี้เป็นเจ็ดปีที่สวี่รุ่ยใช้ชีวิตอย่างยากลำบากที่สุด เธอกัดฟันสู้ทำคะแนนอย่างลำเค็ญ ปรากฏว่าสุดท้ายดันย้อนเวลากลับมาในช่วงก่อนที่เธอจะได้เป็นอิสระ

ไม่ว่าเป็นใครก็คงต้องรู้สึกวูบโหวงกันทั้งนั้น แต่สวี่รุ่ยเคยพบเจอคลื่นลมนับไม่ถ้วนมาแล้ว เธอจึงจัดการความวูบโหวงเพียงเล็กน้อยอย่างนี้อย่างว่องไว นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักนิด ซ้ำผ่านไปเจ็ดปี เธอก็จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!

นอกจากนี้ จะมีอะไรโชคดีไปกว่าการได้หวนกลับมาจากความตายอีกล่ะ

เหมือนที่ย่าของเธอเคยกล่าวไว้ พอเรื่องร้ายกลายเป็นดี ชีวิตก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก

เวลานี้สวี่รุ่ยยังคงอาศัยอยู่กับย่าในอาคารชุดสำหรับอาจารย์ห้องหนึ่ง ห่างจากโรงเรียนของเธอประมาณสามป้ายรถเมล์

สวี่รุ่ยไม่มีเงินสักหยวนในกระเป๋า เธอสะพายกระเป๋าหนังสือ สองมือซ้ายขวาหิ้วถุงรองเท้าข้างละสี่คู่พร้อมกับเดินฮัมเพลงตลอดทางกลับบ้าน

ผ่านไปเจ็ดปี ขณะนี้สวี่รุ่ยได้กลับมายืนอยู่หน้าประตูบ้านอีกครั้ง เธอทั้งประหม่าทั้งตื่นเต้น

จนสวี่รุ่ยเปิดประตูเข้าไปเห็นย่าของตนที่ยังคงแข็งแรง ความประหม่าและตื่นเต้นของเธอก็กลับกลายเป็นความดีใจจนแทบร้องไห้ออกมา

สวี่รุ่ยเป็นคนที่ไร้วาสนากับบุพการี

ตอนเด็กๆ พ่อแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุ แม่ของเธอเสียชีวิต ส่วนพ่อหายสาบสูญ ยายจึงรับสวี่รุ่ยมาเลี้ยงที่เมือง S หลังยายของเธอเสียชีวิต เธอก็ย้ายไปอยู่กับน้าชายที่ฮ่องกงหนึ่งปี

ต่อมาพอเจอตัวพ่อแล้ว เธอก็ย้ายกลับมาอยู่กับย่าที่เมือง C

พ่อของสวี่รุ่ยเสียชีวิตไปอีกคนในปีที่เธอเรียนจบชั้นมัธยมต้น จากนั้นเธอกับย่าต่างก็พึ่งพาอาศัยกันและกันในการดำรงชีวิต

จี้จวี๋ฟางแปลกใจเมื่อเห็นหลานสาวของตนดวงตาแดงก่ำ จึงนึกได้ว่าเธอคงคิดถึงบิดาที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้อีกแล้ว

ช่วงนี้หล่อนไม่เห็นรอยยิ้มของหลานสาวเลย จี้จวี๋ฟางจึงกอดเธอด้วยความสงสาร “รุ่ยรุ่ยไม่ต้องเสียใจไปนะ ถึงไม่มีพ่อ แต่หลานก็ยังมีย่า ย่ารักหลานนะ”

สวี่รุ่ยกำพร้าพ่อแม่ แต่การที่เธอเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาวที่เพียบพร้อมเหมือนเด็กๆ ตระกูลผู้ดีได้นั้น เป็นเพราะความรักความเอาใจใส่ของย่านั่นเอง

เธออ้อนย่าพักใหญ่ พูดโน่นพูดนี่จนสุดท้ายก็กล่อมให้ย่าเชื่อได้ว่าเธอไม่ได้เสียใจเพราะการจากไปของบิดา

แม้จี้จวี๋ฟางจะเสียใจต่อการจากไปของบุตรชาย ทว่าตั้งแต่พบตัวเขา เขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับอาการป่วย จนบางครั้งหล่อนเองก็คิดว่าหากบุตรชายไปสบายได้ก็คงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้อีก แต่หล่อนก็พูดคำเหล่านี้ออกมาไม่ได้ หลานสาวของหล่อนยังเด็กและขาดแม่ตั้งแต่เล็ก นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่สวี่รุ่ยต้องการความรักความเอาใจใส่จากบิดามารดา

ไม่อย่างนั้นสวี่รุ่ยคงไม่เลือกที่จะทิ้งชีวิตอันแสนสุขสบายที่ฮ่องกงแล้วยืนกรานจะกลับมาหาพ่อของเธอที่เมือง C หรอก

พอนึกถึงตรงนี้ จี้จวี๋ฟางก็ไม่สบายใจ หล่อนดึงหลานสาวเข้ามาถาม “รุ่ยรุ่ย ที่ย่าให้หลานโทร.ไปหาน้าน่ะ หลานโทร.หรือยัง”

สวี่รุ่ยเม้มปาก “โทร.แล้วค่ะ ครอบครัวน้าย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว ต่อไปเราไม่ต้องโทร.ไปหาพวกเขาอีกแล้วนะคะ”

แน่นอนว่าที่โทร.ไปนั่นเป็นเมื่อชาติก่อนของเธอ คนที่บอกว่าครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วก็คือจู้อวิ๋นอวิ๋น ลูกพี่ลูกน้องของเธอ หล่อนยังบอกด้วยว่าอย่าสร้างความวุ่นวายให้ครอบครัวของหล่อนอีก

จี้จวี๋ฟางแปลกใจ “ทำไมจู่ๆ ถึงย้ายล่ะ เมื่อตรุษจีน น้าของหลานยังโทร.มาถามสารทุกข์สุกดิบ แล้วชวนให้หลานกลับไปเยี่ยมเขาที่ฮ่องกงตอนปิดเทอมอยู่เลย”

สวี่รุ่ยเสหลบตา “ปกติน้าชอบไปโน่นมานี่ตลอด จะย้ายประเทศก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่คะ”

จี้จวี๋ฟางถอนหายใจ ดึงมือเธอไปกุม “น้าของหลานน่ะดีต่อหลานมากนะ มรดกที่ยายของหลานทิ้งไว้ให้เขาก็ยกให้หลานหมดเลย แม้เขาจะยุ่งมากขนาดนั้น แต่ก็ยังมาส่งหลานกลับด้วยตัวเอง พาไปโรงพยาบาล โอนสิทธิ์การเลี้ยงดู ช่วยหาโรงเรียนให้อีก…”

สวี่รุ่ยย่อมรู้ดีว่าน้าของเธอนั้นดีต่อเธอมาก แต่น้าสะใภ้กับน้องสาวกลับไม่ชอบเธอ เธอก็คงไม่หน้าด้านทนอยู่ต่อไปหรอก

วันนี้เป็นวันดีที่เธอได้กลับมาเกิดใหม่ สวี่รุ่ยไม่อยากคิดถึงเรื่องไม่ดีพวกนั้นอีก เธอจูงมือย่าไปกินข้าวอย่างมีความสุข

เทียบกับอีกเจ็ดปีให้หลัง ตอนนี้ย่ายังแข็งแรงดี ไม่มีโรคคนแก่มากมายเหมือนวันหน้า และการไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงสำหรับคนชราต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

ปู่จากไปตั้งนานแล้ว และไม่ได้ทิ้งมรดกไว้ให้มากมายเท่าไร ส่วนย่าเป็นครูเกษียณอายุ เงินเดือนจึงไม่ได้มากมายอะไรนัก พอเจอโรครุมเร้า เงินบำนาญของย่าจึงไม่พอใช้อีกต่อไป

สวี่รุ่ยไม่เพียงต้องดูแลตัวเองเท่านั้น เธอยังต้องรับภาระเลี้ยงดูย่าด้วย หลังสอบติดมหาวิทยาลัยในเมือง เธอก็กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาพร้อมกับทำงานพิเศษเพื่อหาเงินมาใช้จ่าย

ดังนั้นเจ็ดปีมานี้ถ้าเทียบกับเวลาที่อยู่กับพ่อแม่ อยู่กับยาย หรืออยู่กับน้า แน่นอนว่าลำบากกว่ามาก แต่สวี่รุ่ยกลับมีความสุข แม้ต้องลำบาก แต่เธอได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและมีย่าที่รักเธอ แค่นี้สวี่รุ่ยก็พอใจแล้ว

หากไม่มีอุบัติเหตุนั่นก็คงดี

อารมณ์ของสวี่รุ่ยเริ่มแปรปรวน พอคิดจะเก็บโต๊ะล้างจานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ย่ากลับห้ามเธอไว้

“ไม่ต้องๆ หลานไม่ต้องทำงานพวกนี้หรอก”

จี้จวี๋ฟางยกให้หลานสาวเพียงคนเดียวเป็นสิ่งล้ำค่า หล่อนยิ้มแล้วชี้รองเท้าแปดคู่ที่ซ้อนกันเป็นกองสูงหน้าประตู “หลานเก็บรองเท้าใหม่พวกนั้นก็พอแล้ว กล่องหรูเชียว ของมียี่ห้อสินะ”

อันที่จริงสวี่รุ่ยก็อยากอธิบายให้ย่าฟัง

สวี่รุ่ยใช้เงินจัดงานศพให้พ่อไปไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงินจำนวนมากที่ใช้ประคับประคองให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ ส่วนเงินมรดกของยายไม่เหลือสักเท่าไรแล้ว

สองคนย่าหลานไม่มีรายได้อะไรนอกจากเงินบำนาญที่ไม่ได้มากมายก้อนนั้นของย่า

แต่ในช่วงเวลาที่ฐานะทางการเงินของที่บ้านอัตคัดขัดสนอย่างนี้ สวี่รุ่ยกลับซื้อรองเท้าแบรนด์เนมตั้งแปดคู่ ช่างไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ

ทว่าจี้จวี๋ฟางกลับไม่ดุด่าว่ากล่าวหลานสาว ตรงข้ามหล่อนดูเหมือนจะเคยชินกับการซื้อๆๆ อย่างนี้ของสวี่รุ่ย หล่อนหมุนตัวเข้าห้องครัวเหมือนไม่ใส่ใจอะไร

สวี่รุ่ยรู้สึกอึดอัดใจมาก

ในชีวิตที่แล้วเธอไม่รู้จักคิด เนื่องจากตอนอยู่บ้านจู้และช่วงที่อยู่กับยายนั้น เธอทั้งกินทั้งใช้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรืออาหารล้วนแต่เป็นของที่ดีที่สุด ทำให้สวี่รุ่ยมีนิสัยมือเติบและไม่ใส่ใจกับเรื่องเงินๆ ทองๆ

หลังกลับมายังเมือง C สวี่รุ่ยก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เป็นนาน ด้วยเห็นว่ามรดกของเธอมีเยอะจึงเอาแต่นั่งกินนอนกินสมบัติเก่า ขณะที่ย่าก็ทำใจควบคุมเธอไม่ลง สวี่รุ่ยจึงใช้เงินราวกับน้ำไหล ไหนจะค่ารักษาพยาบาลของพ่ออีก ผ่านไปไม่กี่ปีบ้านเธอจึงตกต่ำถึงขีดสุด

ย่าไม่เคยบอกเล่าเรื่องพวกนี้ให้เธอรับรู้

จนกระทั่งย่าต้องไปทำงานเป็นแม่บ้านเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวนั่นแหละ หลังย่าทำงานจนล้มป่วย สวี่รุ่ยถึงได้รู้ว่าตัวเองทำผิดมหันต์

ครั้งนี้สวี่รุ่ยจะไม่ยอมให้เรื่องราวกลายเป็นแบบนั้นอีกแล้ว

แม้เงินที่เธอผลาญไปในอดีตจะไม่หวนคืนมา แต่แก้ไขตอนนี้ก็ยังไม่น่าจะสายเกินไป เธอจะตั้งใจเรียน ขยันทำมาหากิน เพื่อให้ย่าของเธอไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยและใช้ชีวิตที่ดีไปพร้อมกับเธอ

ระบบ 1212 “สายไปแล้วละ เพราะหลังจากนี้คุณยังต้องผลาญเงินต่อไป”

สวี่รุ่ย “…”

ระบบ 1212 “นี่เป็นสาระสำคัญของการทดลองของเรา”

สวี่รุ่ยประหวัดถึงการทดลองที่ชวนอกสั่นขวัญแขวนก่อนหน้านี้แล้วอดถามไม่ได้ว่า “ตกลงต้องทำการทดลองพวกนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ คงไม่ได้ให้ใช้เงินหมื่นหยวนภายในสิบนาทีทุกวันหรอกนะ”

ระบบ 1212 “ทำไปจนกว่าโฮสต์บรรลุเป้าหมายสุดท้ายแล้วนั่นแหละ”

สวี่รุ่ยมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก “เป้าหมายสุดท้ายคืออะไร”

ระบบ 1212 “ใช้เงินหมื่นล้านให้หมด”

ยามนี้สวี่รุ่ยมืดมน เงินหมื่นล้านช่างฟังแล้วยอดเยี่ยมเหลือเกิน แต่ถ้าตามมาด้วยคำสาปที่ต้องใช้ให้หมดภายในสิบนาที หากใช้ไม่หมดจะต้องตาย เงินหมื่นล้านนี่ก็ไม่ต่างอะไรจากการให้ “คุณไปตาย” เลยสักนิด

ระบบ 1212 “ใจเย็นก่อนโฮสต์ การทดลองของเราน่ะมีเหตุมีผลนะ ไม่ใช่อยู่ๆ จะให้คุณไปตายทุกครั้ง”

สวี่รุ่ย “เหอะๆ”

ระบบ 1212 “อันที่จริงเรามีสวัสดิการให้ด้วยนะ”

สวี่รุ่ยทอดสายตาไปยังแถวๆ ตู้รองเท้า “อ๋อ จะบอกว่าฉันเอาของที่ฉันซื้อจากการทำภารกิจไปขายต่อได้ใช่ไหม”

ระบบ 1212 “ไม่ได้ คุณนำสิ่งของที่ซื้อด้วยเงินที่ได้รับในภารกิจไปขายต่อเพื่อแลกเป็นเงินไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าการทดลองล้มเหลว”

สวี่รุ่ย “…”

ระบบ 1212 “แต่คุณให้คนอื่นเป็นของขวัญได้ มีช่วงคูลดาวน์[1]อยู่เหมือนกัน ตอนนี้จำกัดอยู่ที่หนึ่งคนต่อหนึ่งครั้ง และยังจำกัดจำนวนครั้งในแต่ละวันด้วย”

นี่เล่นเกมอยู่หรือไง มีช่วงคูลดาวน์ด้วย!

อย่าว่าแต่มีข้อจำกัดเลย ต่อให้ไม่มีข้อจำกัด สวี่รุ่ยก็โมโหจนแทบกระอักเลือด จะให้เอารองเท้ากีฬาคู่ละหนึ่งพันสี่ร้อยแปดสิบหยวนให้คนอื่นฟรีๆ งั้นเหรอ นี่มันพอจ่ายค่าอาหารของเราสองคนย่าหลานได้ถึงสองเดือนเชียวนะ!

ระบบ 1212 “สวัสดิการที่ระบบกล่าวถึงไม่ใช่สิ่งนี้”

สวี่รุ่ยหมดอารมณ์จะคุยกับระบบแล้ว เธอหยิบการบ้านออกจากกระเป๋าหนังสือแล้วลงมือทำเงียบๆ

โชคดีที่เธอยังไม่ได้ก้าวออกจากรั้วสถานศึกษาอย่างเต็มตัว ไม่อย่างนั้นหัวข้อพวกนี้คงกลายเป็นคัมภีร์สำหรับเธอไปแล้ว…แม้ตอนนี้ก็ไม่ค่อยต่างจากคัมภีร์สักเท่าไรก็ตาม

ระบบ 1212 “คุณไม่อยากรู้เหรอว่าสวัสดิการอะไร”

สวี่รุ่ยไม่แม้แต่จะเงยหน้าสักนิด เธอจดจ่ออยู่กับการทำโจทย์คณิตศาสตร์

ระบบ 1212 “เกี่ยวกับย่าของคุณนะ”

สวี่รุ่ยเงยหน้า “สวัสดิการอะไร”

ระบบ 1212 “อะแฮ่ม ระบบขอแนะนำขั้นตอนและโปรแกรมทั้งหมดของการทดลองก่อนแล้วกัน คุณต้องตั้งใจฟังนะ”

สวี่รุ่ยหมดคำพูด “…ไม่ได้พูดถึงสวัสดิการกันอยู่เหรอ”

ระบบ 1212 “สวัสดิการอยู่ข้อสุดท้าย คุณจะฟังอย่างละเอียดไหม”

สวี่รุ่ยจะทำอะไรได้อีกล่ะ ก็ต้องเลือกฟังอย่างละเอียดน่ะสิ

ระบบ 1212 “อันดับแรก ต้องขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วย! ตอนนี้คุณเป็นอาสาสมัครของระบบผลาญเงินอย่างเป็นทางการแล้ว ต่อไประบบจะประกาศภารกิจประจำวัน ประจำสัปดาห์ ประจำเดือน ประจำปี ภารกิจแบบสุ่ม และภารกิจสายฟ้าแลบ จำนวนเงินในการผลาญจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ จนกระทั่งทำภารกิจหมื่นล้านเสร็จสิ้น ก็ถือว่าการทดลองยุติ หลังสิ้นสุดการทดลอง ระบบจะเก็บของที่ใช้เงินซื้อจากการทำภารกิจคืน…”

สวี่รุ่ยฟังมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว เธอเอ่ยขัดว่า “นี่พวกเราไม่ได้พูดถึงเรื่องสวัสดิการกันอยู่เหรอ ยังไม่ทันไรก็พูดเรื่องจะเอาของที่ซื้อกลับคืนไปแล้ว”

แม้ขายรองเท้ากีฬาคู่ละหนึ่งพันสี่ร้อยแปดสิบหยวนหกคู่นั้นไม่ได้ เธอก็อาจตัดใจยกให้คนอื่น แต่รองเท้าผู้หญิงอีกสองคู่นั่น เธอยังใส่ได้นี่นา

มิหนำซ้ำต่อไปของที่ต้องซื้อนับวันก็มีแต่จะมากขึ้น ความยากก็คงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากสิ้นสุดการทดลองแล้วระบบเก็บของกลับไปหมด นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอต้องทำงานฟรีหรอกเหรอ

สวี่รุ่ยคิดๆ แล้วปวดใจ

ระบบ 1212 “หลังสิ้นสุดการทดลอง พวกเราจะเก็บคืนแค่ของอุปโภคบริโภคเท่านั้น หมายถึงของที่จับต้องได้นั่นแหละ”

“หมายความว่าไง จะไม่เอาของที่จับต้องไม่ได้คืนงั้นเหรอ…” กล่าวถึงตรงนี้สวี่รุ่ยก็ชะงัก ใช่สิ

แม้ของที่ใช้เงินจากระบบซื้อมาจะถูกยึดกลับไป อย่างบ้านหรูๆ รถดีๆ หรือพวกของใช้ฟุ่มเฟือยต่างๆ แต่ถ้าระหว่างที่ซื้อ ได้ของอย่างอื่นมาด้วยก็จะเอาคืนไม่ได้

เหมือนกับการที่โรงเรียนให้จ่ายเงินสนับสนุนหนึ่งหมื่นหยวน พอสวี่รุ่ยจ่ายแล้ว กลับไม่ได้ของอะไรกลับมา แบบนั้นก็จะเรียกคืนไม่ได้ หรือแม้กระทั่งเธอเอาเงินไปใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าบัตรคอนเสิร์ต ค่านวด เรื่องพวกนี้ยังไงก็เรียกคืนไม่ได้

นี่เป็นแค่ช่องทางเล็กๆ เท่านั้น แต่ทำได้อย่างไม่จำกัด

ระบบ 1212 “ใช่แล้ว ขอแค่ตอนซื้อสอดคล้องกับกฎการใช้เงินก็พอ”

สวี่รุ่ยใจเต้นรัวทันใด ทว่าไม่ใช่เพราะต้องการเสพสุขในช่วงเวลาการทำภารกิจ

ถ้าเธอเป็นสวี่รุ่ยที่อายุสิบห้าปีจริงๆ ไม่แน่ว่าเธออาจยังลุ่มหลงความฟุ้งเฟ้อจนถอนตัวไม่ขึ้นก็เป็นได้ แต่สวี่รุ่ยที่อายุยี่สิบสองปีนั้นได้เผชิญกับความลำเค็ญตลอดเจ็ดปีอย่างโชกโชน จึงรู้แล้วว่าอะไรที่สามารถเก็บไว้ข้างกายได้จริงๆ

ไม่ใช่การใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่ใช่การเสพสุข มีเพียงฝีมือในการหาเงินเท่านั้นที่จะทำให้มั่งคั่งร่ำรวยขึ้นมาได้

ด้วยเงินที่ระบบให้มา สวี่รุ่ยรู้สึกว่าเธอจะเรียนรู้วิธีหาเงินได้ในเร็ววัน

เธอจะรวยให้ดู!

 

[1] ศัพท์เกม ช่วงเวลาที่ผู้เล่นจะต้องพักรอก่อนที่จะสามารถเรียกใช้การกระทำเดิมได้อีกครั้ง

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า