[ทดลองอ่าน] โชคลาภหมื่นล้านบันดาลรัก ตอนที่ 4

โชคลาภหมื่นล้านบันดาลรัก
天降横财一百亿

เจียงจื่อกุย 江子归 เขียน
เหวินหรง แปล

 

— โปรย —

ถ้าระบบให้เงินคุณหนึ่งหมื่นหยวน คุณจะใช้มันยังไง
ถ้าต้องใช้ให้หมดภายในสิบนาทีล่ะ
แล้วถ้าใช้ไม่หมดก็ต้องตายล่ะ คุณจะยอมรับได้ไหม

สวี่รุ่ย อดีตคุณหนูไฮโซต้องตกระกำลำบากทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ
ยังไม่ทันจบมหาวิทยาลัยกลับต้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

สวรรค์บันดาลให้เธอย้อนเวลากลับมาเจ็ดปีก่อน ตอนเรียนมัธยมปลายปีหนึ่ง
พร้อมกับระบบผลาญเงินที่แต่ละครั้งจะเพิ่มจำนวนเงินและระยะเวลาในการใช้เงินขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับคุณหนูที่เคยร่ำรวย การใช้เงินมือเติบอย่างนี้นับเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว

ที่สำคัญ หากทำภารกิจสำเร็จ เธอจะได้รับโบนัสพิเศษ
และนั่นก็ทำให้เธอช่วยชีวิต ลั่วหาน เพื่อนวัยเยาว์ที่ชาติก่อนจากไปตั้งแต่เด็กไว้ได้

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

 

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

4

 

แต่ละวันของสวี่รุ่ยหลังกลับมาเกิดใหม่ช่างผ่านไปอย่างสุขสบาย

หลังเลิกเรียนวันนั้น สวี่รุ่ยกับเซี่ยซือหย่าก็ออกไปเดินห้างสรรพสินค้าซื้อเสื้อผ้ากระเป๋า พร้อมถือโอกาสซื้อของขวัญวันคล้ายวันเกิดให้เหอจี้ข่ายด้วยเลย

ชาติที่แล้ววาสนาของสวี่รุ่ยกับเพื่อนๆ เหล่าทายาทเศรษฐีพวกนี้ช่างสั้นนัก

ยังไม่ทันจบมัธยมปลายปีหนึ่ง ที่บ้านของเธอก็เกิดเรื่องทำให้เธอไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม จากนั้นสวี่รุ่ยจึงย้ายไปโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งแถบชนบทซึ่งตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาล ถ้านั่งรถประจำทางไปหัวหย่าต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง

พอเรียนจบมัธยมปลาย เพื่อนส่วนใหญ่ไปเรียนต่อต่างประเทศจึงไม่ค่อยได้เจอกัน ทำให้ค่อยๆ ขาดการติดต่อกันไปในที่สุด

แม้เพื่อนกลุ่มนี้ของสวี่รุ่ยส่วนใหญ่เป็นแค่เพื่อนเที่ยวเพื่อนกิน แต่ก็มีเพื่อนแท้อยู่ด้วยเหมือนกัน เช่น เซี่ยซือหย่า และเหอจี้ข่าย ตอนเธอแร้นแค้นถึงที่สุด ทั้งสองคนต่างยื่นมือเข้ามาช่วยเธอ

สวี่รุ่ยเป็นคนชอบเข้าสังคม ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เธอมักร่าเริงเสมอ แม้ตอนหลังเธอจะกลายเป็นนักศึกษาจนๆ ที่ต้องขยันทำงานพิเศษ แต่เธอก็ยังเป็นคนดังที่คนทั้งคณะต่างรู้จัก

ปากสวี่รุ่ยบอกว่าจะไม่ไปงานวันคล้ายวันเกิด แต่จริงๆ แล้วเธอยังไปเลือกซื้อของขวัญวันคล้ายวันเกิดให้เหอจี้ข่ายด้วยความเต็มใจ

แม้ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากตลอดเจ็ดปี แต่พื้นฐานของสวี่รุ่ยนั้นเติบโตมาจากตระกูลร่ำรวย จึงคุ้นเคยกับของใช้ดีๆ และเธอยังมีสายตาเฉียบแหลมอีกด้วย

“รุ่นโมโนแกรม[1]อีกแล้วเหรอ ปีที่แล้วเธอก็ให้ลายนี้ไม่ใช่หรือ”

เซี่ยซือหย่าหันมาเห็นกระเป๋าเงินผู้ชายลายตารางในมือของสวี่รุ่ยแล้วอดส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่ได้

สวี่รุ่ยย้อนเวลากลับมาเจ็ดปีนี่นา เธอจะไปจำได้อย่างไรว่าปีที่แล้วให้อะไรเหอจี้ข่าย “งั้นเหรอ”

เซี่ยซือหย่าจ้องเธอ “ก็ใช่น่ะสิ เธอลืมไปแล้วหรือไง แถมวันคล้ายวันเกิดเขาปีที่แล้ว พวกเธอยังทะเลาะกันด้วย ที่เธอบอกว่าเขาขโมยจดหมายอะไรสักอย่างไปน่ะ”

สวี่รุ่ยจำไม่ได้สักนิดจริงๆ “ขโมยจดหมายอะไรเหรอ”

เซี่ยซือหย่าขมวดคิ้ว พยายามนึกสักพัก “ฉันจำได้เหมือนจะส่งมาจากต่างประเทศมั้ง… โอ๊ย อย่าไปนึกถึงเรื่องนี้เลย เธอไม่ได้สนใจจะเอาเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ เขาก็บ๊องๆ แบบนี้แหละ ทำอะไรไม่ใช้สมอง คิดปุ๊บทำปั๊บ”

สวี่รุ่ยหัวเราะ ไม่เซ้าซี้ต่อ เธอเปลี่ยนกระเป๋าเงินเป็นแบบอื่น ก่อนจ่ายเงินแล้วออกจากร้าน

ทั้งคู่เดินออกจากร้านแล้วเห็นโฆษณาเล็กๆ ในใบปลิวที่คนกำลังแจก สวี่รุ่ยก้มดู พบว่าเป็นโฆษณารักษาโรคหัวใจ

โฆษณานี้ไร้สาระมาก บอกว่าไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องกินยา ก็สามารถรักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดได้

สวี่รุ่ยเบะปาก โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดรักษากันง่ายๆ เสียที่ไหน เธอรู้จักอยู่คนหนึ่ง แทบตายให้ได้ทุกนาที… เดี๋ยวนะ จู่ๆ หัวใจของสวี่รุ่ยก็จมดิ่งลงทันใด จดหมายจากต่างประเทศ มัธยมปลายปีหนึ่ง โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดงั้นเหรอ

“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย แจกโฆษณาลดน้ำหนักให้ฉัน อารมณ์เสียโว้ย!” เซี่ยซือหย่าบ่นอุบ พอหันกลับไปก็ไม่เห็นสวี่รุ่ยแล้ว “นี่สวี่รุ่ย เธอยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น”

สวี่รุ่ยได้สติจึงรีบวิ่งปรู๊ดตามมาคว้ามือเซี่ยซือหย่าไว้แล้วถาม “จดหมายนั่นส่งมาจากไหน อเมริกาหรือเปล่า คนที่ส่งมาแซ่ลั่วใช่ไหม ใช่ลั่วหานหรือเปล่า”

เซี่ยซือหย่ารู้สึกสับสนกับท่าทางแตกตื่นของเธอ “ชะ…ใช่มั้ง เหมือนมาจากอเมริกานะ แต่ฉันจะไปจำได้ยังไงว่าใครส่งมา ทำไมเหรอ ลั่วหานคือใคร ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนี่นา”

ลั่วหานเป็นเพื่อนสมัยเด็กของสวี่รุ่ย เขาคือหนึ่งในบรรดาเพื่อนมากมายของเธอ หากเป็นสวี่รุ่ยคนเดิมย่อมไม่สนใจอะไร

แต่ที่ทำให้เธอต้องใส่ใจก็เพระลั่วหานเสียชีวิตหลังจากนี้ไม่นาน

จากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ในช่วงที่เธอเรียนชั้นมัธยมปลายปีแรก

ที่สวี่รุ่ยจำได้แม่นยำก็เพราะตอนนั้นย่าของเธอล้มป่วย แต่ที่บ้านไม่มีเงิน สวี่รุ่ยอับจนหนทางจริงๆ ปรากฏว่าครอบครัวของลั่วหานมาหาเธอในช่วงเวลานั้นพอดี พร้อมกับให้เงินก้อนหนึ่งเพื่อใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ทีแรกสวี่รุ่ยจะไม่รับเงินนั้น แต่ครอบครัวของลั่วหานบอกว่านี่เป็นความปรารถนาสุดท้ายก่อนตายของเขา เพราะเธอเปรียบเสมือนแสงสว่างนำทางที่ทำให้ลั่วหานมีแรงต่อสู้กับโรคร้าย สวี่รุ่ยจะรับคำพูดพวกนี้ไหวได้อย่างไร ตอนยังเป็นเด็ก เธอไม่รู้ถึงความร้ายแรงของโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดเลยสักนิดจึงลากลั่วหานวิ่งเล่นไปทั่ว

ใช่แล้ว ลั่วหานอายุน้อยกว่าเธอสองเดือน แต่เป็นเพราะร่างกายอ่อนแอ จึงทำให้ตอนเด็กๆ เขาเตี้ยกว่าสวี่รุ่ยเล็กน้อย

สวี่รุ่ยมักเรียกเขาว่าน้องลั่ว

น้องลั่วคนนี้ช่วยสวี่รุ่ยไว้มาก เธอย่อมลืมเขาไม่ลง โดยเฉพาะตอนหลังที่รู้ว่าเขาตายเพราะอุบัติเหตุด้วยแล้ว

สวี่รุ่ยใจกระตุก เธอถามอย่างจริงจังว่า “จริงสิ พวกเราจะไปเที่ยวที่เขาอวี้ซีใช่ไหม”

เซี่ยซือหย่ามองสวี่รุ่ยด้วยความประหลาดใจ “เธอรู้ได้ยังไงว่าเหอจี้ข่ายวางแผนไปจะเที่ยวบ่อน้ำร้อนที่เขาอวี้ซีในช่วงวันคล้ายวันเกิด เขายังให้ฉันปิดเธอเป็นความลับ หรือเขาบอกเธอแล้ว”

สวี่รุ่ยได้ยินแล้วโล่งอก ยังไม่สายเกินไป!

ระบบ 1212 “อะไรที่ว่าสายไป”

สวี่รุ่ย “ทำไมจู่ๆ คุณถึงโผล่มาได้ล่ะ”

ระบบ 1212 “อ้อ ระบบจะมามอบภารกิจหลักให้คุณ คุณต้องใช้เงินห้าหมื่นให้หมดภายในยี่สิบนาที”

สวี่รุ่ยใจเต้นรัวทันใด “ถ้าล้มเหลวจะมีบทลงโทษอะไรหรือเปล่า”

ระบบ 1212 “คุณทำภารกิจมือใหม่สำเร็จแล้ว จึงสะสมชีวิตไว้ได้หนึ่งชีวิต ถ้าภารกิจหลักล้มเหลวหนึ่งครั้งก็แค่หักภารกิจประจำวันหนึ่งเดือน แต่ถ้าทำภารกิจหลักล้มเหลวอีก ระบบจะเริ่มนับถอยหลังเวลาของคุณทันที”

หากไม่มีภารกิจประจำวันหนึ่งเดือนเท่ากับว่าเงินหมื่นที่จะได้ทุกวันก็ลอยหายไปน่ะสิ

สมมติว่าถ้าครั้งนี้ล้มเหลว และภารกิจหน้าล้มเหลวอีก เธอจะต้องกลับไปทำภารกิจกู้ชีพเหมือนก่อนหน้านี้อีกครั้ง

สวี่รุ่ยไม่อยากกลับไปเผชิญกับความรู้สึกที่เหลือเวลาชีวิตแค่สิบนาทีอีกแล้ว

ต่อให้ไม่ใช่เพื่อเงินหมื่นหยวนในทุกวัน แต่เธอก็ไม่อยากเสียโอกาสในการมีชีวิตไปกับตรงนี้

สวี่รุ่ยรวบรวมสติทันควัน “โอเค แล้วเงินล่ะ”

ระบบ 1212 “ในระยะห้าร้อยเมตรใกล้ๆ นี้มีแผงขายของชำสองแผง มีร้านขายลอตเตอรี่สามร้าน…”

สวี่รุ่ยพลันเข้าใจ ที่ผ่านมาเงินสำหรับภารกิจประจำวันล้วนได้มาจากลอตเตอรี่ขูดและเธอถูกรางวัลทุกครั้ง สวี่รุ่ยคิดว่านับวันสายตาของเถ้าแก่เนี้ยร้านขายลอตเตอรี่แถวนี้มองเธอยิ่งแปลกขึ้นเรื่อยๆ แม้เธอซื้อลอตเตอรี่เพิ่มขึ้นเพื่อตบตาคนอื่นก็ตามที…

สวี่รุ่ยอดถามไม่ได้ “นี่ นอกจากลอตเตอรี่ขูดแล้วไม่มีวิธีอื่นที่จะได้เงินเลยเหรอ”

ระบบ 1212 “ยังมีลอตเตอรี่สวัสดิการ”

สวี่รุ่ย “…ลอตเตอรี่สวัสดิการหมื่นล้านนั่นน่ะเหรอ”

ระบบ 1212 “สหายตัวน้อยช่างรีบร้อนเหลือเกิน ยังไม่ทันเดินได้ก็จะรีบวิ่งแล้ว ยังไงต่อไปก็จะมีวิธีหาเงินที่ดีกว่านี้ในอนาคตละ”

สวี่รุ่ย “ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยสิ”

ระบบ 1212 “มาเก๊า พนันหินหยก เล่นของเก่า หุ้น ยังมีลาภลอยอีก”

สวี่รุ่ยรู้สึกตงิดๆ ในใจ นี่เหมือนล้อกันเล่นชัดๆ

แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ ภารกิจหลักสำคัญกว่า

เธอส่งถุงช็อปปิงในมือให้เซี่ยซือหย่า “ช่วยฉันถือแป๊บหนึ่งสิ เธอเดินเล่นไปคนเดียวก่อนนะ ฉันไปทำธุระเดี๋ยวมา!”

เซี่ยซือหย่าไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เพื่อนรักก็วิ่งจากไปราวกับติดปีกบิน

หล่อนกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “เธอจะไปไหนเนี่ย!”

“ฉันจะกลับมาภายในครึ่งชั่วโมง!”

 

สวี่รุ่ยมีเวลาเพียงยี่สิบนาทีในการทำภารกิจเท่านั้น แต่ระบบไม่ได้นับเวลาในขั้นตอนการรับเงิน จากบทเรียนครั้งที่แล้วที่แสนโกลาหล คราวนี้เธอฉลาดขึ้นแล้ว

ระหว่างทางไปแผงขายของชำ สวี่รุ่ยสังเกตร้านค้าและสภาพแวดล้อมสองข้างทางไปตลอดทาง

ในเมื่อมาเดินช็อปปิง สวี่รุ่ยกับเซี่ยซือหย่าจึงเลือกเดินแถวย่านศูนย์การค้าที่เจริญที่สุดในเมือง C ที่นี่ไม่เพียงมีห้างสรรพสินค้ามากมาย แต่ยังมีอาคารสำนักงานอยู่ไม่น้อย

ทว่าหลังสวี่รุ่ยซื้อลอตเตอรี่ขูดใบสุดท้าย เธอก็พบว่าตัวเองต้องจบเห่แน่ เพราะสวี่รุ่ยเดินออกจากใจกลางเมืองเสียแล้ว

มีแค่ใจกลางเมืองเท่านั้นที่มีร้านขายของแบรนด์เนมสองร้าน จะใช้ห้าหมื่นหยวนในยี่สิบนาทีก็ยังพอไหว

แต่ยามนี้ถ้าวิ่งจากร้านขายลอตเตอรี่ที่สวี่รุ่ยยืนอยู่ก็ใช้เวลาตั้งห้านาทีเข้าไปแล้ว

ระบบ 1212 “คุณวิ่งเร็วไม่ใช่หรือ”

สวี่รุ่ยถลึงตา “วิ่งบนถนนมันอันตรายมากนะ!”

ถ้าไม่ระวังก็อาจเละเป็นโจ๊กอีกรอบน่ะสิ

ระบบ 1212 “เอาละ งั้นตอนนี้จะเริ่มนับเวลาแล้วนะ เหลือเวลาอีกยี่สิบนาที”

สวี่รุ่ยใจเต้นรัว เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างว่องไว ที่จริงตอนขามา เธอก็รู้แล้วว่ามีร้านอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง

บริเวณนี้มีแต่ร้านเล็กๆ ร้านขายข้าวสารและน้ำมัน อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ร้านนวด ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ไม่มีร้านไหนที่เธอสามารถใช้เงินห้าหมื่นหยวนได้แบบง่ายๆ เลย

ยกเว้น…บริษัททัวร์!

มีบริษัททัวร์แห่งหนึ่งตั้งอยู่ตรงมุมตึก แม้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย มีพื้นที่แค่สามสิบตารางเมตรเท่านั้น แต่สวี่รุ่ยก็สังเกตเห็นจนได้

สวี่รุ่ยวิ่งไปตลอดทาง เธอผลักประตูแล้วเอ่ย “ฉันต้องการไปเที่ยวต่างประเทศค่ะ!”

พนักงานขายต้อนรับเธอด้วยความยินดี เชื้อเชิญให้เธอนั่งลงก่อนรินชาให้ “นักเรียนจะไปเที่ยวประเทศไหนดีคะ”

สวี่รุ่ยไม่แม้แต่จะมองเอกสารประกอบการท่องเที่ยวที่กองอยู่เป็นตั้งแม้แต่น้อย เธอถามทันทีว่า “บริษัทคุณมีทัวร์ไปขั้วโลกใต้ไหมคะ”

พนักงานขายตาลุกวาว เห็นได้ชัดว่าหล่อนเข้าใจว่าสวี่รุ่ยเป็นลูกคนรวย จึงรีบแนะนำว่า “มีค่ะๆ ปีนี้พวกเราเพิ่งจัดทัวร์ไปเที่ยวขั้วโลกใต้ตอนตรุษจีนพอดี นี่ยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไปเที่ยวขั้วโลกใต้ด้วยนะคะ ราคาสมเหตุสมผล แค่สี่หมื่นสามพันแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนเท่านั้นเองค่ะ”

สวี่รุ่ยพูดไม่ออก ไปเที่ยวขั้วโลกใต้ก็ยังเสียเงินไม่ถึงห้าหมื่นเหรอเนี่ย!

ครั้นคิดดูอีกที เวลานี้คือปี 2010 ราคายังไม่แพงมาก ดังนั้นเธอจึงไม่ลังเลเอ่ยว่า “ตกลงค่ะ คุณเอาสัญญามาเลย เดี๋ยวฉันเซ็นแล้วจ่ายเงินตอนนี้เลยค่ะ”

พนักงานขายคงไม่เคยเจอลูกค้าที่ตัดสินใจรวดเร็วอย่างนี้ เธอยังมึนงง “อ้อจริงสิ เรื่องพาสปอร์ต และวีซ่า…”

สวี่รุ่ยหยิบเงินห้าหมื่นหยวนออกจากกระเป๋าและเลื่อนไปให้พนักงานขายทันที “ฉันเชื่อว่าบริษัททัวร์ของคุณคงช่วยจัดการเรื่องพวกนี้ให้ได้แน่นอน แค่ฉันให้ความร่วมมือก็พอ! ถ้ามีปัญหาที่ทำให้ฉันไปไม่ได้ ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง เพราะฉะนั้นรีบเซ็นสัญญาเถอะค่ะ!”

พนักงานขายยิ้มพลางพยักหน้า ก่อนถามอีกประโยคว่า “ไม่ทราบว่าบรรลุนิติภาวะหรือยังคะ เราอาจต้องขอบัตรประชาชนด้วย”

สวี่รุ่ยใจกระตุก แน่นอนว่าเธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่พูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ยังเหลืออีกหลายเดือนกว่าจะถึงตรุษจีน ฉันค่อยเตรียมมาให้ก่อนออกเดินทางได้ไหมคะ”

“ได้สิคะ บริษัททัวร์ของเราก่อตั้งมานานแล้ว สบายใจได้!”

แม้พนักงานขายแปลกใจอยู่บ้าง แต่ผลงานมาถึงมือแล้วจะไม่รับได้อย่างไร ขณะที่พูดหล่อนก็เริ่มทำสัญญาและเก็บเงิน

“โปรแกรมทัวร์ของเราเป็นการล่องเรือสำราญนะคะ ทั้งหมดสิบเก้าวันสิบแปดคืน ออกเดินทางจากเมือง S พร้อมกับเที่ยวชมความงามของหมู่เกาะต่างๆ ในทวีปอเมริกาใต้ รวมถึงแหลมฮอร์น…”

สวี่รุ่ยไม่ได้ตั้งใจฟังสักเท่าไร สายตาของเธอจดจ้องตัวเลขที่อยู่บนใบปลิวโฆษณา

ใช่แล้ว เธอสนใจแค่ตัวเลขเท่านั้น!

สวี่รุ่ยไล่อ่านในใจเงียบๆ เสียเวลาหลายสิบวินาทีจนในที่สุดก็เจอโปรแกรมทัวร์ที่มีราคาหกพันหยวนจนได้

เธอชี้ลงไปแล้วเอ่ย “เพิ่มทัวร์นี้เข้าไปด้วยค่ะ!”

พนักงานขายมองเล็กน้อย “โปรแกรมเที่ยวสิงคโปร์-มาเลเซีย-ไทยเหรอคะ จะออกเดินทางช่วงไหนดีคะ เราออกเดินทางทุกสัปดาห์ค่ะ”

สวี่รุ่ยมองนาฬิกาข้อมือพลางกล่าว “ฉันจะจ่ายเงินแล้วเซ็นสัญญาก่อนค่ะ ส่วนเวลาที่แน่นอนเดี๋ยวฉันโทร.ติดต่อมาที่บริษัทพวกคุณอีกที”

แน่นอนว่าบริษัททัวร์ย่อมไม่มีปัญหา ในฐานะคนทำงานบริการ พอเห็นสวี่รุ่ยเร่งไม่หยุด หล่อนก็เก็บเงินไปด้วยความว่องไว ทว่าสวี่รุ่ยเองก็เซ็นสัญญาด้วยความฉับไวเช่นกัน เธอรีบจนไม่ได้อ่านรายละเอียดข้างในเสียด้วยซ้ำ

ระบบ 1212 “สองนาทีสุดท้าย”

ร่างกายที่เพิ่งผ่อนคลายของสวี่รุ่ยเกร็งทันใด ทำไมถึงยังเตือนอยู่อีกล่ะ!

พนักงานขายส่งเสียงเรียกสวี่รุ่ยจากด้านหลัง “นักเรียน นี่เงินทอนหนึ่งร้อยสิบสองหยวนของคุณ”

สวี่รุ่ยแอบด่าในใจชุดหนึ่งที่ตัวเองดันลำพองไปกับความราบรื่นจนหลงลืม…สวี่รุ่ยสูดหายใจเข้าลึก แล้วหันหลังกลับโดยที่ยังไม่ได้รับเงินทอน สมองของเธอแล่นเร็วจี๋พลันตัดสินใจหยิบหนังสือท่องเที่ยวสามสี่เล่มบนชั้นหนังสือที่ตั้งประดับขึ้นมาอย่างไม่ลังเล

“ไม่ต้องทอนค่ะ ฉันซื้อหนังสือพวกนี้ก็แล้วกัน”

พูดจบสวี่รุ่ยก็ไม่ให้โอกาสพนักงานขายได้พูดอะไรอีก เธอรีบจากไปพร้อมกับหนังสือและสัญญาท่องเที่ยวในมือ

ระบบ 1212 “ยินดีด้วยโฮสต์ ภารกิจหลักสำเร็จแล้ว”

 

[1] โมโนแกรมแรกของหลุยส์ วิตตอง เป็นลายตารางหมากรุกที่รู้จักในชื่อ Damier ผลิตเมื่อปี 1888 เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบจากช่างทำกระเป๋าเดินทางเจ้าอื่นในปารีสแต่ไม่ได้ผล ต่อมาจึงเพิ่มลายดอกไม้และตัวอักษร LV เข้าไปเพื่อให้ยากต่อการเลียนแบบ

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า