โชคลาภหมื่นล้านบันดาลรัก
天降横财一百亿
เจียงจื่อกุย 江子归 เขียน
เหวินหรง แปล
— โปรย —
สวี่รุ่ย อดีตคุณหนูไฮโซต้องตกระกำลำบากทำงานทุกอย่าง
เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพและย่าผู้รักเธอสุดหัวใจ
ยังไม่ทันจบมหาวิทยาลัย เธอกลับต้องเสียชีวิตขณะขับรถรับจ้าง
สวรรค์บันดาลให้เธอย้อนเวลากลับมาเจ็ดปีก่อน
พร้อมกับระบบผลาญเงินที่แต่ละครั้งจะเพิ่มจำนวนเงิน
และระยะเวลาในการใช้เงินขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงหนึ่งหมื่นล้านหยวน!
สำหรับคุณหนูที่เคนใช้ชีวิตอู้ฟู่ การใช้เงินมือเติบอย่างนี้นับเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว
แต่เงื่อนไขของภารกิจคือ หลังจบการทดลองระบบผลาญเงินแล้ว
จะริบสิ่งของทุกอย่างที่ใช้เงินภารกิจซื้อกลับคืน
เธอจึงต้องวางแผนหรือกระทั่งเล่นเล่ห์หาช่องโหว่ด้วยการใช้เงินต่อเงิน
เพื่อที่จะมีเงินเป็นของตัวเอง
ดังนั้นไม่ว่าธุรกิจอะไรที่เธอรู้ว่าจะเติบโตในอนาคต เธอล้วนลงทุนทั้งหมด
ขณะเดียวกันเธอยังต้องกลับมาสานสัมพันธ์กับคนในครอบครัว
ที่ชาติก่อนเธอเคยคิดว่าเกลียดเธออย่างตาและน้าชายด้วย
ชีวิตใหม่ของสวี่รุ่ยจึงยุ่งวุ่นวายอย่างช่วยไม่ได้
_______________________________
ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“
สำนักพิมพ์อรุณ
(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)
45
สวี่รุ่ยไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลจู้นานนัก หลังจากนั้นเธอก็เดินทางไปหาโจวเจียอี๋
นอกจากความสัมพันธ์ที่มีต่อโจวเจียอี๋แล้ว สวี่รุ่ยยังประทับใจคุณนายโจวอย่างลึกซึ้ง เพราะหล่อนเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์
ถึงไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากนัก แต่สวี่รุ่ยอยากใช้โอกาสนี้ศึกษาแวดวงภาพยนตร์เพิ่มเติมจากผู้อาวุโสอย่างคุณนายโจว
ทว่าคุณนายโจวงานรัดตัวเหลือเกิน สวี่รุ่ยจึงไม่ได้พบคุณนายโจวระหว่างรับประทานอาหารมื้อนี้ กลับเป็นคนที่มีงานการต้องทำอย่างโจวเหว่ยเจี๋ยที่ต้องนั่งกินข้าวกลางวันเป็นเพื่อนเธอแทนพร้อมกับโจวเจียอี๋
แม้ไม่ได้พบกันนานหลายปี แต่มุกตลกชวนขบขันที่สวี่รุ่ยปล่อยอย่างต่อเนื่องก็เรียกเสียงหัวเราะไม่ขาดสาย และช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างกินอาหารเพียงหนึ่งมื้อ
ธุรกิจดั้งเดิมของตระกูลโจวเป็นบริษัทประมูล ไม่กี่ปีมานี้ลงทุนในธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตทางฝั่งแผ่นดินใหญ่ เห็นว่าได้กำไรไม่เลวทีเดียว
สวี่รุ่ยไม่ค่อยเชื่อมั่นต่ออนาคตการลงทุนในธุรกิจโรงแรมสักเท่าไหร่ พอลองคำนวณเวลาดู ต่อจากนี้อีกไม่กี่ปีนโยบายการปกครองจะรัดกุมขึ้น ถึงตอนนั้นรายได้ของโรงแรมจะตกฮวบ ตามรายงานข่าวสามสี่ปีต่อจากนี้จะมีโรงแรมที่ต้องปิดกิจการนับไม่ถ้วน
“ว้าว เชอร์รี เธอรู้เรื่องธุรกิจมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
โจวเจียอี๋อดตะลึงลานไม่ได้ หลังได้ยินเพื่อนสนิทพูดจาฉะฉานมีหลักการ
สวี่รุ่ยในความทรงจำของหล่อนยังคงเป็นสวี่รุ่ยที่โดดเรียนและเล่นเกมกับหล่อนอยู่เลย
แน่นอนว่าลำพังแค่ตัวสวี่รุ่ยย่อมวิเคราะห์ไม่ได้ แต่ช่วงนั้นมีข่าวเยอะมาก เธอแค่พูดตามความทรงจำไม่กี่ประโยคเท่านั้น
ทว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนสงสัยเธอ สวี่รุ่ยจึงอ้างตามที่เคยพูดครั้งก่อนอย่างลื่นไหล “อ้อ เพราะมีมรดกให้ต้องจัดการ ฉันเลยจ้างอาจารย์เฉพาะทางด้านนี้มาสอนสองคน และเคยวิเคราะห์นโยบายนี้พอดี”
โจวเหว่ยเจี๋ยจ้องเธอไม่ละสายตา “งั้นพี่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ให้มากขึ้น ขอบคุณที่เธอช่วยเตือน”
สวี่รุ่ยเห็นเขามีท่าทางจริงจังมาก เนื่องจากกลัวว่าถ้าเขาถามต่อแล้วความจะแตกจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
“จริงสิ ออสการ์ ฉันมีเรื่องอยากขอให้ช่วยหน่อย ฉันอยากขายจี้ชิ้นหนึ่ง”
จี้ที่สวี่รุ่ยพูดถึงจะเป็นอะไรได้นอกจากจี้หยกจักรพรรดิที่หลัวจื่อเย่ว์แพ้พนันชิ้นนั้น
หากเก็บของชิ้นนี้ไว้ เธอคงไม่ได้ใส่ เอาไปเปลี่ยนเป็นเงินมาใช้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะปกติมีภารกิจเยอะจนล้น ทำให้บางทีก็มีช่วงเวลาที่เงินขาดมือเหมือนกัน
การขายของแพงขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และยามนี้สวี่รุ่ยยังเป็นเพียงผู้เยาว์จึงติดข้อจำกัดหลายอย่าง
โชคดีที่บริษัทประมูลเป็นของตระกูลโจวทำให้ดำเนินการง่ายกว่าเล็กน้อย
งานนี้โจวเหว่ยเจี๋ยรับปากทันควัน ทั้งยังพาสวี่รุ่ยไปเซ็นแบบฟอร์มและสัญญาที่บริษัทประมูล พอขายได้เขาจะโอนเงินเข้าบัญชีให้
สวี่รุ่ยรู้ดีว่าอัญมณีมูลค่าเกือบล้านพรรค์นี้ไม่มีทางขายออกง่ายๆ หากแต่บุญพาวาสนาส่ง จี้หยกจักรพรรดิชิ้นนี้ของเธอกลับถูกตาต้องใจคนโดยไม่ต้องทำอะไรเลย!
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอัญมณีเพิ่งประเมินราคา หนุ่มใหญ่ที่มาเซ็นสัญญาเหมือนกันคนหนึ่งก็คว้าจี้ไปทาบกับนิ้วสักพัก “รูปร่างและความโปร่งใสเหมาะแก่การนำไปทำแหวนหยกมาก”
หนุ่มใหญ่คนนี้อายุน่าจะราวห้าสิบปี เขาสวมแว่นตาสีชา แต่งกายภูมิฐาน และสวมรองเท้าหนังของซานโตนี[1]
แค่ชายตามอง โจวเหว่ยเจี๋ยก็จำคนคนนี้ได้โดยพลัน เขาดันหลังสวี่รุ่ยเบาๆ ให้เดินเข้าไปหาพร้อมเอ่ยแนะนำเสียงกระซิบ “คนนี้คือโอวหยางจิ้นผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่ เขารักการซื้ออัญมณีให้แฟนสาวเป็นชีวิตจิตใจ เธอพูดดีๆ กับเขาแค่ไม่กี่คำ ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวอาจขายออกก็ได้”
ถ้าขายออกได้เร็วหน่อย สวี่รุ่ยย่อมดีใจ เธอมองเขายิ้มๆ “งั้นก็ไม่เท่ากับว่าชวดการประมูล ทำให้พี่ขาดรายได้หรอกเหรอ”
โจวเหว่ยเจี๋ยขยับแว่นตา แล้วเอ่ยเจือหัวเราะ “งั้นคราวหน้าพี่ไปเมือง C เธอเลี้ยงข้าวพี่ก็แล้วกัน”
สวี่รุ่ยตกปากรับคำอย่างไม่ลังเล “ไม่มีปัญหาค่ะ!”
ความจริงสวี่รุ่ยก็รู้จักโอวหยางจิ้นคนนี้ แน่นอนว่าไม่ได้รู้จักแบบโจวเหว่ยเจี๋ย แต่พบเห็นในตอนต้นของภาพยนตร์บางเรื่อง เขาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตภาพยนตร์ที่มีชื่อโด่งดังของฮ่องกง
สวี่รุ่ยค้นพบว่าเขาชอบซื้ออัญมณี ทว่าเธอรู้มาจากข่าวบันเทิงในยุคหลังซึ่งระบุว่าเขาซื้อเครื่องประดับหลายล้านให้นักแสดงที่เป็นที่นิยมคนหนึ่ง เรื่องนี้จึงทะยานขึ้นสู่อันดับการค้นหายอดนิยม
คนที่ซื้ออัญมณีจนรู้กันทั่วแบบนี้ สวี่รุ่ยเดาว่าเขาน่าจะเจ้าชู้ไม่ต่างจากตาสักเท่าไร
แต่เธอไม่คิดว่าโอวหยางจิ้นคนนี้จะรู้จักตาเธอด้วย
“บังเอิญจังเลยนะครับคุณลุง มาดูของประมูลอีกแล้วเหรอครับ”
“โอ้ ออสการ์ เธอก็อยู่ด้วยเหรอ คุณนายโจวจะกลับจากไต้หวันเมื่อไหร่ล่ะ”
“ได้ยินว่าสัปดาห์หน้าครับ คุณลุงถูกใจอะไรบ้างหรือยัง”
“เจ้าจิ๋วชิ้นนี้ไม่เลวเลย” โอวหยางจิ้นหยิบจี้ชิ้นเล็กมาชื่นชมครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลื่อนสายตาจากโจวเหว่ยเจี๋ยไปหยุดที่สวี่รุ่ย เสียงสูงขึ้นเล็กน้อย “เอ๊ะ ออสการ์ นี่แฟนเธอเหรอ”
“คุณลุงเข้าใจผิดแล้วครับ คนนี้คือเชอร์รี หลานสาวของจู้หงเซิน จี้ที่คุณลุงถูกใจชิ้นนี้เป็นของเชอร์รีครับ” โจวเหว่ยเจี๋ยพาสวี่รุ่ยมาทำความรู้จักกับโอวหยางจิ้น
สวี่รุ่ยคลี่ยิ้มสดใสและจับมือกับเขาด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย “สวัสดีค่ะ คุณลุง!”
โอวหยางจิ้นสังเกตเห็นสวี่รุ่ยตั้งแต่แรกแล้ว ด้วยเด็กสาวหน้าตาดีมักดึงดูดความสนใจของผู้คนเสมอ แต่คิดไม่ถึงว่าประวัติชีวิตของเด็กสาวจะน่าสนใจกว่า
เขากระชับมือที่จับกับสวี่รุ่ยพลางยิ้มกริ่ม “เธอเป็นหลานสาวของคุณจู้เหรอ งั้นพวกเราน่าจะเคยเจอกันมาก่อน”
สวี่รุ่ยตะลึงงัน นี่บังเอิญเกินไปหรือเปล่า
โอวหยางจิ้นยังพูดต่อโดยไม่สะดุด “ไม่น่าเชื่อใช่ไหม ไม่กี่ปีก่อนลุงเคยลากคุณจู้ไปลงทุนสร้างหนังเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นเขาอยู่ที่เมือง S เวลานั้นยายน่าจะเป็นคนเลี้ยงดูเธอสินะ ตอนนั้นเธอยังเด็กอยู่เลย ต้องจำไม่ได้แน่ๆ”
สวี่รุ่ยจำไม่ได้จริงๆ ทุกครั้งที่ตาอยู่บ้านมักมีคนมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาหาตลอด
ทว่านี่กลับเป็นโอกาสดี พอหยิบยกตาขึ้นเป็นหัวข้อสนทนา สวี่รุ่ยกับโอวหยางจิ้นจึงยิ่งคุยกันถูกคอ จากนั้นโจวเหว่ยเจี๋ยยกกาแฟมาให้พวกเธอดื่ม
สวี่รุ่ยพบเจอใครก็ทำตัวเป็นกันเองเสมอ และยังเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย พูดเก่ง โอวหยางจิ้นคุยจ้อไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทำให้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
“ลุงจำได้ว่าตอนนั้นคุณจู้ยังเอาการ์ตูนที่เธอวาดมาถามลุงว่าจะทำเป็นหนังได้ไหม ลุงตกใจแทบแย่ แต่ถ้าคุณจู้จะลงทุน อย่าว่าแต่การ์ตูนเลย แค่ลายเส้นเขี่ยๆ ลุงก็หาคนมาถ่ายทำให้ได้ พวกหนังและซีรีส์ พูดตามตรงก็เป็นเรื่องของเงินทองล้วนๆ ถ้ามีผู้ลงทุน หลังจากนั้นก็ง่ายแล้ว”
สวี่รุ่ยประหลาดใจมากเมื่อได้ฟังเรื่องนี้
ตอนเด็กๆ มีช่วงหนึ่งที่สวี่รุ่ยชื่นชอบการวาดรูป แต่ทำได้ไม่นานก็เลิกไป กลายเป็นเธอพาให้ลั่วหานเริ่มวาดรูปตามไปด้วย และเขาวาดรูปได้ดีกว่าเธอมาก
สิ่งที่วาดตอนนั้น ตากล้าเอาไปให้คนอื่นดู ซ้ำยังจะถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ด้วย ให้ตายสิ
สวี่รุ่ยเก้อเขิน “ตาต้องล้อเล่นแน่ๆ ค่ะ”
โอวหยางจิ้นส่ายหน้า “ลุงว่าไม่ล้อเล่นนะ แต่พอคุณนายจู้จากไป คุณจู้ก็ไม่ข้องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมหนังและซีรีส์อีกเลย”
พูดถึงตรงนี้ ดูคล้ายเขาจะผิดหวังอยู่บ้าง และทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ จึงถามด้วยความสนใจ “เมื่อกี้ได้ยินออสการ์บอกว่าเธอเปิดบริษัทภาพยนตร์และซีรีส์ที่ฝั่งแผ่นดินใหญ่เหรอ ถ้าเป็นเรื่องจริง คุณจู้อาจลงทุนกับธุรกิจนี้อีกครั้งก็ได้”
ช่างเป็นการเข้าใจผิดที่ดีงามเหลือเกิน
สวี่รุ่ยขยิบตาให้หนึ่งครั้ง “ไม่ค่ะ เรื่องนี้ตายังไม่รู้ และยังอยู่ในช่วงเตรียมการ หนูยังไม่ค่อยเข้าใจอะไร ยังต้องเรียนรู้จากรุ่นพี่อย่างคุณลุงอีกมากค่ะ”
“นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้าเธออยากเรียนรู้ก็ถามลุงได้เลย เธอออกตัวดี ง่ายต่อการเริ่มลงมือ”
โอวหยางจิ้นชอบเห็นคนอื่นๆ ประสบความสำเร็จ จึงแนะนำคนในวงการให้สวี่รุ่ยรู้จักหลายคน “แต่ปกติลุงมักอยู่ที่ฮ่องกง ส่วนเธออยู่แผ่นดินใหญ่ ถ้าต้องการใครก็โทร.หาพวกเขาได้เลย เรื่องใหญ่ๆ อาจไม่ไหว แต่ยังช่วยทุ่นแรงไปได้เยอะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณลุง!”
สวี่รุ่ยรีบบันทึกไว้ จะต้องมีประโยชน์ในอนาคตอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะพัฒนาบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์หรือการผลาญเงิน
หลังดื่มกาแฟแก้วนี้หมด ทั้งคู่ก็แทบลืมเรื่องจี้หยกไปแล้ว
ถึงอย่างนั้นโอวหยางจิ้นก็เก็บจี้หยกไปอย่างอารมณ์ดีเหลือแสน
จี้คุณภาพไม่ต่ำ เหมาะกับหวานใจของเขา และยังเป็นของรักของหลานสาวตระกูลจู้ สุดท้ายเขาก็เซ็นเช็คเงินสดให้หนึ่งใบ
ไม่มีหรอกหนึ่งล้าน แต่ได้มาเจ็ดแสนกว่าๆ
เนื่องจากสวี่รุ่ยใจกว้างให้ราคาต่ำสุดเพื่อแสดงความนับถืออีกฝ่าย โอวหยางจิ้นจึงยิ่งมีความสุขสุดเปรียบ
“กลับฮ่องกงคราวหน้า หนูจะมาดื่มชากับคุณลุงอีกนะคะ”
ทั้งสองคนกอดลากันตรงประตูบริษัทประมูล
ด้วยเหตุนี้ หลังดื่มกาแฟไปหนึ่งแก้ว สวี่รุ่ยก็ได้เช็คเงินสดจำนวนเจ็ดแสนแปดหมื่นหยวนมาอยู่ในมือ
เดิมเป็นลาภลอย เธอจึงพอใจมาก นอกจากนี้ยังได้ใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับผู้ผลิตภาพยนตร์ชื่อดัง และพูดคุยเรื่องบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ของเธอเตรียมจัดตั้งขึ้นเร็วๆ นี้ ทำให้เก็บเกี่ยวอะไรดีๆ ได้มากมาย
สวี่รุ่ยตัดสินใจแล้วว่าหลังกลับไปจะจ้างครูมาสอนอย่างจริงจัง
ลำพังแค่ความสามารถในการ “ทำนาย” แบบงูๆ ปลาๆ นั้นไม่เพียงพอ ต้องเรียนเรื่องการเงินขั้นพื้นฐานด้วยถึงจะถูก
ไม่งั้นถึงจะรู้จักคนที่มีความสามารถมากมายและมีคอนเนกชัน แต่ไม่รู้วิธีนำไปใช้…แล้วต่อไปจะ “ฟอกเงิน” หนึ่งหมื่นล้านได้ด้วยวิธีไหนล่ะ
ระบบ 1212 “ขณะนี้คุณปิดบังใจที่ปรารถนาจะ ‘ฟอกเงิน’ ไม่ได้แล้วนะ”
สวี่รุ่ยให้ความกระจ่าง “ถ้าคุณคิดแบบนั้นจะไม่กลายเป็นน้ำใสไร้ตัวปลา[2]เหรอ”
ระบบ 1212 “งั้นคุณต้องเป็นปลาวาฬแน่นอน”
สวี่รุ่ย “…”
การที่เจ้าระบบมีอารมณ์ขันมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี
ระบบ 1212 “ระบบมีข่าวดีจะบอก คุณเข้าร่วมการทดลองครบหนึ่งร้อยวันแล้ว”
สวี่รุ่ยเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีนัก “แล้วไง”
ระบบ 1212 “ลางสังหรณ์ของคุณพลาดแล้วละ นี่เป็นข่าวดีจริงๆ เงินทุนสำหรับภารกิจประจำวันของวันนี้จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งร้อยเท่า”
หนึ่งร้อยเท่างั้นรึ
นั่นไม่ได้หมายความว่าเงินทุนสำหรับภารกิจประจำวันวันนี้เป็นสองล้านหรอกเหรอ
สวี่รุ่ยกลืนน้ำลาย “แล้วข่าวร้ายล่ะ”
ระบบ 1212 “สหายตัวน้อยเริ่มจะเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว”
สวี่รุ่ยอยากบีบคอระบบให้ตายชะมัด แต่ในไม่ช้าก็อับจนหนทาง
ระบบ 1212 “ข่าวร้ายก็คือต้องใช้ให้หมดภายในหนึ่งร้อยนาที และต้องไม่เกินหนึ่งร้อยเมตร”
หนึ่งร้อยนาทียังไม่เท่าไร แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยเมตรบ้าบออะไร!
สวี่รุ่ยมองสำรวจบริเวณรอบๆ อย่างละเอียด ขณะเดียวกันก็ถามว่า “ถ้าใช้ไม่หมดแล้วจะเป็นยังไง”
ระบบ 1212 “นี่เป็นโบนัส จะใช้หมดหรือไม่หมดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช้หมด สองล้านนี้จะตกเป็นของคุณ ไม่เรียกคืนวัตถุ”
ไม่เรียกคืนวัตถุงั้นเหรอ
ถ้างั้นก็สามารถเก็บไว้ได้ และยังสามารถลงทุนเพิ่มมูลค่า หรือแจกตามใจชอบ ทำได้แม้กระทั่งขายทิ้ง
ระบบ 1212 “สหายตัวน้อยมีความคิดฉับไว สามารถเชื่อมโยงไปถึงเรื่องอื่นๆ ได้อย่างถูกต้องครบถ้วนตามนั้น”
โจวเหว่ยเจี๋ยกำลังออกจากบริษัทประมูลไปส่งสวี่รุ่ยกลับ
เขาเปิดประตูรถ กลับพบว่าสวี่รุ่ยยืนนิ่งไม่ยอมขยับ เธอมัดผมเป็นหางม้าสูง ใส่แจ็กเก็ตทรงครอปสีแดง ช่วงขาใต้กางเกงยีนขาดๆ นั้นเรียวยาว ดูสบายๆ ไม่เป็นทางการ
เธองดงามราวกับภาพวาด แต่พอยืนอยู่ริมถนนกลับดูขัดๆ
“เชอร์รี”
โจวเหว่ยเจี๋ยเดินเข้าไปหา ขณะจะตบบ่าของเธอเบาๆ สวี่รุ่ยก็หันกลับมา ดวงตากลมโตทอประกายสุกใสเบิกกว้าง
“ออสการ์ ฉันเข้าร่วมการประมูลของบริษัทพี่ได้ไหม”
เมื่อเธอมองเขาด้วยสายตาเว้าวอนแบบนี้ โจวเหว่ยเจี๋ยไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร แต่เรื่องนี้เขาไม่มีอำนาจตัดสินใจ “ต้องขอโทษด้วยนะ เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงเข้าร่วมการประมูลอย่างเป็นทางการไม่ได้ เว้นแต่จะทำธุรกรรมส่วนตัว”
สวี่รุ่ยเดาไว้แล้วเหมือนกัน อย่างการที่เธอฝากจี้ให้โจวเหว่ยเจี๋ยช่วยขายก็เป็นลักษณะของการฝากขาย
เธอคลี่ยิ้มคล้ายไม่ใส่ใจ “งั้นช่างมันเถอะค่ะ ฉันจะไปเดินเล่นแถวนี้สักหน่อย พี่ไปก่อนได้เลย ไม่ต้องห่วงฉัน”
โจวเหว่ยเจี๋ยลังเลอยู่บ้าง “เธอจะไม่กลับบ้านเหรอ วันนี้เป็นวันคริสต์มาส ที่นี่มีแต่นักท่องเที่ยวเลยวุ่นวายมาก คงไม่มีแท็กซี่ให้เธอเรียกกลับไปอ่าวรีพัลส์หรอก”
ที่แห่งนี้คือคอสเวย์เบย์ ด้านในมีห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าขนาดใหญ่หลายแห่ง เป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจและความบันเทิงของฮ่องกง เวลาปกติคนเยอะมาก และวันนี้เป็นวันคริสต์มาส นักท่องเที่ยวที่มาจากแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน และมาเก๊าจึงยิ่งมีจำนวนมากกว่าเดิม
สวี่รุ่ยหัวเราะนิดๆ ราวกับไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันโทร.ให้คนขับรถมารับ”
โจวเหว่ยเจี๋ยพยักหน้าแล้วปิดประตูรถ “ได้ งั้นพี่จะไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเธอสักพัก รอให้บอดีการ์ดกับผู้ช่วยของเธอมาถึงแล้วพี่ค่อยไป”
กลับเป็นสวี่รุ่ยที่รู้สึกเกรงใจ เธอยิ้มเอ่ย “วันนี้ขอบคุณพี่มากๆ นะคะ ฉันทำให้พี่เสียเวลามามากแล้ว พี่กลับไปทำงานที่บริษัทเถอะ ถึงเป็นลูกชายเจ้าของบริษัท วันนี้ก็ต้องกลับไปรายงานไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เป็นไร วันนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ อีกอย่าง วันนี้ได้รับของขวัญวันคริสต์มาสจากเธอ พี่ยังไม่ได้ให้ของขวัญคืนเลย”
โจวเหว่ยเจี๋ยยิ้ม เวลาเขายิ้มแล้วเหมือนน้องสาวไม่มีผิด แถมยังมีลักยิ้มสองข้าง ถึงจะสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวก็ไม่ได้ทำให้ดูแก่เลยสักนิด
สวี่รุ่ยเห็นเขาไม่ยุ่ง จะเร่งให้กลับก็คงไม่ดีนัก เขาคงเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอจริงๆ ถึงอย่างไรตอนอยู่บนเครื่องบินเธอก็ใจกล้าบ้าบิ่นเสียเหลือเกิน
มีโจวเหว่ยเจี๋ยวอยู่ด้วยก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้สอบถามข้อมูลที่เป็นประโยชน์สักหน่อย “แถวนี้มีของโบราณหรือเครื่องประดับขายบ้างไหมคะ”
โจวเหว่ยเจี๋ยคว้ากุญแจรถมาถือไว้ ทำท่าจะหันหลังกลับ “มีสิ เดี๋ยวพี่พาไป”
สวี่รุ่ยเห็นเขาถือกุญแจรถก็เริ่มไม่แน่ใจ เธอย้ำ “ฉันหมายถึงมีร้านแถวๆ นี้ที่ไกลไม่เกินหนึ่งร้อยเมตรไหมคะ”
โจวเหว่ยเจี๋ยเลิกคิ้ว “ไม่เกินหนึ่งร้อยเมตรงั้นรึ เธอจะขี้เกียจเกินไปแล้วหรือเปล่าเชอร์รี แต่ก็มีอยู่จริงๆ นั่นแหละ เธอเคยไปงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไหม เพิ่งจัดงานเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ห้องจัดแสดงอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง น่าจะไม่กี่สิบเมตร”
ทันทีที่สวี่รุ่ยได้ยินคำว่า “งานแสดงสินค้า” ภาพวัตถุสีทองเรืองรองจำนวนมากก็ผุดขึ้นตรงหน้า เธอมีชีวิตชีวาทันใด
เธอดึงมือโจวเหว่ยเจี๋ย “ไปกันเลยค่ะ!”
ห้องจัดแสดงของงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับอยู่ไม่ไกลก็จริง แต่รูปแบบของงานแสดงสินค้ากลับต่างจากที่สวี่รุ่ยคิดไว้มาก
ถึงงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของฮ่องกงจะมีผู้จำหน่ายอัญมณีจากประเทศต่างๆ เข้าร่วม แต่เปิดให้บริการบุคคลในแวดวงนี้เท่านั้น อย่างโจวเหว่ยเจี๋ยที่มีฐานะเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทประมูลรายใหญ่ย่อมถือว่าเป็นบุคคลในแวดวง จึงมีเส้นสายสามารถพาเธอเข้าไปด้านในได้
แต่ถึงอย่างนั้น ห้องจัดแสดงแห่งนี้ก็ต่างจากห้องจัดแสดงที่สวี่รุ่ยคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
เธอนึกว่าจะอยู่บนตึกสูง มีอัญมณีงดงามประณีตหรูหราจำนวนนับไม่ถ้วนวางเรียงรายในตู้โชว์ และมีป้ายราคาที่มีเลขศูนย์มากมายจนนับไม่ไหว ทว่าความเป็นจริงคือแทนที่จะบอกว่าที่แห่งนี้เป็นศูนย์แสดงนิทรรศการ สู้บอกว่าเป็นตลาดซื้อขายเครื่องประดับยังดีเสียกว่า
ไม่สิ หรือจะบอกว่าเป็นศูนย์กระจายสินค้าก็ได้
ตรงทางเข้าเป็นตู้คอนเทนเนอร์เรียบๆ กับตู้โชว์สินค้าที่วางเครื่องประดับเรียงซ้อนกันเป็นแถว ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คือโซนไข่มุก และไข่มุกเหล่านั้นก็ไม่ใช่เม็ดสองเม็ด แต่เป็นไข่มุกน้ำจืดร้อยกันเป็นพวง เม็ดยังใหญ่ ดูเหมือนลูกกวาดที่วางไว้ส่งๆ ในตู้คอนเทนเนอร์เพื่อให้ผู้คนเลือกซื้อ
อาจเพราะเห็นความตื่นตะลึงในดวงตาของสวี่รุ่ย โจวเหว่ยเจี๋ยจึงสาธยาย “งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและให้สั่งซื้อ ตรงนี้เป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูป ถ้าเธอต้องการจะซื้อ เราไปที่แกรนด์ฮอลล์เถอะ ที่นั่นมีสินค้าสำเร็จรูปมีระดับ ซึ่งได้รับการออกแบบอย่างดี สินค้าส่วนมากที่เห็นในบริษัทประมูลโดยทั่วไปแล้วจะมีขายที่แกรนด์ฮอลล์ทั้งหมด”
ระบบ 1212 [เก้าสิบนาทีสุดท้าย]
วงเงินของภารกิจตั้งสองล้านเชียวนะ สวี่รุ่ยต้องไปดู “สินค้าสำเร็จรูปมีระดับ” แน่นอน
วาดฝันไว้สวยหรู ความจริงคือยากลำบากเหลือเกิน
สวี่รุ่ยเพิ่งเดินไปถึงตู้โชว์ตู้ที่สาม ระหว่างที่ตื่นตาตื่นใจกับอัญมณีแพรวพราวละลานตาอยู่นั้น เจ้าระบบก็แจ้งเตือนแสบแก้วหู “แจ้งเตือนหนึ่งร้อยเมตร! แจ้งเตือนหนึ่งร้อยเมตร! แจ้งเตือนหนึ่งร้อยเมตร!”
สวี่รุ่ยสะกดกลั้นอารมณ์โมโห และชักเท้าที่ขยับไปด้านหน้ากลับอย่างไม่พอใจ
จู่ๆ โจวเหว่ยเจี๋ยที่เดินนำหน้าก็พบว่าสวี่รุ่ยไม่ได้ตามมา พอหันกลับไปจึงเห็นว่าสวี่รุ่ยหยุดยืนอยู่ข้างตู้โชว์ก่อนหน้า และมองเขาสีหน้ากลัดกลุ้ม
โจวเหว่ยเจี๋ยวิ่งปรี่กลับไปหา “ขอโทษที พี่ไม่ทันสังเกตว่าเธอไม่ได้เดินตามมา ถูกใจชิ้นไหนเหรอ เดี๋ยวพี่ช่วยต่อรองราคาให้”
สวี่รุ่ยรู้สึกทึ่งนิดหน่อย “ยังต่อรองราคาได้อีกเหรอคะ”
โจวเหว่ยเจี๋ยมองเธอด้วยแววตาครุ่นคิด “ได้สิ ดูท่าเธอคงไม่เคยต่อรองเวลาซื้อของเลยสินะ”
ทำไมสวี่รุ่ยจะไม่เคยต่อรองราคา ช่วงที่เธอขัดสนเงิน เวลาเข้าเถาเป่าจะต้องต่อรองราคากับเจ้าของร้านทุกครั้ง
ทว่าตั้งแต่กลับมามีชีวิตใหม่และมีระบบ เธอก็ไม่กล้าต่อรองราคาอีกเลย ถึงกับหวังว่าร้านค้าจะเพิ่มราคาให้แพงขึ้นอีก แพงอีก แพงยิ่งกว่านี้ ขอบคุณค่ะ!
แต่คราวนี้กลับต่างออกไป สวี่รุ่ยมีเวลาเหลือเฟือ
นี่ยังถือว่าเป็นโบนัส หากซื้อจนหมดเกลี้ยงก็ได้มาเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะลงทุนหรือเอาไปให้คนอื่นอย่างไรก็คุ้ม ดังนั้นจึงต้องใช้เงินที่มีอยู่อย่างจำกัดซื้อให้มากกว่าเดิมสักสองสามชิ้น
ไม่มีเด็กสาวคนไหนไม่ชอบอัญมณี
สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือมีตู้โชว์ให้สวี่รุ่ยเลือกเพียงสามตู้
ตู้โชว์ตู้ที่สามเป็นพาราอิบา[3]ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นราชาแห่งทัวร์มาลีน สิ่งที่วางเรียงอยู่ในตู้คือสร้อยเพชรกับแหวนพาราอิบาทัวร์มาลีน ทุกชิ้นเปล่งประกายเป็นสีฟ้าอมเขียวสว่าง มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เป็นชนิดที่ล้ำค่าและหายากยิ่งในบรรดาตระกูลทัวร์มาลีน ปกติแล้วแทบไม่มีปรากฏให้เห็นเลย
สวยก็สวย แถมยังอลังการมากด้วย
สวี่รุ่ยลองสวมแหวนพาราอิบาทัวร์มาลีนล้อมเพชรวงนั้น ขนาดของแหวนใหญ่ราวนิ้วหัวแม่มือ ช่างงดงามเหลือเกิน
เธอชอบสีนี้มาก ทั้งสีและความแวววาวโดดเด่นไม่เหมือนใคร ชวนให้เพ้อฝัน มีเสน่ห์ น่าหลงใหล
โจวเหว่ยเจี๋ยยิ้มเอ่ยเมื่อเห็นเธอชอบจนวางไม่ลง “คุ้มค่าให้เก็บสะสม พาราอิบาทัวร์มาลีนไม่ได้ขุดกันง่ายๆ ก้อนผลึกมีขนาดไม่ใหญ่ ปกติแล้วราคาสูงลิ่ว ราคาขายปลีกของที่นี่อยู่ที่กะรัตละสองหมื่นเหรียญสหรัฐ เห็นได้ในงานจัดแสดง ไม่ค่อยเห็นตามท้องตลาด”
ตู้โชว์ตู้ที่สองเป็นเครื่องประดับโบราณ สวี่รุ่ยถูกใจนาฬิกาโบราณปี 1950 ของแวนคลีฟแอนด์อาร์เปลส์[4]รุ่นหนึ่ง
ทุกคนต่างรู้ดีว่าแวนคลีฟแอนด์อาร์เปลส์เป็นบริษัทผลิตเครื่องประดับ ทว่านาฬิกาข้อมือของพวกเขาก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน และอยู่ในระดับเดียวกับปาเต็ก ฟิลิปป์ เหนือกว่าคาร์เทียร์[5] ทิฟฟานีแอนด์โก[6] และบุลแกรี[7]
ด้านในตู้โชว์มีเพียงนาฬิกาโบราณทรงกำไลข้อมือสีทองเรือนหนึ่ง ฉลุลายเกล็ดหิมะและฝังเพชรตรงส่วนที่ถูกฉลุ แตกต่างจากเครื่องประดับสมัยใหม่ชิ้นอื่นๆ รูปร่างของมันไม่โดดเด่น หากแต่เรียบหรูดูแพง
ฝาครอบตัวนาฬิกาเป็นทรงกลมและประดับด้วยเพชร เวลาเปิดออกจะเห็นหน้าปัดนาฬิกาสีขาวอมเทาหน่อยๆ ซึ่งผลิตด้วยมือ แม้ไม่เรียบร้อยเท่าเครื่องจักรเหมือนของสมัยนี้ แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง ไม่ไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวาอย่างเครื่องจักรกล
“ดูคล้ายเธอจะชอบนาฬิกาโบราณมากนะ”
โจวเหว่ยเจี๋ยมองนาฬิกาโบราณที่ข้อมือของสวี่รุ่ย แล้วมองแวนคลีฟแอนด์อาร์เปลส์ที่เธอสวมไว้ที่ข้อมือขวาหลายต่อหลายครั้ง
สวี่รุ่ยลูบไล้นาฬิกาเรือนนี้ครู่หนึ่ง “ดูเหมือนยายของฉันจะมีรุ่นนี้ค่ะ”
ทว่านาฬิกาเรือนนั้นถูกตายึดไปแล้ว ทรัพย์สมบัติที่ยายทิ้งไว้น้อยนิดมากเมื่อเทียบกับสมบัติของตา แต่ตายังจ้องจะเอาสิ่งของมากมายของยายไป ของบางอย่างมีมูลค่า บางอย่างก็ไม่มีมูลค่า เช่น อัลบั้มรูป จดหมาย นอกจากนี้ยังมีพวกหีบใส่ของด้วย
ตาไม่อนุญาตให้คนเอาออกจากบ้านตระกูลจู้ที่เมือง S แต่ต่อมากลับขายคฤหาสน์เก่าหลังนั้น ช่างเข้าใจยากเสียจริง
ตู้โชว์ตู้ที่สองเป็นเครื่องประดับจากอิตาลี ดูเผินๆ รูปแบบเป็นแบบพิมพ์นิยม แต่ทักษะงานฝีมือดีเลิศ ทุกชิ้นเป็นเครื่องประดับอัญมณีหลากสีสัน
สวี่รุ่ยติดเข็มกลัดมุกประดับเพชรแล้วลองส่องกระจก แน่นอนว่าต้องถอดแจ็กเก็ตออกก่อน เพราะเธอแต่งกายลำลองเกินไป โชคดีที่เสื้อหนาวเป็นสีดำ พอกลัดเข็มกลัดรุ่นนี้แล้วจึงทำให้ดูต่างไปจากเดิม
ถึงเข็มกลัดจะไม่เลวเท่าไร แต่สุดท้ายแล้วสวี่รุ่ยกลับเลือกกระดุมข้อมือเพชรคู่หนึ่ง
กระดุมข้อมือทำจากวัสดุทองคำขาว การออกแบบลวดลายให้ความรู้สึกลื่นไหล เป็นเครื่องบินจิ๋ว กระดุมข้อมือแต่ละอันฝังเพชรสิบสองเม็ด แสดงถึงความเรียบหรู อีกทั้งยังน่าสนใจและน่ารัก
โจวเหว่ยเจี๋ยค่อนข้างประหลาดใจ “จะเอาไปให้ตาของเธอ หรือคุณลุงจู้ล่ะ”
“ไม่ใช่ทั้งคู่ค่ะ ฉันจะเอาไปให้เจ้าเด็กคนหนึ่ง”
สวี่รุ่ยชื่นชมเครื่องบินจิ๋วในมือแล้วอดยิ้มไม่ได้
เธอคิดเสมอว่านาฬิกาไอดับเบิลยูซีที่ให้ลั่วหานก่อนหน้านี้มักง่ายเกินไป แม้แพงกว่ากระดุมข้อมือคู่นี้มาก แต่กลับไม่ได้ให้เพราะใส่ใจ
สวี่รุ่ยตัดสินใจว่าจะฉวยโอกาสให้ของขวัญชดเชยในช่วงเทศกาลคริสต์มาสครั้งนี้
โจวเหว่ยเจี๋ยเห็นรอยยิ้มของเธอแปลกไปจากปกติเลยอดถามไม่ได้ “คงไม่ใช่แฟนมั้ง”
สวี่รุ่ยหัวเราะเสียงดัง “จะใช่ได้ยังไงล่ะคะ ฉันยังเด็กอยู่นะ ยังเล่นสนุกไม่หนำใจเลย”
ครั้งนี้ได้โจวเหว่ยเจี๋ยช่วยพิจารณาสิ่งของ ทำให้สวี่รุ่ยใช้เงินสองล้านได้อย่างคุ้มค่า นอกจากกระดุมข้อมือหนึ่งคู่กับนาฬิกาโบราณของแวนคลีฟแอนด์อาร์เปลส์ เธอยังซื้อเครื่องประดับพาราอิบาทัวร์มาลีนครบเซ็ตและแร่ดิบของอัญมณีหลากสีอีกหลายชิ้น
ระบบ 1212 “ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ทำภารกิจโบนัสสำเร็จ อ้อ สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ”
สวี่รุ่ยร่าเริงสุดขีด “ขอบใจนะเจ้าคู่สิบสอง”
นี่เป็นหนึ่งในการช็อปปิงที่เธอสบายใจที่สุด
ความรู้สึกที่สวี่รุ่ยตั้งใจเลือกสินค้าครั้งนี้ไม่ต่างจากตอนงานเลี้ยงที่บ้านพักบนภูเขาอวี้ซีเลยสักนิด
รอให้เธอหาเงินของตัวเองได้มากกว่านี้อีกสักหน่อย ก็ไม่ต้องเกรงกลัวในการทำภารกิจอีกต่อไป แถมยังช็อปปิงอย่างสบายใจได้ตลอดเวลา
หลังออกจากงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ กว่าคนขับรถจะพาสวี่รุ่ยกลับถึงบ้านจู้ก็ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว
สวี่รุ่ยเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ เห็นน้าสะใภ้คุยกับผู้ช่วยของหล่อน ทั้งสองมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เอมี่ ผู้ช่วยของน้าสะใภ้เป็นคนมีความสามารถชนิดหาตัวจับยาก รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น มีไหวพริบ ทันทีที่เห็นว่าสวี่รุ่ยกลับมาแล้ว เธอก็ทักทายอย่างสนิทสนม “เชอร์รี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ! ซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียว”
“ใช่ค่ะ พี่เอมี่ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะคะ!”
สวี่รุ่ยคลี่ยิ้มแล้วขอให้เฉียนเสี่ยวลี่ช่วยเธอเอาของไปไว้ที่ห้อง
คังซูเสียนกวักมือเรียก “เชอร์รี น้ามีเรื่องอยากถามเธอหน่อย”
สวี่รุ่ยเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม “น้ามีเรื่องอะไรเหรอคะ”
คังซูเสียนขมวดคิ้ว และถามเสียงขรึม “เธอไปทำให้ใครทางแผ่นดินใหญ่ไม่พอใจหรือเปล่า”
สวี่รุ่ยไม่คิดว่าหล่อนจะถามเรื่องนี้ ทว่าก็ไม่หลกกใจเท่าไร “เรื่องรูปภาพนั้น ใช้เวลาแป๊บเดียวก็ได้เรื่องแล้วเหรอคะ”
เอมี่มองสวี่รุ่ยพลางอธิบาย “แหล่งที่มาของรูปลบรูปออกหมดแล้ว เวลานี้แจ้งตำรวจให้จัดการ คนคนนั้นสารภาพว่ามีคนทางแผ่นดินใหญ่จ้างให้ถ่ายรูป มีคนบงการเขา”
[1] ยี่ห้อรองเท้าของอิตาลี
[2] หมายถึง น้ำใสสะอาดเกินไปจะไม่มีปลาแหวกว่าย เหมือนกับคนที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องต่างๆ มากเกินไปจะไม่มีมิตรสหาย
[3] พาราอิบาทัวร์มาลีน เป็นทัวร์มาลีนสีฟ้าอมเขียวหรือเขียวอมฟ้าซึ่งเกิดจากธาตุให้สีคือทองแดงและแมงกานีส
[4] ยี่ห้อเครื่องประดับหรู นาฬิกาหรู และน้ำหอมของฝรั่งเศส
[5] ยี่ห้อเครื่องประดับหรูของฝรั่งเศส
[6] ยี่ห้ออัญมณีและเครื่องประดับของสหรัฐอเมริกา ขายสินค้าฟุ่มเฟือยโดยเฉพาะเพชรและเครื่องประดับเงินสเตอร์ริง
[7] ยี่ห้อเครื่องประดับ เครื่องแต่งกายมีระดับของอิตาลี