[ทดลองอ่าน] โชคลาภหมื่นล้านบันดาลรัก ตอนที่ 48

โชคลาภหมื่นล้านบันดาลรัก
天降横财一百亿

เจียงจื่อกุย 江子归 เขียน
เหวินหรง แปล

 

— โปรย —

สวี่รุ่ย อดีตคุณหนูไฮโซต้องตกระกำลำบากทำงานทุกอย่าง
เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพและย่าผู้รักเธอสุดหัวใจ
ยังไม่ทันจบมหาวิทยาลัย เธอกลับต้องเสียชีวิตขณะขับรถรับจ้าง

สวรรค์บันดาลให้เธอย้อนเวลากลับมาเจ็ดปีก่อน
พร้อมกับระบบผลาญเงินที่แต่ละครั้งจะเพิ่มจำนวนเงิน
และระยะเวลาในการใช้เงินขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงหนึ่งหมื่นล้านหยวน!
สำหรับคุณหนูที่เคนใช้ชีวิตอู้ฟู่ การใช้เงินมือเติบอย่างนี้นับเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว

แต่เงื่อนไขของภารกิจคือ หลังจบการทดลองระบบผลาญเงินแล้ว
จะริบสิ่งของทุกอย่างที่ใช้เงินภารกิจซื้อกลับคืน
เธอจึงต้องวางแผนหรือกระทั่งเล่นเล่ห์หาช่องโหว่ด้วยการใช้เงินต่อเงิน
เพื่อที่จะมีเงินเป็นของตัวเอง

ดังนั้นไม่ว่าธุรกิจอะไรที่เธอรู้ว่าจะเติบโตในอนาคต เธอล้วนลงทุนทั้งหมด
ขณะเดียวกันเธอยังต้องกลับมาสานสัมพันธ์กับคนในครอบครัว
ที่ชาติก่อนเธอเคยคิดว่าเกลียดเธออย่างตาและน้าชายด้วย
ชีวิตใหม่ของสวี่รุ่ยจึงยุ่งวุ่นวายอย่างช่วยไม่ได้

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

 

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

 

48

 

ระหว่างทางที่สวี่รุ่ยกระวีกระวาดไปสนามบินมีฝนตกหนักส่งผลให้รถติดอยู่บ้าง

ฝนในฤดูหนาวของเมือง C ไม่ได้ตกลงมาบ่อยนัก เฉียนเสี่ยวลี่จึงลืมพกร่มมาด้วย

ทันทีที่พายุฝนก่อตัว หล่อนก็เงอะงะทำอะไรไม่ถูก ตอนรับประทานอาหารก็ยังดีๆ อยู่เลย

พอลงจากรถทั้งสองคนก็พากันวิ่งลัดเลาะหลบฝนเข้าไปในสนามบิน

เฉียนเสี่ยวลี่หยิบกระดาษทิชชูส่งให้สวี่รุ่ยเช็ดตัว สวี่รุ่ยดึงฮู้ดของเสื้อกันหนาวลง “ไม่เป็นไร เสื้อกันน้ำค่ะ”

ทว่าเสียเวลาครู่หนึ่ง เที่ยวบินของลั่วหานก็มาถึงแล้ว และผู้โดยสารที่นั่งชั้นหนึ่งได้ลงจากเครื่องบินเป็นกลุ่มแรก

สวี่รุ่ยรีบเข้าไปก่อนพบว่ามีคนมารอรับเร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว

ลั่วหานไม่ได้เดินทางมาเมือง C คนเดียว

นี่เป็นคำพูดเหลวไหล ตั้งแต่สวี่รุ่ยรู้จักเขา ข้างกายเขาไม่เคยไร้เงาบอดีการ์ด อย่างไรซะเขาก็ใช้นามสกุลโรเชสเตอร์ ครั้งนี้นอกจากข้างกายเขาจะมีบอดีการ์ดสามสี่คน ตรงข้ามเขายังมีคนผิวขาวใส่สูทสวมรองเท้าหนังและผู้ช่วยอีกสองคน ทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่

ภาพนี้ช่างดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในสนามบิน เนื่องจากรูปร่างหน้าตาของลั่วหานเรียกได้ว่าได้มาตรฐานในหมู่ลูกครึ่ง เขากวาดตามองไปรอบๆ เป็นระยะๆ ขณะพูด พอเงยหน้าก็เห็นสวี่รุ่ยเดินมาจากประตูทางเข้าราวกับมีกระแสจิตสื่อถึงกัน

สวี่รุ่ยสะพายกระเป๋านักเรียนไว้บนหลัง สวมเสื้อกันหนาวของแคนาดา กูส[1]ตัวใหญ่สีแดงคลุมทับชุดนักเรียนอีกที เมื่อเทียบกับยามปกติไม่ได้ดูนำแฟชั่นอะไร เธอเร่งฝีเท้าแล้วโบกมือให้ลั่วหานอย่างร่าเริง รอยยิ้มสดใสดุจน้ำผึ้งแสนหวาน เป็นความน่ามองที่เปี่ยมล้นไปด้วยความกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา

ลั่วหานถึงกับลืมไปเลยว่าจะพูดอะไร เขาจำได้เพียงต้องเดินไปหาเด็กสาวที่ปรี่มาจากฝั่งตรงข้าม เขายกยิ้มอัตโนมัติ แค่เห็นเธอ ความไม่สบายใจที่เคยมีก็บรรเทาลง

“ลั่วหาน!”

สวี่รุ่ยสาวเท้ายาวๆ มาดึงแขนเขาแล้วยิ้มกล่าว “ขอโทษนะ ข้างนอกฝนตก รถเลยติด ฉันมาช้าไปหน่อย คงรอไม่นานใช่ไหม”

ลั่วหานลูบเส้นผมเปียกชื้นของเธออย่างเบามือ “ฉันก็ไม่คิดว่าฝนจะตก ไม่น่าให้เธอมารับเลย”

สวี่รุ่ยปัดมือของเขาออก แล้วกล่าวอย่างอารมณ์ดี “จะทำแบบนั้นได้ยังไง ฉันเป็นเจ้าบ้านนะ อ้อ จริงสิ คุณคนนี้คือ” พูดไปเธอก็ค้อมศีรษะพลางยิ้มให้คนผิวขาวซึ่งยืนอยู่ด้านข้างด้วยความสุภาพ

ลั่วหานแนะนำ “นี่คือมิสเตอร์บราวน์ เขาเป็นครูของฉันเอง”

บราวน์เป็นชายวัยกลางคน แต่งกายสุภาพ สูงปานกลาง รูปร่างไม่อ้วนไม่ผอม ผมสีบลอนด์ทอง มองเผินๆ เข้าถึงง่ายมาก สายตาเขาคมกริบ ดูเป็นคนเฉลียวฉลาดมีความสามารถ

สวี่รุ่ยไม่คิดว่าลั่วหานกลับประเทศมาพักผ่อนช่วงวันหยุดแล้วยังพาครูประจำครอบครัวมาด้วย การเป็นคุณชายของตระกูลร่ำรวยนั้นไม่ง่ายเลย ในใจเธอคิดอย่างนี้ หากแต่รอยยิ้มบนใบหน้ายังสดใสไม่เปลี่ยนแปลง เธอทักทายบราวน์ด้วยภาษาอังกฤษไหลลื่นไม่ติดขัด

นึกไม่ถึงว่าบราวน์จะตอบเธอเป็นภาษาจีนที่คล่องแคล่วไม่แพ้กัน “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณหนูสวี่รุ่ย”

อาจเป็นเพราะลั่วหานเห็นแววตื่นตะลึงในดวงตาของสวี่รุ่ย เขาจึงอธิบาย “มิสเตอร์บราวน์รอบรู้เรื่องจีน”

สวี่รุ่ยรู้สึกว่าน่าสนใจมาก เธออดคุยเล่นกับบราวน์อยู่หลายประโยคไม่ได้ จนกระทั่งลั่วหานกระแอมกระไอเบาๆ “เราจะไม่กลับบ้านกันก่อนเหรอ”

“ดูฉันสิ พอดีใจแล้วลืมเรื่องนี้ไปเลย!”

สวี่รุ่ยตบหน้าผาก ก่อนทำท่าทางอมทุกข์ “แต่ฉันเอารถมาแค่คันเดียว อาจไม่พอให้พวกนายที่มากันเยอะขนาดนี้นั่งหรอกนะ”

กลับกลายเป็นว่าสวี่รุ่ยคิดมากเกินไป ผู้ช่วยของบราวน์ได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว

รถเมอร์เซเดส เบนซ์สีดำสองคันจอดรออยู่นอกสนามบินก่อนแล้ว ไม่สะดุดตา แล่นมั่นคง ทรงพลัง สามารถรองรับบอดีการ์ดและผู้ช่วย รวมถึงลั่วหานกับสวี่รุ่ยได้พอดี

แต่บราวน์กลับไม่ได้ตามมาด้วย สวี่รุ่ยเพิ่งรู้จากลั่วหานหลังแยกกันที่สนามบินว่าบราวน์ไม่ใช่ครูประจำครอบครัวอย่างที่สวี่รุ่ยคิด แต่เป็นครูสอนธุรกิจที่ทางบ้านของลั่วหานจัดเตรียมไว้ให้ ครูสอนการเงินอย่างนั้นเหรอ

สวี่รุ่ยไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก อย่างไรก็ตาม บราวน์ได้เปลี่ยนเส้นทางการเดินทางจากเมือง A มายังเมือง C เพื่อลั่วหาน ความจริงเขาไม่ใช่ครู แต่มาจากธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งหนึ่งในเครือโรเชสเตอร์

สวี่รุ่ยรู้สึกว่าครอบครัวของลั่วหานให้ความสำคัญกับเขามาก เมื่อก่อนก็ว่ามากแล้ว ตอนนี้ยิ่งมากกว่าเดิม อาจมีสาเหตุมาจากการที่เขากลับมามีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง

“…บังเอิญเขาอยู่ที่นี่พอดี พ่อฉันเลยให้เขาหาเวลาว่างมาติวให้ฉันช่วงนี้”

ลั่วหานพูดแค่ไม่กี่คำก็เห็นสวี่รุ่ยมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ ในใจเขารู้สึกอ่อนโยนประหนึ่งมีขนนกปัดผ่าน

เขาชะงักเล็กน้อย “ทำไมเหรอ”

สวี่รุ่ยวางข้อศอกลงตรงที่พักแขนและเท้าคางมองหน้าเขา “ร่างกายของนายเพิ่งแข็งแรง พ่อนายก็ทรมานนายขนาดนี้ นายไหวหรือเปล่า นี่วันหยุดปีใหม่ไม่ใช่หรือ ยังไม่ให้นายพักผ่อนอย่างสบายใจอีกเหรอ แย่มาก”

ลั่วหานย่นคิ้วพลางมองเธอบ่นปอดแปดด้วยความไม่พอใจแทนเขาไม่หยุด หากสายตากลับทอดมองริมฝีปากสีแดงอวบอิ่มนั่น

“เฮ้ นายคิดอะไรอยู่เนี่ย”

สวี่รุ่ยเห็นเขามองเธอตาไม่กะพริบก็ยกมือโบกไปมาตรงหน้าเขา “เรานั่งคุยอยู่ข้างกันตรงนี้ นายยังใจลอยได้ ทำร้ายหัวใจของฉันชะมัด เสียแรงที่วันนี้ฉันวุ่นทั้งวันแต่ไม่ลืมที่จะมารับนายตามนัด เอาเถอะ ถึงดูคล้ายว่านายจะไม่ต้องการฉัน แต่น้ำใจของฉันเป็นของจริงแท้แน่นอน”

ลั่วหานคลี่ยิ้ม ทว่ากลับพูดเข้าประเด็น “วุ่นยังไง”

พอถูกซักเข้าจริงๆ สวี่รุ่ยกลับรู้สึกว่าน่าอายมาก จึงโบกมือบ่ายเบี่ยง

ลั่วหานเลิกคิ้ว ทำท่าจะถามต่อ สวี่รุ่ยรีบเปลี่ยนเรื่อง เธอหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินกล่องเล็กออกจากกระเป๋า

“จริงสิ นี่เป็นของขวัญคริสต์มาสที่ฉันให้นาย ถึงจะช้าไปหลายวัน แต่คงไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ไม่เป็นไร”

น้ำเสียงของลั่วหานราบเรียบ แต่หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้นนิดหน่อย ความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนผุดเข้ามาในสมอง เธอให้อะไรนะ ขนาดของกล่องใบนี้เป็นแหวนหรือเปล่า แน่นอนว่าไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นมันคืออะไรกันแน่ แต่จะเป็นอะไรก็วิเศษทั้งนั้น

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและรับกล่องเล็กใบนั้นมา

แค่แง้มฝากล่อง ลั่วหานก็ระบายยิ้มแล้ว จนเมื่อเปิดออกกว้าง ก็ยิ่งซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่ได้อีกต่อไป ภายในกล่องมีกระดุมข้อมือทำจากเพชรเป็นรูปเครื่องบินจิ๋วคู่หนึ่งวางอยู่ ช่างน่ารักเหลือเกิน

นี่คือความคาดหวังให้เขาบินกลับประเทศบ่อยๆ ใช่ไหม

พอเห็นเขายิ้ม สวี่รุ่ยก็พลอยมีความสุข เธอบอกด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “เป็นยังไง ฉันตาถึงหรือเปล่า แค่เห็นแวบแรกฉันก็ถูกใจเจ้านี่เลยนะ ถึงราคาไม่แพงมาก แต่รูปแบบน่าสนใจมาก เหมาะกับเด็กผู้ชายดี”

ลั่วหานยิ้มไม่ออกแล้ว เขาหันขวับ “ถ้าฉันเป็นเด็กผู้ชาย งั้นเธอก็เป็นเด็กผู้หญิงใช่ไหม”

สวี่รุ่ยเห็นเขาทำท่าแบบนั้นก็ตระหนักถึงจุดตายของเพื่อนในวัยเยาว์ได้ฉับไว จึงเอ่ยแก้สถานการณ์พร้อมหัวเราะคิกคัก “ฉันผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่พูดว่านายเป็นเด็กน้อยอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอายุหรืออย่างอื่น นายก็ใหญ่โตทั้งหมด จะว่าไปดูเหมือนว่านายสูงขึ้นอีกนิดแล้วหรือเปล่า”

ลั่วหานเหลือบมองเธอด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายใจ อยากอ้าปากพูด แต่ทำได้เพียงตอบว่า “อือ” คำเดียวเท่านั้น

สวี่รุ่ยคุยกับลั่วหานด้วยความสนุกสนานตลอดทาง เธอเป็นคนประเภทที่จะไม่ยอมปล่อยให้เกิดความเงียบงันระหว่างการสนทนา ไม่ว่ากับใคร ต่อให้ลั่วหานไม่ช่างพูด ทว่าเวลาอยู่กับเธอกลับกลายเป็นคนพูดเก่งโดยไม่รู้ตัว

พอเห็นว่ารับเพื่อนซี้กลับบ้านได้อย่างราบรื่น ในหัวของสวี่รุ่ยมีเสียงแจ้งเตือนอันคุ้นเคยดังขึ้น

ระบบ 1212 “ภารกิจหลัก หนึ่งร้อยยี่สิบนาที จำนวนเงินหนึ่งล้านแปดแสน”

สวี่รุ่ยตะโกนห้ามคนขับรถทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ “อย่าเพิ่งกลับบ้านค่ะ ช่วยจอดรถข้างหน้าแป๊บหนึ่ง!”

ลั่วหานชะงัก “เกิดอะไรขึ้น”

ระบบ 1212 “เงินเข้าบัญชีเรียบร้อย ภารกิจเริ่มนับถอยหลัง”

สวี่รุ่ยไม่มีเวลาอธิบาย เธอคว้ามือถือเป็นอันดับแรกแล้วกดเบอร์ของหม่าหยาง

เนื่องจากทางลั่วหานได้จัดเตรียมรถยนต์ไว้ สวี่รุ่ยจึงตามมานั่งกับลั่วหาน ทั้งคันรถจึงเป็นคนขับรถและบอดีการ์ดของลั่วหาน ส่วนหม่าหยางกับเฉียนเสี่ยวลี่นำทางอยู่ด้านหน้า

“อย่าเพิ่งกลับบ้าน คุณให้เฉียนเสี่ยวลี่ติดต่อนักบัญชีอู๋แล้วไปรับเธอมา ฉันต้องการโอนเงินก้อนหนึ่งให้สตูดิโอ”

“ใช่ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ค่ะ!”

สวี่รุ่ยวางสายแล้วถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าลั่วหานมองเธอด้วยสายตาฉงน “โอนเงินอะไร สตูดิโออะไร รีบอะไรขนาดนั้น”

เรื่องของเจ้าระบบพูดให้ใครฟังไม่ได้ แต่สวี่รุ่ยก็ไม่คิดจะปิดบังเรื่องที่เธอลงทุนกับสตูดิโอฟิล์มแอนด์เทเลวิชัน “เวินเจียหมิงเป็นคนมากฝีมือ ฉันเชื่อมั่นในตัวเขา แล้วผลงานของเขาก็ได้รับความนิยมในอินเทอร์เน็ตมาก ฉันเลยลงทุน…”

สวี่รุ่ยพูดจาไพเราะน่าฟัง เธอสรรหาคำวิเศษณ์มากมายมาชื่นชมเวินเจียหมิง ทว่าไม่ได้สร้างความประทับใจให้ลั่วหานแต่อย่างใด

ลั่วหานขมวดคิ้ว ท่าทางไม่ชอบใจนัก

“การลงทุนไม่ได้อาศัยแค่ความชอบส่วนบุคคลเท่านั้น ยังต้องใช้สติปัญญาด้วย”

“แต่เขาเก่งมากจริงๆ นะ พลาดโอกาสนี้ไปก็ไม่มีอีกแล้ว!”

ลั่วหานมองเธอผาดหนึ่งพลางเอื้อนเอ่ยเสียงแผ่วเบา “งั้นเดี๋ยวฉันกลับไปช่วยเธอดูข้อมูลดีไหม”

สวี่รุ่ยปฏิเสธทันควัน “ไม่ต้อง!”

ล้อเล่นน่า ถึงลั่วหานอายุเท่ากับเธอ แต่ดูจากการออกหน้าครั้งนี้ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เขาเรียนรู้ในชีวิตประจำวันต้องไม่ใช่พวกคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมีอะไรง่ายๆ เทือกนั้นแน่นอน อีกอย่าง ภูมิหลังของครอบครัวเขาก็เป็นถึงกลุ่มเงินทุนโรเชสเตอร์ที่มีธนาคารเพื่อการลงทุนเชียวนะ

ลั่วหานเลิกคิ้ว และถามอย่างตรงไปตรงมา “เธอลงทุนให้เขาไปเท่าไหร่แล้ว”

สวี่รุ่ยกะพริบตาปริบๆ “ไม่เยอะหรอก ประมาณล้านกว่าๆ” ระหว่างที่พูดเธอก็เห็นว่านอกรถฝนหยุดตกแล้ว ฝั่งนักบัญชีอู๋ไม่มีทางมาถึงภายในระยะเวลาอันสั้น เธอจึงลากลั่วหานลงจากรถแล้วออกเดิน

ที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับเขตบ้านพักของกลุ่มธุรกิจไชน่าโปลี แต่ยังไม่ถึงถนนสายนั้น บริเวณใกล้เคียงเป็นที่ดินซึ่งมักพบเห็นได้บ่อยครั้งในเขตเมืองเก่า แม้ไม่เจริญเท่าใจกลางเมือง ทว่ามีกลิ่นอายของความเอื้ออาทร ยามค่ำก็มีแผงขายอาหารมื้อดึกตั้งจำนวนไม่น้อย ผู้คนสัญจรไปมา คึกคักมากทีเดียว

“นายหิวหรือเปล่า เรากินอะไรกันหน่อยไหม”

สวี่รุ่ยเสนอความคิดอย่างกระตือรือร้น แต่ทันทีที่หันหลังกลับ ลั่วหานก็โอบไหล่เธอพร้อมกับยื่นมือมารูดซิปเสื้อกันหนาวของเธอขึ้นจนสุด สุดท้ายยังดึงฮู้ดใหญ่ๆ นั่นมาสวมหัวให้ด้วย

“เฮ้ ลั่วหาน!”

สวี่รุ่ยประท้วง ทำท่าจะรูดซิปลง แต่กลับถูกคว้ามือไว้ ได้ยินเขาพูดว่า “ข้างนอกอากาศหนาว”

แม้เมือง C ที่ปีใหม่ใกล้มาเยือนทุกขณะจะไม่ได้มีอากาศติดลบหลายสิบองศาเหมือนเมือง B แต่ก็ไม่ได้มีอากาศอบอุ่นดุจดั่งฤดูร้อนเหมือนฮ่องกง ตอนกลางวันยังพอทน แต่ตกกลางคืน โดยเฉพาะหลังฝนในฤดูหนาวเพิ่งตกแบบนี้ ลมจากทางเหนือจะพัดมาทำให้ค่อนข้างหนาวเย็น

แต่มีเสื้อกันหนาวคลุมทับชุดนักเรียน เดิมก็ทำให้ตัวพองอยู่แล้ว แค่คลุมไว้เฉยๆ ยังพอดูได้ แต่เมื่อรูดซิปก็กลายเป็นเจ้าเป็ดอ้วนตัวสีแดงดีๆ นี่เอง

ภายใต้ฮู้ดขนเฟอร์ของสวี่รุ่ยปรากฏซีกหน้าเรียวเล็กให้เห็นครึ่งหนึ่ง “แต่แบบนี้มันน่าเกลียดนะ!”

ลั่วหานก้มมองเธอ “ไม่เลย ไม่น่าเกลียด” น่ารักจะตาย

สวี่รุ่ยดึงฮู้ดออก แล้วช้อนตามองลั่วหาน เขาสวมเสื้อโค้ตขนสัตว์ตัวยาวสีดำของริก โอเวนส์[2] ที่ออกแบบเรียบง่าย การตัดเย็บดีเลิศ

อันที่จริงด้วยรูปร่างสัดส่วนทองคำ[3]ของลั่วหาน ต่อให้ใส่กระสอบป่านก็ไม่น่าเกลียด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแต่งตัวแบบนี้เลย

สวี่รุ่ยเบะปาก “ถ้าอยากดูดี ก็ต้องเสียสละความอบอุ่น นายทำให้ฉันดูแย่แบบนี้ แต่ตัวเองกลับดูดี ไม่จริงใจเลย!”

ลั่วหานชะงักก่อนจับมือเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

สวี่รุ่ยจึงหันมอง ลมหายใจของเขาถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย แต่กลับพูดสีหน้าจริงจัง “อย่างน้อยมือของฉันก็ไม่เย็นนะ”

สวี่รุ่ยอยากบอกว่ามือของเธอก็ไม่เย็นเหมือนกัน ทว่ามือใหญ่อันแสนอบอุ่นเกาะกุมมือเธอไว้ มือใครเย็นกว่ากันไม่ต้องบอกก็รู้แล้ว ท่วงท่าสง่างามกับความอบอุ่นที่เธอกล่าวถึงก่อนหน้านี้ นับว่าลั่วหานพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติจริงให้เห็นแล้วว่าเขารอบคอบกว่าในหลายๆ ด้าน

สวี่รุ่ยฮึดฮัด แล้วชักมือกลับ “อวดเก่ง ตอนแรกว่าจะเลี้ยงมื้อดึกนายสักหน่อย เอาเป็นว่าช่างเถอะ นายดูฉันกินก็แล้วกัน!”

ลั่วหานสัมผัสได้เพียงความอ่อนนุ่ม จึงประหวัดถึงตอนเธอเกยคางก่อนหน้านี้…ทว่ายังไม่ทันย้อนความทรงจำอันสวยงาม ในมือพลันว่างเปล่า ทำให้เขาอดเคว้งคว้างไม่ได้

กระทั่งสวี่รุ่ยเห็นว่าเขาไม่ได้เดินตามมาจึงวิ่งกลับไปหา ท่าทางคล้ายกำลังง้องอนน้องชายตัวน้อยด้วยการดึงแขนของเขาไว้ เขาถึงได้คลี่ยิ้ม

“ช่างเถอะ ฉันเป็นเจ้าบ้าน จะไม่คิดหยุมหยิมกับนาย เราไปกินปิ้งย่างกันดีไหม”

“ได้สิ”

“ไปกันเถอะ ที่นี่เป็นศูนย์รวมอาหารเก่าแก่ของเมือง C เชียวนะ!”

พูดว่าจะไปกันสองคน แต่ความเป็นจริง กินมื้อดึกที่ร้านอาหารริมทางสองโต๊ะเสียอย่างนั้น

สวี่รุ่ยกับลั่วหานครอบครองโต๊ะหนึ่ง ส่วนบอดีการ์ดและผู้ช่วยคนอื่นๆ นั่งอีกโต๊ะ

กินได้ครึ่งหนึ่ง หม่าหยางกับเฉียนเสี่ยวลี่ก็พานักบัญชีอู๋มาถึง

สวี่รุ่ยรู้สึกไม่ดีเท่าไรที่เรียกนักบัญชีอู๋มาหากะทันหันแบบนี้ จึงหยิบของขวัญปีใหม่ชิ้นหนึ่งออกจากกระเป๋า จากนั้นเริ่มโอนเงินผ่านธนาคารออนไลน์ และเปิดบัญชีเสร็จเรียบร้อยที่ตรงนี้

เทียบกับเงินหนึ่งล้านห้าแสนของภารกิจหลักครั้งก่อนที่สวี่รุ่ยเอาไปซื้อสินค้าปลอดภาษีซึ่งซื้อเท่าไหร่ก็ใช้เงินไม่หมดสักที แถมไม่รู้จะมอบให้ใคร เงินหนึ่งล้านแปดแสนของภารกิจครั้งนี้ถึงจะเรียกว่านำมาใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง ด้วยการลงทุนส่วนนี้ รวมกับการลงทุนก่อนหน้า การจัดตั้งสตูดิโอจึงดำเนินไปอย่างมั่นคง

ระบบ 1212 “ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ทำภารกิจหลักสำเร็จ”

ครั้งนี้สวี่รุ่ยใช้จ่ายเงินอย่างมีความสุข ในที่สุดก็ไม่ต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์แล้ว เธอดีใจจนวิ่งปรี่ไปร้านอาหารข้างๆ แล้วสั่งกุ้งมังกรน้อยเพิ่ม

หลังสั่งกุ้งมังกรน้อยแล้ว สวี่รุ่ยพบว่าลั่วหานกับนักบัญชีอู๋กำลังคุยกัน ดูคล้ายนักบัญชีอู๋จะตอบทุกคำถาม ทำเอาสวี่รุ่ยชักหวั่นใจ

“คุยอะไรกันอยู่”

“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก เธอสั่งอะไรมา”

สวี่รุ่ยตอบแบบไม่ใส่ใจว่า “กุ้งมังกรน้อย” และให้นักบัญชีอู๋ถือกลับบ้านไปด้วย ปิดโอกาสไม่ให้ลั่วหานถามอะไรอีก

เหมือนลั่วหานจะดูออก เขาเช็ดปาก “ฉันแค่ถามถึงสถานการณ์ของสตูดิโอตอนนี้ เธอใช้เงินลงทุนตามใจมากเกินไป แม้วงเงินจะไม่มาก แต่การทำตามอำเภอใจแบบนี้อาจชักนำพวกคนไม่น่าเชื่อถือเข้ามาได้”

สวี่รุ่ยไม่ใช่คนที่ไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น เพียงแต่เธอไม่รู้จะพูดกับลั่วหานอย่างไรว่าเธอมีสูตรลับ “การพยากรณ์”

ลั่วหานเห็นสวี่รุ่ยทำท่าคล้ายจะพูดแต่กลับไม่พูด ก็คิดว่าเธออารมณ์ไม่ดี จึงอดวิตกกังวลไม่ได้ว่าเมื่อครู่เขาพูดจาแรงเกินไปหรือเปล่า

เขาเม้มปากก่อนกล่าว “ไม่เป็นไร แค่เธอมีความสุขก็พอแล้ว”

สวี่รุ่ยนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เพิ่งเอ่ยว่าเธอดึงดูดคนที่ไม่น่าเชื่อถือ แล้วจะไม่เป็นไรได้ยังไง

ตรรกะนี้กระโดดไปกระโดดมาไปหน่อยนะสหาย!

สวี่รุ่ยเคี้ยวกุ้งมังกรน้อยหนุบหนับ ขยับริมฝีปากแดงแปร๊ดเพราะความเผ็ดก่อนกล่าว “ไม่ นายพูดถูก จะทำตามอำเภอใจไม่ได้ ฉันเองก็อยากจ้างครูสอนสักคนหนึ่งเหมือนกัน” ใช้โอกาสนี้แสดงถึงความตั้งใจที่จะเรียนรู้ไปด้วยเลย

ลั่วหานรินน้ำใส่แก้ว แต่รู้สึกว่าแก้วค่อนข้างสกปรก สุดท้ายให้ผู้ช่วยซื้อน้ำชามาขวดหนึ่ง เขาเปิดฝาแล้วยื่นให้สวี่รุ่ย

“ฉันช่วยแนะนำให้เธอสักคนดีไหม”

“ได้เลย ขอบคุณนะ ถือเป็นการชดเชยค่าเช่าบ้านกับค่าอาหารครึ่งเดือนก็แล้วกัน!`”

สวี่รุ่ยหัวเราะ เธอรู้ถึงความใส่ใจของลั่วหาน ท้ายที่สุดแล้วก็คือมิตรภาพที่มีให้กันตั้งแต่เล็กจนโต

ในเมื่อกล่าวว่าเป็นการชดเชยค่าเช่าบ้านกับค่าอาหาร เป็นธรรมดาที่ตลอดครึ่งเดือนนี้สวี่รุ่ยจะต้องรับหน้าที่ดูแลปัจจัยสี่ของเพื่อนซี้คนนี้ เรื่องอื่นยังพูดง่าย แต่ที่อยู่อาศัยนั้นมีปัญหานิดหน่อย เพราะลั่วหานมีบอดีการ์ดตั้งสี่คนและผู้ช่วยอีกสองคน

บ้านเดี่ยวหลังเล็กของสวี่รุ่ยมีเพียงสองชั้นและมีหกห้องเท่านั้น เดิมเธอพักอยู่กับย่าชั้นสอง ส่วนชั้นหนึ่งเป็นของเฉียนเสี่ยวลี่กับหม่าหยางรวมถึงพี่เลี้ยง

ตอนนี้ถึงย่ากับพี่เลี้ยงเดินทางไปบ้านเกิด แต่การจะยัดคนเข้าไปเพิ่มอีกหกคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

โชคดีที่ทั้งหกคนเป็นผู้ชาย สวี่รุ่ยจึงยกชั้นหนึ่งให้หม่าหยางจัดการ เธอพาลั่วหานขึ้นชั้นสอง

ชั้นบนของบ้านมีสามห้องนอน ห้องหนึ่งสวี่รุ่ยเปลี่ยนให้เป็นห้องแต่งตัว อีกห้องเป็นห้องนอนของเธอ และห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนของย่า

สวี่รุ่ยพาเพื่อนซี้เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง “นายว่าห้องนี้เป็นยังไงบ้าง”

ความจริงห้องของสวี่รุ่ยค่อนข้างรกเพราะหลายวันมานี้พี่เลี้ยงไม่อยู่บ้าน และการเก็บกวาดห้องก็ไม่ใช่หน้าที่ของเฉียนเสี่ยวลี่

ลั่วหานมาเมือง C ครั้งแรกและเป็นครั้งแรกที่เข้าห้องนอนของสวี่รุ่ยด้วย ทว่าถ้านับรวมกับตอนเด็กๆ เช่นนั้นก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว

ลั่วหานกวาดตามองไปรอบๆ พบว่าห้องนอนของเธอไม่ใหญ่มาก เตียงนอนสี่เสาทรงสูงหลังใหญ่มีเสื้อโค้ตสองตัวพาดตรงหัวเตียง ผ้าห่มขนสัตว์ขนาดเท่าเตียงนอนห้อยระพรม บนโต๊ะเครื่องแป้งเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีแปรงยักษ์ซึ่งมีเส้นผมติดอยู่ประปราย…ร่องรอยของการใช้ชีวิตปรากฏอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง และยังมีกลิ่นหอมจางๆ ด้วย

สวี่รุ่ยเปิดไฟแล้วถึงได้รู้ว่าสภาพห้องเละเทะกว่าที่คิดไว้อยู่บ้าง

เธอพุ่งไปเก็บเสื้อผ้าสองสามตัวนั้นเร็วรี่พลางพูดว่า “นายนอนห้องฉันก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันกับพี่เสี่ยวลี่ไปนอนห้องย่า เตียงของย่าค่อนข้างแข็ง คนชอบนอนเตียงนิ่มๆ อย่างนายคงไม่ชิน”

แม้สวี่รุ่ยจะมีเพื่อนเยอะ ทว่ากับลั่วหานที่ถือว่าเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ความทรงจำบางอย่างยังคงชัดเจนกว่าคนอื่น

ยกตัวอย่างเช่น นิสัยไม่ดีของลั่วหานที่ถูกบ่มเพาะจากต่างประเทศ เขาชอบนอนเตียงนิ่มๆ ประเภทที่ว่านอนแล้วร่างกายจมหายลงไปเลย

ไม่งั้นจะนอนไม่หลับ แถมยังร้องไห้งอแงอีกต่างหาก

ความสนใจของลั่วหานไม่ได้อยู่ตรงนี้ เขานิ่งงันแล้ว “ให้ฉันนอนห้องเธอเหรอ”

เมื่อสวี่รุ่ยหันหลังกลับมาก็เห็นเขาจ้องเตียงของเธอเขม็ง เธอหัวเราะก่อนถลึงตาใส่ “ไม่ต้องห่วงน่า! ไอ้คนคลั่งความสะอาด! เดี๋ยวฉันจะให้พี่เสี่ยวลี่มาเปลี่ยนเครื่องนอนให้!”

ลั่วหานค่อยๆ หลุบตามองต่ำพลางปลดกระดุมเสื้อโค้ต และกล่าวเหมือนไม่คิดมาก “ไม่ต้อง ยุ่งยาก ฉันเริ่มง่วงแล้วด้วย”

สวี่รุ่ยค่อนข้างประหลาดใจ “ยังไม่ทันสามทุ่มเลย นายง่วงแล้วเหรอ หรือตอนนี้ร่างกายนายยังทนนั่งเครื่องบินนานๆ ไม่ไหว”

ลั่วหานชักสับสน แม้ไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่าร่างกายเขาไม่แข็งแรง แต่ก็ต้องมีอาการเหนื่อยล้าให้เห็นบ้าง

เขาไม่ตอบคำถาม กลับพูดว่า “ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”

ครั้นสวี่รุ่ยได้ยินคำนี้ จะให้อยู่ในห้องต่อก็คงไม่ดี เธอยิ้มแล้วตอบ “ได้สิ ฉันไปเตรียมผ้าเช็ดตัวให้นะ”

ลั่วหานได้ยินเสียงนี้แว่วมาจากด้านหลัง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่ตามความหมายที่เขาคิด แต่เขายังกลืนน้ำลายลงคอ เขารู้สึกว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หลังสะบัดศีรษะแรงๆ แล้วถึงได้เดินเข้าห้องน้ำ

 

เทียบกับลั่วหานแล้ว สวี่รุ่ยไม่มีทางเข้านอนไวขนาดนี้

ไม่เฉพาะสวี่รุ่ย บรรดาเพื่อนสนิทของเธอก็ไม่ใช่พวกนอนไวเช่นกัน ไม่เพียงไม่ยอมหลับยอมนอน พวกเขายังพากันโทร.มา หรือไม่ก็ทักทายเธอผ่านอินเทอร์เน็ต

ทั้งหมดจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกังวลเกี่ยวกับข่าวที่กำลังฮ็อตในอินเทอร์เน็ตช่วงนี้

ตอนแรกสวี่รุ่ยหอบโน้ตบุ๊กมาท่องอินเทอร์เน็ตตรงโซฟา เพื่อฉวยโอกาสดูว่า “ข่าวอื้อฉาว” ของตัวเองแพร่สะพัดไปไกลแค่ไหนแล้ว แต่ยังไม่ทันเปิดดูก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าดังไม่หยุด เธอตระหนักว่าสถานการณ์ของทางทีมประชาสัมพันธ์จะต้องแย่มากแน่

ขณะคิดเช่นนั้น ทางทีมประชาสัมพันธ์ก็โทร.เข้ามาพอดี ปรากฏว่าเป็นข่าวดี

“จนถึงเวลานี้เก็บกวาดภาพโดยรวมเรียบร้อยแล้วค่ะ”

“จริงเหรอ”

“จริงค่ะ แพลตฟอร์มใหญ่ๆ แต่ละเจ้า รวมถึงเวยปั๋วลบออกหมดแล้ว สองชั่วโมงนี้ยังไม่มีข่าวใหม่ค่ะ”

“พวกคุณเก่งมาก”

สวี่รุ่ยดีใจกับข่าวดีอย่างคาดไม่ถึง ดูเหมือนว่าการที่เพื่อนโทร.มาถามไถ่ น่าจะเพราะได้รับทราบข่าวที่ยังไม่อัปเดต อย่างไรก็เป็นคนคุ้นเคยกันดีจึงยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเดิม

ไป๋ฟางที่อยู่ในสายดีใจไม่แพ้กัน เธอไม่ยอมรับว่าเธอมีความดีความชอบ “อย่างแรกคือพวกเราตั้งรับได้ทันท่วงที อีกอย่าง ฉันคิดว่าจะต้องเกิดบางอย่างกับทีมการตลาดประสงค์ร้ายของฝ่ายตรงข้ามแน่ค่ะ พวกเขาถึงไม่ดึงดันจะไปต่อ…แต่พวกเราจะคอยจับตามองต่อไป ถ้ามีปัญหาอะไรจะได้จัดการได้ทันท่วงที บอสวางใจได้เลยค่ะ!”

สวี่รุ่ยส่งจูบให้โทรศัพท์ “ลำบากคุณแล้ว หลังจบเรื่องคราวนี้ฉันจะให้โบนัสพวกคุณแน่นอน!”

ทีมประชาสัมพันธ์ของไป๋ฟางได้รับของขวัญมากมายหลากหลายชนิดจากบอสสวี่นานแล้ว ย่อมรู้ดีว่าเธอใจกว้างมากแค่ไหน ด้วยเหตุนี้ถึงยินยอมทำงานล่วงเวลาทุกประเภทด้วยความเต็มใจ เวลานี้พอได้ยินคำว่าโบนัสยิ่งหุบยิ้มไม่ลง “พวกเราจะพยายามต่อไปค่ะ”

สวี่รุ่ยกดวางสาย และลองค้นหาในอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเองอีกครั้ง หลังตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก ก็พบว่าไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ

แม้กระทั่งข่าวการซื้อสินค้าปลอดภาษีก่อนหน้านี้ก็ยังหายเกลี้ยง แล้วนับประสาอะไรกับข่าวอื้อฉาวเมื่อสี่ห้าชั่วโมงก่อน

สวี่รุ่ยวางโน้ตบุ๊ก แล้วกระโดดขึ้นเตียงพลางตะโกนอย่างมีความสุข ทำเอาเฉียนเสี่ยวลี่ตกใจจนผงะถอยหลัง

ทว่าหลังรู้สาเหตุ เฉียนเสี่ยวลี่ก็ดีใจไปด้วย “งั้นก็ดีเลยค่ะ ข่าวในอินเทอร์เน็ตพวกนั้นมั่วซั่วไปหมด บอกว่าอวดเงินหนึ่งล้านยังไม่เท่าไหร่ ยังพูดกันว่าจ่ายเงินหนึ่งล้านเลี้ยงดูศิลปิน ข่าวเท็จที่ว่าพวกคุณเป็นพวกรักร่วมเพศยังพร่ำเพ้อออกมาได้…”

“จ่ายเงินหนึ่งล้านเลี้ยงดูศิลปินงั้นเหรอ”

เสียงของลั่วหานดังขึ้นแบบไม่มีสัญญาณเตือน เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เส้นผมจึงเปียกชื้น สวมชุดนอน ยืนอยู่หน้าประตูห้อง

ห้องนอนนี้อยู่ข้างๆ กันและบังเอิญไม่ได้ปิดประตู จึงไม่แปลกที่เขาจะได้ยินเต็มสองหู

สวี่รุ่ยอับอายสุดแสน ลั่วหานขมวดคิ้ว แล้วยิงคำถามที่สอง “แล้วรักร่วมเพศหมายความว่ายังไง”

สวี่รุ่ยจะอธิบายแบบติดตลก โทรศัพท์ก็แผดเสียงขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเพื่อนสนิท จึงตั้งใจจะรับสายทีหลัง แต่ปรากฏว่าเป็นน้าสะใภ้

“เดี๋ยวฉันบอกนายเอง”

พูดจบสวี่รุ่ยก็หยิบโทรศัพท์และเดินไปทางหน้าต่าง

ลั่วหานไม่สบอารมณ์ พลันหยุดสายตาที่โน้ตบุ๊กบนโซฟา หน้าจอค้างที่หน้าข่าวก่อนนี้พอดี ในข่าวปรากฏรูปรูปหนึ่ง เขารู้สึกคุ้นๆ จึงเดินไปหยิบโน้ตบุ๊กมาดู

ความจริงแล้วนั่นไม่ใช่หน้าข่าวจริงๆ เนื่องจากข่าวพวกนั้นในตอนนี้ถูกลบไปหมดแล้ว แต่เป็นรายงานจากทีมประชาสัมพันธ์ที่ไป๋ฟางส่งมาให้ รายงานฉบับนี้แจกแจงข้อมูลสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับสวี่รุ่ยทีละรายการ วิเคราะห์รายละเอียดต่างๆ และแนวโน้มของการแสดงความคิดเห็น และยังมีข้อมูลทางสถิติด้วย

เพราะฉะนั้นเมื่อลั่วหานอ่านแล้ว เขาจึงรู้ข่าวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสวี่รุ่ย

ไม่ว่าจะเป็นการเหมาซื้อสินค้าปลอดภาษีทั้งหมดบนเครื่องบิน หรือเป็นหวานใจคนใหม่ของผู้ผลิตภาพยนตร์ในวันคริสต์มาส รวมถึงข่าวฮือฮาที่สุดที่ว่าห่าวชิวใช้ชีวิตอยู่กินกับเศรษฐีสาว เปิดเผยภาพถ่ายสนิทสนม…

 

[1] ยี่ห้อเสื้อขนสัตว์ เสื้อกันฝน และชุดสำหรับคนที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความหนาวเย็นของหิมะทั้งวัน

[2] ชื่อดีไซน์เนอร์และยี่ห้อสินค้าแฟชั่นของสหรัฐอเมริกา

[3] สัดส่วนทองคำ คืออัตราส่วนทางคณิตศาสตร์ที่มีค่าราว 1 : 1.618 นับเป็นสัดส่วนที่งดงามและสมบูรณ์ที่สุดตามธรรมชาติ ใช้ได้กับมนุษย์ ดอกไม้ สัตว์ งานศิลปะ สิ่งก่อสร้าง ฯลฯ

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า