[ทดลองอ่าน] ท่านประมุขหลงลืมฟื้นรัก เล่ม 3 บทที่ 81

ท่านประมุขหลงลืมฟื้นรัก เล่ม 3

教主走失记

 

Yishihuashang 一世华裳 เขียน

RML แปล

 

โปรย

หมากสีขาวใกล้จะถูกเปิดโปง
รอบกาย เย่โย่ว และ เหวินเหรินเหิง จึงยิ่งเต็มไปด้วยอันตราย
เย่โย่วรีบรุดพาพรรคธรรมะบุกรังของมนุษย์โอสถ
จากการต่อสู้ชิงไหวพริบ
กำลังจะดำเนินไปสู่การนองเลือดครั้งใหญ่
อันเป็นบทสรุปของหนี้แค้นในอดีต
พวกเขาจะสามารถจัดการหมากสีขาวให้สิ้นซากได้หรือไม่
และตัวตนของใครเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องลวงบ้าง
บางทีผู้ที่กินยาของหมากสีขาวอาจมีมากกว่าที่คิดเสียแล้ว
ความจริงอันดำมืดของยุทธภพจะต้องกระจ่างในการต่อสู้ครานี้

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 81

 

เย่โย่วไม่ได้เป็นลมจนสิ้นสติเสียทีเดียว

อย่างน้อยก็ยังรู้สึกตัวว่าศิษย์พี่พาไปส่งที่วัดเส้าหลิน จากนั้นเหมือนจะได้ยินเสียงของเหมียวเหมียวหันรีหันขวางอยู่ข้างกาย เขาต้องการให้คนผู้นี้เงียบเสียงลง แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากก็ไม่รู้สึกตัวเสียแล้ว

หลังจากฟื้นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เย่โย่วเพิ่งจะขยับตัวกลับถูกกอดแน่น ไออุ่นที่คุ้นเคยแนบชิดติดกาย หัวใจทั้งดวงพลอยอบอุ่นขึ้น สบายยิ่งนักจนอยากจะจมดิ่งอยู่ในภวังค์เช่นนี้ตลอดไป

เย่โย่วเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อคลำเจอผ้าที่พันรอบดวงตา มือพลันถูกจับไว้

เหวินเหรินเหิงสั่ง “อย่าขยับตัว”

เย่โย่วเอ่ยถาม “ข้าหลับไปนานแค่ไหน”

เหวินเหรินเหิงตอบ “หนึ่งวัน”

เย่โย่วถามต่อ “ฉงอวิ๋นเล่า”

“หนีไปแล้ว” เหวินเหรินเหิงกล่าว “หลังจากฉงอวิ๋นถูกเจ้าซัดฝ่ามือใส่ ยังทิ้งอาวุธลับที่ซ่อนไว้สองชิ้น ประจวบเหมาะที่คนของพวกเขาไล่ตามมา จึงพาเขากลับไป ข้าให้คนไล่กวดตามไปแล้วแต่ก็ไม่ทัน”

เย่โย่วขานรับ “อื้อ” แล้วถามต่อว่า “จากนั้นเล่า”

เหวินเหรินเหิงจับมือเย่โย่วมาบีบเล่นช้าๆ เล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้อีกฝ่ายฟังอย่างละเอียด

หลังจากเกิดเรื่อง เหวินเหรินเหิงอุ้มศิษย์น้องกลับวัดเส้าหลิน ระหว่างนี้ยังถือโอกาสสั่งองครักษ์เงา บอกพวกเขาให้เล่นละครต่อไป ทำให้คนอื่นเข้าใจว่าคนงามนั้นหายสาบสูญไปแล้ว แม้ความเป็นไปได้ที่ฉงอวิ๋นจะหลงกลตามแผนการนี้จะค่อนข้างต่ำ ทว่าจำเป็นต้องลองดูสักยก

จากนั้นก็เหลือเพียงเรื่องการรักษาอาการบาดเจ็บ

เหวินเหรินเหิงถอนหายใจ “โชคดีที่เจ้ากินโอสถสยบร้อยพิษไว้ก่อนล่วงหน้า”

“คู่ต่อสู้เป็นพวกเขา ย่อมต้องระวังไว้หน่อยอยู่แล้ว” เย่โย่วหัวเราะ

เหวินเหรินเหิงกล่าว “หมอเทวดาจี่บอกว่าหากเจ้าไม่กินยาพิษเข้าไปก็จะไม่เวียนศีรษะ แต่จะเจ็บตาอีกสองสามวัน รักษาประมาณเดือนกว่า แต่หากเผลอสูดพิษเข้าไป อวัยวะภายในจะเสียหายไปด้วย”

เย่โย่วผงะก่อนจะทอดถอนใจแผ่วเบา “รับมือยากจริงดังคาด”

อาวุธลับของฉงอวิ๋นผู้นี้ หากผู้ที่ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าปะทะเข้า จะต้องปิดตาแล้วกลิ้งตัวหนีไปกับพื้น ส่วนคนที่เตรียมพร้อมไว้แล้วก็จะยังเป็นลมอยู่ดี หนีไม่พ้นเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะฉงอวิ๋นโดนซัดฝ่ามือไป และถ้าไม่ใช่เพราะเย่โย่วมีศิษย์พี่อยู่ข้างกายพอดี สุดท้ายผู้ที่เคราะห์ร้ายที่สุดย่อมต้องเป็นเขาแน่นอน

เย่โย่วเอ่ย “ข้าหวังว่าฝ่ามือนั่นจะสังหารฉงอวิ๋นให้ตายได้จริงๆ”

เหวินเหรินเหิงรู้ดีว่าศิษย์น้องย่อมต้องใช้พละกำลังทั้งหมด จึงบอกยากมากว่าฉงอวิ๋นจะรอดชีวิตได้จริงหรือไม่ เขากล่าว “หมอเทวดาจี่บอกว่าจะลองพยายามทำยาแก้พิษอื่นๆ ดูบ้าง หากฉงอวิ๋นโชคดีมีชีวิตอยู่ เมื่อต้องปะทะกับเขาอีกในวันหน้าก็กินยาของหมอเทวดาจี่กันไว้ก่อน”

เย่โย่วขานตอบ อยากจะแตะแถบผ้าพันแผลที่ดวงตาอีกครั้ง

เหวินเหรินเหิงคว้าตัวเย่โย่วเข้ามาแนบชิดแล้วถามว่า “ยังเจ็บตาอยู่หรือไม่”

เย่โย่วตอบ “ไม่เจ็บแล้ว”

เหวินเหรินเหิงเอ่ย “ปิดไว้เถิด รักษาตัวสักสองสามวันค่อยแกะออก”

เย่โย่วรับคำอีกครั้งแล้วถามว่า “ที่นี่ที่ไหน ยังอยู่ในวัดเส้าหลินหรือไม่”

เหวินเหรินเหิงตอบ “อืม ข้ากลัวว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นอีกจึงอยู่ต่อ” เขาทัดปอยผมนุ่มของศิษย์น้องไว้ข้างหูอย่างอ่อนโยน แล้วเอนตัวลงประทับจูบแนบแน่น “ยังง่วงอยู่หรือไม่ ง่วงก็นอนต่อเถิด ฟ้ายังไม่สว่างเลย”

เย่โย่วกล่าว “ท่านตื่นเช้าถึงเพียงนี้เลยหรือ”

เหวินเหรินเหิงกล่าว “ข้าเข้านอนเร็ว”

เย่โย่วเดาว่าศิษย์พี่เฝ้าอยู่เคียงข้างเขามาตลอด และเมื่อสังเกตได้ว่าลมหายใจข้างหน้าใกล้เข้ามามากขึ้น จึงยกตัวขึ้นไปขอจูบเอง ทันใดนั้นก็มีบางอย่างแวบขึ้นในห้วงความคิด เขาผุดลุกขึ้นนั่ง

เหวินเหรินเหิงรีบกอดเย่โย่วเอาไว้ “มีอะไรหรือ”

“…ราชันโอสถมาร” สีหน้าของเย่โย่วดูอ่อนโยนเล็กน้อยราวกับจะหัวเราะก็ไม่เชิง “หากกลุ่มคนของฉงอวิ๋นหนีไปได้อย่างราบรื่น ยามนี้ราชันโอสถมารน่าจะยังคงถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ บนร่างมีเพียงกางเกงซับในติดกายตัวเดียว”

เหวินเหรินเหิงพูดไม่ออกแล้วเอ่ยว่า “ตอนรุ่งสางค่อยมาคุยกันเถิด”

เย่โย่วพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง อธิบายแก่ศิษย์พี่ว่าเหตุใดจึงต้องไว้ชีวิตราชันโอสถมาร เหวินเหรินเหิงขานรับแสดงความเข้าใจแล้วหลุบตามองเขา ใช้นิ้วโป้งลูบไล้ใบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ ครู่หนึ่ง บัดนี้เย่โย่วมองไม่เห็น ประสาทสัมผัสจึงคมชัดกว่าแต่ก่อน เมื่อถูกสัมผัสเสมือนกึ่งมีกึ่งไร้เช่นนี้ก็รู้สึกวาบหวาม เขาจึงครางแผ่ว “ศิษย์พี่ อืม…”

คำพูดของเย่โย่วอันตรธานหายไปเพราะริมฝีปากที่มาแนบชิดกัน เขาเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อยและเริ่มตอบสนอง เหวินเหรินเหิงวนเวียนจูบอย่างอ้อยอิ่ง หลังจากผละออกก็เห็นอีกฝ่ายไล้เลียมุมปาก ดวงตาเขาทอประกายเคร่งขรึมเล็กน้อย ก่อนจะบีบคางศิษย์น้องแล้วจูบอย่างดูดดื่มลึกซึ้ง พลางเลื่อนมือลงไปปลดผ้าคาดเอว

ลมหายใจของเย่โย่วถี่กระชั้น เขาอ้าปากรับอากาศพร้อมเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “ดูเหมือนข้าจะได้ยินเสียงของท่านก่อนหน้านี้”

เหวินเหรินเหิงเอ่ยถามเสียงแหบพร่า “อะไร”

เย่โย่วกล่าว “ยอมตามข้าเถิดหรืออะไรสักอย่าง”

เหวินเหรินเหิงหัวเราะร่วน แล้วขยับเอวเย่โย่วเข้ามาใกล้ตนเองมากขึ้น ก่อนจะถามเสียงละมุนว่า “คนงาม ยอมเป็นของข้าได้หรือไม่ หืม”

เย่โย่วโอบลำคอของเหวินเหรินเหิงไว้ แต่ปากกลับกล่าวว่า “ไม่ได้”

“ไม่ได้ก็ต้องได้” เหวินเหรินเหิงกล่าว

พูดจบก็กดคนผู้นั้นลงและประกบจุมพิตบนริมฝีปากอีกครา

 

**********

 

เมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้น

เหวินเหรินเหิงจึงยอมปล่อยเย่โย่วที่ผล็อยหลับไปแล้ว ก่อนจะออกไปเรียกคนของลัทธิมาร บอกให้พวกเขาไปตามหาราชันโอสถมารที่ภูเขาด้านหลัง

ผู้อาวุโสเฮยถาม “ต้นไม้ต้นไหน”

เหวินเหรินเหิงตอบ “ไม่รู้”

ผู้อาวุโสเฮยกล่าว “…ฮูหยิน ที่ภูเขาด้านหลังมีต้นไม้ตั้งมากมายนะ”

เหวินเหรินเหิงกล่าว “ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ส่งคนส่วนหนึ่งไปหาก่อน เดี๋ยวรออาโย่วตื่น ข้าจะถามเขาให้เอง”

ผู้อาวุโสเฮยรู้ว่าอย่าประวิงเวลาจะดีที่สุด จึงออกไปอย่างเชื่อฟัง ด้วยเหตุนี้จึงไม่พบราชันโอสถมาร พบเพียงคนของหมากสีขาวหลายคนซึ่งท่านประมุขแขวนไว้บนต้นไม้เช่นกัน พวกเขาจับผู้คนมัดให้เรียบร้อย แล้วไปหาตามทิศทางที่คนเหล่านี้แจ้งให้ทราบ แต่กลับไม่พบอะไรเลย กระทั่งได้รับข่าวจากท่านประมุขถึงได้เปลี่ยนเส้นทาง

ท่านประมุขบาดเจ็บที่ดวงตาทั้งสองข้างจึงไม่สามารถช่วยหาได้ ทำได้เพียงบอกพื้นที่คร่าวๆ แก่พวกเขาเท่านั้น จวบจนกระทั่งช่วงบ่าย พวกเขาถึงได้พบราชันโอสถมาร ต่างมองอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ สายตาจับจ้องตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

ราชันโอสถมารรุ่งโรจน์ในยุทธภพมาหลายปี ยังไม่เคยน่าสมเพชเช่นนี้มาก่อนเลย

หลังจากย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศพลันเย็นลง กำลังภายในของราชันโอสถมารยังถูกยับยั้งไว้ไม่สามารถใช้ได้ ซ้ำยังถูกแช่แข็งอยู่ที่นี่ทั้งคืน วันนี้ก็ผึ่งลมตากแดดมาเกือบทั้งวัน บางชั่ววูบเขาจึงคิดว่าอีกสักพักตนเองอาจจะกลายเป็นผีดิบอย่างช้าๆ เข้าแล้วจริงๆ

ผู้อาวุโสเฮยรู้จักตัวตนของคนผู้นี้จึงเอ่ยอย่างสุภาพว่า “ราชันโอสถมาร ได้ยินกิตติศัพท์มาเนิ่นนาน”

ราชันโอสถมารมิอาจพูดหรือเคลื่อนไหวได้ สภาพของเขาค่อนข้างบอบช้ำ จึงเพียงมองผู้อาวุโสเฮยเงียบๆ

ผู้อาวุโสเฮยไม่หวังให้ราชันโอสถมารปริปากพูดเช่นกัน ครั้นพูดเสร็จก็หยิบหน้ากากหนังมนุษย์ที่เตรียมไว้ออกมาสวมใบหน้าให้เขา แล้วหยิบชุดกระโปรงออกมาด้วย

ราชันโอสถมาร “…”

 

**********

 

พระอาทิตย์ที่กำลังตกลับขอบฟ้าย้อมถนนบนภูเขาให้เป็นสีแดง บรรดาชาวบ้านจุดธูปเสร็จแล้วก็เดินลงจากเขาไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองสามคน เมื่อเงยหน้ามองในยามนี้ จะเห็นเพียงชายร่างใหญ่ผู้ซื่อสัตย์ภักดีรีบตะบึงรถเข็นไม้ขึ้นเขาไปด้วยสีหน้ากังวล

บนรถเข็นมีหญิงชราหลับตาสนิทเอนนอนอยู่ ใบหน้าซีดขาว ท่าทีอมโรคราวกับจะปล่อยมือลาโลกไปได้ทุกเมื่อ

ชายร่างใหญ่ยังคงตะโกนไม่หยุดหย่อน “หลีกทางหน่อย หลีกทางหน่อยขอรับ” ฝุ่นโดยรอบฟุ้งกระจาย เขาวิ่งห้ออย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาของทุกคนที่บ้างอยากรู้อยากเห็นบ้างเห็นอกเห็นใจ หลังจากย่างก้าวเข้าสู่วัดเส้าหลินแล้ว ก็ตะเบ็งเสียงดังลั่นว่า “ต้าซืออยู่หรือไม่ แม่เฒ่าของข้าจวนเจียนจะไม่ไหวแล้ว ความปรารถนาเดียวก่อนตายคือได้พบหลวงจีนตบะแก่กล้าแห่งวัดเส้าหลิน! มาเร็วๆ หน่อยเถิดขอรับ! ไหนเล่าหลวงจีน! หลวงจีนเล่าขอรับ…!”

ทั้งวัดเส้าหลินตื่นตระหนกทันที

หลังจากได้ยินเสียงดังเอ็ดตะโร ฉือฮุ่ยต้าซือก็รีบมาดูหญิงชราที่ป่วยหนักใกล้ตาย เขาถอนหายใจพลางกล่าวอมิตาภพุทธ ในใจรู้สึกปลงอนิจจังยิ่งนัก ก่อนจะรีบพาพวกเขาไปหาที่เงียบสงบ ขณะที่กำลังจะสวดท่องอะไรบางอย่างให้หญิงชรา ต้าซือพลันเห็นชายร่างใหญ่เดินเข้ามาหา

ชายร่างใหญ่กระซิบว่า “ต้าซืออย่าตกใจไป โปรดพาเราไปหาหมอเทวดาจี่ นี่คือราชันโอสถมาร ท่านประมุขให้เรานำมาส่ง”

ฉือฮุ่ยต้าซือ “…”

ลัทธิมารพวกนี้เป็นคนเช่นไรกันแน่

นับตั้งแต่รู้ว่าคนรับใช้เหล่านั้นเป็นคนที่คุณชายเสี่ยวหามาจากลัทธิมาร ฉือฮุ่ยต้าซือก็จดจำภาพของลัทธิมารจนฝังใจ กระทั่งเกิดเรื่องในวันนี้ เขายิ่งรู้สึกว่าคนของลัทธิมารรับมือยากยิ่งนัก จึงคิดว่ามิน่าเล่า เมื่อบรรดาพรรคธรรมะพูดถึงพวกเขาถึงได้ปวดเศียรเวียนเกล้า กระทั่งศิษย์ของลัทธิยังเป็นเช่นนี้ จึงจินตนาการได้ว่าประมุขเย่ที่เหล่าพรรคธรรมะต้องกัดฟันกรอดยามเอ่ยถึงนั้นจะน่าครั่นคร้ามสักเพียงไหนได้

ชายร่างใหญ่ยื่นมือออกมาโบกไปมาตรงหน้าเขา “ต้าซือ? ต้าซือ? ไม่เข้าใจหรือ”

ฉือฮุ่ยต้าซือไม่ต้องการเสวนากับชายร่างใหญ่ จึงพาอีกฝ่ายไปยังที่พักของหมอเทวดาจี่

 

**********

 

เหวินเหรินเหิง หมอเทวดาจี่ และคนอื่นๆ ได้รับข่าวล่วงหน้าแล้ว จึงกำลังรอพวกเขาอยู่พอดี

เหวินเหรินเหิงไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนจึงปลอมตัวมา ครั้นเห็นรูปลักษณ์ที่น่าขบขันของราชันโอสถมาร สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เพียงสั่งการว่า “ก่อนอื่นให้ราชันโอสถมารอ้าปาก ดูว่ามีกลไกหรือยาพิษในปากหรือไม่”

ราชันโอสถมารรู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วเขาต้องมาที่นี่ ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจเลยสักนิด เพียงพินิจพิเคราะห์เหวินเหรินเหิง แต่ก็ดูสถานะของคนผู้นี้ไม่ออก

เหวินเหรินเหิงไม่ได้มองราชันโอสถมาร เพียงกล่าวต่อว่า “ดูเล็บของเขาอีกครั้ง”

ราชันโอสถมารพูดไม่ออก

ผู้อาวุโสเหมียวกับหมอเทวดาจี่ต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญเหมือนกัน ย่อมรู้ว่าตรงไหนซ่อนยาได้ จึงก้าวเข้าไปให้คำแนะนำอีกครู่หนึ่ง

คนของลัทธิมารไม่ติดใจสงสัยคำสั่งเหล่านี้ จึงค้นตัวคนผู้นั้นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอย่างเชื่อฟังหนึ่งรอบ ในที่สุดราชันโอสถมารก็ไม่สามารถรักษากางเกงซับในไว้ได้ แน่นอนว่าพวกเขาใส่กลับคืนให้คนผู้นี้อีกครั้งหลังจากตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เหวินเหรินเหิงนั่งอยู่บนม้าหินไม่ไกล ชายตามองไปที่นั่นแวบหนึ่ง แล้วกวักมือเรียกผู้อาวุโสเหมียว

ผู้อาวุโสเหมียวมองเหวินเหรินเหิงอย่างเฉยชา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เดินเข้าไปหาอย่างเนิบช้า

เหวินเหรินเหิงกระซิบกับผู้อาวุโสเหมียวสองสามคำแล้วถามว่า “จำได้หรือไม่”

ผู้อาวุโสเหมียวขานรับ “อืม” ทันใดนั้นพลันรู้สึกว่าให้เหวินเหรินเหิงเป็นฮูหยินของพวกเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน เหวินเหรินเหิงสุภาพและอ่อนโยนกับทุกคนมาก ไม่เหมือนเซี่ยจวินหมิงกับท่านประมุขที่เรียกเขาว่าเหมียวเหมียว แต่เหวินเหรินเหิงเรียกเขาว่าผู้อาวุโสเหมียว รู้จักกาลเทศะดีทีเดียว!

ดังนั้นหลังจากผู้อาวุโสเหมียวก้าวไปสองก้าวจึงถอยกลับมาอีกครา ก่อนกล่าวเสริมอย่างเคร่งขรึมว่า “เข้าใจแล้ว ฮูหยิน”

เหวินเหรินเหิงไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเหมียวนึกคิดเช่นไร และไม่ต้องการจะสอบถาม เพียงเฝ้าดูพวกเขากรอกยาพิษให้ราชันโอสถมารจนเสร็จสิ้น เมื่อวางยาพิษเรียบร้อยดีแล้วและแน่ใจว่าคนผู้นี้ไม่อาจเล่นลูกไม้บ้วนยาทิ้งได้อีก จึงค่อยคลายจุดชีพจรแล้วออกไปด้วยความวางใจ

 

**********

 

ทันทีที่ย่างกรายเข้ามาในเรือนเล็ก เหวินเหรินเหิงก็หยุดชะงัก

ไม่รู้ว่าเย่โย่วออกจากห้องมาตั้งแต่เมื่อใด ตอนนี้กำลังยืนอยู่ในลานบ้าน ดวงตาถูกพันด้วยแถบผ้า ปิดบังความเฉียบคมที่เคยมี เมื่อประกอบกับใบหน้างามประณีตนั้นก็ดูอ่อนแอต้องการความช่วยเหลือ ทำให้เขาอยากโอบกอดแสดงความรักให้มากหน่อย

เหวินเหรินเหิงอดชะลอฝีเท้าลงไม่ได้

เย่โย่วหันศีรษะฉับไว “ใคร”

เหวินเหรินเหิงไม่ปริปาก ยังคงเดินหน้าต่อไป เย่โย่วถอยหลังไปครึ่งก้าว แล้วเรียกผู้อาวุโสเฮยออกมาหนึ่งคำ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายขานรับ น้ำเสียงก็กลับเป็นปกติดังเดิม ด้วยเดาได้ว่าน่าจะเป็นศิษย์พี่ของเขา จึงค่อยผ่อนคลายลง รออยู่ไม่นานก็รับรู้ได้ว่าศิษย์พี่มาอยู่ตรงหน้าแล้ว เหวินเหรินเหิงคว้าอีกฝ่ายมากอดไว้ในอ้อมแขน “ออกมาได้อย่างไร”

เย่โย่วเอ่ย “อยากมาสูดอากาศ”

เหวินเหรินเหิงกล่าว “ข้าพาเจ้าออกไปเดินเล่นดีหรือไม่”

“ไม่ต้องหรอก” เย่โย่วปฏิเสธ

“ถ้าอย่างนั้นไปกินข้าวกันเถิด” เหวินเหรินเหิงพาศิษย์น้องเข้าบ้าน อาบน้ำให้เขาหลังกินอาหาร ฉวยโอกาสที่เขามองไม่เห็นลวนลามอยู่หลายครั้ง

เย่โย่วเอ่ยด้วยรอยยิ้มกริ่มว่า “ดูไม่ออกเลยศิษย์พี่ นึกไม่ถึงว่าท่านจะชอบข้าที่เป็นเช่นนี้ด้วย”

“เจ้าจะเปลี่ยนไปอย่างไรข้าก็ชอบทั้งหมดที่เจ้าเป็น” เหวินเหรินเหิงพูดขณะเช็ดน้ำตามเนื้อตัวให้จนแห้งสนิท แล้วอุ้มไปไว้บนเตียง

 

**********

 

ตอนนี้ราชันโอสถมารหายสาบสูญไป ฉงอวิ๋นไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นหรือตาย เย่โย่วคาดเดาว่าคนของหมากสีขาวไม่น่าจะบุ่มบ่ามลงมือ จึงพักอยู่ที่วัดเส้าหลินเป็นเวลาสองวัน ก่อนจะออกไปพร้อมกับศิษย์พี่ รีบเดินทางไปสมทบกับกลุ่มของพรรคธรรมะ

ทั้งสองคนเดินผ่านอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่ง แล้วหาภัตตาคารกินอาหารเย็น พลางเงี่ยหูฟังเสียงผู้คนในห้องโถงใหญ่นินทาว่า “ได้ยินหรือไม่ ประมุขเย่หมดหวังกับคุณหนูเถาแล้ว”

“เขาพูดมาตลอดว่าพวกเขาเป็นสหายกัน”

“สหายที่ไหนจะเป็นเช่นนั้นเล่า ข้าว่าต้องมีอะไรสักอย่าง แต่ประมุขเซี่ยคอยกันท่าเท่านั้นละ”

“เป็นไปได้…ไม่คิดเลยว่ามารทั้งสองจะมีความสัมพันธ์เช่นนี้ บางทีประมุขเซี่ยอาจถูกตาต้องใจประมุขเย่มานานแล้ว ในที่สุดก็ตามหาหัวใจจนได้มาครอบครองเสียที”

“ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นเมื่อก่อนเขาจะเทียวไล้เทียวขื่อไปลัทธิมารบ่อยๆ เพื่ออะไรกัน”

“แต่ประมุขเซี่ยก็ร้ายกาจไม่น้อย จีบติดไม่ทันไรก็ทำให้ประมุขเย่รักจนหัวปักหัวปำ ไม่รู้ว่าทำสำเร็จได้อย่างไร”

“หรือว่า…”

เย่โย่ว “…”

เหวินเหรินเหิง “…”

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า