[ทดลองอ่าน] บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์ ตอนที่ 102

巨星手记
บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์

 

อวี่เซี่ยวหลานซาน เขียน
ธมน แปล
get-sem วาด

 

— โปรย —

หลังจากพลาดตำแหน่งราชาแห่งวงการในเทศกาลภาพยนตร์ยุโรปคราวก่อน
ฟางเล่อจิ่ง ก็ถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนี้อีกครั้ง
แต่ก่อนที่จะถึงการประกาศรางวัล
เขาต้องถ่ายรายการร่วมกับคู่ปรับอย่าง เว่ยอี้ ผู้อยู่เบื้องหลังดราม่าต่างๆ
เว่ยอี้ โจมตีหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เพื่อขุดคุ้ยจุดด่างพร้อยมาขัดขวางเส้นทางความก้าวหน้าของอีกฝ่าย
แต่การโจมตีนั้นก็ไม่ใช่ง่ายๆ เมื่อฝั่งเขาเองก็พบปัญหาใหญ่จากปาปารัสซี่คนสนิท

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

102 ปิดกล้องราบรื่น!

รองประธานป๋ายเจ็บปวดรวดร้าว!

 

บ่ายวันรุ่งขึ้น ทันทีที่ลงจากเครื่อง หลี่จิ้งก็ตรงมายังโรงแรม เปิดห้องติดกับเฝิงฉู่รอฟางเล่อจิ่งด้วยกัน

“ทำไงดี เหมือนความลับจะแตกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้” ฟางเล่อจิ่งหน้าเครียด

มีผู้ปกครองสองคนอยู่ใกล้ๆ ทำเอากดดันสุดๆ

เหยียนข่ายหัวเราะ “กลัวอะไร ทำเหมือนกับพวกเขากล้าพังประตูเข้ามา”

“ถึงอย่างนั้นก็กังวลอยู่ดี” ฟางเล่อจิ่งอิงแอบในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ขยับหาท่าทางที่สบายตัวอยู่บนโซฟา

เหยียนข่ายลูบแผ่นหลังอีกคนอย่างแผ่วเบา คล้ายกำลังเกาให้เจ้าลูกแมวตัวน้อย

ส่วนภายในห้องที่อยู่ติดกัน เฝิงฉู่กำลังดื่มชากับหลี่จิ้ง พร้อมถือโอกาสคุยเรื่องจิตแพทย์

“นายไม่รู้จริงเหรอ” เฝิงฉู่ถาม

หลี่จิ้งส่ายหน้า “เป็นหมอที่รองประธานป๋ายออกหน้าเชิญเอง เขาติดต่อเองทุกอย่าง ฉันไม่ได้เข้าไปยุ่งเลย”

“ลึกลับจัง” เฝิงฉู่ว่า “จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้เจอเขาเลย”

“แล้วทำไมนายต้องอยากเจอเขาด้วย” หลี่จิ้งถาม

“นายไม่อยากรู้หรือไง” เฝิงฉู่เบิกตากว้าง

หลี่จิ้งส่ายหน้า

เฝิงฉู่ “…”

“ถ้าไม่มีอะไร ฉันกลับไปนอนก่อนแล้วกัน” หลี่จิ้งลุกขึ้นยืน “พรุ่งนี้เช้าต้องไปเจอพวกสื่ออีก”

“เพิ่งบ่ายสามเอง นายจะนอนแต่หัววันเลยเหรอ” เฝิงฉู่แนะนำ “เรามาเล่นหมากล้อมกันดีไหม ได้ยินว่านายเป็นเทพหมากล้อม”

หลี่จิ้งชะงักฝีเท้า “นายเล่นหมากล้อมเป็นด้วยเหรอ”

“ของกล้วยๆ” เฝิงฉู่ตอบส่งเดช “เล่นเป็นตั้งแต่แปดขวบแล้ว”

“แต่ที่นี่ไม่มีกระดานหมากล้อม” หลี่จิ้งเตือนความจำ

“วาดเอาก็ได้แล้ว” เฝิงฉู่ฉีกกระดาษจากสมุดบันทึกมาหนึ่งแผ่น แล้วเริ่มวาดอะไรขยุกขยิก

หลี่จิ้งนิ่งอึ้งไปครู่ “โกโมกุ[1]?”

เฝิงฉู่พยักหน้า

หลี่จิ้ง “…”

“มาเร็ว” เฝิงฉู่ตบที่นั่งด้านข้าง

หลี่จิ้งหันหลังเดินออกไป “โทษที จู่ๆ นึกขึ้นได้ว่ามีธุระ”

“ให้ช่วยไหม” เฝิงฉู่ถามอย่างมีน้ำใจ

“ไม่ต้อง” หลี่จิ้งก้าวยาวๆ เข้าห้องที่อยู่ติดกัน

ไม่มีอะไรทำมันน่าเบื่อชะมัด…เฝิงฉู่นอนหงายลงบนพรม มองเพดานอย่างใจลอย

ไม่รู้ว่าเล่อเล่อจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเมื่อไหร่

 

ถึงจะออกไปไหนไม่ได้ แต่สำหรับฟางเล่อจิ่ง ขอแค่มีเหยียนข่ายอยู่ข้างๆ ก็มากพอแล้ว ห้องของทั้งสองอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ตกบ่ายแสงอาทิตย์อบอุ่นจะสาดส่องเข้ามา ท้องฟ้าสีคราม ก้อนเมฆขาวสะอาดราวกับปุยนุ่น เหยียนข่ายสวมกอดฟางเล่อจิ่งจากด้านหลัง นั่งลงเอ่ยคำรักหวานริมหน้าต่างเต็มบาน

“รู้สึกดีขึ้นหรือยัง ” เหยียนข่ายเอ่ยถามข้างหู

“อื้อ” ฟางเล่อจิ่งสอดประสานเรียวนิ้วเข้ากับอีกฝ่าย “ขอบคุณนะครับ”

“บริษัทติดต่อกับทางกองแล้วว่าจะให้นายกลับไปถ่ายต่อมะรืนนี้” เหยียนข่ายบอก “ตารางการถ่ายทำจากเดิมคือเจ็ดวันเพิ่มเป็นสิบสองวันแล้ว เพราะงั้นไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ ทำตามความรู้สึกของตัวเองได้”

ฟางเล่อจิ่งหันกลับไปมองเขา

“นักแสดงทุกคนต่างมีช่วงที่ยากลำบากกันทั้งนั้น แล้วเรื่องชะลอการถ่ายทำก็ไม่ใช่ความคิดของบริษัท แต่ผู้กำกับเย่ว์เสนอเอง” เหยียนข่ายรีบอธิบาย “ไม่ใช่สิทธิพิเศษที่ฉันทำให้นาย”

ฟางเล่อจิ่งหลุดขำ “ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

“แค่ท่าทางของนายก็มากพอแล้ว” เหยียนข่ายรวบร่างอีกฝ่ายมากอด “ในเน็ตยังพูดกันเลยว่านายเป็นบ่อเงินบ่อทองในอนาคตของตงหวนเอนเตอร์เทนเมนต์”

ฟางเล่อจิ่งโคลงร่างตัวเองไปมา

ท่าทีเหมือนเด็กๆ ของอีกคนทำเอาเหยียนข่ายขบขัน ก่อนโน้มหน้าลงจูบต้นคอของเจ้าตัว

โมลี่ยังคงโทร.ถามทุกวันด้วยความเป็นห่วงลูกสะใภ้ ส่วนแม่ของฟางเล่อจิ่งก็คอยโทร.ถามทุกวันเช่นกัน จนแน่ใจว่าสภาพจิตใจของเขาค่อยๆ ดีขึ้นถึงวางใจ

จากนั้นหลี่จิ้งก็จัดงานแถลงข่าวสั้นๆ โดยอธิบายกับทุกคนว่าเป็นเพราะฟางเล่อจิ่งถ่ายทำภาพยนตร์ต่อเนื่องหลายวัน บวกกับเดินสายโปรโมต ทำให้ร่างกายรับไม่ไหว ไม่ใช่อาการซึมเศร้าหรือสาเหตุอื่นเหมือนที่ลือกัน ขอร้องสื่อและชาวเน็ตโปรดอย่าคาดเดาลอยๆ อีก

“ไม่ทราบว่าทำไมเล่อเล่อถึงไม่มาร่วมงานแถลงข่าวนี้ด้วยคะ” นักข่าวถามขึ้นมา

“เพราะแพทย์กำชับให้เขาพักผ่อนมากๆ” หลี่จิ้งตอบ “พรุ่งนี้เล่อเล่อจะกลับไปถ่ายทำต่อแล้ว ไว้รอให้การถ่ายทำ เหตุการณ์ผิงลั่ว เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการค่อยสัมภาษณ์ในงานเลี้ยงปิดกล้องก็ยังไม่สาย”

“ตอนนี้ข้างนอกต่างพูดกันว่า ตงหวนเอนเตอร์เทนเมนต์จัดตารางงานแน่นเกินไปเพราะห่วงผลประโยชน์ โดยไม่สนใจสภาพร่างกายของศิลปิน ไม่ทราบว่าคุณมีความเห็นต่อเรื่องนี้ยังไงครับ” มีนักข่าวถามอีก

“เป็นข่าวลือทั้งสิ้น” หลี่จิ้งตอบ “บริษัทเอาใจใส่เล่อเล่ออย่างดีมาตลอด”

“ถูกต้อง!” เสิ่นหานอ่านข่าวไปพยักหน้าไปพร้อมกินไอศกรีมรสมินต์ลิ้นจี่ที่หยางซีทำ

บอสเอาใจใส่เล่อเล่อที่สุดแล้ว เข้าใจไหม มาเดาส่งเดช ไม่รับผิดชอบเอาซะเลย

หยางซีเปิดประตูห้องนั่งเล่นแล้วเดินเข้ามา

เสิ่นหานรีบซ่อนไอศกรีมไว้ด้านหลังทันที

หยางซีย่อตัวเปลี่ยนรองเท้า “แท่งสุดท้ายนะ”

เสิ่นหานทำท่าใสซื่อสุดๆ

“ฉันจัดเวลาให้นายไปหาเล่อเล่อสามวัน รอเขาปิดกล้องจะได้เดินทางกลับด้วยกันพอดี” หยางซีล้างมือเสร็จก็มานั่งบนโซฟา แล้วส่งแฟ้มเอกสารให้ “นี่คือตารางงานไตรมาสถัดไปของนาย ค่อนข้างแน่น”

“อือฮึ” เสิ่นหานคาบไอศกรีมพลางเปิดแฟ้มเอกสารแล้วก็แทบทรุด

นี่หรือที่เรียกว่า ค่อน! ข้าง! แน่น?!

“ช่วยไม่ได้ โฟโต้บุ๊กโฉมใหม่จะออกไตรมาสหน้า ในสัญญาเขียนไว้ว่าต้องแจกลายเซ็นด้วย งานพรีเซนเตอร์ของเล่อต๋ากรุ๊ปก็เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว แบรนด์ลูกในเครือเดียวกันมีทั้งหมดห้าแบรนด์ เลยมีโฆษณาที่ต้องถ่ายอีกนับไม่ถ้วน THE SUNSET ที่ฉายในประเทศใกล้ออกโรงแล้ว แต่นายต้องให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางสถานีโทรทัศน์อีก ตารางที่เห็นอยู่คือตัดออกไปบ้างแล้ว” หยางซีว่า “ตัดอีกไม่ได้”

“ฉันอยากกินไอศกรีมสิบแท่ง” เสิ่นตุ๊บป่องตัดพ้อ

หยางซี “…”

“แปดหน้าเลยนะ แปดหน้า!” เสิ่นหานโบกเอกสารอย่างเอาเป็นเอาตาย

หยางซียอมลงให้ “ให้อีกแท่ง”

งานหนักขนาดนี้ แถมกินไม่อิ่มท้องอีก เสิ่นหานนอนลงบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง

ที่แย่กว่านั้นคือแม้กินน้อยแต่ก็ไม่ผอม ถึงขนาดที่สีหน้ายังดูเอิบอิ่มสดใสเหมือนได้กินอาหารในงานเลี้ยงแมนจูฮั่น[2]ทุกวัน จนคนอื่นมองไม่ออกเลยว่าเขากำลังทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยพร้อมกับลดความอ้วนสุดชีวิต!

น่าสงสารเหลือเกิน

คงเป็นเพราะท่าทางน่าสงสารของอีกฝ่าย บวกกับงานที่หนักเกินไป ดังนั้นตอนเสิ่นหานหยิบไอศกรีมแท่งที่สามจากตู้เย็นในคืนนั้น หยางซีเลยทำเป็นมองไม่เห็น…อย่างไรก็เป็นลิ้นจี่บดผสมใบมินต์ที่ทำเอง ถือซะว่ากินผลไม้แล้วกัน

แล้วผลลัพธ์ที่เกิดจากการยอมโอนอ่อนก็คือ ตกดึกเสิ่นตุ๊บป่องเริ่มท้องเสียอย่างน่าสังเวช วิ่งเตลิดเข้าห้องน้ำแล้วนั่งแหกปากร้องอยู่บนชักโครก

หยางซีปลงตก

ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนเช้าวันใหม่ ในที่สุดอาการของเสิ่นหานก็ทุเลา เขาขดตัวในที่นอนอย่างน่าเวทนา

หยางซีเอนตัวพิงอยู่ข้างๆ ใช้ฝ่ามือแห้งกร้านและอบอุ่นนวดเบาๆ บนท้องของอีกฝ่าย

“ฉันมันน่ารำคาญมากเลยใช่ไหม” ปลายจมูกของเสิ่นหานแดงก่ำ

“จะเป็นอย่างงั้นได้ยังไง” หยางซีจูบริมฝีปากของเขา “ใครๆ ก็ชอบนายทั้งนั้น”

“แล้วนายล่ะ” เสิ่นหานคล้องแขนรอบลำคอของอีกคน “ฉันกินจุ แถมดื้ออีก”

หยางซีขบขัน รวบเจ้าตัวมากอดไว้แน่น “ฉันชอบนายที่สุด”

รอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายแสนคุ้นเคย แขนสองข้างที่โอบกอดตัวเองไว้ทั้งแข็งแกร่งและมั่นคง เสิ่นหานหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยใจเป็นสุข

หลังถูกอีกฝ่ายทำเอาเหนื่อย หยางซีก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เลยคว้าแท็บเล็ตที่อยู่ข้างๆ มาเปิดดูข่าวบันเทิงช่วงนี้ แน่นอนว่าพาดหัวข่าวมาแรงคือเรื่องการหมดสติของฟางเล่อจิ่ง ตามด้วยข่าวที่เสิ่นหานเป็นพรีเซนเตอร์ให้เครือเล่อต๋าอันทรงอิทธิพล นอกจากนี้ก็มีการวิเคราะห์เปรียบเทียบระหว่าง เหตุการณ์ผิงลั่ว กับ ถนนหยางผิงหมายเลข 13 แม้ทั้งผู้กำกับ นักแสดง และธีมเรื่องจะแตกต่างกัน แต่กลับมีจุดที่คล้ายกันอยู่ไม่น้อย

ในส่วนของผู้กำกับ ทั้งเย่ว์เซิงและโค่วซวงนับเป็นผู้กำกับแถวหน้าของประเทศ คนหนึ่งเชี่ยวชาญการถ่ายทำเรื่องราวสะท้อนสังคม และมักใช้ภาพที่ละเอียดอ่อนสื่อให้เห็นความคิดของตัวเอก ส่วนอีกคนชอบขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยความขัดแย้งรวมถึงเรื่องตลกร้าย ทั้งสองมีฐานผู้ชมค่อนข้างกว้าง และมีชื่อเสียงในวงการเช่นกัน

ในแง่ของนักแสดงนำ ฟางเล่อจิ่งและเว่ยอี้ต่างเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมในช่วงหลายปีนี้ แม้ฟางเล่อจิ่งจะมีชื่อเสียงมากกว่าจากการแสดงเรื่อง หนามหัวใจ และ THE SUNSET แต่เว่ยอี้ก็ดึงดูดแฟนคลับอายุน้อยจำนวนมากจากการแสดงละครรักวัยรุ่นได้ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยพวกเธอก็ยังตั้งตารอคอยภาพยนตร์เรื่องแรกของเว่ยอี้ ทั้งตั้งกระทู้ ปั่นอันดับและโหวตในเว็บไซต์ไม่ขาด ที่ข่าวการเปิดกล้องของ ถนนหยางผิงหมายเลข 13 ติดอันดับหัวข้อสนทนานานถึงหนึ่งเดือน จึงต้องยกเครดิตให้เหล่าแฟนคลับ

หากพูดถึงด้านเนื้อหา เรื่องราวของ เหตุการณ์ผิงลั่ว มาจากเหตุการณ์จริงในช่วงต้นของการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นที่พูดถึงอย่างครึกโครมในสมัยนั้น  ตัวเรื่องค่อนข้างลึกลับและจบแบบปลายเปิด ส่วน ถนนหยางผิงหมายเลข 13 นั้นดัดแปลงจากนิยายชื่อดังที่ได้รับความสนใจไม่น้อย นับว่าทั้งสองเรื่องต่างกินกันไม่ลง

ดังนั้นภายใต้ปัจจัยเช่นนี้ หาก เหตุการณ์ผิงลั่ว และ ถนนหยางผิงหมายเลข 13 จะถูกนำมาเปรียบเทียบกันย่อมเป็นเรื่องเข้าใจได้

หยางซีไล่อ่านทีละข้ออย่างละเอียดก็พบว่าคนที่สนับสนุนฟางเล่อจิ่งมีจำนวนมากกว่าอยู่ดี เหตุผลแรกเพราะเดิมทีเจ้าตัวมีแฟนคลับมากกว่าเว่ยอี้อยู่แล้ว บวกกับได้ฐานจากภาพยนตร์สองเรื่องก่อนด้วย เมื่อเทียบกับเว่ยอี้ที่เคยแสดงแต่ละครรักวัยรุ่น ฟางเล่อจิ่งจึงเป็นที่ชื่นชอบในอุตสาหกรรมนี้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ภาพยนตร์เรื่อง เหตุการณ์ผิงลั่ว กำลังจะปิดกล้อง ส่วน ถนนหยางผิงหมายเลข 13 ก็ถ่ายทำใกล้เสร็จแล้ว ความคืบหน้าของทั้งสองเรื่องเกือบเท่ากัน ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ในอนาคตนอกจากแข่งขันเรื่องการจัดอันดับและยอดขายบัตรเข้าชมแล้ว ต้องมีสงครามน้ำลายระหว่างแฟนคลับทั้งสองฝ่ายอีกมากมายแน่นอน

โฮมเพจส่วนตัวของเสิ่นหานเองก็คึกคักเช่นกัน เพราะเจ้าตัวโพสต์รูปไอศกรีมเมื่อตอนกลางวัน ดังนั้นคอมเมนต์มากมายจึงล้วนถามว่าหยางซีเป็นคนทำใช่หรือเปล่า หลังจากได้รับคำตอบแน่ชัดก็พากันรำพึงว่าสวีตกันเหลือเกิน เมื่อไหร่ตุ๊บป่องจะแต่งงาน เราเตรียมสินสอดทองหมั้นไว้พร้อมแล้ว

ข่าวลือถูกพูดไปหลายต่อหลายครั้ง จนคนอื่นๆ พากันคิดว่าเป็นเรื่องจริง ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้กลับไม่ใช่แค่ข่าวลือ

หยางซียกยิ้มมุมปาก หันไปเหลือบมองคนข้างกายแวบหนึ่ง

เสิ่นหานเผยอปากเล็กน้อย นอนหลับด้วยใบหน้ามีความสุข หยางซีแกล้งใช้นิ้วกดริมฝีปากนุ่มหยุ่นของอีกฝ่าย ก่อนถูก ‘งับ’ ทันที

หลังแน่ใจว่าสิ่งที่อยู่ในปากกินไม่ได้ เสิ่นหานก็ปล่อยอย่างผิดหวังก่อนพลิกตัวหลับต่อ

หยางซีหัวเราะแล้วอ่านข่าวต่อไปทีละเรื่อง

“นายทำอะไรอยู่” ผ่านไปสักพักเสิ่นหานก็ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย

“ไม่มีอะไร เคลียร์งานน่ะ” หยางซีเอ่ย “นอนต่อเถอะ”

“หิวน้ำ” เสิ่นหานเสียงแหบเล็กน้อย คิดครู่หนึ่งก็เอ่ยสำทับ “คงเสียน้ำเพราะท้องเสีย”

หยางซีลงจากเตียงไปรินน้ำอุ่นให้อีกฝ่าย แล้วดูเจ้าตัวดื่ม

“นายเองก็รีบนอน ฟ้าจะสว่างแล้ว” เสิ่นหานหาวหวอด ใช้แขนกับขากอดอีกคนไว้ “พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน”

หยางซีปิดโคมไฟหัวเตียง กอดอีกฝ่ายแนบอกไว้แน่น ไม่คิดจะปล่อยมือสักนิดเดียว

เสิ่นหานมีความสุข เขายิ้มร่าแม้กระทั่งในฝัน

 

ภายในโรงถ่ายหนัง ฟางเล่อจิ่งกลับเข้ากองถ่ายตามกำหนดเวลา เย่ว์เซิงและทีมงานคนอื่นต่างเป็นห่วงเขา เมื่อเห็นอีกฝ่ายหายเป็นปกติแล้วถึงโล่งใจ

“ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงนะครับ” ฟางเล่อจิ่งเอ่ยขอโทษ

“เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เย่ว์เซิงตบไหล่ของเขาเบาๆ “เป็นความผิดของฉันเองที่คิดแต่จะถ่ายหนังให้ออกมาดี จนไม่ได้นึกถึงความกดดันของเธอ”

“ไม่เกี่ยวกับกองถ่ายหรอกครับ” ฟางเล่อจิ่งเอ่ยอย่างละอาย “เป็นผมเองที่ปรับสภาพจิตใจไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

“ใช่ครับ” เฝิงฉู่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยแทรก “จิตแพทย์ที่บริษัทเชิญมาครั้งนี้ยอดเยี่ยมมาก” น่าปักธง[3]สรรเสริญให้ชะมัด!

ฟางเล่อจิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่พูดถึงเรื่องนี้ได้ไหม

กระอักกระอ่วนจัง

ตอนแรกเพื่อดูแลสภาพอารมณ์และร่างกายของฟางเล่อจิ่ง เย่ว์เซิงปรับเอาซีนที่เหลือซึ่งไม่สำคัญนักมาถ่ายก่อน หลังมั่นใจว่าเขากลับสู่สภาพปกติโดยสมบูรณ์ ถึงค่อยๆ เพิ่มแผนถ่ายทำ

 

เหยียนข่ายเองก็ตั้งใจพักที่โรงแรมต่ออีกสองวัน ก่อนขึ้นเครื่องบินกลับแล้วตรงไปบริษัททันที

ป๋ายอี้กำลังรอเขาอยู่ในห้องทำงาน

“มีธุระอะไร” เหยียนข่ายทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ด้านหนึ่ง

“นายคิดว่าไงล่ะ” ป๋ายอี้ปิดประตู และไม่ลืมล็อกกลอน

เหยียนข่ายหลุดขำ “ฉันไม่สนใจนายหรอกนะ”

“แต่ฉันอยากให้นายสนใจฉัน!” ป๋ายอี้ยับยั้งความรู้สึกอยากแผดเสียงไว้

เหยียนข่ายทำหน้าขยะแขยง

“ฟางเล่อจิ่ง! ฟางเล่อจิ่ง! ฟางเล่อจิ่ง!” ป๋ายอี้เดินวนรอบห้อง

“แล้วไง” เหยียนข่ายเดินไปหยิบกาแฟ

“แล้วไง!” ป๋ายอี้ลากเก้าอี้มานั่งลงฝั่งตรงข้าม “พวกนายคบกันเมื่อไหร่”

เหยียนข่ายตอบ “ปีที่แล้ว”

“ปีที่แล้ว?!” ป๋ายอี้ช็อก

“เบาๆ หน่อย” เหยียนข่ายเอ่ยเตือน “ถึงห้องทำงานจะกันเสียงดี แต่ก็เก็บเสียงแบบนี้ของนายไม่อยู่หรอกนะ”

“หมายความว่าพอฉันเซ็นสัญญารับเขาเข้าบริษัทปุ๊บ นายก็ลงมือเลยงั้นเหรอ” ป๋ายอี้ไม่อยากเชื่อ

เหยียนข่ายผงกศีรษะรับ “ถึงนายจะเลือกใช้คำแย่ไปหน่อย แต่เรื่องเวลาก็ตามนั้น”

“พระเจ้าช่วย!” ป๋ายอี้ทึ้งเส้นผม ก่อนเริ่มกระชากเสื้อเชิ้ต

เหยียนข่ายมองอีกฝ่ายอย่างไม่สะทกสะท้าน “นายจะวิ่งออกไปบอกว่าฉันขืนใจนายหรือไง”

“อย่านอกเรื่อง!” ไม่บ่อยนักที่ป๋ายอี้ระเบิดใส่เขา “นายจริงจัง? จริงใจ? เอาจริง?”

เหยียนข่ายพยักหน้า

“แบบที่อนาคตจะแต่งงานน่ะนะ” ป๋ายอี้ถามต่อ

เหยียนข่ายยังคงพยักหน้า

“จบกันๆ” ป๋ายอี้ทรุดตัวลงบนเก้าอี้

เหยียนข่ายกระตุกมุมปาก “ทำอย่างกับฟ้าจะถล่มไปได้ นี่นายแอบรักฉันหรือว่าแอบรักเล่อเล่อกันแน่”

“ยังมีกะจิตกะใจล้อเล่นอีกเหรอ!” ป๋ายอี้ตัดพ้อ “นายรู้ไหมว่าถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คนทั่วไปกับพวกสื่อจะคิดยังไง!”

“ฉันรู้” เหยียนข่ายเลิกคิ้ว “แถมรู้ดีกว่านายด้วย”

“นายเปลี่ยนเป็นคนอื่นไม่ได้เหรอ” ป๋ายอี้หมดหวังสุดขีด “หรือลองกับฉันดูไหม”

เหยียนข่ายปฏิเสธทันควัน “ฝันไปเหอะ”

“ก็ได้ ถึงนายจะไม่แคร์สื่อกับสาธารณชน แล้วกับท่านประธานใหญ่จะทำยังไง” ป๋ายอี้ถามต่อ

“นายไม่ได้โทร.หาพ่อ?” คราวนี้กลายเป็นเหยียนข่ายที่ประหลาดใจ

“เพ้อเจ้ออะไร ฉันจะกล้าเหรอ!” ป๋ายอี้ตบโต๊ะ! ไม่กี่วันก่อน ขณะเขากำลังจิบกาแฟพลางฟังเพลงอยู่ห้องข้างๆ จู่ๆ เหยียนข่ายก็เรียกมาที่ห้องทำงาน และเริ่มด้วยการบอกว่า “ฉันกำลังคบกับเล่อเล่อ” ที่เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาด ตามด้วยถูกส่งให้ไปติดต่อจิตแพทย์เพื่ออำพรางเรื่องราว ไม่เหลือพื้นที่ให้เขาประมวลผลแม้แต่นิดเดียว!

“งั้นนายก็ไม่ต้องเป็นห่วง” เหยียนข่ายว่า “พ่อรู้แล้ว เขาชอบเล่อเล่อมาก”

“หา?” ป๋ายอี้อ้าปากกว้าง

เหยียนข่ายถาม “ฉันยัดหลอดไฟใส่ปากนายไว้เหรอ”

“ท่านประธานใหญ่รู้แล้วเหรอ” ป๋ายอี้เอ่ยทวนอีกครั้ง “แล้วคุณป้าล่ะ”

“อยู่แล้ว” เหยียนข่ายตอบ “พวกเขาชอบเล่อเล่อกันมาก”

“รู้ตั้งแต่ปีก่อนเหรอ” ป๋ายอี้เสียงสั่น

“เปล่า” เหยียนข่ายตอบ

ในที่สุดป๋ายอี้ก็ถอนหายใจโล่งอก ที่แท้ก็รู้พร้อมๆ ตัวเอง ก็ไม่แย่เท่าไหร่

จากนั้นเหยียนข่ายพูดขึ้น “ราวๆ สองสามเดือนก่อนมั้ง ตอนพ่อกลับมาจีนน่ะ”

ป๋ายอี้ “…”

เหยียนข่ายโบกมือไปมาตรงหน้าเขา “รองประธานป๋าย เชิญไปเหม่อที่ห้องทำงานของตัวเองด้วย”

“เพราะงั้นฉันคือคนที่โดนปิดบังนานที่สุด?” ป๋ายอี้ชี้นิ้วหาตัวเอง

เหยียนข่ายตอบ “ใช่”

“นายทำเกินไปแล้ว!” ป๋ายอี้ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้น “ไม่อยากเชื่อว่าจะไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้! รู้ไหมว่าตั้งแต่นายไปโรงถ่ายหนัง ฉันก็เอาแต่กังวลว่าจะบอกเรื่องนี้กับคุณลุงยังไง! ฉันสงสัยอยู่เลยว่าทำไมช่วงนี้เขาไม่โทร.ถามฉันเรื่องความรักของนาย นึกว่าเขายอมแพ้ไปแล้วซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะรู้ตั้งนานแล้ว! แถมรู้แล้วไม่บอกฉันอีก ปล่อยให้ฉันกลัว กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่คนเดียว” ป๋ายอี้ร่ายยาวในรวดเดียว น้อยใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

เหยียนข่ายมองเขา เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“อะไร” ป๋ายอี้พรั่งพรูคำพูดมากมายออกมาในลมหายใจเดียวเลยหอบเล็กน้อย

เหยียนข่ายถาม “ก่อนหน้านี้พ่อโทร.ถามเรื่องความรักของฉันบ่อยเหรอ”

ป๋ายอี้ “…”

“หือ?” เหยียนข่ายเลิกคิ้วเล็กน้อย

“บริษัทห้ามไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับผู้ใต้บังคับบัญชานะ” ป๋ายอี้รีบเตือน

“ไม่มีกฎข้อนี้” เหยียนข่ายลุกขึ้นยืน

“มี!” ป๋ายอี้ขดตัวไปอยู่มุมห้องทันที “ข้อสิบสามไง”

“ฉันบอกว่าไม่มีก็คือไม่มี” เหยียนข่ายถกแขนเสื้อ

ป๋ายอี้กระโจนไปข้างประตู

แต่เขาเพิ่งล็อกประตูไป!

อะไรคือขว้างงูไม่พ้นคอน่ะหรือ!

ก็แบบนี้ไง!

ห้องทำงานมีเสียงตุบตับดังต่อเนื่อง เลขาฯสาวยืนอยู่หน้าห้องอย่างหวาดหวั่น

ประธานเหยียนกับรองประธานป๋ายไม่ทะเลาะกันมาหลายปีแล้วนี่นา นึกว่าจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติแล้วซะอีก ตัวเองคงคิดตื้นๆ เกินไปสินะ

แน่นอน เพื่อปลอบประโลมหัวใจอันเปราะบางที่แหลกละเอียดของป๋ายอี้ เหยียนข่ายเลยให้วันหยุดกับเขาเป็นเวลาครึ่งเดือน

 

สิบวันต่อมา เหตุการณ์ผิงลั่ว ก็ปิดกล้องอย่างเป็นทางการ ภายในงานเลี้ยงฉลองกลางแจ้ง ในที่สุดพวกสื่อก็ได้เจอฟางเล่อจิ่งที่เก็บตัวเงียบมานาน

“ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงนะครับ” ฟางเล่อจิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ผมหักโหมเกินไป แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

“ไม่ใช่เพราะบริษัทมอบหมายงานเกินกำลังจริงๆ ใช่ไหมครับ” สื่อเอ่ยถาม

“ไม่ใช่ครับ” ฟางเล่อจิ่งส่ายหน้า “บริษัทดูแลผมดีมาก”

“หานหานมาแล้ว!” ใครบางคนส่งเสียงอยู่หน้าประตู

นาทีถัดมาก็เห็นเสิ่นหานพุ่งเข้ามาในงานด้วยความดีใจแล้วสวมกอดฟางเล่อจิ่งไว้เต็มรัก

แสงแฟลชสว่างวาบไปทั้งแถบ ฟางเล่อจิ่งผละตัวจากเสิ่นหานพร้อมหัวเราะ “ขอบใจนะ”

“ยินดีกับการปิดกล้องนะ” เสิ่นหานวิ่งจนหายใจไม่ทัน “ทีแรกเราจะมาให้ตรงเวลา แต่เครื่องบินดันดีเลย์!” มาปรากฏตัวตอนงานเริ่มไปแล้วช่างไม่สบอารมณ์เอาซะเลย

“หานหาน หานหาน มองทางนี้หน่อยค่ะ” บรรดาสื่อร้องเรียกเสียงดัง

เสิ่นหานหันไปชูสองนิ้วพร้อมยิ้มตาหยี

“ถ่ายคู่กับเล่อเล่อหน่อย!” สื่อมวลชนขอขึ้นมาอีก

ฟางเล่อจิ่งดึงเสิ่นหานมายืนหน้าฉากหลังให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ

“หานหาน ถ่ายคู่กับคุณหยางหน่อยไหม” สื่อพร้อมใจกันถาม

“ได้สิครับ” เสิ่นหานรับคำทันที ก่อนยิ้มแล้วถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว “แต่ทำไมให้ถ่ายกับหยางซีล่ะ เขาไม่ใช่ศิลปินสักหน่อย”

ก็เพราะอยากได้หัวข้อทำข่าวน่ะสิ! สื่อมวลชนตอบคำถามในใจ แต่เหตุผลแบบนี้ไม่สามารถพูดออกไปได้ ดังนั้นทุกคนจึงแสร้งบอกว่า เพราะหยางซีหล่อมาก หล่อเทียบเท่าทาเคชิ คาเนชิโร[4]ได้เลย เราอยากเก็บภาพสุดๆ

“หยางซี” เสิ่นหานเรียกเขา “นายยินดีถ่ายรูปกับฉันไหม”

หยางซี “…”

“ถ่ายสักรูปๆ แค่รูปเดียว!” เนื่องจากงานเลี้ยงปิดกล้องไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร ขอแค่ให้ทุกคนสนุกสนาน เพราะงั้นสื่อเลยค่อนข้างเป็นกันเอง

เสิ่นหานยืนข้างหยางซีอย่างเปิดเผย รับการเจิมจากเลนส์กล้อง ข้างในรู้สึกดีจนแทบตัวลอย!

ฟินชะมัด!!!!!

เห็นดวงดาวส่องแสงระยิบระยับในดวงตาของอีกฝ่าย แน่นอนว่าหยางซีไม่อาจเดาความคิดของเจ้าตัวได้ เขาทั้งขำทั้งจนใจ ทว่าก็ยอมให้ความร่วมมือ ไม่ได้เดินหนี รูปถ่ายถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างพากันบอกว่าหยางซีหล่อสุดๆ ให้ความรู้สึกเป็นคู่จิ้นกับเจ้าตุ๊บป่องขนาดนี้ บอกว่าไม่ใช่คู่รักก็ไม่มีใครเชื่อหรอก!

ช่วยรีบกลับบ้านเกิดแล้วแต่งงานเถอะนะ!

 

อากาศต้นเดือนมีนาคมยังคงหนาวเย็น แต่ก็มีคนในกองถ่ายเปิดเบียร์และฉีดแชมเปญฉลอง ฟางเล่อจิ่งถูกฉีดใส่จนเปียกไปทั้งหน้า เสิ่นหานช่วยเช็ดทำความสะอาดให้อีกฝ่ายแล้วดึงมานั่งตรงมุมเล็กๆ ที่ค่อนข้างเงียบสงบ

“ขอบคุณที่ตั้งใจมาหานะ” ฟางเล่อจิ่งชนกระป๋องเบียร์กับเขา

“ไม่เป็นไร ฉันมีวันหยุดพอดี” เสิ่นหานบอก “หลังปิดกล้องแล้ว นายมีงานอะไรอีกไหม”

“คงมีสัมภาษณ์สองสามที่” ฟางเล่อจิ่งตอบ

“แค่นี้?” เสิ่นหานเบิกตากว้าง

“อือ” ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า “แค่นี้”

เสิ่นตุ๊บป่องน้อยอกน้อยใจ รู้สึกเหมือนโลกนี้มีเพียงตัวเองที่ยุ่งหัวหมุนอยู่คนเดียว!

“ฉันว่าจะถือโอกาสไปอังกฤษช่วงนี้เลย” ฟางเล่อจิ่งว่า

“ไปหาพ่อแม่เหรอ” เสิ่นหานมองเขา “พร้อมบอส?”

ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า

“ว้าว” เสิ่นหานตื่นเต้น “จะพาไปเจอพ่อแม่แล้ว!”

“ฉันกังวลนิดหน่อย” ฟางเล่อจิ่งบอกตามตรง

“อดทนไว้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป!” เสิ่นตุ๊บป่องปลอบโยนเขาด้วยน้ำเสียงของผู้ผ่านประสบการณ์ “ก็เหมือนคลอดลูกนั่นแหละ พอผ่านความยากลำบากก็มักพบความสุขกับการมาถึงของชีวิตใหม่”

ฟางเล่อจิ่ง “…”

ผ่านมานานขนาดนี้แล้วแท้ๆ ทำไมทักษะการพูดโน้มน้าวของเขาถึงยังชวนตะลึงอยู่เลย

ไม่พัฒนาขึ้นสักนิดเดียว

 

[1] แปลตรงตัวว่าหมากห้าลูก กติกาการเล่นคือฝ่ายใดวางหมากเชื่อมต่อกันได้ห้าลูกก่อนเป็นฝ่ายชนะ

[2] งานเลี้ยงแมนจู-ฮั่น เป็นงานเลี้ยงใหญ่ที่จัดกันในสมัยราชวงศ์ชิง ในงานเลี้ยงจะประกอบด้วยอาหาร 108 รายการ

[3] ชาวจีนนิยมมอบธงผ้าแพรให้เป็นของที่ระลึกเพื่อแสดงความเคารพ ขอบคุณ หรืออื่นๆ

[4] นักแสดงชายลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไต้หวัน

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า