[ทดลองอ่าน] คุณทนายความขั้นหนึ่ง ตอนที่ 1.1

一级律师
คุณทนายความขั้นหนึ่ง

 

木苏里 มู่ซูหลี่ เขียน
isamare แปล
溫捌 เวินปา วาด

 

— โปรย —

เมื่อหลายเดือนก่อน เยียนสุยจือ ยังดำรงตำแหน่งทนายความขั้นหนึ่ง
ทั้งยังรับผิดชอบตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเมซระหว่างดวงดาวอย่างสง่าผ่าเผยอยู่เลย
ไม่ทันไร ก็กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวและ ‘คนตาย’ ไปเสียแล้ว
เขาที่ถูกพาดหัวข่าวว่าเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุวางระเบิด
ได้บุคคลปริศนายื่นมือเข้ามาช่วยผ่าตัดปรับแต่งยีน ปรับเปลี่ยนใบหน้า สรีระและลดอายุ
จนอยู่ในรูปลักษณ์ของนักศึกษาจบใหม่ พร้อมบัตรประชาชนปลอมที่ใช้ชื่อว่า ‘หร่วนเหยี่ย
ตัดสินใจสืบเรื่องคดีวางระเบิดของตัวเอง โดยแฝงตัวไปเป็นเด็กฝึกงาน
ในสำนักงานเซาธ์ครอสส์ซึ่งเป็นสำนักกฎหมายที่รับผิดชอบคดีนี้
ณ ที่นั้น เขาดันได้เจอกับ กู้เยี่ยน ลูกศิษย์จอมหน้าตายของตัวเองที่ความสัมพันธ์ไม่ลงรอย
อีกทั้งยังต้องเข้าไปเป็นเด็กฝึกงานในความดูแลของอีกฝ่ายที่ไม่เต็มใจจะอยู่ร่วมกันสักนิด

ไม่คิดจะรับเด็กฝึกงานงั้นเหรอ บังเอิญจัง ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
ความจริงแล้วนายจะส่งฉันไปให้ทนายคนอื่นก็ได้ ขอแค่ไม่ต้องอยู่ที่นี่ ที่ไหนฉันก็โอเคทั้งนั้น

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

รังมด

บทที่ 1.1

รายงานตัว

 

ปลายเดือนพฤศจิกายน ต้นฤดูหนาวในเดอคาร์มา เสียงระฆังประจำวันยามเช้าดังมาจากลานจัตุรัสกลาง นกพิราบสีเทากระพือปีกบินโฉบผ่านท้องฟ้าสีเทาหม่นแบบเดียวกัน

เมฆมืดครึ้ม อากาศหนาวเหน็บ บรรยากาศอึมครึมปกคลุมทั่วผืนฟ้า วันที่บรรยากาศเป็นใจเหมาะแก่การบุกปล้น ส่งคนดูใจก่อนสิ้นลม ตอกย้ำสภาพจิตใจของเยียนสุยจือในตอนนี้ได้ชัดเจนมาก

เมื่อหลายเดือนก่อนเขายังดำรงตำแหน่งทนายขั้นหนึ่ง[1] ทั้งยังดำรงตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเมซระหว่างดวงดาว และเข้าร่วมงานปาร์ตี้ค็อกเทลในสวนที่มีคนดังรวมตัวกันอย่างสง่าผ่าเผยอยู่เลย เพิ่งผ่านมาไม่เท่าไรก็กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว

ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า เขากำลังเดินเตร่อยู่ในย่านตลาดมืดซึ่งวุ่นวายที่สุดทางฝั่งตะวันตกของเดอคาร์มา ละเลียดดื่มกาแฟไปพลาง กวาดตามองป้ายร้านค้าที่กระจุกตัวอยู่ริมถนนไปพลาง

ดวงหน้าของเขาขาวกระจ่างชวนมอง ทว่าสีหน้ากลับฉายความหงุดหงิดและความไม่สบอารมณ์ไว้อย่างชัดเจน ราวกับว่าสิ่งที่กำลังดื่มอยู่นั้นไม่ใช่กาแฟที่บดอย่างพิถีพิถัน แต่เป็นขี้ชะมดที่ยังไม่ผ่านกรรมวิธีใด ๆ

เขาเดินเตร่อยู่ที่นี่มากว่าครึ่งค่อนวันเพื่อมองหาร้านค้าที่ตรงความต้องการ เป็นร้านที่ช่วยตรวจสอบสิ่งของได้ และหากปลอมแปลงหนังสือรับรองได้ก็จะยิ่งดีมาก

ห้านาทีถัดมา เยียนสุยจือหยุดเท้าลงหน้าร้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

บนป้ายอิเล็กทรอนิกส์นอกประตูร้านแสดงตัวอักษรสองบรรทัด

ร้านแบล็กสโตนการช่าง

            ทำได้ทุกอย่าง!

ยอดเยี่ยม

เยียนสุยจือบีบแก้วกาแฟโยนลงถังรีไซเคิลอิเล็กทรอนิกส์ข้างถนน ก่อนก้าวเท้าเดินเข้าไปในร้าน

“อรุณสวัสดิ์ครับ” เจ้าของร้านผมยุ่งเหมือนรังนกชะโงกศีรษะมาจากหลังเคาน์เตอร์ “มีอะไรให้ช่วยครับ”

ฮีตเตอร์ภายในร้านกำลังอุ่นทีเดียว แม้แต่เยียนสุยจือที่ตอนนี้ไม่ค่อยชอบอากาศหนาวยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น เขาถอดถุงมือสีดำออก ล้วงแหวนโลหะวงหนึ่งในกระเป๋าเสื้อโค้ตมาวางบนเคาน์เตอร์ “ช่วยผมตรวจสอบเจ้านี่หน่อย”

นี่เป็นอุปกรณ์อัจฉริยะแบบยืดหยุ่นเปลี่ยนรูปร่างได้ตามต้องการ ผู้คนส่วนมากชินกับรูปแบบห่วงกลมมากกว่าเพราะพกพาสะดวก เช่น กำไล แหวน ต่างหู…รวมไปถึงสร้อยข้อเท้า หรือแม้แต่สร้อยคาดเอวก็มี

เยียนสุยจือไม่ได้มีรสนิยมแปลกขนาดนั้น ดังนั้นของในมือเขาจึงเป็นเพียงแหวนสวมนิ้วเรียบ ๆ

“ให้ตรวจสอบอะไรครับ”

“ทุกอย่างที่ตรวจสอบได้”

“ได้เลย”

เจ้าของร้านเตรียมเครื่องมือพร้อมแล้วก็แตะที่แหวนสองครั้ง อุปกรณ์อัจฉริยะพลันฉายหน้าต่างฮอโลแกรม-ขึ้นมา

ข้อมูลในหน้าต่างมีน้อยจนน่าเวทนา โล่งเหมือนเพิ่งออกจากโรงงานผลิต

ข้อมูลมีทั้งหมดสี่รายการ คือ บัตรประชาชนหนึ่งใบ บัตรสินทรัพย์หนึ่งใบ ตั๋วยานจัมป์ไดรฟ์ไปดาวเพื่อนบ้านหนึ่งเที่ยว รวมถึงไฟล์เสียงสังเคราะห์หนึ่งท่อน

ด้วยจรรยาบรรณวิชาชีพ เจ้าของร้านไม่อาจเปิดไฟล์ดูตามใจชอบได้ แต่เยียนสุยจือกลับรู้เนื้อหาของสี่รายการนี้ชัดเจน เพราะสองวันมานี้เขาเปิดดูครั้งแล้วครั้งเล่าหลายสิบรอบ…

บัตรประชาชนเป็นตัวตนที่ปลอมขึ้นชั่วคราว ใช้ชื่อว่าหร่วนเหยี่ย เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ก็ไม่มีข้อมูลด้านอื่นแล้ว

บัตรสินทรัพย์เป็นบัตรเสมือนไม่ระบุชื่อที่ทำขึ้นในตลาดมืด ยอดเงินคงเหลือไม่พอให้เขาใช้ชีวิตอยู่ได้ถึงสองเดือน

ตั๋วยานจัมป์ไดรฟ์ก็มีแค่ขาไป ไม่มีขากลับ คาดว่าคงอยากให้เขาหายไปได้นานเท่าไรก็เท่านั้น

“มีเท่านี้เหรอ” เจ้าของร้านถาม

เยียนสุยจือหัวเราะเสียงเย็นในใจ “ใช่แล้ว เท่านี้แหละ”

ไม่ใช่แค่ในอุปกรณ์อัจฉริยะที่มีเท่านี้ แต่ทรัพย์สินทั้งหมดที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้เกรงว่าคงมีอยู่เท่านี้เช่นกัน

คุณว่าโลกใบนี้น่าตื่นเต้นหรือเปล่า

เขาแค่เข้าร่วมงานปาร์ตี้ค็อกเทลเมื่อสุดสัปดาห์ในเดือนพฤษภาคมเท่านั้น…

ดีกรีแอลกอฮอล์ในวันนั้นค่อนข้างต่ำ ดื่มไปแค่ครึ่งก็กัดกระเพาะจนไม่สบายตัวแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงทักทายทุกคนพอเป็นพิธีแล้วขอตัวกลับก่อน และเข้าพักในโรงแรมใกล้ ๆ กัน

ใครจะรู้ว่าการ ‘หลับ’ ครั้งนั้นกินเวลานานถึงครึ่งปีเต็ม หลับตั้งแต่ฤดูร้อนจวบจนฤดูหนาว เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เข้าสู่เดือนพฤศจิกายนแล้ว นั่นก็คือเมื่อสองวันก่อน

เขาตื่นขึ้นมาในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านตลาดมืด ตอนตื่นมาก็พบอุปกรณ์อัจฉริยะชิ้นนี้วางอยู่ข้างหมอน นอกจากสิ่งนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว

โชคดีว่ามีข่าวอยู่บนอินเทอร์เน็ตมากมาย ใช้เวลาไม่นานก็กระจ่างในต้นสายปลายเหตุ ว่าโรงแรมที่เขาเข้าพักในวันงานปาร์ตี้ค็อกเทลบังเอิญเกิดเหตุลอบวางระเบิด เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายที่ประสบอุบัติเหตุโดยไม่รู้ตัว

เพียงแต่ผู้เคราะห์ร้ายอย่างเขาค่อนข้างมีชื่อเสียง ทุกสำนักข่าวใหญ่พากันพาดหัวข่าวชวนช็อกแสดงความเสียใจกับการจากไปตั้งแต่วัยหนุ่มของเขา ลงข่าวอยู่สองเดือนกว่าราวกับเห็นเขาเป็นสุนัข นึกอยากจะจูงเดินเล่นก็จูง พอถึงเวลาก็ค่อย ๆ เลิกเล่นข่าว จากนั้นก็ถูกลืมเลือนไปอย่างช้า ๆ

แน่นอนว่าความจริงไม่ได้เรียบง่ายอย่างนั้น

ไฟล์เสียงที่ประกอบขึ้นจากอิเล็กตรอนในอุปกรณ์อัจฉริยะได้อธิบายเรื่องบางส่วนแก่เขา

แท้จริงแล้วมีคนช่วยชีวิตเขาออกมาจากเหตุลอบวางระเบิดครั้งนั้น ใช้ประโยชน์จากเวลาครึ่งปีนี้ผ่าตัดปรับแต่งยีนระยะสั้นให้เขาด้วยการปรับเปลี่ยนใบหน้า สรีระ และลดอายุลงเล็กน้อย ให้เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของนักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษาชั่วคราว พร้อมทั้งเตรียมบัตรประชาชนปลอม เงิน รวมถึงตั๋วยานจัมป์ไดรฟ์เพื่อให้เขาไปให้ไกลจากเดอคาร์มา…

สรุปได้ว่า ข้อมูลแต่ละอย่างชี้ชัดว่าเหตุลอบวางระเบิดครั้งนั้นมีคนจงใจก่อเหตุเพื่อแก้แค้น และเขาไม่ใช่ผู้เคราะห์ร้ายที่ติดร่างแหไปด้วย แต่เป็นเป้าหมายของการวางระเบิด

แต่หากคุณลองถามทนายเจ้าเล่ห์แถวหน้าสักคนว่าชีวิตนี้เคยล่วงเกินใครไปบ้าง นั่นก็ออกจะเกินไปหน่อย

เพราะว่ามีมากเกินไป แม้แต่ผียังจำไม่ได้

ดังนั้นเยียนสุยจือจึงทำได้เพียงมาที่ตลาดมืดเพื่อให้คนตรวจสอบดู ถึงแม้สืบสาวถึงตัวการไม่ได้ แต่อย่างน้อยสืบเจอว่าคนที่ช่วยชีวิตเขาเป็นใครก็ยังดี

ใครจะรู้ว่าครึ่งชั่วโมงถัดมาเจ้าของร้านจะเงยหน้าขยี้เปลือกตาบอกเป็นนัยว่าคว้าน้ำเหลว

เยียนสุยจือย่นคิ้ว “ร่องรอยสักนิดก็ไม่มีเลยเหรอ”

“ไม่มี โล่งสะอาดมาก”

“ตัวอุปกรณ์อัจฉริยะล่ะ”

“อุปกรณ์ไม่ได้ระบุชื่อที่ซื้อจากตลาดมืดตรวจสอบยากเกินไป เลขฐานครอบคลุมหลายกาแล็กซีขนาดนี้ เรียกว่างมเข็มในอวกาศเลยละ”

เยียนสุยจือคลึงแหวนอัจฉริยะครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดก็กล่าว “โอเค งั้นเอาอย่างนี้ ช่วยขายตั๋วยานจัมป์ไดรฟ์ไปดาวเพื่อนบ้านใบนี้ให้ผมได้ไหม”

เจ้าของร้านเหลือบมองตั๋วยานจัมป์ไดรฟ์แวบหนึ่งก่อนส่ายหน้าตอบ “ไม่ได้”

“ไหนว่าทำได้ทุกอย่าง” เยียนสุยจือพยักพเยิดคางไปยังป้ายนอกร้าน

“เขียนเกินจริงไปอย่างนั้นละ”

เยียนสุยจือไม่แย้ง พยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นอีก “งั้นก็เรื่องสุดท้าย”

“อะไรเหรอ บอกมาได้เลย” เจ้าของร้านกล่าวเสียงสุภาพ “วันนี้ต้องให้นายสมหวังสักเรื่อง ไม่งั้นป้ายนอกร้านคงต้องถอดออกจริง ๆ แล้ว”

“ช่วยผมทำหนังสือรายงานตัวฉบับหนึ่ง” เยียนสุยจือตอบ “คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมซ เจาะจงไปที่สำนักงานกฎหมายเซาธ์ครอสส์”

คณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเมซเป็นหนึ่งในคณะนิติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในเดอคาร์มาและทั้งกาแล็กซีเจไดต์ พวกเขามีข้อตกลงฝึกงานกับสำนักงานกฎหมายชั้นแนวหน้าโดยรอบ นักศึกษาที่ถือหนังสือรายงานตัวสามารถเลือกฝึกงานในสำนักงานกฎหมายใดก็ได้ แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วจะผ่านเข้าไปในสำนักงานกฎหมายอย่างเป็นทางการได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับผลการประเมิน

แต่เยียนสุยจือไม่ได้สนใจผลลัพธ์ ขอเพียงเข้าไปในสำนักงานกฎหมายเซาธ์ครอสส์ได้ก็พอแล้ว เพราะว่าคดีระเบิดที่ทำให้เขา ‘เสียชีวิตตั้งแต่วัยหนุ่ม’ อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานกฎหมายเซาธ์ครอสส์

“หนังสือรายงานตัว?” เจ้าของร้านได้ยินแล้วก็หน้าเจื่อน ปฏิเสธอย่างนอบน้อม “เรื่องนี้ช่วยไม่ได้จริง ๆ”

“งั้นแสดงว่าตั๋วยานจัมป์ไดรฟ์ก็ช่วยไม่ได้ปลอม ๆ สินะ”

เจ้าของร้าน “…”

“คุณเปิดร้านในตลาดมืดจริงหรือเปล่า”

“ก็ได้ ๆ ๆ ช่วยขายตั๋วยานจัมป์ไดรฟ์ให้นายก็ได้!” เจ้าของร้านบ่นอุบอิบพลางขยับมือ “งานนี้ฉันไม่ได้กำไรส่วนต่าง แถมยังยุ่งยาก ซ้ำยังเสี่ยงจะถูกจับ…”

เขาบ่นอยู่ยี่สิบนาทีภายใต้ผมเผ้ารุงรังนั้น เยียนสุยจือแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน รอคอยอย่างใจเย็น

“โอนสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว เงินค่าตั๋วโอนเข้าบัตรสินทรัพย์ใบนี้ของนายได้เลยใช่ไหม”

เยียนสุยจือพยักหน้า “ไหน ๆ แล้ว รบกวนทำหนังสือรายงานตัวให้ผมด้วยเลยก็แล้วกัน”

เจ้าของร้านทำหน้าหดหู่ “ไหน ๆ อะไรกันเพื่อน หนังสือรายงานตัวทำให้ไม่ได้จริง ๆ ไม่ได้ล้อเล่นนะ”

“ทำไมล่ะ หนังสือรายงานตัวก็ไม่มีเทคนิคพิเศษอะไรสักหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง ผมใช้แค่ระยะสั้น ๆ เท่านั้น ไม่เดือดร้อนมาถึงคุณหรอก” เยียนสุยจือทำตัวเหมือนอยู่ในคณะตัวเอง ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนแม้แต่น้อย

ทว่าเจ้าของร้านเป็นเดือดเป็นร้อนมาก “หนังสือรายงานตัวไม่มีเทคนิคอะไร ฉันใช้เวลาสองนาทีก็ทำออกมาให้นายได้แล้ว แต่ลายเซ็นนั่นปลอมยาก! นายก็รู้นี่ว่าเทคโนโลยีตรวจสอบลายเซ็นสมัยนี้ล้ำขนาดไหน”

เยียนสุยจือเลิกคิ้ว “ลายเซ็นอะไร”

“หนังสือรายงานตัวแต่ละคณะล้วนต้องมีลายเซ็นคณบดีกำกับ ลายเซ็นเหล่านั้นลงทะเบียนไว้กับหนังสือราชการ ตรวจสอบเข้มงวดมาก ฉันจะไปหาลายเซ็นมาให้นายจากไหน?!”

กระทั่งเวลานี้ เยียนสุยจือที่หงุดหงิดมาตลอดสองวันก็หัวเราะออกในที่สุด “เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย”

เจ้าของร้านคิดว่านักศึกษาคนนี้น่าจะเสียสติไปแล้ว

ทว่าห้านาทีถัดมา คนที่เสียสติกลับกลายเป็นตัวเจ้าของร้านเสียเอง

เพราะเขาเห็นกับตาว่านักศึกษาคนนี้หลับตาขีดลากลายเซ็นคณบดีบนหนังสือรายงานตัวที่ทำเสร็จ หลังอัปโหลดเข้าระบบตรวจสอบอัตโนมัติ คาดไม่ถึงว่าจะผ่าน!

จวบจนนักศึกษาคนนี้ถือหนังสือรายงานตัวปลอมที่ทำสำเร็จแล้ว ‘เดินลอยหน้าลอยตา’ ออกไป เจ้าของร้านถึงเพิ่งได้สติ จึงตีอกชกหัวด้วยความผิดหวัง เวรเอ๊ย ลืมถามนักศึกษาคนนั้นไปเสียสนิทว่าสนใจทำงานพาร์ตไทม์ไหม!

 

 

[1] คือชื่อเรียกทนายขั้นสูงสุดของจีน มีหน้าที่รับผิดชอบเป็นตัวแทนไกล่เกลี่ยคดีแพ่ง ผู้แก้ต่างในคดีอาญา หรือตัวแทนเข้าร่วมการฟ้องร้องที่ส่งผลกระทบร้ายแรงทั้งภายในและภายนอกประเทศ

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า