ออกัสต์ พูลล์แมน เด็กชายอายุ 10 ขวบที่บ้าสตาร์วอร์ส ชอบกินไอติม ติดเกมเอ็กซ์บอกซ์ มีครอบครัวที่อบอุ่น ออกัสต์เป็นเด็กดี ฉลาด มีอารมณ์ขัน และเข้าใจสิ่งต่างๆ ในชีวิตดีมาก เขาจึงเข้าใจว่าทำไมเด็กทุกคนถึงได้กรีดร้องและวิ่งหนีเวลาเห็นหน้าเขา ผู้ใหญ่บางคนก็เบือนหน้าหนี นั่นเพราะใบหน้าเขาผิดรูปผิดร่าง ทำให้เขาต้องใส่หมวกนักบินอวกาศทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน
ออกัสต์เรียนหนังสือแบบโฮมสคูลจนถึงวันที่ต้องขึ้น ป.5 พ่อแม่ก็ตัดสินใจส่งเขาเข้าโรงเรียนปกติ แม้ออกัสต์จะไม่อยากไป เพราะรู้ดีว่าต้องเผชิญกับอะไรบ้าง แล้วเขาก็ได้เจอปฏิกิริยาทุกอย่างเหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด ทุกคนผงะเมื่อเห็นหน้า ไม่มีเด็กคนไหนอยากเข้าใกล้ ไม่มีใครเล่นด้วย เพื่อนๆ รวมตัวกันแอนตี้ ฯลฯ
การเกิดเป็นมนุษย์หน้าตาปกติที่ต้องผ่านช่วงชีวิตต่างๆ นั้นย่อมมีปัญหามากมายพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเด็กๆ อย่างการทะเลาะกับเพื่อนในโรงเรียน พ่อแม่ไม่เข้าใจลูก หรือปัญหาใหญ่กว่านั้นในการเข้าสังคม ทว่าสำหรับเด็กชายผู้ใช้ชีวิตเหมือนตัวประหลาดในสังคมคนปกติ ย่อมต้องแบกรับความลำบากทั้งหมดหนักกว่าคนอื่นหลายเท่า และการที่คนโชคร้ายแบบนี้จะอยู่อย่างมีความสุขไปได้ตลอดรอดฝั่ง ก็ต้องอาศัยปริมาณความรักจากผู้คนรอบข้างจำนวนมหาศาล
ในเมื่อชีวิตไม่ได้ทุกสิ่งที่ต้องการและไม่อาจแก้ไขความบกพร่องทุกอย่างบนโลกได้ ก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น นอกจากดำรงชีวิตอยู่กับมันต่อไป แม้ต้องรู้สึกทุกข์ทรมานแค่ไหน แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่
เชื่อเถอะว่าเราจะผ่านมันไปได้เสมอ
นี่ละ เรื่องมหัศจรรย์ของชีวิต
Suhansa Khampakwean –
อ่านสนุกมากคะ
Suhansa Khampakwean –
เป็นหนังสือที่สร้างจินตนาการใบหน้ามีความผิดปกติ
Chulalak Runnaphab –
น้ำตาไหลเลยย
จิม –
ผมว่ามันสะท้อนสังคมในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีเลยครับ คนเราไม่ควรดูแค่ภายนอก แต่ควรดูให้ลึกลงไปที่ใจ
Kanchana Boonchamornsakulrung –
เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากค่ะ อ่านแล้วอยากเป็นพ่อแม่ที่อบอุ่นให้ได้อย่างนั้น
ปู –
หนังสือดีมากๆค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นใจมากทำให้เรามองเห็นความสำคัญของ”ครอบครัว”มากขึ้น
พิพัฒน์ แซ่ฉั่ว –
เป็นหนังสือที่ดีมากๆ อ่านแล้ววางไม่ลง เป็นสิ่งที่ให้กำลังใจสำหรับคนที่เป็นโรคนี้โดยเฉพาะ บทบาทผ่านเด็กคนนึงที่ชื่อ ออกัส ถึงแม้โรคนี้ภายนอกจะทำให้คนกลัวกับรูปลักษณ์ ถ้าได้รู้จัก ออกัส ทุกคนจะหลงรักเด็กมหัศจรรย์คนนี้แน่นอน ออกัส ใช้ชีวิตได้มีความสุขกับสิ่งที่ทำ สนุกกับชีวิตไม่คิดลบกับตัวเองเลย แม้จะโดนแกล้งโดนเกลียดโดนล้อ จากผู้คนรอบข้าง ก็ยังมีเพื่อนที่เข้าใจมองข้ามสิ่งที่เป็น ทำให้รู้ว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนกับครอบครัวของออกัส มีสำคัญมาก คือแรงผลักดันให้เดินก้าวต่อไปข้างหน้า ให้เผชิญโลกภายนอก และสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองในอนาคตได้
luktarnzaa33 –
ชอบมากค่ะเล่มนี้ อ่านจบแล้วให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตได้เยอะเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องตัดสินคนจากภายนอก แล้วก็เรื่องการยอมรับตัวเอง คือถึงคนอื่นจะว่าเรายังไงก็ช่าง เราก็ควรที่จะเป็นตัวของตัวเอง อย่าเอาคำพูดไม่ดีของคนอื่นมาใส่ใจเรา ตอนก่อนที่จะอ่านเรื่องนี้คือเราท้อมาก ใครว่าใครด่าไรมาก็เอาเก็บมาคิด จนมันบั่นทอนความรู้สึกตัวเอง แต่พอมาอ่านเรื่องนี้ปุ๊บคือปลงเลยค่ะ5555 ใครจะว่าไรมาก็ช่าง ฉันไม่แคร์ ขนาดน้องออกัสต์เค้ายังผ่านมาได้ แล้วทำไมฉันจะผ่านไปไม่ได้ละ(อินสุดไรสุด5555) ก็นั่นแหละค่ะ ใครที่กำลังท้อแท้กับชีวิต หรือหมดหวังก็ลองซื้อเรื่องนี้ไปอ่านดูนะคะ รับรองว่าจะได้อะไรกลับไปเยอะมากๆค่ะ
เกวลิน กาญจนมัณฑนา –
เข้าลิสต์หนังสือที่ชอบมากที่สุดอีกเล่ม
อ็อกกี้อาจจะโชคไม่ดีที่เกิดมามีใบหน้าที่ผิดปกติ แต่เขาโชคดีที่ได้อยู่ท่ามกลางครอบครัวที่รักและเอาใจใส่
เห็นใจพี่สาวของอ็อกกี้มากและเข้าใจความรู้สึกของเธอจากประโยคที่ว่า “อ็อกกี้เป็นเหมือนศูนย์กลางของจักรวาลที่ทุกคนต้องหมุนตาม” ในหนังสือมีคำสอนใจ (Mr. Browne’s precepts) ที่น่าสนใจหลายข้อ แต่ที่ประทับใจมากที่สุดคือ ถ้าเราต้องเลือกระหว่างทำตามความถูกต้องกับความดี ให้เลือกทำดี
Mirai | Rook a Bead –
“บางครั้งเราก็ทำร้ายจิตใจคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ”
เราชอบเล่มนี้นะ มันอ่านได้เรื่อยๆ ถึงธีมเรื่องจะดูดราม่า แต่ตัวละครหลักสตรองมาก ดราม่าแค่ไหนก็ไม่หวั่น อ่านแล้วรู้สึกเอ็นดูอ๊อคกี้ไปด้วย สงสารไปด้วย ชอบที่ตัวละครมีความพัฒนา คือจะเห็นว่าต้นเรื่องกับท้ายเรื่อง ตัวละครทุกตัวเปลี่ยนไปสุดๆ เหมือนตัวละครได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับคนอ่าน พออ่านจบก็รู้สึกบรรลุ 555555 รู้สึกว่า เออ สังคมจะน่าอยู่ขึ้นมากถ้าทุกคนคิดได้แบบตัวละครในเรื่อง
chuthamas –
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ
Yeans –
เป็นหนังสือที่เหมาะกับเยาวชนอย่างมากค่ะ เป็นเรื่องราวที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆคิดแง่บวกมากค่ะ มีลูกมีหลานแนะนำเล่มนี้เลยค่ะ
อารีวรรณ –
เป็นหนังสือที่ดี ที่เหมาะกับที่เพศทุกวัยและเหมาะกับสถานการโลกในปัจจุบันมาด ที่คนมองคนที่หน้าตาและรูปร่าง หลายคนเลือกจะคบคนที่หน้าตามากกว่าจิตใจ หรือความสามารถของเขา เพียงเพราะแค่หน้าตาของคนนั้นไม่ดี เลยทำให้ความสามารถและจิตใจของคนนั้นก็จะถูกลดลงไป เพราะหน้าตาของเขาที่ไม่ได้เป็นที่นิยมหรือเหมือนกับคนอื่นทั่วไป
Chatravee Pichitpunpong –
“Wonder” เป็นวรรณกรรมเยาวชนแนว coming of age ที่เล่าเรื่องราวของแต่ละตัวละครที่ล้วนต้องเผชิญกับปัญหา และผ่านพ้นความเจ็บปวด ด้วยภาษาที่เรียบง่าย ละมุนละไม และสวยงาม โดยมีจุดศูนย์กลางของเรื่อง คือ ‘ออกัสต์’ เด็กชายที่ป่วยเป็นโรคความผิดปกติบริเวณใบหน้า และต้องการเพียงให้คนอื่นมองว่าเขาเป็นเพียงเด็กปกติที่ไม่ได้มีความต้องการพิเศษเหนือไปกว่าคนทั่วๆไป
ในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีเพียงออกัสต์ที่เติบโตขึ้น แต่ยังรวมถึงคนรอบๆตัว พี่สาว อาจารย์ และแม้กระทั่งพ่อแม่ของออกัสต์เอง “Wonder” จึงเปี่ยมไปด้วยแง่คิดและคติสอนใจที่ไม่ได้เหมาะแค่เพียงกับเด็ก แต่ยังรวมถึงผู้ใหญ่ตัวโตๆอีกด้วย เช่น ตอนที่มิสเตอร์บราวน์ได้สอนในห้องเรียนว่า ‘เมื่อต้องเลือกระหว่างความถูกต้องกับความเมตตา – จงเลือกความเมตตา’ มันทำให้เราได้ย้อนกลับไปคิดว่าแท้จริงแล้วมนุษย์นั้นอยู่ได้ด้วยความเมตตามากกว่าการตัดสินว่าสิ่งใดถูกหรือผิด
“Wonder” จึงเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กน้อยที่พยายามจะไม่พิเศษได้พิเศษ และเป็นอีกเล่มที่ไม่ควรพลาด และควรได้ลองอ่านซักครั้ง แล้วจะพบว่าความพิเศษของเล่มนี้มีอยู่จริง : )
ซารีฟะห์ นาแว –
ชอบมากคะ อ่านเล่มนี้ฟินกว่าดูหนังเยอะ!
เรื่องราวของเด็กชายออกัส ที่มีความผิดปกติบนใบหน้าและผ่านการผ่าตัดมาแล้วหลายครั้ง เมื่อพ่อแม่ตัดสินใจให้เขาต้องเข้าเรียนใน รร. ปกติ ออกัสต้องพบเจอกับแรงกดดันจากสายตาเด็กคนอื่นๆที่มองว่าเขาคือตัวประหลาด
ชอบการเล่าเรื่องที่แบ่งเป็นภาคของแต่ละคน ทำให้เข้าใจว่าแต่ละตัวละครท่ีเป็นแบบนี้เพราะอะไร
ชอบเวียร์ (พี่สาว) ที่เข้าใจสถานการของครอบครัว และพยายามไม่ทำตัวเองให้เป็นปัญหา เวียร์รักน้องมาก ถึงจะมีบ้างที่แอบน้อยใจแม่ที่สนใจน้องมากกว่า “ออกัสเป็นดวงอาทิตย์ พ่อ แม่ และตัวเองเป็นดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์”
berryzzz –
ได้ดูหนังแล้วชอบมากๆเลยไปซื้อหนังสือมาอ่านอีกค่ะ พอได้อ่านเรื่อง Wonder แล้ว ชอบในการเล่าเรื่องมากๆค่ะ คือไม่ได้เล่าแต่ในมุมมองของ ออกัสต์ เพียงคนเดียว แต่ยังเล่าถึงมุมมองของตัวละครต่างๆที่อยู่รอบตัวออกัสต์ด้วยด้วย เป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาด อ่านแล้วคุณจะรักครอบครัวพูลล์แมนและอยากที่จะเข้าไปรู้จักออกัสต์ให้มากขึ้นกว่าที่เห็นภายนอกค่ะ
Silaluck –
ชอบลักษณะการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครหลักแต่ละคน ทำให้เราได้เข้าใจความคิดของตัวละครมากขึ้น ได้มองเหตุการณ์เดียวกันจากหลายๆมุม ทำให้คิดได้ว่าในชีวิตจริง เราก็ควรมองอะไรให้รอบด้านเหมือนกันและอย่าด่วนตัดสินคน เล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีและควรอ่านค่ะ แนะนำเลย
ศศิพร ธนวัฒน์ –
เป็นหนังสือที่อ่านแล้วร้องไห้ ได้ทุกบท น้ำตาไม่ได้ออกมาจากความเศร้า แต่ปิติ ซาบซึ้ง
เป็นหนังสือที่อวลไปด้วยความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว ความเข้มแข็ง
กัมพล ปางน้อย –
หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้เเล้วทำให้เข้าใจความรู้สึกของออกัสต์ว่ามันเป็นสิ่งที่ยากมากที่ต้องอดทนกับการล้อเลียนจากคนในสังคม แต่ก็ต้องชื่นชมพ่อแม่ของเขาที่พาลูกเข้าโรงเรียนเพื่อให้ลูกเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ไม่ได้แย่ไปเสียทุกอย่าง อีกทั้งหนังสือเล่มนี้ยังมีการเล่าผ่านหลายมุมของตัวละคร หลากหลายอารมณ์ทั้งอบอุ่นและเศร้า ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเพลินมากจนกระทั่งต้องอ่านให้จบเล่มภายในคืนเดียว
valencia.punna –
สำหรับเรา “Wonder” เป็นนิยายแนวฟีลกู้ด น่ารักแล้วก็อบอุ่นใจมากกก
เนื้อเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองของออกัสต์และคนรอบตัว ซึ่งทุกคนมีปัญหา มีความเจ็บปวดของตัวเองให้เยียวยา
“Wonder” จึงแสดงให้เห็นว่าความเมตตานั้นสำคัญมาก เพราะเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายผ่านเรื่องเจ็บปวดอะไรมา ความเมตตาของเราจึงอาจจะเป็นมือที่ปลอบประโลมให้อีกคนรู้ว่าในโลกนี้ ยังมีคนที่พร้อมจะเข้าใจและไม่ตัดสินเขาก็ได้
ตลอดการอ่าน เรารู้สึกเหมือนค่อยๆ ได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมๆ กับออกัสต์และตัวละครตัวอื่นๆ ในเรื่อง เรียนรู้ที่จะเป็นคนใจดีมีเมตตา หรือถ้าเจอเรื่องแย่ๆ แล้วจะพยายามอยู่กับมันได้ยังไง
หนังสือเรื่องนี้ยังมีมุกตลกตลอด ทำให้กลมกล่อม ยิ้มได้ตลอดเรื่อง อ่านเพลินๆ แป๊บเดียวก็จบแล้วค่ะ
ปล. เชียร์ให้สนพ. เอา Auggie and Me มาแปล จะรอซื้อเลยค่า
mtnadam –
หนังสือบอกเล่าเรื่องราวของเด็กชายคนนึง
ผู้มีลักษณะใบหน้า…..แตกต่าง….จากคนอื่น
ซึ่งเป็นผลจากการผ่าตัดครั้งแล้วครั้งเล่า
บุคลิกและความเป็นตัวตนของเขา
เกิดจากความรักความอบอุ่นในครอบครัว
ที่หลอมรวมเป็นตัวตนได้อย่างน่ารักลงตัว
.
.
เรื่องราวดูธรรมดา เหมือนจะเดาเนื้อเรื่องได้
แต่อ่านๆไปก็ได้คิดอะไรหลายอย่างตามไปด้วย
ชอบครอบครัวของอ๊อกกี้นะ
ชอบวิธีการดำเนินในหนังสือคือ
เรื่องเดียวกันแต่พอเป็นการฟัง(อ่าน)จากคนละมุม
ก็ทำให้เห็นเหตุการณ์และเข้าใจได้หลายๆแบบ
.
.
ชอบคติพจน์ของ Mr.Brown ด้วยคือดีงาม
โดยเฉพาะ “สิ่งที่คุณทำคืออนุสาวรีย์ของคุณเอง”
ทำให้นึกถึงคำที่บอกว่า
“เมื่อเราจากไป สิ่งที่เหลือทิ้งไว้ คือสิ่งที่เราลงมือทำ”
อ่านแล้วได้รับแรงบันดาลใจในการ “ลงมือทำ” ต่อไป
บิอิซนิลละฮฺ
.
.
ชอบหลายๆประโยคในเรื่องนี้
จนต้องเปิด Note ขึ้นมาขีดๆเขียนไว้ก่อนกันลืม
ขอแปะไว้ในโพสต์นี้เลยแล้วกัน
.
“คนเรามักมองหาคนที่คล้ายๆกัน”
.
“ช่างน่าขันที่บางครั้งคุณก็วิตกกับบางเรื่องเหลือเกิน
แต่กลับกลายเป็นว่า…..ไม่เห็นจะมีอะไรเลย !”
.
“ลูกไม่ต้องใช้ดวงตาเพื่อที่จะ ‘รัก’
ลูกแค่รู้สึกอยู่ลึกๆ เป็นความรักและไม่มีใครลืม
ว่า ‘ตนรักใคร'”
.
คำพูดของมิแรนดาที่ว่า
“น่าหดหู่ไหมล่ะที่รู้สึกปลอดภัย
ในบ้านคนอื่นมากกว่าบ้านตัวเอง”
>> อ่านแล้วป้าก็รู้สึกหดหู่จริงๆนั่นล่ะมิแรนดาจ๋า
.
“ลูกอยู่ที่นั่นนานกว่า 48 ชั่วโมง แต่เกิดเรื่องแย่ๆ
แค่ 1 ชั่วโมง อย่าปล่อยให้พวกเขาเอาเวลาดีของลูกไป
ตกลงไหม”
#ค่ายครั้งแรกในชีวิตอ๊อกกี้
#เรียนรู้ชีวิตและมิตรภาพระหว่างเพื่อน
.
ชอบคำพูดของมิสเตอร์ทุชแมนในวันมอบรางวัล
ที่พูดถึงความเมตตา…ที่มากกว่าจำเป็น
คือมันดีงามนะ คนเราเลือกที่จะทำเท่าที่จำเป็น
ทำเท่าที่เป็นมารยาท….
แต่ความเมตตาที่แท้จริงมันมากกว่านั้นอ่ะ
.
“ผมนึกภาพแม่โบกมือให้ผมอยู่จากที่ไหนสักแห่ง
แม้ผมจะไม่เห็น ‘แม่’ ก็ตาม”
#ท่ามกลางแสงแฟลชที่วูบวาบ #แม่ที่มีตัวตน
.
.
ลูกคือความมหัศจรรย์จริงๆ…..
ลูกคือความมหัศจรรย์
.
.
เป็นหนังสือที่คิดว่าจะเรียกน้ำตาแบบเศร้าซึม
แต่เราว่าไม่นะ …. มันทำให้เรารู้สึกแข็งแรง
แข็งแรงในการย่างก้าวต่อไป
ปัญหาในชีวิตที่แตกต่างกันของแต่ละคน
แต่ทุกคนก็ต้องเดินหน้าต่อไปไม่ใช่เหรอ
เราจะเอาหน้าตา ฐานะ ปัญหาครอบครัว
เป็นข้ออ้าง? เป็นอุปสรรค? มันก็ใช่ล่ะ ….
แต่ที่สำคัญคือ “ใจ” เรานี่ล่ะ
ว่าจะพาร่างกายเราเดินต่อไปได้ไหม
.
.
เป็นอีกเล่มดีๆ ที่อยากให้หามาอ่านกัน
แล้วจะพบว่าไม่ใช่น้ำตาที่เราจะเสียไป
แต่คือกำลังใจจากเล่มนี้ที่เราจะได้กลับมา