ทิงทิงไม่ใช่คนน่ารักจริงๆ นะ
น่งชิงเฟิง เขียน
นิศารัตน์ แปล
โปรย
เฉินทิง หรือ ทิงทิง หนุ่มมหาวิทยาลัยที่บรรดาสาวๆ ต่างเอ็นดู ชีวิตเขามีแต่คนมองว่าน่ารัก
ใครเลยจะรู้ว่าเขาก็เป็นคนคูลๆ ได้เหมือนกันนะ
แต่ทำไมเปลี่ยนภาพลักษณ์เป็นคนเท่ๆ คูลๆ แล้ว
แทนที่จะต้องตาโดนใจสาวๆ ดาวมหาวิทยาลัย กลับไปถูกใจหนุ่มฮ็อตแทนซะได้
เผยอี่เหยา ทั้งเรียนเก่ง หล่อ ล่ำ สูง รวย เท่และเย็นชา
ครบสูตรหนุ่มที่สาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัยใฝ่ฝัน
หนุ่มฮ็อตรุ่นน้องคนนี้จะมาชอบทิงทิงจริงๆ เหรอ!
มาพบกับเรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มน้อยน่ารักกับหนุ่มฮ็อต
และตอนพิเศษอีก 3 ตอนกันเลย
นิยายเล่มเดียวจบ
———————————————————–
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
6
คืนนี้หยางซู่หลินดูเฉินทิงเล่นเกมล่าสัตว์ไปสามชั่วโมง ละมั่งและไฮยีน่าคือสัตว์ตัวโปรดของเฉินทิง ส่วนจระเข้คือตัวที่มักลอบโจมตีได้น่ารำคาญที่สุด
ท้ายที่สุดเขาก็ตายอย่างอนาถในปากของงูพิษ ณ สุสานโบราณ
หยางซู่หลินเห็นเฉินทิงตายในเกมด้วยวิธีการต่างๆ นานา ถึงขั้นที่แค่จะเอาระเบิดไปวางกับดัก สุดท้ายยังโดนไฟคลอกตายเสียเอง
หรือไม่ก็จมน้ำตาย
กระโดดตึกตาย
ถูกโจรที่ขี่ม้าผ่านมาฟันจนตาย
ถูกช้างเหยียบตาย ฯลฯ
เฉินทิงอธิบายว่า “มือสั่นเป็นกรรมพันธุ์น่ะ”
หยางซู่หลินไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไร เพราะทุกครั้งที่ต้องแย่งกันลงทะเบียนวิชาเลือกทางอินเทอร์เน็ต เฉินทิงทำได้อย่างว่องไวและแม่นยำ เขาคงโกรธอะไรมาสักอย่าง ต้องมีใครทำให้เขาโกรธแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เปลี่ยนชื่อใน QQ[1] เป็น “พี่ทิง180” หรอก
ส่วนสูงเป็นจุดอ่อนของเฉินทิง
ในใจของเฉินทิงรู้ดี ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมรับส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตรของตัวเอง แต่ไม่ยอมรับที่ส่วนสูงจริงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสาม แต่กลับดูเหมือนสูงแค่หนึ่งร้อยหกสิบแปดเซนติเมตรต่างหาก
“ทิงทิง นายเป็นอะไรรึเปล่า” พอปิดไฟแล้ว หยางซู่หลินอดเอื้อมมือไปตบก้อนผ้าห่มเล็กๆ ที่อยู่บนเตียงเบาๆ ไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกว่าเฉินทิงมีเรื่องคับข้องใจ จนทำให้ความรักความหวังดีราวกับผู้เป็นพ่อของเขามันเอ่อล้นขึ้นมา
เฮ้อ เห็นเฉินทิงสุดที่รักของพวกเราไม่สบายใจอยู่ใต้ผ้าห่ม ก็รู้สึกกลุ้มใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
เฉินทิงส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร แค่คิดเรื่องจะลงสมัครงานกีฬาน่ะ”
“อ้อ งานกีฬาเหรอ” หยางซู่หลินไม่ได้สงสัยอะไร เพราะวันนี้เพื่อนๆ ในห้องเรียนก็คุยกันเรื่องนี้ งานกีฬาช่วงฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะเริ่มขึ้น ครั้งนี้พวกเขากังวลเรื่องความสามารถของผู้เข้าแข่งขันกันมาก
เพราะจำนวนผู้ชายมีน้อยเหลือเกิน รวมทุกห้องของภาควิชาภาษาอังกฤษแล้วก็ยังมีแค่ไม่กี่คน อีกทั้งหยางซู่หลินและอู๋อิ้งเหวินยังเป็นตัวอย่างของคนไร้ประโยชน์ ไม่ว่าจะแข่งรายการไหน ก็ไม่เคยเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศเลย
คนเดียวที่พอจะมีฝีมือกลับกลายเป็นเฉินทิงที่ดูอ่อนแอที่สุด
คนมักจะมองว่าเฉินทิงตัวเล็ก แต่เขากลับวิ่งเร็วมาก แถมพละกำลังก็ดี การแข่งวิ่งระยะสั้นและ…ทุ่มน้ำหนัก เป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด ในการแข่งกีฬาครั้งที่แล้ว เฉินทิงทำผลงานได้อย่างน่าทึ่ง
“เออ แล้วนายสองคนจะลงสมัครด้วยไหม” หยางซู่หลินมองไปที่รูมเมตอีกสองคน
“ไม่ลงแน่นอน เราเป็นพวกชอบใช้สมองเอาชนะมากกว่า” ไป่อวี้ดูภูมิใจมาก เจียงไห่ก็เช่นกัน
จู่ๆ หยางซู่หลินก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “พวกนายสอบตกวิชาพละของเทอมที่แล้วนี่ สอบซ่อมผ่านกันหรือยัง”
พอสิ้นเสียง ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอันน่าอึดอัด
ตอนนั้นเองที่เฉินทิงรู้สึกว่าถึงส่วนสูงจะน้อยกว่าคนอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากในห้องนี้มีคนสอบตกวิชาพละเพราะรำไทเก๊กไม่ได้เรื่องตั้งสองคน ทั้งที่มันเป็นกีฬาหลักในวิชาพละของมหาวิทยาลัย N
และเฉินทิงก็รำไทเก๊กเก่งมากด้วย
*******
วันถัดมามีการเปิดรับสมัครแข่งขันกีฬาอย่างเป็นทางการ เฉินทิงลงสามรายการคือ วิ่งห้าสิบเมตรชายเดี่ยว วิ่งร้อยเมตรชายเดี่ยว และทุ่มน้ำหนัก
หยางซู่หลินกับอู๋อิ้งเหวินแยกกันลงสมัครกระโดดไกล วิ่งสี่ร้อยเมตร วิ่งแปดร้อยเมตร และกิจกรรมสนุกๆ อย่างการกลิ้งยางรถ โดยไม่สนว่าจะได้เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศหรือไม่ ขอแค่ทำให้ใบสมัครดูดีขึ้นมาหน่อย
แต่หลินเฉวี่ยนผู้เป็นหัวหน้าห้องดันเป็นหญิงสาวผู้มีความทะเยอทะยานสูงมาก
“เป้าหมายของพวกเราคือเป็นที่หนึ่งทุกรายการ!” หลินเฉวี่ยนต้องการรวมตัวเพื่อนๆ ก่อนการแข่งขัน จึงจัดการประชุมขึ้นในห้องเรียนเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อเรียนรู้บทเรียนจากความผิดพลาดในปีที่แล้วร่วมกับทุกคน พร้อมตั้งเป้าหมายไว้ว่า ต้องโค่นคณะเศรษฐศาสตร์และการจัดการที่อยู่ห้องข้างๆ ให้จงได้
“ดี! พูดได้ดี!” หยางซู่หลินตบโต๊ะแล้วยืนขึ้น อู๋อิ้งเหวินไม่ยอมน้อยหน้า เขาปรบมืออย่างฮึกเหิมเช่นกัน ผู้ชายที่ไร้ประสิทธิภาพสองคนจะทำอะไรได้นอกจากประจบสอพลอ
พี่เจวี่ยนสิถึงจะเป็นฮีโร่ตัวจริงของห้อง 423 เธอคนเดียวลงสมัครไปถึงห้ารายการ
“พี่เจวี่ยนสบายใจได้ คราวนี้ฉันจะช่วยเอง รับรองหายห่วง!” หยางซู่หลินกระตือรือร้น หากพูดถึงเรื่องทำตัวเป็นกองหนุนละก็ เขามั่นใจมาก
“ฉันรอดูอยู่นะ” หลินเฉวี่ยนตบไหล่ของหยางซู่หลินอย่างหนักแน่น คิดว่าอยากจะพูดให้กำลังใจอีกสักประโยค แต่พอนึกถึงผลงานของเขาเมื่อปีที่แล้วก็เลือกไม่พูด แล้วหันกลับไปหาเฉินทิง
“ทิงทิง ฉันรอดูนายอยู่เหมือนกันนะ! พยายามเข้า สู้ๆ!”
ทิงทิงรู้สึกกดดันเหลือเกิน
*******
งานกีฬาจะจัดขึ้นในวันศุกร์ รวมทั้งหมดสามวัน ยาวไปถึงวันอาทิตย์ หยางซู่หลินเต็มที่กับงานกองเชียร์มาก ไม่เพียงแต่สั่งทำป้ายเท่านั้น ยังลากเฉินทิงไปเลือกซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย
“ทิชชู่เปียก สนิกเกอร์ส[2] ช็อกโกแลต…” หยางซู่หลินหาของพลางพึมพำกับตัวเอง เขาซื้อทั้งของกินและของใช้มาเป็นกอง สุดท้ายก็พาเฉินทิงไปซื้อน้ำตาลทรายแดงหนึ่งถุงด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ แล้วกระซิบว่า “ได้ยินว่าเจ้านี่มีประโยชน์มากนะ[3]”
เฉินทิงพยักหน้า “ก็น่าจะได้ผล แต่คงต้องซื้อกระบอกน้ำร้อนใหม่สักใบแล้วละ จะให้พวกสาวๆ มาใช้กระบอกที่ฉันเคยดื่มคงไม่ได้”
“อืม มีเหตุผล” หยางซู่หลินจึงหันกลับไปมองหากระบอกน้ำร้อน เมื่อเดินเลี้ยวโค้งไปก็เห็นของบางอย่างวางอยู่บนชั้นจึงหยุดเดิน เขาดูลังเลไม่กล้าเดินต่อ
เฉินทิงมองตามและหยุดเดินทันทีเช่นกัน
เขาดึงหยางซู่หลิน “นายคงไม่คิดจะซื้อมันหรอกใช่ไหม”
หยางซู่หลินกดเสียงต่ำ “เตรียมเผื่อไว้ก่อน กันเหนียว…ฉันเป็นหนุ่มอบอุ่นนะ!”
“หนุ่มอบอุ่นแค่มีทิชชู่เปียกเตรียมไว้ให้ก็ใส่ใจมากพอแล้วนะ!”
“เออน่า กันไว้ก่อน!”
“งั้นนายไปหยิบ”
“นายไปละกัน…”
ต่างคนต่างเกี่ยงกัน จังหวะนั้นเอง มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังของชั้นวางสินค้าทางซ้ายมือ เพียงไม่กี่วินาทีคนที่ดูคุ้นตาสองสามคนก็ปรากฏตัวขึ้น คนพวกนี้คือปรปักษ์จากห้องข้างๆ ที่หลินเฉวี่ยนปฏิญาณไว้ว่าจะต้องเอาชนะให้ได้
หยางซู่หลินและเฉินทิงจึงหมุนตัว แล้วเดินหนีไปอีกทางอย่างรู้กัน
“นี่ เฉินทิง หยางซู่หลิน!” อีกฝ่ายชิงทักทายพวกเขาก่อน ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่เห็นว่าเมื่อครู่พวกเขากำลังจะทำอะไร
“อ้าว ไง ฮ่าๆๆๆ” หยางซู่หลินหัวเราะแห้งๆ
อีกฝ่ายมองเขาอย่างสงสัย แปลกใจว่าทำไมวันนี้ถึงดูเป็นมิตรเหลือเกิน เมื่อวานยังพูดจาห้วนๆ กันอยู่เลย เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงเหลือบมองตะกร้าช็อปปิ้งของหยางซู่หลิน แล้วก็เข้าใจขึ้นมาทันที จึงพูดล้อเลียนว่า “จุ๊ๆ หยางซู่หลิน นี่นายกลายเป็นหัวหน้าสมาคมสตรีแล้วเหรอ”
หยางซู่หลินเหลือบมองตะกร้าของอีกฝ่ายเช่นกัน “ดูเหมือนนายก็ไม่ต่างกันนะ!”
ทั้งคู่ส่งสายตาพิฆาตให้กัน เปิดบทสนทนาไม่เป็นมิตรเพียงครู่เดียวก็แยกย้ายกันไป
หยางซู่หลินมองค้อนตามหลังอีกฝ่าย แล้วกระซิบกับเฉินทิงว่า “นายไปหยิบสิ เดี๋ยวฉันจ่ายเงินเอง”
เฉินทิงคิดสักพักแล้วยอมรับข้อเสนออย่างไม่เต็มใจนัก เขาระมัดระวังตัวมาก หลังจากมองซ้ายมองขวาอยู่นานจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีใคร ก็รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปเลือก
แต่พอเดินเข้าไปก็งงขึ้นมาทันที
แบบกลางวันกับแบบกลางคืนยังแบ่งชนิดกันอย่างชัดเจน แต่ผิวหน้าตาข่ายกับแบบผิวนุ่มนี่สิจะเลือกอย่างไร แถมมีให้เลือกอีกว่าจะเอายาวเท่าไหร่ ไหนจะแบบมีปีกไม่มีปีก ทำไมมันเยอะอย่างนี้!
ช่างมันๆ ไม่ต้องสนใจ เลือกๆ ไปสักอันแล้วเผ่นดีกว่า
เฉินทิงตัดสินใจยื่นกรงเล็บอันห้าวหาญและเข้มแข็งออกไปเพื่อคว้าเป้าหมาย แต่ทันทีที่หันกลับมา สายตาก็ปะทะเข้ากับคนที่คุ้นเคย
เผยอี่เหยา เขายืนอยู่ข้างหลังห่างออกไปห้าเมตร หล่อและเย็นชาเหมือนเคย และถ้าสายตาของเขาไม่ได้หยุดมองสิ่งที่อยู่ในมือของเฉินทิงก็คงจะหล่อกว่านี้
เฉินทิง “…บังเอิญจังเลย”
เผยอี่เหยา “อืม”
เฉินทิงหน้าแดง หลังจากยืนค้างอยู่นานก็พ่นประโยคหนึ่งออกไป “ฉันเตรียมนี่เผื่อไว้ให้เพื่อนผู้หญิงในห้องน่ะ”
เผยอี่เหยามองอย่างเป็นปกติ “อ๋อ”
เฉินทิงไม่อยากอยู่ในสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนนานไปกว่านี้ และไม่อยากคิดว่าทำไมทุกครั้งที่เจอกับเผยอี่เหยาจะต้องมีแต่เรื่องน่าอายด้วย เขาจึงอยากจะวิ่งหนีออกไปตอนนี้เลย
เรื่องจริงคือเขาก็กำลังจะวิ่งไปนั่นแหละ แต่เผยอี่เหยาที่เรียกอยู่ด้านหลังกลับหยุดเขาไว้เสียก่อน
“ชุดน่ะ เอามาคืนฉันที่งานกีฬาแล้วกัน”
เฉินทิงไม่ได้หันกลับไป เพียงแค่โบกมือแล้ววิ่งหายไปจากสายตาของเผยอี่เหยาอย่างรวดเร็ว จนออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วกลับไปยังหอพัก ใบหน้าเฉินทิงก็ยังแดงก่ำไม่จางหาย ยิ่งเห็นชุดกีฬาสีฟ้าในตู้เสื้อผ้า ยิ่งเหนื่อยใจขึ้นมาทันที จนอยากเข้าไปฆ่าตัวตายในเกมสักร้อยรอบ
เมื่อวันงานกีฬามาถึง ฟ้าคงจะลิขิตเองว่าเขาควรจะไปพบกับเผยอี่เหยาอย่างไร
*******
และแล้ววันนั้นก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
ถึงเฉินทิงจะไม่เต็มใจนัก แต่ก็ยังพับชุดใส่กระเป๋าพกไปสนามกีฬาด้วย ที่จริงเขากับหยางซู่หลินเอาของมาเยอะมากแต่ไม่มีชิ้นไหนสะดุดตาเท่าสิ่งนี้เลย
เช้าวันแรกเป็นพิธีเปิดงาน สภาพจิตใจของทุกคนจึงค่อนข้างผ่อนคลาย
“ทิงทิง ทางนี้!” หลินเฉวี่ยนเรียกหยางซู่หลินและเฉินทิงที่อยู่ไกลออกไป รอจนทั้งสองคนมาถึงแล้ว จึงหยิบของสองสิ่งออกมาจากกระเป๋ายื่นให้พวกเขา
“ผ้าคาดผม?” ในมือของเฉินทิงคือผ้าคาดผมลายทางสีขาวและสีเขียว
“ใช่แล้ว!” หลินเฉวี่ยนดูภูมิใจกับผลงานของตัวเอง “บางห้องทำเสื้อทีมเลยนะ แต่ห้องเราไม่มี ฉันเลยให้ทุกคนใส่ผ้าคาดผมแทน ใส่แล้วดูเด็กและกระฉับกระเฉงดี!”
พอพูดจบ หลินเฉวี่ยนก็ขยิบตาให้เฉินทิง
เฉินทิงไม่เต็มใจแต่ก็ไม่มีทางเลือก จำต้องสวมผ้าคาดผมตามคนอื่นๆ หลังจากจัดแจงสวมจนเรียบร้อยแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมอง ทุกคนแต่งตัวอย่างนี้แล้วดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากจริงๆ ยิ่งมาอยู่รวมกันก็ยิ่งเป็นภาพที่ดูน่ารักสดใสดีทีเดียว
ตามระเบียบของมหาวิทยาลัย มีเพียงเด็กปีหนึ่งและปีสองเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมงานกีฬาฤดูใบไม้ร่วงของแต่ละปีได้ พวกรุ่นพี่ทั้งชายและหญิงทำได้เพียงโผล่หน้ามาดูแวบหนึ่ง เพราะกำลังจะจมลึกลงสู่มหาสมุทรแห่งความรู้
“เพื่อนผู้แข็งแกร่งทุกคน ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้ว มาทำให้รุ่นน้องเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพวกเรากันเถอะ!” พี่เจวี่ยนตะโกนแล้วชูมือขึ้น ทุกคนรู้สึกฮึกเหิมและตื่นเต้นมาก ดังนั้นพอเสียงเพลงต้อนรับนักกีฬาที่ลงแข่งขันดังขึ้น เฉินทิงจึงถูกผลักไปอยู่หน้าสุดอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ทิงทิง GO!”
“ทิงทิง! ทิงทิง!”
“ทิงทิง!”
วันนี้มีสาวๆ มาดูเฉินทิงเยอะเป็นพิเศษ ยิ่งสวมผ้าคาดผมแบบนี้ ทุกคนมองแล้วก็ยิ่งเคลิ้มเหมือนเห็นชายหนุ่มผู้มีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมบนเวทีงานปาร์ตี้ในคืนนั้น
ขนาดทีมห้องข้างๆ ยังมีแนวโน้มจะเปลี่ยนมาเชียร์เฉินทิงด้วย
เฉินทิงถูจมูก ทำตัวไม่ถูก แต่พอเห็นทุกคนดูสนุกสนานกันขนาดนี้ เขาก็ต้องเลยตามเลย ทว่าเผยอี่เหยากลับยังคงทำตัวลึกลับเหมือนเคย ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว
*******
การแข่งขันอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นในช่วงบ่าย
การแข่งวิ่งห้าสิบเมตรและหนึ่งร้อยเมตรของเฉินทิงถูกจัดให้อยู่ในลำดับต้นๆ ทุกคนในชั้นเรียนจึงหลั่งไหลไปที่สนามแข่งขันเพื่อให้กำลังใจเขา เพื่อนชายจากภาควิชาอื่นๆ ดูจะอิจฉามาก สายตาที่จ้องมาหวังจะทิ่มแทงเฉินทิงให้เป็นรูสักสองสามแห่ง
ที่น่ารำคาญที่สุดคือหยางซู่หลิน เพราะแม้เขาจะไม่มีแฟน แต่กลับมีรุ่นพี่รุ่นน้องผู้หญิงเยอะมาก
พวกเขาไม่ยอมหรอก ฝากไว้ก่อนเถอะ!
เฉินทิงเห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ หน้าใสๆ เปื้อนรอยยิ้มยิ่งน่ารักเข้าไปอีก ทุกคนที่แข่งในรอบเดียวกับเขาล้วนตัวสูงใหญ่ แล้วดูตัวเขาสิ มองมาทีไรก็รู้สึกเหมือนตัวเองโดนเย้ยอย่างไรอย่างนั้น เฉินทิงจึงรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
โชคดีที่เกมเริ่มเร็ว
มือข้างหนึ่งของหยางซู่หลินถือกล้องถ่ายรูป ส่วนอีกมือถือขวดน้ำแทนไมโครโฟน แล้วยืนตั้งท่า “เอาละ คนต่อไปที่จะแข่งคือเฉินทิง! ผู้เป็นดั่งดวงอาทิตย์ดวงน้อย เทวดาตัวน้อย และสมบัติอันล้ำค่าของพวกเรา เขาจะสร้างปาฏิหาริย์อะไรในวันนี้! ขอให้ทุกคนรอดูครับ!”
“ปัง!” เสียงปืนดังขึ้น
“เขาออกตัวแล้ว! นักวิ่งลมกรดอย่างกับพายุ อ๊ากกกก นำแล้ว! เขานำแล้ว! จะเข้าเส้นชัยแล้ว! ชนะแล้ว!!!” หยางซู่หลินตื่นเต้นประหนึ่งรอบชิงชนะเลิศ “พวกเรามาเชียร์ทิงทิงกันเถอะ! แม้ว่าขาจะสั้น แต่ปราดเปรียวมาก! สุดยอดไปเลย!”
โชคดีที่เฉินทิงไม่ได้ยินประโยคท้ายๆ ไม่งั้นได้โกรธตายแน่นอน
หลังจากการแข่งขันวิ่งห้าสิบเมตรผ่านไป ก็ต่อด้วยการแข่งขันวิ่งหนึ่งร้อยเมตรทันที ตอนนี้มีผู้คนมารวมตัวกันใกล้ลู่วิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่มาดูเฉินทิง เขาได้ยินคนพูดแว่วๆ ว่า “ขาสั้นแต่เก่งอยู่นะ” ก็ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี
แต่เมื่อเฉินทิงแข่งวิ่งหนึ่งร้อยเมตรจบก็เกิดความโกลาหลขึ้น คลื่นฝูงชนพากันวิ่งไปทางทิศเหนืออย่างกับช่วงที่คนทั้งประเทศหลั่งไหลกลับบ้านเกิดในช่วงวันตรุษจีน
“เร็วเข้า ไปช้าเดี๋ยวก็มองไม่เห็นหรอก!”
“ฮือ! พี่เหยาในร่างเปลือยของฉัน!”
“เร็วๆๆ!”
พี่เหยา? เปลือย? เฉินทิงมองหยางซู่หลินอย่างงุนงง หยางซู่หลินจึงรีบเข้าไปถามในกลุ่มแชต “กินไก่ทั่วเมือง” ไม่นานก็มีคนตอบกลับมา
พี่หมา : [น้องปีหนึ่งกำลังจะแข่งว่ายน้ำ นายไม่รู้เหรอ]
YSL : [ฉันไม่รู้!!!]
YSL : [ฉันอยู่ในสนาม ไม่รู้อะไรเลย ปวดใจจะตายแล้วเนี่ย!]
YSL : [แล้วน้องปีหนึ่งมีอะไร ทำไมถึงวุ่นวายกันขนาดนี้เนี่ย!]
พอบ่นเสร็จ หยางซู่หลินก็รีบดึงเฉินทิงแล้วพาวิ่งไปที่สระว่ายน้ำ
[1] แอปแชตและโซเชียลเน็ตเวิร์กของจีน คล้ายเฟซบุ๊ก และมีฟีเจอร์อื่นๆ ครอบคลุมหลายด้าน
[2] Snickers แบรนด์ช็อกโกแลตสัญชาติอเมริกา คละรสคละรูปแบบ
[3] น้ำตาลทรายแดงเอามาชงกับน้ำร้อน ช่วยเพิ่มพลังงานให้ผู้ที่เสียเหงื่อมาก