มองธุรกิจร้านอาหารในราชสมัยว่านลี่ ด้วยสายตานักธุรกิจยุคปัจจุบันกับ ” หวังทง องครักษ์เสื้อแพร “

ในนิยายเรื่อง หวังทง องครักษ์เสื้อแพร เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า ‘การหาเงินเป็นเรื่องง่าย กิจการร้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารจานด่วน ขอเพียงแต่ทำสะอาด ข้าวเยอะ กับเยอะ ตอนส่งอาหารก็หาบริษัทหรือคนที่ต้องการกินข้าวเจอ คุณต้องหาเงินได้อย่างแน่นอน’ สำหรับสายตานักธุรกิจหลายคนเองก็คงเป็นเช่นนั้น ทั้งเป็นสิ่งที่หาวัตถุดิบได้ง่าย จับเงินได้ทุกวัน หมุนเงินจากรายรับทุกวันได้ บางครั้งอาจโด่งดังจนสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้โดยง่าย และเป็นสิ่งที่ใช่ว่าทุกคนจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นคือเสน่ห์อีกอย่างที่ หวังทง เองก็มองเห็นเช่นกัน

 

ธุรกิจร้านอาหารคือช่องทางการหารายได้ที่ผิด?

ยุคปัจจุบันก่อนที่หวังทงจะเสียชีวิตและก่อนที่เขาจะเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ในคลาสเรียนหนึ่งหวังทงได้รับคำสอนเกี่ยวกับการทำธุรกิจอาหารว่า ‘ใคร ๆ ก็หากินแบบนี้ได้ แต่คุณทำแบบนั้นเกินสิบปีก็ไม่อาจซื้อบ้านชุดสองห้องในเขตเมืองใหญ่ คิดอยากประสบความสำเร็จไหม นั่นก็ต้องตั้งใจเรียน’  หวังทงอยากประสบความสำเร็จ อยากจะหลุดพ้นไปจากความลำบากที่มาพร้อมกับความกำพร้า ดังนั้นคำพูดของศาสตราจารย์จึงกระทบใจเขา ต่างจากนักศึกษาคนอื่นที่ยังคงคลำทางไม่เจอ เขาตั้งใจเรียนมาสี่ปีจนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เขาจำได้แม่นยำถึงสิ่งที่ตนได้ยินในห้องเรียนวันแรก ยังได้บรรยายตอนอบรมพนักงานใหม่ ตักเตือนรุ่นน้องตอนคุยกันเรื่องสัพเพเหระ แต่ไม่ทันรู้ตัว หวังทงก็สนใจกิจการขายอาหาร รู้สึกว่าเป็นการค้าที่ตรงไปตรงมามาก ดังนั้นสำหรับหวังทงแล้วธุรกิจร้านอาหารจึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้องมากที่สุด

 

ทำธุรกิจร้านอาหาร สถานที่ คอนเซ็ปต์ของร้านและคู่แข่ง(?)เองก็จำเป็นต้องดูให้ดี

เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการมองหาพื้นที่ตั้งร้านที่มีประสิทธิภาพก่อน ซึ่งหวังทงเลือกเขตทักษิณใกล้กับวังหลวง ถนนทักษิณนับว่าเป็นศูนย์กลางย่อย ๆ ทุกวันจะมีผู้คนเดินทางผ่านไปมา ผู้มีเวลาว่างมาเดินเที่ยวซื้อของย่อมมีฐานะร่ำรวย แต่ถนนทักษิณสายนี้ สถานที่ที่พอจะกินข้าวดี ๆ สักมื้อก็มีเพียงหอรุ่งเรืองเท่านั้น ผู้มีฐานะร่ำรวยก็ใช่ว่าจะเข้าไปใช้จ่ายที่หอสุราตามอำเภอใจได้ ข้างทางนั้นแม้มีคนถือตะกร้าขายอาหารห่อ แต่คนที่พิถีพิถันหน่อยหากไม่รู้สึกว่าอาหารรสชาติแย่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยสะอาด และบ้านเรือนมากมายสร้างเมื่อยี่สิบสามสิบปีมานี้เอง คนเดินเที่ยวเล่นก็พักอาศัยห่างจากที่นี่มาก จะหิ้วท้องกลับไปกินที่บ้านก็ลำบากเท้าที่ต้องเดินทางกลับ แม้ว่าในช่วงถนนเดียวกันจะมี “หอรุ่งเรือง” อยู่ก็ตาม เขาเลือกสถานที่ตรงนี้เพราะเหตุผลที่มากกว่าการแย่งลูกค้า อีกทั้งยังเลือกที่จะไม่ขายสุรา สุรา ไม่มีโต๊ะที่นั่งสี่คนขึ้นไป อาหารก็ไม่มีที่ราคาเกินร้อยอีแปะ (เทียบกับค่าเงินไทยในตอนนี้ประมาณ 6-8 บาท) ไม่รับจัดงานเลี้ยงใด ไม่มีให้เหมาร้านอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเพียงเท่านี้การเปิด “หอเลิศรส” ก็ดูมีประสิทธิภาพขึ้นมามากขึ้นหลายเท่า

ต่อยอดการค้าขาย ด้วยลูกค้ารายใหญ่

หลังจากเปิดร้านอาหารแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำให้ลูกค้าได้เห็นคือความอร่อย ความคุ้มค่าและความสะอาดที่ต้องทำให้เห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่มาถึง “หอเลิศรส” นั้นไม่เพียงตอบโจทย์คนมีเงินเท่านั้น เพราะผู้คนมากมายที่เดินไปมาบนถนน ทุกครั้งเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน สีหน้าผู้คนก็จะออกอาการลำบากใจ หาที่กินข้าวเหมาะๆไม่ได้ จะไปหอรุ่งเรืองพวกเขาก็กินไม่ไหว จะไปกินร้านข้างทางก็ไม่อยากกิน กลับไปกินที่บ้านก็รู้สึกยุ่งยาก ร้านของหวังทงจึงเหมาะที่สุด เนื่องด้วยในยุคสมัยนี้น้ำตาลราคาค่อนข้างแพง รสหวานไม่ใช่รสชาติของสามัญชน ความหอมหวานของหมูสามชั้นน้ำแดงจึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้รู้สึกอยากกิน พอกินแล้วต่างพากันยกนิ้วให้ เพื่อจะดึงลูกค้า หวังทงจึงให้ทำอย่างสุดฝีมือ ไม่ลดวัตถุดิบใด หอเลิศรสเปิดได้สิบกว่าวัน อาหารจานด่วนเช่นนี้กลับมีอาหารจานเด็ดขึ้นชื่อแล้ว นั่นก็คือหมูสามชั้นน้ำแดงหม้อใหญ่

หลังจากกวาดลูกค้ามากมายมาที่ร้านได้ หวังทงยังได้รับโอกาสต้อนรับฮ่องเต้ว่านลี่ เข้ามาที่หอเลิศรสอีกด้วย แถมยังกินเกลี้ยงชามดูก็รู้ว่ารสชาติถูกปากมากขนาดไหน เรียกว่าได้ผลดีงามยิ่งกว่าจ้างอินฟลูในยุคปัจจุบันเสียด้วยซ้ำ อร่อยก็ได้ไปต่อนอกจากนั้นเขายังได้เริ่มธุรกิจใหม่จากการได้พบฮ่องเต้อีกด้วย

ร้านอาหาร  = คอนเนคชัน

ในยุคปัจจุบันร้านกาแฟ บาร์ คงจะเป็นสถานที่หนึ่งที่คุณสามารถค้นพบบุคคลที่ชื่นชอบสิ่งเดียวกันและพูดคุยเรื่องราวของชีวิตรวมถึงธุรกิจได้ แต่สำหรับรัชสมัยว่านลี่แล้วร้านอาหารถือว่าเป็นจุดสร้างคอนเนคชันได้มากเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ หวังทงเองก็ได้สิ่งนั้นมาทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจเช่นกัน โดยเฉพาะคอนเนคชันใหญ่อย่าง “ฮ่องเต้ว่านลี่” นั่นเอง เพราะหลังจากได้พบกันครั้งแรก เขาก็เหมือนจะเป็นที่จับตามองหวังทงขึ้นมาทันที

 

สุดท้ายแล้วจะเห็นได้ว่าเรื่องราวที่หวังทงใช้สายตาของคนปัจจุบันมองธุรกิจอาหารนั้นล้ำลึกได้มากกว่าใคร ทั้งเรื่องการเงิน ที่สามสิบกว่าตำลึงในแต่ละปีสามารถทำให้ตนเองมีชีวิตที่ไม่อดอยากในแต่ละวัน หากสะสมอดออม ประหยัดใช้จ่าย บางทีอาจจะใช้ชีวิตสบาย ๆ ไปได้ตลอดชีวิต หวังทงที่ไม่ค่อยเชี่ยวชาญประวัติศาสตร์สักเท่าไหร่ แต่ก็ยังคิดคำนวณได้ว่าต้าหมิงจะมีช่วงเวลาสงบสุขอีกราวหกสิบปี หากเขาโชคดีมีอายุถึงเจ็ดสิบแปดสิบปี อย่างนั้นก็คงสามารถลงใต้ไปต่อ จำได้ลางๆ ว่าต้าหมิงตอนย้ายเมืองหลวงลงใต้นั้นยังมีเวลาอีกยี่สิบกว่าปี หลังจากนั้นหวังทงไม่คิดว่าตนเองจะมีอายุเกินร้อยปี

แต่หวังทงรู้สึกไม่พอใจกับการมีชีวิตราบเรียบไร้สีสัน เขาอยากสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ อยากจะร่ำรวย เมื่อชาติก่อนความฝันยังไม่อาจเป็นจริง จึงต้องทำให้ได้ในชาตินี้ จะว่าไปส่วยรายเดือนที่เป็นค่าประจำการนั้นก็ไม่มั่นคงนัก ใครจะรู้ว่าผู้ใหญ่จะไม่ดึงงานนี้ไปให้คนอื่นทำ หรือไม่ก็อาจเกิดเหตุขึ้นกลางคัน หวังทงต้องหาทางอื่น ต้องหาแหล่งเงินทองอื่นเอาไว้ ยิ่งอ่านยิ่งเห็นกว้าง ว่าธุรกิจนั้นไม่มีวันตายไปจากมนุษย์ได้อย่างแน่นอน

 

เขาจะสามารถทำได้หรือไม่ เรื่องราวขององรักษ์เสื้อแพรที่ล้ำลึกมากว่าใครคนนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามต่อได้ใน หวังทง องครักษ์เสื้อแพร นิยายจีนโบราณที่ไม่ควรพลาดจาก Levon Publishing

 

เล่ม 1

เล่ม 2

เล่ม 3

เล่ม 4

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า