[ทดลองอ่าน] เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์ : ตอนที่ 43.3

มื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์
我开动物园那些年

 

ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน
拉棉花糖的兔子

 

Himazan แปล

 

ติดตามกำหนดการวางขายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

+++++++++++++++++++

 

ตอนที่ 43.3

ห้องพยาบาล หวงฉีฟื้นคืนสติขึ้นมา และเพื่อไม่ให้เขาหัวใจวาย ต้วนเจียเจ๋อจึงไม่ได้เรียกไป๋ซู่เจินมาฝังเข็มให้

หวงฉีมองเจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลเดินออกจากห้องไป จากนั้นพูดกับต้วนเจียเจ๋อด้วยสีหน้าซีดเซียว “ผู้อำนวยการ คุณไม่ได้ล้อผมเล่นจริง ๆ ใช่ไหมครับ”

ตามที่ผู้อำนวยการบอก ลู่ยาก็คืออีกาทองสามขา เสี่ยวเว่ยคือจิงเว่ย พี่ไป๋คือไป๋ซู่เจิน โหย่วซูคือต๋าจี่…ต๋าจี่เชียวนะ! คนอื่น ๆ ที่เหลือพวกนั้นเขาไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว เรื่องนี้น่าตื่นเต้นจริง ๆ!

ต้วนเจียเจ๋อกลัวหวงฉีจะช็อกจนเสียสติ ดังนั้นเลยคิดว่าอยากเรียกไป๋ซู่เจินมาจริง ๆ “เป็นเรื่องจริงครับ เนื่องจากเหตุผลบางอย่างทำให้พวกเขาต้องลงมาที่นี่ อีกอย่างผมคงไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้กับคุณไปอีกหลายสิบปี กระทั่งโหย่วซูก็ยังคิดว่าคุณคือคนที่พึ่งพาได้ ผมก็เลยบอกคุณ”

“สวนสัตว์นี้จะต้องเปิดไปอีกหลายสิบปีเลยเหรอครับ…”

“…พูดอะไรครับ คุณยังจำได้ไหมว่าคุณคือรองผู้อำนวยการ หรือว่าพวกเราจะเจ๊งภายในปีสองปีนี้?”

“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นครับ” หวงฉีหงุดหงิด “ผมหมายถึง พวกเขาจะเป็นสัตว์อยู่ที่นี่อีกหลายสิบปีเลยเหรอ นี่ นี่มันผู้ยิ่งใหญ่ทั้งนั้นเลยนะ!”

ทุกคนต่างก็เป็นเทพและปีศาจในตำนาน หวงฉีรู้สึกราวกับฝันไป เมื่อครู่ที่หงุดหงิดก็เพราะเรื่องพวกนี้

โหย่วซูก็อยู่ข้าง ๆ ด้วย เธอนั่งไขว่ห้างพลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเรามีเหตุผลของพวกเรา นายไม่จำเป็นต้องสืบสาวหาความอะไร ที่บอกให้นายรู้ก็เพราะข้อแรก ผู้อำนวยการไว้ใจนาย ข้อสอง นั่นเป็นผลประโยชน์มากมายของนายในอนาคต”

การมาทำงานเป็นสัตว์เป็นเรื่องไร้ศักดิ์ศรีและน่าอับอาย ดังนั้นโหย่วซูจึงแสร้งพูดเหมือนมีความคิดลึกซึ้งต่อหน้าต้วนเจียเจ๋อ หวงฉีนึกว่ามีความลับแฝงอยู่เลยถูกเธอหลอกได้สำเร็จ

โหย่วซูในร่างหญิงสาวทำให้หวงฉีใจเต้นแรง เขาที่เป็นคนใจกว้าง ในตอนนี้กลับรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อย

ความจริงแล้วหากไม่ได้เห็นโหย่วซูในร่างผู้ใหญ่ เขาก็อาจจะสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่ตอนนี้ได้เห็นกับตาแล้ว นอกจากต๋าจี่ ยังจะมีใครที่งดงามขนาดนี้อีก

ได้ทำงานร่วมกับเหล่าต้าเสิน และยังได้รับผลประโยชน์ดี ๆ แบบนี้ ตราบใดที่ยอมรับการจัดการแบบนี้ได้ โลกทั้งใบก็จะกำเนิดขึ้นใหม่โดยสมบูรณ์

ลองคิดดูสิ ตอนเช้าเขาทะเลาะกับอีกาสามขา เคยให้อมยิ้มต๋าจี่ แถมก่อนหน้านี้ไป๋ซู่เจินยังช่วยจับชีพจรของเขาด้วย…

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีของหวงฉีเปลี่ยนไป แถมร่างกายยังดูผ่อนคลายขึ้น ชายหนุ่มก็รู้ว่าหวงฉีน่าจะยอมรับได้แล้ว

ต้วนเจียเจ๋อซาบซึ้งและตื้นตัน เขาเองก็เข้ามาที่นี่แบบนี้เหมือนกัน แต่เขาดีกว่าหวงฉีหน่อย เพราะค่อย ๆ ยอมรับไปทีละนิด ไม่เหมือนหวงฉีที่จู่ ๆ รู้เรื่องแล้วเป็นลมล้มพับไป

แม้โหย่วซูจะพูดไว้ค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ต้องสืบสาวหาความ แต่หวงฉีก็ยังอึดอัดเล็กน้อยและไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ หากถามว่ายังมีท่านต้าเสินคนไหนอยู่อีกก็คงจะได้

ต้วนเจียเจ๋อเล่าให้หวงฉีฟัง ใช่ว่าสัตว์เทพทุกคนจะมีชื่อเสียง คนที่มีชื่อเสียงมีแค่ไม่กี่คน แต่หวงฉีได้ยินก็ยังถึงกับกลืนน้ำลาย หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ

บอกตามตรง ต่อให้เขาลาออกไปตอนนี้ ชีวิตนี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขารู้สึกเบื่อ ๆ ยังไปโยนก้อนหินด้วยกันกับจิงเว่ยอยู่เลย!

โหย่วซูยังนั่งอยู่ที่เดิม เธอเห็นว่าขณะที่หวงฉีกำลังฟังต้วนเจียเจ๋ออธิบายก็มองมาที่เธอเป็นครั้งคราว ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวแล้วว่าก่อนหน้านี้ตัวเอง “ไม่เคารพ” จิ้งจอกเก้าหางขนาดไหน เห็นเธอเป็นแค่เด็กน้อย ตอนนี้คงนึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วสิ

โหย่วซูยิ้มไม่พูดจา ทำตัวลึกลับซับซ้อน

พอนานเข้า หวงฉีอดทนไม่ไหว ในที่สุดก็เอ่ยออกมาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “ผมขอถามได้ไหมครับ ไม่รู้ว่านี่เรียก ‘สืบสาวหาความ’ หรือเปล่า แต่ผมคิดว่า ท่านเป็นจิ้งจอกเก้าหาง ท่านน่าจะ…”

คราวนี้ใช้คำว่า “ท่าน” ท่าทางเคารพสุดขีด

โหย่วซูพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถามมาสิ”

หวงฉีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “…ตกลงท่านรู้ไหมครับว่า π เท่ากับเท่าไร”

โหย่วซู “…”

 

ต้วนเจียเจ๋อและหวงฉีเดินไปตามถนนสายเล็ก ๆ เขาต้องการถ่ายทอดวิชาความรู้บางอย่างให้กับอีกฝ่าย

เมื่อวานหลังจากบังเอิญรู้ตัวตนที่แท้จริงของโหย่วซูเข้า ต้วนเจียเจ๋อจึงบอกความจริงกับหวงฉีทั้งหมด อีกฝ่ายทำใจอยู่นานจนยอมรับได้ในที่สุด และเพื่อไม่ให้เพื่อนของหวงฉีเป็นกังวล เขาจึงให้หวงฉีไปทักทายและสนุกสนานกับเพื่อนต่อ แต่หวงฉีก็ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่โม่จื่อข่ายและฮว่าซือแกล้งหยอกล้อโหย่วซู หวงฉีถึงกับเหงื่อแตกไปทั้งตัว

ก่อนหน้านี้ไม่รู้เรื่องยังไม่เท่าไร แต่หลังจากรู้แล้วอะไร ๆ ก็แย่ไปหมด

“ดังนั้นต่อจากนี้คำถามอย่าง π เท่ากับเท่าไรห้ามถามอีกนะครับ หากเป็นเมื่อสามพันปีก่อน ตอนนี้คุณคงตายไปแล้ว”

หวงฉีเหงื่อท่วม “ครับ ๆ ตอนนั้นผมตื่นเต้นเกินไปหน่อย”

จะบอกว่าตื่นเต้นไม่ได้สิ ถึงอย่างไรเรื่องนี้มันก็ผิดปกติ สติและอารมณ์ล้วนสับสนไปหมด

ต้วนเจียเจ๋อเน้นย้ำ “ปกติเห็นโหย่วซูเป็นแบบนั้น และไม่ค่อยพูดตอนที่อยู่ต่อหน้าพวกคุณ แต่ความจริงในบรรดาสัตว์เทพและปีศาจทั้งหมดในสวนสัตว์ คนที่ห้ามยั่วยุเป็นอันดับสามก็คือเธอ”

จิ้งจอกเก้าหางอาจจะไม่ใช่ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เรื่องเล่นงานคนอื่น เธอคือคนที่เก่งที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้

เนื่องจากไม่สามารถทิ้งหลักฐานเกี่ยวกับพวกสัตว์เทพเอาไว้ได้ ทั้งสองจึงทำเพียงแค่พูดคุยกันเท่านั้น เพราะพวกสัตว์ที่ไร้ทักษะการเป็นมนุษย์ต่างก็ต้องอาศัยคำสั่งการของต้วนเจียเจ๋อทั้งสิ้น

หวงฉีไม่สามารถจดจำทั้งหมดได้ในทันที พวกเขาทั้งสองเดินวนรอบสวนสัตว์พลางคุยกันไปเรื่อย ๆ เมื่อหวงฉีมองเห็นสัตว์ตัวไหนก็คาดเดาออกมาเป็นลำดับ “จูเฟิงคงจะเป็นเทียนเผิงหยวนซ่วย[1] ส่วนหยวนหงคือราชาวานร?”

เมื่อได้ยินหวงฉีเริ่มตั้งคำถาม ต้วนเจียเจ๋อก็รู้สึกดีขึ้น เขานึกถึงตอนที่ตัวเองก็ทายผิดเหมือนกันในครั้งแรก ตอนนี้พอเห็นหวงฉีเป็นแบบเดียวกันก็โล่งใจ “ไม่ใช่ครับ! แค่เห็นว่าเป็นหมูเป็นลิง ก็อย่าเหมารวมคิดว่าเป็นเทียนเผิงกับต้าเซิ่งสิ!”

“…”

ต้วนเจียเจ๋อยืมประโยคจากหยวนหงมาตำหนิหวงฉี ได้เห็นท่าทางเหวอ ๆ ของอีกฝ่ายแบบนี้ดูตลกไม่ใช่น้อยเลย

เมื่อคืนหวงฉีนอนไม่หลับ คิดอยู่ตลอดว่านี่คือความฝันหรือเปล่า ต้องพยายามข่มตาหลับอยู่สองชั่วโมง ทำให้ตอนนี้ดวงตาแดงนิด ๆ หลังจากเงียบไปสักพัก จู่ ๆ ก็พูดขึ้น “ผู้อำนวยการ คุณว่าเมื่อถึงตอนนั้นผมจะได้ประโยชน์อะไรเหรอ”

หวงฉีเห็นต้วนเจียเจ๋อเป็นคนกันเองจึงไม่ได้ปิดบังในสิ่งที่ตัวเองคิด

แน่นอนว่า จากก้นบึ้งหัวใจของหวงฉีคิดว่าผู้อำนวยการไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่ต๋าจี่บอกว่าสิ่งที่พวกเขาไม่ได้พูด ก็ไม่จำเป็นต้องไปสืบสาวหาความอะไร จึงไม่ได้ถามออกไป

ต้วนเจียเจ๋อตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบคำถามอย่างขอไปที “ก็คงจะช่วยสั่งน้ำแกงยายเมิ่ง[2]เพิ่มน้ำตาลให้ตอนคุณอยู่ที่สะพานปรโลกละมั้งครับ”

“…อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ! ต้องตายก่อนถึงจะได้ตามสัญญาอย่างนั้นเหรอ”

ต้วนเจียเจ๋อเองก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับโหย่วซู เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท้ายที่สุดแล้วหวงฉีจะได้อะไร “ผมล้อเล่นครับ แต่ผมไม่รู้จริง ๆ กลับไปผมจะช่วยถามให้ว่าใช่เงินเดือนหรือเปล่า”

อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง สัตว์ที่ถูกส่งมาพวกนี้มีขนนก จิงเว่ยมีก้อนหิน หากได้ไปก็ถือว่าคุ้มค่า แถมยังมีลูกท้ออีกต่างหาก

หวงฉีแค่คิดก็มีความสุข ขณะที่พวกเขาเดินมาถึงริมทะเลสาบ นกฟลามิงโก้ฝูงหนึ่งกำลังเดินเตร่หาอาหาร หวงฉีมองรอบ ๆ แล้วโบกมือไปมา “สวัสดีครับ! ท่านหลิงกวงต้าเสิน!”

ต้วนเจียเจ๋อแปลกใจ “จำหลิงกวงได้ด้วยเหรอ” ตอนนั้นต้วนเจียเจ๋อลำบากแทบตายกว่าจะจำหลิงกวงได้ แถมเขายังเตรียมบอกเคล็ดลับให้หวงฉีรู้อีกด้วย

“ไม่ทราบครับ แต่ในฝูงยังไงก็ต้องมีอยู่ตัวหนึ่งใช่ไหม ถ้าไม่ใช่เขาผมก็ไม่รู้แล้ว”

“…” ต้วนเจียเจ๋อถึงกับหมดคำพูดไปพักใหญ่ “ยังไงต่อจากนี้คุณอย่าพาโหย่วซูโดดงานอีกนะครับ เวลาทำงานหากเจอพานเสวี้ยนเฟิงแอบเกาเท้าอู้งานก็อย่าไปใส่ใจมาก ส่วนลู่ยาก็ช่างเขาเถอะ”

หวงฉีตอบตกลง

ขอเพียงแค่หวงฉีไม่เดาสุ่มก็พอแล้ว เขาจำพานเสวี้ยนเฟิงกับสงซือเชียนสลับกันจนทั้งสองคนโดยเฉพาะสงซือเชียนรู้สึกไม่พอใจ หวงฉีจำได้ว่าทั้งคู่เป็นหมี แถมชื่อก็ยังคล้ายกันอีก เวลาเจอสายลมทมิฬก็เรียกพายุทมิฬ แบบนี้มันหาเรื่องตายชัด ๆ เลยไม่ใช่หรือไง

แต่ด้านดีก็ยังมีอยู่ เนื่องจากเขาไม่ต้องเหนื่อยทำความรู้จักสัตว์เทพพวกนี้มาก เพียงแค่อย่าทำเรื่องอย่างซื้ออมยิ้มให้จิ้งจอกเก้าหางก็พอ

หลังจากที่หวงฉีทำความเข้าใจหน่วยงานและพนักงานในสวนสัตว์อย่างลึกซึ้งแล้ว แผนการพัฒนาของเขาก็ยิ่งแม่นยำมากขึ้น

เขาสร้างตารางโดยใช้ชื่อและรหัส เพื่อเตือนความจำว่าสัตว์เทพตนไหนที่มีอายุยืนยาวและยังต้องทำงานที่สวนสัตว์ในอนาคต ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะต้องเป็นความลับ นอกจากนี้เขายังถามต้วนเจียเจ๋อว่า “เราสามารถขอให้พวกท่านต้าเสินสลับตำแหน่งทำงานได้ไหมครับ”

ต้วนเจียเจ๋อไม่เข้าใจ “สลับตำแหน่ง?”

“ตัวอย่างเช่น วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เสี่ยวเผิงจะเป็นปลากระเบน ส่วนวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์เป็นนก เสี่ยวชิง วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์เป็นงูหลาม วันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์เป็นงูเขียวใบไม้ อันนี้แค่ยกตัวอย่างนะครับ เราสามารถจัดให้เป็นสัตว์ที่หายากขึ้นกว่าเดิมโดยไม่ต้องกลัวถูกจับได้ พวกเราสามารถบอกนักท่องเที่ยวได้ว่าต้องการให้สัตว์ได้พักผ่อน จึงกำหนดวันจัดแสดงออกมาก็เรียบร้อยแล้วครับ”

“…”

หวงฉีมีประสบการณ์ทางสังคมมากมาย เขาสามารถคิดหาวิธีที่เป็นประโยชน์แบบนี้ได้หลากหลาย หากสัตว์พวกนี้ไม่ต้องขึ้นทะเบียนและทำได้โดยที่ไม่มีช่องโหว่ ต้วนเจียเจ๋อก็อยากจะเห็นด้วยกับเขาจริง ๆ

สัตว์หายากมีจำนวนไม่มาก นอกจากนี้ยังมีราคาสูง หากทำตามช่องทางปกติหลิงโย่วของพวกเขาก็คงสู้ไม่ไหว ทว่าการมีสัตว์เทพเหล่านี้อยู่ก็เหมือนมีไพ่โจ๊กเกอร์ในมือ ตามหลักแล้วก็น่าจะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้

เมื่อได้ยินว่าข้อเสนอของตัวเองเป็นไปไม่ได้ หวงฉีก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นอกจากนี้เขายังผลักดันให้ต้วนเจียเจ๋อขึ้นราคาอาหารของร้านอาหารเจียเจียด้วย

หลังจากรู้ว่าสิ่งที่เขากินมาตลอดก่อนหน้านี้คืออะไร ขณะไปตรวจสอบอาหารพวกนั้นก็เห็นความผิดปกติเล็กน้อย ‘คนพวกนี้เอาเปรียบกันชัด ๆ เลยนะครับ!’

ก่อนหน้านี้ต้วนเจียเจ๋อพิจารณาถึงห้างสรรพสินค้า และระดับของตลาดผู้บริโภคทั่วเมืองตงไห่ เขาจึงไม่ได้ตั้งราคาเอาไว้สูงมากนัก เพราะหากตั้งไว้สูงเกินไปก็อาจจะขายไม่ได้

เพื่อโน้มน้าวใจต้วนเจียเจ๋อ หวงฉีลงมือสำรวจเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มีดีมานด์ในการบริโภคสูง ขณะที่ซัพพลายในการผลิตมีจำกัด ยิ่งวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารหายากและมีจำนวนน้อย ของย่อมราคาแพงตามความหายาก ดังนั้นการขึ้นราคาจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ราคาที่พวกเขากำหนดขึ้นมาก่อนหน้านี้ยังไม่เท่ากับร้านอาหารธรรมดาในสถานที่ชมวิวขนาดใหญ่บางแห่งเลยด้วยซ้ำ

เป็นผลให้ราคาอาหารชุดระดับพรีเมียมของโรงแรมและสวนสัตว์หลายรายการเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ถึงแม้จะทำให้เกิดการถกเถียงกันบ้าง แต่นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อโต้แย้งส่วนใหญ่บอกว่า “โด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยสินะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าจะต้องขึ้นราคา!”

 

เมื่อพูดถึงเรื่องอาหารขึ้นราคา ต้วนเจียเจ๋อก็ได้เห็นเพื่อนเก่าคนหนึ่งในข่าว นั่นคือเบนจามิน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เป็นลมอยู่ในโรงแรมของพวกเขาก่อนหน้านี้ เบนจามินซื้อดอกกล้วยไม้ราคาหลายล้านหยวนมาจากงานมหกรรมดอกกล้วยไม้ ซึ่งขณะที่เกิดแผ่นดินไหว ต้วนเจียเจ๋อได้ใช้น้ำทิพย์หยางจือช่วยชีวิตดอกกล้วยไม้ของอีกฝ่ายเอาไว้

แต่ต้วนเจียเจ๋อไม่คิดเลยว่า เขาจะได้เห็นเบนจามินอีกครั้ง ถึงแม้จะเป็นในจอโทรทัศน์ก็ตาม

มีข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวท่านหนึ่งผู้ชื่นชอบดอกกล้วยไม้เป็นชีวิตจิตใจ หลังจากซื้อกล้วยไม้มาจากงานมหกรรมดอกกล้วยไม้ในประเทศจีนกลับไปเลี้ยงที่ประเทศของตัวเองระยะหนึ่ง ดอกกล้วยไม้ก็กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ที่ดีกว่าเดิมมาก

ชาวต่างชาติที่เป็นมิตรคนนี้ดีใจมาก มีเศรษฐีบางคนเสนอราคาหลายสิบล้านเพื่อซื้อกล้วยไม้ของเขา แต่เขาไม่ยินดีขายให้ อีกด้านหนึ่งยังมีบางคนหลังจากทราบข่าวก็รีบไปที่สวนกล้วยไม้สวนนั้น เพื่อค้นหาสมบัติล้ำค่าที่ต้องการ เพราะหวังว่าบางทีพวกเขาอาจจะโชคดีแบบนั้นบ้าง

นักข่าวไปสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์

ในวงการกล้วยไม้มีสายพันธุ์ที่เรียกว่า ตู๋เฉ่า เป็นสายพันธุ์กล้วยไม้ป่าที่ขุดมาจากบนภูเขา มีลักษณะธรรมดา ไม่มีราคาเหมือนดอกหญ้าทั่ว ๆ ไป แต่สามารถกลายพันธุ์ได้ หลังจากที่ได้รับการเพาะเลี้ยง กล้วยไม้บางสายพันธุ์สามารถกลายพันธุ์เป็นสินค้าคุณภาพดีและขายออกไปในราคาสูงได้

ดอกกล้วยไม้ที่ซื้อมาจากสวนกล้วยไม้นั้นเป็นต้นที่ได้รับการบ่มเพาะและเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเองก็ต้องการทราบกุญแจสำคัญในการกลายพันธุ์ของมันเช่นกัน ราคาของที่นี่นั้นต่างกันมาก สำหรับคนที่ชื่นชอบดอกกล้วยไม้ บางคนอาจรู้สึกว่า ของบางอย่างได้เห็นแต่ไม่สามารถครอบครองได้ พวกเขากระวนกระวายอยากรู้ว่า ถ้าหากซื้อดอกกล้วยไม้ของเบนจามินต้นนั้นไม่ได้ ตัวเองต้องทำอย่างไรถึงจะได้แบบนั้นสักต้นบ้าง

กล้วยไม้ที่โด่งดังมีชื่อเสียงมีอยู่จำนวนจำกัด อย่างคำกล่าวที่ว่า ของหายากย่อมมีราคาแพง ดังนั้นกล้วยไม้ขึ้นราคาจึงเป็นเรื่องธรรมชาติ ราคาดอกกล้วยไม้ที่อยู่ในมือของเบนจามินตอนนี้อยู่ที่พันล้านหยวน ในอนาคตหากยังไม่มีการเพาะปลูกสายพันธุ์ในลักษณะเดียวกัน ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ

ต้วนเจียเจ๋อดูข่าวจนจบ ท่าทางของเบนจามินในข่าวดูเหมือนจะเช็ดน้ำตาอยู่หลายครั้ง “เฮ้อ! บอกแล้วไงว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็หาเงินได้มากกว่าเปิดสวนสัตว์น่ะ”

การที่เขาเปิดสวนสัตว์ได้สะดวกสบายเป็นเพราะระบบคอยปิดบังและช่วยเหลือเอาไว้ แถมนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ประมาณนี้ หลังจากนั้นต้วนเจียเจ๋อจึงปิดโทรทัศน์ไปอย่างเศร้าสลด

 

[1] แม่ทัพสวรรค์ผู้จุติลงมาเป็นตือโป๊ยก่ายในตำนานไซอิ๋ว

[2] ตามคติความเชื่อเรื่องโลกหลังความตายของชาวจีน ก่อนที่วิญญาณจะข้ามสะพานไน่เหอ (พานอนิจจัง) ไปยังปรโลก จะต้องดื่มน้ำแกงเพื่อลบความทรงจำในอดีตชาติ ชื่อน้ำแกงมาจากตำนานของหญิงแซ่เมิ่งในสมัยฮั่นตะวันตก ยามมีชีวิตถือศีลกินเจ สวดมนต์และครองพรหมจรรย์ เมื่อตายไปสวรรค์จึงแต่งตั้งให้เป็นเทพประจำยมโลก คอยควบคุมให้วิญญาณที่จะไปเกิดใหม่ดื่มน้ำลบล้างความทรงจำ

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า