โลกเรามีคนมากมายที่อยาก เปลี่ยนแปลงตัวเอง มากมายแต่สุดท้ายก็วนลูปกลับมาที่เดิม กลับมาหาหนังสือ บทความแนะนำ สูตรลัดในอินเทอร์เน็ต หรืองานสัมมนาต่างๆ
ทั้งที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่กลายเป็นว่าได้แค่เปลี่ยนหนังสือที่อ่าน เปลี่ยนงานสัมมนาที่เข้าร่วม แต่ชีวิตและนิสัยกลายเป็นเหมือนเดิม
สิ่งที่ดีที่สุดในการเริ่ม เปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็คือกฎ “ไม่” 3 ข้อต่อไปนี้
ไม่ต้องใช้สมอง
กฎข้อแรกคือ เลิกคิดว่า “ควรทำอย่างไรเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง” เราไม่ต้องใช้สมองเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง พูดง่ายๆ คือ ไม่จำเป็นต้องคิด มิหนำซ้ำ การคิดกลับเป็นการขัดควางการเปลี่ยนแปลงเสียด้วยซ้ำ
คุณคงสงสัยว่า “ไม่คิดแล้วจะให้ลงมืออย่างไร ปกติต้องคิดก่อนแล้วค่อยเริ่มลงมือไม่ใช่หรือ”
จริงๆ แล้วเวลาเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คนส่วนใหญ่มักกังวลว่า “ต้องทำอย่างไรถึงเปลี่ยนแปลงตัวเอง” จนคิดมาก การคิดทำให้การลงมือทำของเราช้าออกไป
ถ้าจะให้อธิบายกฎที่บอกว่า “ไม่ต้องใช้สมอง” ให้เป็นรูปธรรมขึ้นมาอีกก็คือ “ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัว” บรรดาผู้ก่อตั้งบริษัทหรือนักบริหารที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เป็นพวก “ไปตายเอาดาบหน้า” ทั้งนั้น พวกเขาลงมือทำก่อน แล้วค่อยเตรียมตัว หรือไม่ก็ทำไป เตรียมตัวไป
ตัวอย่างเช่น สตีฟ จ๊อบส์ ผู้ก่อตั้งแอปเปิล เขาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยและเกิดหลงใหลวิชาอักษรวิจิตรที่แอบไปเรียนมา ซึ่งความรู้ดังกล่าวกลายเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงตอนออกแบบคอมพิวเตอร์แมคอินทอช
ในตอนนั้นจ๊อบส์ไม่ได้เรียนวิจิตรเพื่อออกแบบคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ไม่เคยคิดว่าวิชานี้จะมีประโยชน์ในอนาคต เขาแค่ลงมือทำในสิ่งที่ตนเองสนใจเท่านั้นเอง
ไม่ต้องหาข้ออ้าง
ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ควรเริ่มจากการเปลี่ยนพฤติกรรม และต้องทำทันทีแม้จะเป็นเพียงแค่อย่างเดียวก็ตาม ฟังดูเหมือนง่าย แต่บางคนกลับทำไม่ได้
“ฉันยุ่งจนไม่มีเวลาทำอะไรใหม่แล้ว”
“คนรอบข้างไม่เข้าใจหรอก ฉันคงทำไม่ได้แน่”
“ฉันเป็นพวกขี้ขลาด”
บางคนมักหาข้ออ้างในการไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง
แต่นั่นเป็นวิธีคิดที่ผิด
ไม่ใช่เพราะมีข้ออ้างจึงเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ แต่เพราะไม่อยากเปลี่ยนจึงเปลี่ยนไม่ได้ต่างหาก
ความเปลี่ยนแปลงทำให้รู้สึกกังวลและยังต้องใช้ความพยายามมาก ทำให้อยากหลีกหนีจากความรู้สึกเหล่านั้น แต่ถ้าคิดว่า “ฉันเป็นได้แค่นี้” ก็เป็นความรู้สึกที่กระทบจิตใจ คนเราจึงหา “ข้ออ้างที่อยากเปลี่ยนแต่เปลี่ยนไม่ได้”
สมมติว่าคุณ “อยากร่ำรวยเป็นเศรษฐี”
ถ้ามัวแต่หาเหตุผลเพื่อเปลี่ยนตัวเอง คุณจะคิดว่า
“เราเองก็ไม่ได้มีการศึกษาสูงขนาดนั้น”
“เราจน ไม่มีทุนเริ่มกิจการ”
เมื่อไม่มีเหตุผลให้ต้องทำ ก็ไม่ลงมือทำสักที
แต่หากคิดในเชิงทฤษฎีมีเป้าหมาย เราจะใช้สิ่งที่มีทำให้บรรลุเป้าหมายอย่าง “อยากร่ำรวยเป็นเศรษฐี” ได้อย่างไรโดยไม่สนใจทั้งอดีตและปัจจุบันของตัวเอง เมื่อเป็นแบบนี้ เราก็เริ่มคิดวิธีต่างๆ เพื่อนำจุดอ่อนของตัวเองมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เช่น
“ยิ่งด้อย เราก็ยิ่งกระหาย ไม่แพ้พวกที่เกิดมาดีพร้อมแน่นอน” หรือ “ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เดิมพันได้สุดตัว”
จริงๆ แล้ว แอนดรูว์ คาร์เนกี ผู้ได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งเหล็กกล้า” เคยบอกไว้ว่า คนที่เขากลัวที่สุดคือคนที่ลำบากและยากจนกว่าเขา
คาร์เนกี เป็นลูกของผู้อบยพที่ยากจน เขาเริ่มทำงานในโรงงานด้วยค่าแรงขั้นต่ำตั้งแต่เด็ก สร้างตัวมาจากความยากลำบาก ใช้ความไม่เพียบพร้อมสร้างเส้นทางสู่อนาคตได้สำเร็จ
ดังนั้นเลิกนำเรื่องในอดีตมาอ้างว่าเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เสียเถอะ
ไม่ต้องมีความหวัง
บางคนกล่าวว่า “ถึงคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ก็ดูไม่มีความหวังเลย” คงเพราะพวกเขาคิดว่าเพราะมีความหวัง จึงเกิดแรงจูงใจที่จะ “พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง” แต่หากเริ่มลงมือทำได้แล้ว ความหวังก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
คนคิดลบมักมองเห็นทุกอย่างในแง่ลบไปหมด เช่น สมมติว่ามีคนเดินตามถนน แล้วจู่ๆ เจอกับผู้หญิงที่สวยมาก แต่พอเห็นอีกฝ่ายหลบตา คนที่คิดลบมักคิดว่า “เราไม่มีเสน่ห์ อีกฝ่ายเลยไม่มอง” ตรงกันข้าม บางคนกลับคิดต่างออกไปว่า “สงสัยแพ้เสน่ห์เราสินะ เขินจนไม่กล้าสบตาเลย”
เรื่องที่บอกได้ชัดเจนคือ ความคิดแบบหลังมีประโยชน์ต่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางบวก เรียกได้ว่าเป็นความคิดของคนที่ประสบความสำเร็จก็ว่าได้
ในกรณีทีอยากลองคบกับสาวสวยที่บังเอิญสบตากัน ถ้าคุณไม่เริ่มเอ่ยปากทักทาย ความสัมพันธ์ก็คงไม่คืบหน้า หากสร้างพฤติกรรมใหม่ขึ้นมาได้ โอกาสที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงตัวเองให้สำเร็จก็มีเพิ่มมากขึ้นด้วย!
ข้อมูลจากหนังสือ แด่คุณที่กลัวการเปลี่ยนแปลงมาตลอดชีวิต
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิก
บทความอื่นๆ
เลือกเปลี่ยนชีวิต แบบทดสอบการเลือก ที่ส่งผลต่ออนาคตคุณได้
4 คำถามเช็กว่าคุณอยากทำงานนี้จริงหรือเปล่า ก่อนที่จะคิดเปลี่ยนงาน
บทเรียนสำคัญแห่งชีวิตจากหน่วยซีล พัฒนาตนเองเพื่อทะลุทุกขีดจำกัด
วิธีพัฒนาตนเองเพื่อการเป็นผู้นำที่ดี
Pingback: วิธีสร้างความมั่นใจ ให้ตัวเอง ด้วยการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ
Pingback: วิธีเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมใน 7 วัน
Pingback: วิธี เปลี่ยนแปลงตัวเอง ฉบับเร่งรัด เป็นคนใหม่ได้ง่ายๆ ใน 5 สัปดาห์
Pingback: วิธีจุดไฟให้ลุกโชนอีกครั้ง เมื่อเกิดภาวะ หมดไฟในการทำงาน