ในปัจจุบันนี้ คนเราถูกราคะและกิเลสครอบงำได้ง่ายเหลือเกิน วิธีควบคุมตนเอง จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะหากไม่รู้วิธีควบคุมแล้ว อาจมีผลเสียอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ครอบครัว หรือเพื่อนฝูง
มาดูกันว่ามี วิธีควบคุมตนเอง แบบไหนบ้างที่ทำให้เราไม่ตกเป็นทาสราคะและกิเลสอีกต่อไป
การซื้อของ
การซื้อของถือเป็นแบบฝึกหัดของการตรึกตรองอย่างมีเหตุผล คือต้องมองผลิตภัณฑ์และราคา จากนั้นก็ถามตัวเองว่าคุณจะใช้ผลิตภัณฑ์นี้บ่อยแค่ไหน ราคาเท่าไหร่ และจะซื้ออะไรอย่างอื่นได้อีกบ้างด้วยเงินที่มีอยู่ หลังจากตอบคำถามแล้ว จึงเปรียบเทียบปัจจัยต่างๆ ทั้งข้อดีและข้อเสียที่จะซื้อของสิ่งนั้นแล้วจึงตัดสินใจ
แต่คนส่วนมากกลับไม่ได้ใช้การตรึกตรองอย่างมีเหตุผลสักเท่าไรนัก ใช้ความรู้สึกในการเลือกมากกว่า ถ้าเรามีสิ่งนั้นแล้วจะมีความสุข โดยไม่ได้สนใจเลยว่าสิ่งนั้นจะมีประโยชน์และคุ้มค่ากับการซื้อมาหรือไม่
ความรู้สึกควบคุมความคิด
การซื้อบางสิ่ง ท้ายที่สุดแล้วย่อมจบลงที่ความรู้สึกดีที่ได้ซื้อ หรืออย่างน้อยก็รู้สึกดีกว่าตอนเดินจากความรู้สึกอยากซื้อ แน่นอนว่าคุณอาจจะเสียใจที่ไม่ได้ซื้อมัน เพราะความรู้สึกเป็นผู้ควบคุมเกมนี้ตั้งแต่แรก
เมื่อเราได้คิดคำนวณมามากมายและคิดว่าใช้เวลาใคร่ครวญมาสักระยะแล้ว เราจะคิดว่าเหตุผลที่ตัดสินใจซื้อของสิ่งนี้มาจากข้อมูลการวิเคราะห์ทั้งหมด ซึ่งที่สุดแล้วจะทำให้เรารู้สึกดีที่จะซื้อ ไม่ได้ซื้อเพื่อความอยากได้เพียงอย่างเดียว
การคิดมีบทบาทสำคัญต่อการกระทำมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้น ความรู้สึกก็ยังเป็นตัวควบคุมความคิดตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดจบเสมอ
เหตุผลกับช็อกโกแลต
การคัดเลือกตามธรรมชาตินั้นทำให้เราต้องการอาหารที่มีรสชาติบางอย่าง และทำให้เราต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวและแข็งแรง อย่างน้อยในกรณีนี้ การต่อสู้เพื่อควบคุมตัวเองจึงเป็นการปะทะกันระหว่างระบบคุณค่าทั้งสองนี้ และหากเหตุผลจำเป็นต้องมีบทบาทในการต่อสู้ดังกล่าว มันก็เป็นแค่ตัวแทนของคุณค่าเหล่านี้ มันคือ ความปรารถนา ที่จะมีชีวิตยืนยาวและแข็งแรง ซึ่งทำให้การใช้เหตุผลของเรามุ่งไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคน้ำตาลจากช็อกโกแลตกับชีวิตที่ยืนยาว และด้วยความปรารถนานี้เองที่ผลลัพธ์ของการใช้เหตุผลมีอำนาจเหนือความปรารถนาอย่างกินช็อกโกแลต
ด้วยเหตุนี้ เหตุผลจึงยังคงเป็น “ทาส” ของราคะ และเป็นทาสของระบบคุณค่าตามการคัดเลือกตามธรรมชาติที่ครอบคลุมมันอยู่
ผู้พิพากษาในตัวคุณเป็นผู้ตัดสินจริงหรือ
เมื่อคุณกำลังตัดสินใจว่าจะเพลิดเพลินไปกับการกินช็อกโกแลตหรือไม่ คุณไม่รู้สึกว่ามันเหมือนกับมีตัวคุณที่มีเหตุผลคอยพิจารณาคำถามนั้น เหมือนเป็นผู้พิพากษาที่คอยรับฟังข้อโต้แย้งทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านการซื้อช็อกโกแลตนั้น ในทางหนึ่ง คุณก็แค่น้ำหนักขึ้นมานิดๆ หน่อยๆ อีกอย่าง การกินช็อกโกแลตอาจทำให้คุณนอนไม่หลับ แต่อีกทางหนึ่ง ก็จะรู้สึกกระชุ่มกระชวยและมีแรงทำงานต่อ รวมถึงคุณก็สมควรได้รับรางวัล ในเมื่อคุณทำงานหนักมาทั้งวัน
เมื่อพิจารณาข้อโต้แย้งจากทั้งสองด้านแล้ว คุณก็ตัดสินขึ้นมาว่า วันนี้ห้ามกินช็อกโกแลต หรือบางทีในวันถัดมา คุณอาจรับบทเป็นผู้พิพากษาที่อะลุ่มอล่วย ให้กินช็อกโกแลตได้ หลังจากคุณซื้อช็อกโกแลตแล้ว คุณจะเริ่มตัดสินคำถามว่า ควรรอจนกว่าจะถึงบ้านก่อนแล้วค่อยกินดีไหม
ไม่ว่าจะตัดสินอย่างไร มันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่ามีช่วงเวลาที่คุณตัดสินใจ และรู้สึกเป็นผู้ตัดสิน
การบังคับตัวเองยากกว่าที่คิด
หากคุณสูบบุหรี่ หรือติดอะไรบางอย่าง เช่น น้ำอัดลม หรือช็อกโกแลต อาจมีอย่างน้อยสักครั้งที่คุณครุ่นคิดกับตัวเองว่าควรปล่อยตัวไปกับความพอใจนี้หรือไม่ บางทีมันอาจกลับมาใหม่หลังจากที่คุณลองมันสักสองสามครั้ง คุณจำนนต่อเสน่ห์ของมัน และคิดว่ามันเป็นเจ้านายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม การครุ่นคิดจะหายไปเพื่อตอบสนองความพอใจระยะสั้น เมื่อเวลาผ่านไปและโอกาสที่จะสนองความพอใจมีมากขึ้นเรื่อยๆ คุณก็จะใช้เวลาไตร่ตรองน้อยลง ทำให้แรงขับที่จะตอบสนองความพอใจในทันทีรุนแรงขึ้น จนต้านทานไปก็เปล่าประโยชน์
สมาธิสั้นที่เป็นการเสพติด
ปัญหาส่วนใหญ่ในการควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่ได้รุนแรงเหมือนการเสพสารเสพติด บางอย่างเกี่ยวพันอย่างแนบเนียนในชีวิตของเราจนไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหาเรื่องการควบคุมตัวเอง
เหมือนกับการที่เราเขียนงานอยู่แต่มีสมาร์ทโฟนมาเป็นกิเลสยั่วยุให้เราหยิบจับ สัมผัส จนทำให้การเขียนงานของเราสะดุดไม่ราบรื่น และแย่งชิงเวลาที่เราจะใช้กับงานเขียนไปโดยไม่รู้ตัว แต่หากคุณมุ่งมั่นที่จะมีสมาธิกับงานโดยไม่สนใจสมาร์ทโฟน คุณอาจตอบโต้ความคิดที่จะหยิบสมาร์ทโฟนด้วยการตำหนิมันว่า “ไม่ อย่าคิดถึงสมาร์ทโฟน จงกลับไปเขียนงานต่อ”
แต่หากใช้การเจริญสติ คุณจะพูดว่า “เชิญคิดถึงสมาร์ทโฟนได้เลย หลับตาแล้วจินตนาการว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรเมื่อค้นหารีวิวล่าสุดของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ สำรวจความรู้สึกที่ต้องการสมาร์ทโฟนเจ๋งๆ และความต้องการ ค้นหามันสักเครื่องทางร้านค้าออนไลน์ จากนั้นสำรวจมันต่อไปอีก สำรวจดูกระทั่งมันหมดพลัง แล้วก็กลับไปเขียนงานต่อ”
แม้ว่าเรามักไม่ค่อยมองว่าการติดสมาร์ทโฟนกับโรคสมาธิสั้นมีอะไรที่เหมือนกัน แต่ทั้งคู่เป็นปัญหาจากการควบคุมแรงกระตุ้นจริงๆ และโดยหลักการแล้ว เราก็บั่นทอนแรงกระตุ้นนั้นได้ด้วยการไม่สู้กับมัน ปล่อยให้มันเกิดขึ้น แล้วพิจารณาดูมันให้ดี
การทำเช่นนี้ทำให้ตัวสร้างแรงกระตุ้นไม่มีแรงเสริมทางบวกที่จะทำให้มันมีพลังมาครอบงำเรามากขึ้นในครั้งต่อไป
ข้อมูลจากหนังสือ ทำไมพุทธจึงเป็นศาสนาแห่งความจริง
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิก
บทความอื่นๆ
วิธีทำบุญที่ถูกต้อง ทำบุญอย่างไรให้ได้บุญไม่ใช่ได้บาป
ประโยชน์ของการเดินสมาธิ และวิธีเดินสมาธิที่ถูกต้อง
วิธีสวดมนต์ที่ถูกต้อง สวดมนต์อย่างไรให้ได้ผลสูงสุด
พุทธทาสภิกขุ ผู้เขียนคู่มือมนุษย์ บุคคลสำคัญของโลกที่องค์การยูเนสโกยกย่อง
ถวายตำแหน่ง ‘ผู้อุปถัมภ์ด้านสันติภาพและเมตตาธรรม’ แด่ท่าน ว.วชิรเมธี